EVIL กฎ และ ความยุติธรรม
ในสังคมสังคมหนึ่งๆนั้นการที่กลุ่มคนจำนวนมากจะสามารถอยู่ด้วยกันได้นั้น กฎ เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อที่สังคมนั้นๆจะได้อยู่อย่างมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น ในสังคมใหญ่อย่างระดับประเทศก็ต้องมีกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตาม ใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายย่อมถูกลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งนี่คือสิ่งที่คนในสังคม ต้อง ยอมรับ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อกฎหมายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องยอมรับ ก็ใช่ว่าคนทุกคนจะยอมรับกฎนั้นๆโดยสมัครใจ เรายอมรับเพียงเพราะเราต้องยอมรับ อย่างนั้นหรือ... คนเราต้องปฏิบัติตามกฎที่แม้บางครั้งเราก็ไม่เห็นด้วย อย่างนั้นหรือ... กฎมีไว้เพียงแค่ทำตาม อย่างนั้นหรือ... แล้วใครล่ะ? ที่เป็นคนกำหนดกฎนั้นๆขึ้นมา แล้วถ้าเกิดว่ากฎนั้นๆมันปราศจากความยุติธรรมล่ะ? ความยุติธรรมที่แท้จริงคืออะไรใครเป็นคนกำหนด? ผมคิดว่าพื้นฐานของความยุติธรรมของมนุษย์ทุกคนย่อมรู้อยู่แกใจโดยที่ไม่ต้องมีใครบอก ไม่ต้องมีคนกำหนด แม้แต่คนไม่มีความการศึกษายังก็รู้ แต่บางครั้งบางสังคมกฎมันก็ไม่ได้ไปตามทางเดียวกับความยุติธรรม แล้วถ้าสังคมไหนที่กฎไม่ได้มาทางเดียวกับความยุติธรรมอย่างที่กล่าว ผมขอเรียกเลยละกันว่าสังคมนั้นมันคงเป็น สังคมที่เน่าเฟะ อย่างแน่นอน
ไอ้ผมก็ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องกฎหมาย การปกครอง หรือ เรื่องสังคมอะไรมากเท่าไรถ้าเขียนอะไรผิดก็ต้องขออภัย EVIL เป็นหนังสวีเดน (Ondskan ชื่อสวีเดน) ดัดแปลงมาจากนิยาย ซึ่งพูดถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อีริก (ซึ่งแรกเริ่มหนังทำให้เราเข้าใจว่าเป็นเด็กมีปัญหา) ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากเรื่องชกต่อย ทั้งๆที่เหลืออีกแค่ปีเดียวก็จะเรียนจบ (รู้สึกว่าจะระดับไฮสคูล) ทำให้ผู้เป็นแม่ต้องจัดหาโรงเรียนใหม่ให้ อีริก ซึ่งผู้เป็นแม่ได้ฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่โรงเรียนแห่งนี้เพราะคงไม่มีโรงเรียนไหนอยากรับเด็กอย่างอีริกเข้าเรียนอีก ถึงขนาดที่ว่าต้องลงทุนขายขาวของในบ้านเพื่อให้มีเงินส่งไปเรียนโรงเรียนแห่งนี้ สจานจ์เบิร์ก (ถ้าเขียนผิดก็ขออภัย)เป็นโรงเรียนระดับไฮโซ ขึ้นชื่อว่าที่นี้มีแต่เด็กเรียบร้อยไม่มีเด็กเกเร ทำให้ผู้เป็นแม่เชื่อมั่นว่า อีริก จะไม่ก่อเรื่องจนถูกไล่ออกอีกแล้วสามารถร่ำเรียนจนจบได้ และในเมื่อแม่ยอมทำให้ขนาดนี้ อีริกเองก็ได้ให้สัญญากับแม่ว่าตัวเค้าจะเรียนจบได้แน่นอน ซึ่งนั่นหมายความว่าเค้าจะต้องไม่ก่อเรื่องอีก แต่ทว่าอะไรๆมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเมื่อมองเผินๆแล้ว สจานจ์เบิร์ก เป็นโรงเรียนที่มีแต่เด็กเรียบร้อย มีอาจารย์ที่ดีไม่มีการเฆี่ยนตีเด็ก ที่อยู่และบรรยากาศก็ดี เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่เมื่อ อีริกได้มาอยู่แล้วถึงได้เริ่มที่จะรับรู้ทีละน้อย ทีละน้อยว่า ภาพภายนอกนั้นมันเป็นแค่ภาพลวงตา โดยเนื้อแท้ที่จริงแล้วระบบสังคมมัน เน่าเฟะ และเพราะเหตุนี้แหละเรื่องราวมันก็เลยเกิดขึ้น
