*~ สบายๆ style Latte จ้า ~*
|
|||||||||||||
กลับบ้านลำปางปีใหม่ 2022 #เคลียร์ใจ สิ้นปีที่ผ่านมา เรามีนัดทำอาหารให้คนทั้งบ้านชิม ได้รำลึกความหลังของครอบครัว ได้มานั่งดูรูปเก่าๆ ได้ดูหลานวัย 3 ขวบปั่นป่วนทั้งบ้านตลอดช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็เป็นสีสันของที่บ้าน ได้เคลียร์ใจ ได้เปิดใจคุยกับปัญหาของครอบครัวที่ผ่านมา ซึ่งเราเรียกว่า ประชุมเพลิง 5555 เป็นการเปิดใจคุยกันระหว่าง พ่อ พี่ชาย 2 คน และเรา วันที่แฟนไปส่งเรากลับบ้าน ก็ได้ไปทานร้านประจำของครอบครัวแฟน เวลาผ่านลำปาง ยังไงก็จะต้องมาแวะทานที่นี่เสมอ ร้าน อากี บะหมี่ห้องยาว ตรงใกล้ๆ สถานีรถไฟลำปาง เมนูโปรดของแฟนก็เป็นบะหมี่เกี๊ยวแห้ง แต่จะสั่งเกี๊ยวน้ำมาไว้ซดน้ำซุปจืดๆ ด้วยอีกชาม บะหมี่แห้งรสชาติสไตล์คนจีน ออกเค็มๆ มันๆ รสชาติแบบนี้ตั้งแต่แฟนเด็กๆ จนถึงทุกวันนี้   รูปเก่าที่เราส่งให้แฟน คือ ตอนเราเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งคณิตศาสตร์ที่เชียงใหม่ กับใบคะแนน เราเป็นที่ 2 วิชาคณิตศาสตร์ของโรงเรียนในสมัยนั้น คะแนนเกิน 90 มีแค่ 2 คน อันดับหนึ่ง 95 คะแนน ส่วนเรา 92 คะแนน ที่เหลือไม่เกิน 90 คะแนนเลย ส่วนผลสอบก็เป็นที่ 2 ของโรงเรียนเหมือนคะแนนของโรงเรียนนั่นแหละ 5555555555 เรื่องที่เราเล่ามีแต่ความจริง เราไม่เคยโกหกหรือแต่งเรื่องหลอกชาวบ้าน แต่ที่ผิดพลาด คือคะแนนที่เราบอกแฟน เราได้เยอะกว่าที่บอกแฟน จำเลขผิด 55555555  เล่าให้แฟนฟังเรื่องประชุมเพลิง แฟนบอกว่า บ้านแฟนไม่สามารถคุยกันได้แบบบ้าน ของเราเลย หาโอกาสไม่ได้ และที่มากกว่านั้นคือ พี่น้องไม่เคยมองหน้ากัน ต่างคนต่างเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำให้ต่อให้คุยยังไงก็รั้นแต่จะมีปัญหาตามมา ซึ่งบ้านเราต่างไป บ้านเรา อาจจะมีพื้นฐานจิตใจที่ดีกันทั้งบ้านด้วย และพวกเราก็ไม่ได้ มีใครโลภมากกัน รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ตอนที่ประชุมเพลิงกันโดยมีพ่อเป็นศูนย์กลาง คนเมา 3 คนกับเราคนเดียวที่ไม่เมา พ่อก็บอกว่า พ่อดีใจที่ลูกทุกคนมีชีวิตที่ดี และบ้านเราลูกทุกคนกลับมาหาพ่อแม่ตลอด ในบรรดาญาติพี่น้องของพ่อแม่ ลูกๆ แตกแยกกันเกือบทุกบ้าน บ้านเราเป็นที่อิจฉา ของทั้งตระกูล แล้วก็คุยกันถึงเรื่องที่มาที่ไปของหนี้พ่อแม่ และที่พ่อแม่ไปค้ำประกันไว้ หลังจากพ่อกลับเข้าไปนอน ก็นั่งคุยกันต่อ 3 คน พี่น้อง พี่คนโตไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนกระทั่งพ่อโอนเงินไปให้ ทั้ง งง ทั้ง มึน อยู่คนเดียว ส่วนเราตอนนั้นกำลังพ่นไฟอยู่ พี่คนกลางก็อยากจะไปคุยเองแต่ก็กลัวเราจะอาละวาดจนบ้านแตกยับ 55555555 พี่คนโตก็บอกว่า มาคุยกันดีๆ ตกลงส่วนของพ่อจบแล้วจริงๆ ใช่ไหม คือ พี่ไม่รู้อะไรเลย เรากับพี่คนกลางก็บอกว่า มันจบแล้ว พี่คนกลางก็ฟังเราพ่นไฟด้วยความโมโหมาแล้ว แล้วก็มาคุยกับพี่คนโตกะจะให้พี่มาคุยแทน แต่ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย ต่อให้มาคุย ก็ไม่รู้เรื่องอะไร เราก็เลยเล่าแบบที่แม่เล่าให้เราฟัง พอพี่คนโตฟังจบ พี่ก็บอกว่า คือ 'ถ้าเป็นกูตอนที่ไม่รู้เรื่อง กูอาจจะให้เขาจัดการนะ แต่พอกูฟังที่มาที่ไปแล้ว เป็นกู กูก็ขอแตกหักกับบ้านทางนั้นว่ะ' พี่คนกลางสายประนีประนอม ส่วนเรานั้น สายปะทะ หัวรุนแรง 55555555 ก็ถือว่า ปิดฉากมหากาพย์ปัญหาครอบครัวทั้งหมด ตกลงกัน 3 คนพี่น้องหมดแล้ว หลังจากนี้มีปัญหาอะไรอีกก็ค่อยคุยกันต่ออีกที ส่วนเรื่องพ่อแม่ เราก็คุยกับพี่คนโตแล้ว สรุปคือ พี่ไม่เคยขออะไรพ่อแม่ มีแต่คู่นี้รั้นจะไปกันเอง แต่คุยกับเราอีกอย่างนะ 55555 เราก็เลยบอกพี่ว่า ทุกวันนี้นะ ทั้งเฮีย ทั้งพ่อ ทั้งแม่ สามคนเวลามีปัญหาอะไรมาอ่ะ มันพูดกันคนละอย่างเลย เลยไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงกันแน่ พ่อพูดอย่าง แม่อีกอย่าง เฮียก็พูดอีกอย่าง แต่ถ้าพ่อแม่พูดอะไรไม่ตรงกับเฮีย ไว้จะไปถามเฮียเองก็ละกัน ฟังหู ต้องไว้ 3 หู 55555555 แล้วก็เล่าเรื่องแฟนให้พี่ฟัง เท่าที่พี่อยากจะรู้จากเรา แฟนเรานิสัยเหมือนพ่อแบบก๊อบวาง ก็เลยไม่ต้องสงสัยอะไรเขาเยอะ และเขาดีมากๆ ไม่เคยไปอ่อยอะไรเขา มีแต่เขาตามเราเกือบสิบปี จนกระทั่งขอคบกัน อีกไม่กี่ปี ก็จะรู้จักและสนิทกันครบ 18 ปี ครึ่งชีวิตของทั้งคู่แล้วด้วย อยู่ด้วยกันมานานมากๆ นอกจากเรื่องทั้งหมดที่เล่ามา เวลาส่วนอื่นๆ ที่กลับบ้านก็เป็นการเที่ยว กับพักผ่อนอยู่บ้าน เราก็ทำกับข้าว ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ก่อนปีใหม่บ่นกับพ่อแม่ว่า อยากกินข้าวหนึกงา แต่ตามออนไลน์เขาเขียนว่า ข้าวหนุกงา ก็ภาษาใครภาษามัน แต่บ้านเราเรียกข้าวหนึกงา เอางาขี้ม่อนมาตำ ต้องเป็นงาใหม่ๆ เท่านั้น ตำจนน้ำมันงาออก ผสมเครื่องปรุงตามที่ชอบ เพราะดูแล้วหลายพื้นที่จะสูตรแตกต่างกัน บ้านเราสายเค็ม ติดรสมือยาย เราก็ทำสูตรยาย พี่ชายซื้อจากตลาดมา ขยะแขยงกันมาก ข้าวหนึกงาผสมกะทิและน้ำตาล กินกันไม่ได้เลย จะมาสู้สูตรตำเอง หนึกเอง