เรื่องราวในอดีตทุกๆ เรื่องนั้นเป็นครูสอนเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเรื่องนั้นๆ จะเป็นอย่างไรก็ตาม ฉะนั้นก่อนที่จะพูดหรือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก่อนที่จะพูดหรือลงมือกระทำ . คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
26 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
รวมเรื่องเล่าน่ารักๆ ของในหลวง

รวมเรื่องเล่าน่ารักๆ ของในหลวง


p>มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง
เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก
เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ
และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด
และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด
แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา
ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า
"ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน

-----------------------------------------------------

อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนนบ้านของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้
ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้
จึงมีคำกราบทูลว่า"ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
"มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว
ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว"
เรื่องนี้ดร.สุเมธเล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
---------------------------------------

เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลายรุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน
มาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
"ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์"
---------------------------------------

มีอยู่ครั้งหนึ่ง
ทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนในครุย ทรงโปรดสูบมวนพระโอสถ
แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า
"ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า"
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆกับอธิการบดีว่า
"เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก"
---------------------------------------
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า
ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร
มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
---------------------------------------
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า
นางสนองพระโอษฐ์
ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย
ขอพูดสายกับฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย
ก้อมีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก้อ งง
...งง
ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่เช้า
แบงค์ก้อยังไม่เปิดนี่หว่าพอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า
คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิด
กระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ อิ อิ ขนลุกเลยะ
---------------------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร
อธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้วบังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการ
ทำให้อ่านขาดตอน
ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้
ท่านเลยตรัสกับอธิการไปว่า
"เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว"
และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ดีๆ
ไฟดับไปชั่วขณะ
ทำให้บัณฑิตคนหนึ่งพ! ลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับพระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็นที่ระลึก
ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอประชุม
...............................................................
....



และมีอีกหนึ่งพระกระแสพระราชดำรัสที่เป็นคำตอบว่าเหตุใดจึงไม่อาจหยุดทรงงานได้
...คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้!

เขาโทรศัพท์มาแจ้งว่า...สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์...
ในหลวง..รีบเสด็จกลับไป..ศิริราช...
เห็นสมเด็จย่า..นอนหลับตาอยู่บนเตียง..
ในหลวงทำยังไงครับ......?
ในหลวงตรงเข้าไป....คุกเข่า....
กราบลงที่หน้าอกแม่....
พระพักตร์ในหลวง...ตรงกับหัวใจแม่...
"ขอหอมหัวใจแม่...เป็นครั้งสุดท้าย......"
ซบหน้านิ่ง....อยู่นาน...
แล้วค่อย ๆ...เงยพระพักตร์ขึ้น....
น้ำพระเนตรไหลนอง......
ต่อไปนี้....จะไม่มีแม่ให้หอมอีกแล้ว....
เอามือ...กุมมือแม่ไว้ มือนิ่ม ๆ ...ทีไกว
เปลนี้แหละ ที่ปั้นลูก...จนได้เป็น กษัตริย์...
เป็นที่รักของคนทั้งบ้านทั้งเมือง...
ชีวิตลูก...แม่ปั้น...
มองเห็นหวี....ปักอยู่ที่ผมแม่....
ในหลวงจับหวี...ค่อย ๆ หวีผมให้แม่... หวี...หวี...หวี....
หวี...ให้แม่สวยที่สุด....
แต่งตัวให้แม่...ให้แม่สวยที่สุด...
ในวันสุดท้ายของแม่....
เป็นภาพที่ประทับใจอาจารย์ที่สุด....
เป็นสุดยอดของลูกกตัญญู...
หาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้ว....
กษัตริย์...ยอดกตัญญู
*** ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ***






>"ฉันทนได้"

ในเดือนหนึ่งของปี 2528 พระทนต์องค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหักเฉียดโพรงประสาทฟัน พระทนต์องค์นั้นต้องการการถวายการรักษาเร่งด่วน แต่ขณะนั้นกรุงเทพฯ ก็กำลังประสบปัญหาอุทกภัย ต้องการการบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเช่นกัน

เมื่อทันตแพทย์เข้ามาถวายการรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า "จะใช้เวลานานเท่าใด"

ทันตแพทย์กราบบังคมทูลว่า อาจต้องใช้เวลา 1-2 ชม.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า

"ขอรอไว้ก่อนนะ ฉันทนได้ วันนี้ขอไปดูราษฏรและช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมก่อน"