หนังค่อยๆพาเรารับรู้ไปพร้อมๆกับอีริก รับรู้ถึงระบบสังคมอันเน่าเฟะว่ามันเป็นอย่างไร
พร้อมๆกันนั้นในทางกลับกันเราก็จะได้รับรู้เนื้อแท้ของอีริก เด็กที่หนังบอกเราในตอนแรกว่าเป็นเด็กมีปัญหา ถึงขนาดถูกด่าว่าเป็น ซาตาน โดยกำเนิด ว่าโดยแท้จริงแล้วอีริกไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย อีริกเป็นเด็กธรรมดาๆที่ยึดมั่นในความยุติธรรมเป็นหลัก ยึดระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ ถึงแม้ว่าจะแข็งกระด้างแต่เค้าก็รู้จักรับผิดชอบชั่วดี และที่สำคัญ คือ อีริกอยากอยู่อย่างสงบ ไม่อยากถูกไล่ออกเพราะเค้าไม่ต้องการให้แม่เสียใจ
แต่เพราะสังคมรอบข้างอีริกต่างหากที่มีปัญหา อีริกจึงกลายเป็น EVIL ในหมู่มนุษย์ผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองนั้นวิเศษและแสนดี เป็นคนปกติ
ผมไม่รู้เรื่องการปกครองของประเทศสวีเดนในสมัยนั้นว่าปกครองด้วยระบบอะไรรู้เพียงแต่ว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่ๆ โรงเรียนสจานจ์เบิร์กก็เช่นเดียวกันที่ไม่ได้ปกครองด้วยระบบประชาธิปไตย (อาจเป็นระบบเผด็จการ...ไม่แน่ใจเหมือนกัน ใครรู้บอกหน่อยก็ดีนะครับ) โดยยึดถือคำสั่งรุ่นพี่ที่เป็นสภานักเรียนถือเป็นเด็ดขาด สั่งอะไรรุ่นน้องก็ต้องทำตาม ไม่ว่ากรณีได้ก็ตามต่อให้มันจะไร้ความยุติธรรมแค่ไหนก็ตามแต่ กฎของที่นี่มีไว้ทำตาม
ทีนี้เลยกลายเป็นว่า อีริก ต้องอดทนต่อสู้กับสังคมรอบข้างแบบที่ตัวเขาเองเกลียดเข้ากระดูกดำ โดยที่ถ้าเค้าไม่ทำตามระบบอันเน่าเฟะที่รุ่นพี่เป็นคนกำหนดเค้าก็จะถูกไล่ออกซึ่งเป็นเรื่องที่อีริกไม่มีทางยอมเด็ดขาด เค้าแบบรับความหวังของแม่ไว้ อีริกจึงต้องอยู่อย่างอดทนต่อความถ่อยต่างต่างนานาสารพัดของรุ่นพี่ที่คอยกลั่นแกล้งเด็กใหม่อย่างอีริกโดยเพียงเพราะความหมั่นไส ไร้เหตุผล และไร้ซึ่งเกียติ
และไอ้ความอดทนนี้มันก็เหมือนกับระเบิดเวลาซึ่งรอเวลาที่จะระเบิดออกมา ปัญหาคือ เมื่อไรล่ะมันถึงจะระเบิด
สำหรับผมแล้วคิดว่าหนังได้สร้างปมขัดแย้งไว้อย่างน่าสนใจทำให้หนังดูสนุก น่าติดตาม และสามารถนำเสนอออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ เยี่ยมถึงขนาดว่าดูแล้วผมเกิดความเครียดหรือกดดันไปกับสถานการณ์นั้นอย่างมาก ซึ่งบางครั้งทำให้ผมเอาใจไปแทนตัวอีริกแล้วคิดว่าถ้าเป็นกูจะทำไงวะไม่มีทางออกทีดีเลย หรือบางสถานการณ์หนังก็กลับหักมุมนิดหน่อยให้ผมได้อึ้งไปเล็กน้อยแต่มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
(สปอย) มันทำให้ผมเกิดความแค้นถึงขั้นที่ว่าช่างแม่งสิวะไล่ออกก็ไล่ออก อย่างตอนที่ อีริกได้ลงมือจัดการกับ รุ่นพี่ทีเดียวสองคน ในตอนนั้นผมยุให้ อีริก หักแขนมันซะเลย ถึงมันจะเป็นภาพที่โหดร้ายพอสมควรก็เถอะ ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะทำให้อนาคตดับวูบก็ตาม อีกตอนหนึ่งคือ ตอนที่อีริก เผชิญหน้ากับ หัวหน้าประธานสภา พร้อมด้วย ไม้ท่อนยาว บวกกับสายตาที่บอกว่า กูฆ่ามึงแน่ ตอนนั้นผมรู้สึกเสียดายมากเลยว่าทำไมไม่ฆ่ามันซะเลย แบบว่าเห็นหน้ามันกับการกระทำของมันแล้ว...คนแบบนี้เหมาะกับความตายมากเลย
