อยู่อย่างว่างเปล่าหรือตายเพื่อบางสิ่ง
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก


ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสได้กลายเป็นศูนย์กลางของศิลปะอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่ากรุงโรมยังมีอิทธิพลอยู่ ศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิค (Neo-Classicism) หรือลัทธิคลาสสิคใหม่ เป็นการตอบโต้ความไร้สาระของโรโกโก แม้ว่า ศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิค จะเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ตาม เพราะต่อมาภายหลังมีผู้นำคณะปฏิวัติฝรั่งเศสนำมาใช้ จึงเป็นรูปแบบที่เกี่ยวพันแนบชิดกับการปฏิวัติในยุคนี้ ศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิคมีส่วนสำคัญทางการเมืองเพราะเนื้อหามักจะกล่าวถึงวีรบุรุษ และ วีรสตรีออกมาอย่างชัดเจน เป็นการสร้างความประทับใจด้วยความมั่งคง เข้มแข็ง นอกจากนั้นยังมักจะอ้างถึงความเป็นประชาธิปไตยของชาวเอเธนส์และสาธารณรัฐโรมัน ภายหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส นโปเลียน โบนาปาร์ตได้หันมายึดเอาศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิค ไปเป็นเครื่องมือในการสร้างและธำรงภาพลักษณ์ของตัวเองทางการเมือง ในฐานะแม่ทัพ และจอมจักรพรรดิ จิตรกรในยุคนีโอ-คลาสสิค เช่น ชาค หลุยส์ ดาวิด (Jacques-Louis David 1748-1825), ช็อง ออกุสต์ โดมินิก แองกร์ (Jean Auguste-Dominique Ingres 1780-1867)




ศิลปะแบบโรแมนติซิซึม (Romanticism) คำว่า โรแมนติกมาจากกลุ่มภาษาโรมัน มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับความกล้าหาญ ความรัก ศักดิ์ศรีและการผจญภัย ศิลปะแบบโรแมนติซิซึมไม่ได้เป็นรูปแบบทางศิลปะเท่านั้น หากแต่เป้นแนวร่วมที่มีขอบเขตค่อนข้างกว้างขวาง จึงทำให้มีเค้าโครงในการสร้างเรื่องราวมากกว่านีโอ-คลาสสิค ศิลปะแบบโรแมนติซิซึม ถือได้ว่ากำเนินในศตวรรษที่ 18 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของนักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ช็อง ชาค รูโซ (Jean Jacques Rousseau) ถือว่าโรแมนติซิซึม มีค่านิยมตรงข้ามกับนีโอ-คลาสสิค ตรงความมีระเบียบและความชัดเจน โรแมนติซิซึมมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องความอ่อนไหว การใช้อารมณ์ในการแสดงออก และแทนที่จะสร้าง วีรกรรมในรูปของความคิดนามธรรมตามลักษณะนีโอ-คลาสสิค ศิลปะแบบโรแมนติซิซึม มักจะหาเรื่องราวจากเหตุการณ์ปัจจุบัน และยังพัฒนาความสนใจไปที่จิต โดยเชื่อว่าจิตเป็นแหล่งของความลี้ลับที่อธิบายไม่ได้และบางทีก็ใช้ปรากฏการณ์ที่เป็นอันตราย นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก ที่ศิลปะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิต จิตรกรที่มีความสำคัญในยุคศิลปะแบบโรแมนติซิซึม เช่น วิลเลียม เบลก (William Blake 1757-1827), ธีโอดอร์ เชริโก (Theodore Gericault 1791-1824), เออแชน เดอลาครัว (Eugene Delacroix 1798-1863), ฟรานซิสโก เดอ โกยา (Francisco de Goya 1746-1828)



ในศตวรรษที่ 19 สิ่งที่ขนานไปกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคมของโลกศิลปะเอง คือการที่งานหัตถกรรมถูกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข้ามาทดแทน งานฝีมือเชิงช่างไม่มีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจของศิลปินอีกต่อไป แต่มีกลุ่มบุคคลกลุ่มใหม่ๆเข้ามาเกี่ยวข้องกับศิลปิน เช่น นักวิจารณ์ ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจของศิลปิน คำวิจารณ์งานศิลปะจะส่งผลต่อผู้ซื้อ งานของผู้อุปถัมภ์ส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของตัวแทนจำหน่ายงานศิลปะ (Dealer) พิพิธภัณฑ์ และนักสะสม ซึ่งสถาบันทางศิลปะเช่น หอศิลป์ ก็กำเนิดในยุคศตวรรษที่ 19 นี้เช่นเดียวกัน
ทางด้านทัศนศิลป์ รูปแบบทางศิลปะที่สะท้อนภาพสังคมได้ดีที่สุดคือ เรียลลิซึม (Realism) หรือสัจนิยม คำนี้ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 1840 แม้ว่าในความเป็นจริงรูปแบบศิลปะสัจนิยมจะปรากฏขึ้นอย่างแพร่หลายมาก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม การสังเกตสังคม ธรรมชาติและการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เป็นเนื้อหาหลักที่ที่ถูกใช้ในงานจิตรกรรมประเภทนี้ จิตรกรในรูปแบบสัจนิยมที่มีชื่อเสียงเช่น ช็อง ฟร็องซัว มีเล (Jean Francois Millet 1814-1875), กุสตาฟ กูร์เบ (Gustave Courbet 1819-1877), โอโนเร โดมิเย (Honore Daumier 1808-1879),เอดัวร์ มาเน (Eduard Manet 1832-1883)



(อ้างอิงมาจาก //www.Angkrit.blogspot.com &www.google.com)




 

Create Date : 04 กันยายน 2551
2 comments
Last Update : 4 กันยายน 2551 14:55:38 น.
Counter : 6201 Pageviews.

 

ขยันพิมพ์จิงๆขอบคุณสำหรับควมรู้ดีๆครับ

 

โดย: ปุราณ (ปุราณ ) 4 กันยายน 2551 18:35:18 น.  

 

 

โดย: p_tham 26 กันยายน 2551 9:53:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


รองเท้าเปลี่ยนสี
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สนุกเถอะ อย่าเกิดบาป
Friends' blogs
[Add รองเท้าเปลี่ยนสี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.