>"คำสอนประโยคเดียว"

เมื่อนิตยสาร "สไตล์" ฉบับปี 2530 ได้ตั้งคำถามกับ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล ถึง "คำสอน" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประทับอยู่ในหัวใจ ดร.สุเมธ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการ กปร. ตอบว่า คำสอน "ประโยคเดียวก็เกินพอนั้นคือพระราชดำรัสที่ว่า

" มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น"font>



>"ดีใจที่สุด"

สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์มืดมน พระบรมฉายาลักษณ์ไม่เพียงเป็นรูปเคารพบูชา แต่ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความศรัทธาที่ช่วยให้มีแรงต่อสู้กับความทุกข์ต่อไปได้ ดัง คุณยายละเมียด แสงเนียมวัย 72 ปี ชาวจังหวัดชุมพร ผู้ที่เผชิญกับอุทกภัยภาคใต้ในปี 2540 น้ำท่วมบ้านสูงมากจนอยู่อาศัยไม่ได้

"อยู่ ๆ น้ำก็ท่วมมาเร็วมาก ยายต้องไปขออาศัยบ้านคนอื่นเขาอยู่ ต่อมาก็ขึ้นไปอยู่ชั้นบน ออกไปไหนไม่ได้เลย
...พอดีที่บ้านนี้เขาปลูกมะละกอ ต้นมันสูงมาถึงหน้าต่างเราก็เอื้อมถึงพอดี เลยได้กินข้าวกับมะละกอ ก็กินมาสามวัน มาเมื่อวานผู้ใหญ่บ้านมาบอก มูลนิธีในหลวงจะเอาของมาแจกยายคิดเลยว่า ไม่อดตายแล้ว ทุกครั้งที่คนไทยเดือดร้อน ในหลวงจะให้ความช่วยเหลือทุกครั้ง

ของที่ยายได้มา ที่ดีใจที่สุดคือมีรูปของท่านมาด้วย ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว ยายจะเอารูปท่านไว้บูชา

ยายพูดแล้วก็ก้มลงกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความจงรักสุดหัวใจ




>"ทุกข์บรรเทา"

การ "ประทับอยู่ในบ้านเมือง" ดังพระราชดำรัสนั้น ในเวลาต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่ามิได้หมายถึงการประทับอยู่ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์จนแทบจะทั่วทุกตารางนิ้วที่พระบาทจะย่างไปถึงได้

ทรงวิทย์ แก้วศรี ผู้เรียบเรียงบทความ "บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ" บันทึกไว้ว่า วันที่ 13 ก.ย 2497 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุ 26 พรรษา และทรงครองราชย์เป็นปีที่ 8

ปรากฎว่าเกิดเหตุการณ์อัคคีภัยครั้งร้ายแรงขึ้นที่อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยือนราษฎรขาวบ้านโป่งผู้ประสบภัยในพื้นที่ ทรงทอดพระเนตรบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้และพระราชทานสิ่งของบรรเทาทุกข์

ทุกข์ในยามยากเพราะสิ้นเนื้อประดาตัวจากภัยเพลิงนั้นมากล้น แต่ เมื่อได้รู้ว่ายังมีใครสักคนคอยเป็นกำลังใจ ทุกข์สาหัสแค่ไหนก็ยังพอมีแรงกายลุกขึ้นสู้ต่อได้

การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรผู้ประสบภัยในครั้งนั้น นับได้ว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกในรัชกาล


>"141 ตัน"

เป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ

ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา

จน 29 ปีต่อมามีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นพระราชภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ยังเล่าเสริมให้เห็น "ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ" ที่ไม่มีใครคาดถึงว่า
.."ไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่าน


//www.bloggang.com/data/prisanasweetsong/picture/1259222497.jpg width='450' height='295' border=0>

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อนงค์รัตน์ สุขุม
....วันที่ 14 กรกฎาคม 2526 เป็นวันพระราชทานปริญญาบัตรที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่นายกสโมสร อาจารย์จะเป็นผู้ดูแลถวายปากกาให้ทรง ลงพระปรมาภิไธย แต่ในปีนั้น ดิฉันในฐานะอุปนายกสโมสรอาจารย์ได้รับหน้าที่นี้แทนก่อนจะเสด็จพระราชดำเนิน เราก็ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่าง อย่างระมัดระวังที่สุด โดยเฉพาะปากกาลองกันหลายครั้งจนมั่นในว่าไม่มีปัญาหาแน่