แต่จนแล้วจนรอดต่อให้เราคิดว่าไม่มีทางออกทีดีสำหรับอีริกอีกแล้วในการที่จะแก้ปัญหานั้นๆให้จบลงได้และในทำนองเดียวกันปัญหามันกลับยิ่งบานปลายใหญ่โตขึ้นแต่ในทุกสถานการณ์ อีริกก็ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอซึ่งแม้ว่าจะต้องผ่านความเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างเกินกว่าที่คนทั่วไปจะรับได้ แต่อีริกก็ผ่านมันมาได้
การแสดงของอีริกแสดงโดย Andreas Wilson นี่ผมขอบอกเลยว่า ดีมากๆ โดยเฉพาะการแสดงออกด้วยสายตา ดูแล้วรู้สึกเลยว่าไอ้หมอนี่เอาจริงแน่ สายตาของอีริกนี่ใครมองก็แพ้ เป็นตัวละครที่มีด้านลึกมีชีวิตจิตใจ เป็นคนเดียวที่คิดเปลี่ยนแปลงระบบสังคมอันเน่าเฟะ ทั้งๆที่การยอมรับเหมือนคนอื่นดูเหมือนจะเป็นทางที่ง่ายกว่า แต่สำหรับเค้าแล้วเรื่องนี้สมควรจะต้องยุติ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้โดยเด็ดขาด
นอกจากนี้หนังยังแสดงให้เห็นถึงความน่าสมเพชของคนที่มีอำนาจ ซึ่งใช่อำนาจอย่างอยุติธรรม ได้แต่กดขี้คนที่ไม่มีทางสู้ พอมาเจอคนจริงอย่างอีริกเข้าให้ก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก มีอยู่ตอนหนึ่งที่อีริกไม่ยอมทำตามคำสั่ง ไอ้รุ่นพี่ทีคิดว่าตัวเองมีอำนาจซึ่งจะใช้กับใครก็ได้(นักเรียนคนอื่นๆ) แต่กลับทำอะไรอีริกไม่ได้เลย ได้แต่สั่งเพิ่มโทษ ไม่ทำตามใช่มั้ย เพิ่มโทษ ไม่ทำตาม เพิ่มโทษ โดยที่อีริกไม่ได้มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย ผมดูแล้วรู้สึกไอ้รุ่นพี่นี่มันช่างปัญญาอ่อนจริง ไร้เหตุผมจริงๆ น่าสมเพช
ส่วนสิ่งที่ผมดูแล้วรู้สึกว่ามันอ่อนๆไปหน่อยคือ ปิแอร์ เพื่อนสนิทและเพื่อนเพียงคนเดียวของอีริก ผมคิดว่าบทบาทของปิแอร์ดูแล้วฉาบฉวยไปหน่อย น่าจะมีด้านลึกกว่านี้ เพราะ ปิแอร์จัดว่าเป็นตัวละครที่สำคัญคนนึงที่สามารถช่วยสอนให้อีริกสามารถเปลื่ยนแปลงตนเองแล้วใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบได้ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ เช่นเดียวกับ มาเรีย คนรักของอีริก ซึ่งจู่ๆก็เหมือนกับหายไปเฉยๆ และขนาดที่อยู่ก็น่าจะมีบทบาทมากกว่านนี้โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่มีให้กับอีริก
แต่ยังไงก็แล้วแต่โดยสรุปแล้วผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ ดี จริงๆ และผมดูแล้วชอบมาก ในด้านของปมขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงของตัวอีริก(การพัฒนาการ) อารมณ์กดดันของหนัง เนื้อเรื่องดูสนุกน่าติดตาม และถ้าผมตีความไม่ผิดหนังจิกกัดระบบการปกครองอยู่นิดๆด้วย และการแสดงของ Andreas Wilson ที่สมจริงจนน่ากลัว เป็นแบบที่เรียกกันตามภาษาบ้านเราที่ฮิตๆกันอยู่ได้ว่า ลูกผู้ชายตัวจริง(กระทิงแดง)ขนานแท้
จริงๆแล้ว EVIL ตามชื่อเรื่องผมคิดว่าไม่ได้สื่อถึงตัวอีริก
ท่ามกลางสังคมที่เปลือกนอกดูสวยงาม ตางหากที่ภายในแฝงไว้แต่คำว่า EVIL
หรือถ้าจะให้เรียกอีริกให้สัมพันธ์กับชื่อเรื่องผมก็จะขอเรียกอีริกว่าเป็น
EVIL แห่งความยุติธรรม
Create Date : 27 กันยายน 2548 |
|
2 comments |
Last Update : 27 กันยายน 2548 13:45:05 น. |
Counter : 1332 Pageviews. |
|
|
|