พอเสด็จฯ มาถึงท่านก็ทรงลงพระปรมาภิไธย ปรากฎว่าทรงจรดปากกาลงไปแล้วแต่ไม่มีหมึกออกมาเราก็ตกใจมากเลย ไม่รู้จะทำยังไงดี นึกในใจว่าเป็นความบกพร่องของเราแน่ๆ ลองมากไปจนหมึกหมด ดิฉันก็เลยถวายกระดาษทิชชูเปล่าๆ ที่อยู่ในมือให้ท่าน เพื่อจะให้ท่านทรงเช็ดปากกา แต่ท่านทรงเพระเมตตามากเลย สีพระพักตร์ที่ท่านมองดิฉันเหมือนกับจะตรัสว่า “ไม่ต้องตกใจ”


แล้วก็ทรงนำปากกามาลองที่มือดิฉันที่มีกระดาษทิชชู ปรากฎว่าหมึกออก จากนั้นก็ทรงหันไปลงพระปรมาภิไธยในสมุด พอท่านเสด็จพระราชดำเนินไปแล้ว ทุกคนก็รีบเข้ามาดูกระดาษที่ทรงลองปากกาแผ่นนั้นกันใหญ่ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ บอกว่า “พี่ฯ ขอหน่อยเถอะพี่ จะเอาไปเป็นมงคล” ก็เลยแบ่งให้อาจารย์ไปส่วนหนึ่ง...

ที่มา : สารคดีโทรทัศน์ พ่อของแผ่นดิน


"พระมหากษัตริย์"

เมื่อมีผู้สื่อข่าว bbc ขอพระราชทานสัมภาษณ์เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Soul of Nation ในปี 2522 โดยได้กราบบังคมทูลถามถึงพระราชทัศนะเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของพระมหากษัตริยไทย พระองค์ได้พระราชทานคำตอบว่า

"การที่จะอธิบายว่า พระมหากษัตริย์ คืออะไรนั้น ดูเป็นปัญหาที่ยากพอสมควร โดยเฉพาะในกรณีของข้าพเจ้า ซึ่งถูกเรียกโดยคนทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์ แต่โดยหน้าที่ที่แท้จริงแล้ว ดูจะห่างไกลจากหน้าที่ที่พระมหากษัตริย์ที่เคยรู้จักหรือเข้าใจกันมาแต่ก่อน

หน้าที่ของข้าพเจ้าในปัจจุบันนั้น ก็คือทำอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ ถ้าถามว่า ข้าพเจ้ามีแผนการอะไรบ้างในอนาคต คำตอบก็คือไม่มี เราไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เราก็จะเลือกทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วสำหรับเรา


เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ หลังจากที่ได้อ่าน " เรื่องราวน่ารักๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว " ความจงรักภักดี ความห่วงใยในพระองค์ท่านคงเพิ่มเป็นทวีคูณซึ่งไม่อาจพูดได้ว่ามากแค่ไหน เพราะไม่มีเครื่องวัดใดๆ ที่จะมาวัด ความจงรักภักดี ความห่วงใยในพระองค์ท่านของเหล่าพสกนิกรของพระองค์ได้เลย เพราะตลอดระยะเวลา พระองค์ท่านทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพสกนิกรปวงชนชาวไทยให้ได้อยู่กันอย่างมีความสุข ไม่ว่าที่นั่นจะลำบากมากแค่ไหน มืดค่ำแค่ไหน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยนึกถึงพระองค์เลยสักนิดเดียว ในพระทัยของพระองค์ท่านมีแต่ความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์ท่านเท่านั้น .


ข้อมูลน่ารักๆ นำมาจาก : //www.dek-d.com/board/view.php?id=806780
และ : //www.oknation.net/blog/prisanasweetsong/2009/11/26/entry-1




Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 15:21:12 น. 18 comments
Counter : 16086 Pageviews.

 
ขอบคุณที่รวบรวมมาให้ได้อ่านกันนะคะ


โดย: Adija วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:53:09 น.  

 
ซาบซึ้งและภูมิใจที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมี ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าดีๆค่ะ


โดย: MoMจุ๊กจิ๊ก วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:27:26 น.  

 
ผมรักในหลวงครับ จะไม่ทำตัวให้วุ่นวายให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท แน่นอนครับ


โดย: chaiprado วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:13:07:29 น.  

 
ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และท่านจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร
สถาบันพระมหากษัตริย์คือสถาบันที่มีศักดิ์สูงส่งยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์หมายถึงแม่ทัพที่ปกครองประเทศเราจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เราจะไม่ให้ผู้ใดมาล้มล้างเราจะปกป้องด้วยกำลังเราที่มีจะปกป้องไว้ด้วยชีวิต


โดย: about the king IP: 125.27.195.109 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:06:44 น.  

 
ผมพึ่งไปดูงาน ที่ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ นครนายกมาครับ
พึ่งจะรู้ว่าพวกเราที่รักในหลวง ยังไม่ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์อีกมาก ท่านทรงคิดแนวทางแก้ปัญหาการกินการอยู่ทุกเรื่องของพวกเรา ทั้งในเมืองและชนบท แต่ที่น่าตกใจพระมหากษัตริย์ทียิ่งใหญ่ ทรงคิดค้นแม้กระทั้งการแก้ไขปัญหาการกำจัดสิ่งปฏิกูลขับถ่ายของพวกเรา ผมชมไปน้ำตาไหลไปครับ


โดย: สุจินต์ งามตา IP: 125.24.145.248 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:47:44 น.  

 
ทรงพระเจริญ


โดย: ไพศาล ศรีหาจันทร์ ม.1/7 IP: 192.168.11.214, 203.113.113.98 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:47:28 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ คนไทยรักท่านมากค่ะ


โดย: ธัญสิริ IP: 103.1.167.200 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:40:40 น.  

 
ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน ทรงพระเจริญทรงพระเจริญ


โดย: เด็กรักในหลวง IP: 192.168.2.91, 110.77.249.149 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:31:26 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เหนือเกล้าเหนือหัว พ่อของแผ่นดินคนไทยทุกคน


โดย: จารีย์ จักขุจันทร IP: 110.171.43.136 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2554 เวลา:21:57:28 น.  

 
บุญของคนไทยที่มีในหลวงเมืองไทยจะร่มเย็นเราต้องทำตามที่ในหลวงท่านสอนแล้วความสุขของคนไทยจะอยู่ตลอดไปชั่วนิรันด์ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ รักในหลวงครับ


โดย: วรวุฒิ ศรีเลิศ IP: 101.109.81.76 วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:6:30:09 น.  

 
ทรงพระเจริญ


โดย: Benz IP: 115.67.128.11 วันที่: 28 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:19:16 น.  

 
หนูรักในหลวงค่ะ


โดย: คณิศร นันทพัฒน์พิทยา IP: 101.108.11.149 วันที่: 2 มิถุนายน 2555 เวลา:16:41:51 น.  

 
ในหลวง ท่านเป็นเหมือนพ่อของแผ่นดิน เป็นเหมือนผู้ที่คอยอุ้มชูแผ่นดินให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องประพฤตัวเป็นคนดี กตัญญูดังที่พระองค์กตัญญูต่อสมเด็จย่า ไม่ทำให้พระองค์ลำบากใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้พระพักตร์ของพระองค์จริงๆก็ตาม เราก็ยังมีพระบรมฉายาลักษณ์ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ พระองค์จึงเป็นผู้ถ่อมตน พอเพียง เป็นประมุขของแผ่นดิน ที่ประชาชนรักเเละนับถือเป็นอย่างยิ่ง


โดย: oil parita IP: 58.8.127.235 วันที่: 24 มิถุนายน 2555 เวลา:9:39:35 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
เรารักในหลวง (อ่านไปน้ำตาก็ไหล)


โดย: puntipa IP: 180.183.17.152 วันที่: 29 มิถุนายน 2555 เวลา:9:10:30 น.  

 
ขอ พระ องค์ ทรง พระ เจริญ !!
ยิ่ง ยืน นาน !!


โดย: Look tarn & Nun IP: 192.168.1.63, 202.143.158.206 วันที่: 3 กรกฎาคม 2555 เวลา:15:24:04 น.  

 
ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน


โดย: ใบเตย IP: 101.108.147.162 วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:18:41:12 น.  

 
ทรงพระเจริญ


โดย: ครูเอ๊ะ IP: 171.97.141.128 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:31:41 น.  

 
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


โดย: โมกขศักดิ์ IP: 119.160.211.66 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:11:04:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sweetsong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




http://i442.photobucket.com/albums/qq143/yamiejung11/mie009/pup51.jpg iLength = document.images.length; for(i=0;i
Friends' blogs
[Add sweetsong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.