กินเองนักเลงพอได้ยังไง 5555  ปีนี้พาหลานไปแจ้ซ้อนกัน แต่ไม่ได้แช่น้ำแร่ เล่นน้ำตกเหมือนสมัยเราเด็กๆ เลย เพราะคนเยอะมากๆ ก็เลยได้แต่นั่งปูเสื่อปิ๊กนิก นั่งกินไข่ออนเซ็น กันชิวๆ สบายๆ ตอนแรก พี่คนโตจะไปเรียกพี่คนกลางที่นั่งเฝ้าไข่อยู่ให้กลับมานั่งที่เสื่อ แต่แม่รั้งไว้ แม่บอกว่า ไข่เรามันไม่เหมือนคนอื่น เดี๋ยวคนมาขโมย แล้วตอนพี่คนกลางกลับมา มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ไข่สะดุดตากว่าของคนอื่นเขาเยอะ จนมีแต่คนถามเยอะมาก ระหว่างที่นั่งกินไข่ออนเซ็น กับกับข้าวอื่นๆ ที่เตรียมมา มีคนตกบ่อโคลนดูดด้วย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตั้งเต้นท์อยู่ใกล้ๆ ก็เลยไปช่วยทัน จมบ่อไปครึ่งตัว คนที่อยู่แถวนั้นหันไปดูกันหมด สายตามองไปทางเดียวกัน ดีที่นั่งไกล ไม่รู้จะอายมากไหมนะ แต่ดีที่เราสายตาสั้นมาก เห็นลางๆ 555555555555555   ก่อนที่จะมาถึงแจ้ซ้อน ก็ได้แวะตลาดข้างทาง ซื้องาขี้ม่อน แม่ค้าขายเป็นลิตร ลิตรละ 60 บาท แล้วมีร้านขายน้ำดื่มอยู่ใกล้ๆ มีกาแฟสด โกโก้สด ร้านเล็กๆ ทำดีมากๆ ไม่ใช่เป็นร้านแบบนั่ง แต่เป็นแค่ซุ้มเล็กๆ ตอนจ่ายเงินชื่อร้านขึ้นว่า ผาลาดกาแฟสด ไม่แน่ใจว่าจะร้านเดียวกับที่มีหน้าร้านไหมนะ แต่เราซื้อ ตรงซุ้มที่ติดกับตลาด เอากาแฟมาบดแล้วชงสดๆ ตรงนั้น กลิ่นหอมมากๆ เราไม่กินกาแฟ เลยสั่งโกโก้ รสชาติอร่อย แล้วเราซื้อน้ำแตงโมให้แม่ด้วย ร้านใส่แตงโมไปครึ่งลูกให้อย่างเยอะอ่ะ แม่ชอบมาก 55555 สั่งน้ำไป 3 แก้ว โกโก้ โกโก้ปั่นโอริโอ้ และน้ำแตงโมปั่น หมดไป 65 บาทเอง  ส่วนวันก่อนที่พี่ชายจะกลับก็ได้แวะไปเที่ยว บ้านหลุยส์ เพราะพี่สะใภ้อยากไป เราก็เดินสำรวจอย่างเดียว ไม่ทันได้อ่านอะไร เพราะว่า เวลาจำกัด มากๆ แต่ตอนที่ไปมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดพื้นเมือง กางเกงสะดอมาต้อนรับนักท่องเที่ยว คิดว่า ถ้าใครอยากให้เขาเล่าอะไรให้ฟังก็น่าจะเรียกเขาได้ตลอดเวลาแหละ แต่พอดีรีบมาเที่ยวรอญาติๆ ฝั่งพี่สะใภ้มา ก็เลยอยู่ได้แป๊บๆ ถ่ายรูปแล้วกลับ 555 ตอนที่เราไป 11 โมงเศษ แทบไม่มีใครมาเลย แหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ค่อยมีคนไป สบายๆ สำหรับคนไปเที่ยวเลย ใครชอบเที่ยวสงบๆ ดูบ้านเก่าๆ ก็แวะไปชมกันได้นะ               หลังจากเดินสำรวจในตัวบ้านแล้ว เราก็เดินตามแม่ไปสำรวจตึกใกล้ๆ กันนั้น เป็นตึกสำนักงานเก่า ที่ยังปรับปรุงไม่เสร็จ ไม่ได้เปิดให้เข้าข้างใน แต่ก็แอบๆ เอามือยื่นๆ เข้าไปถ่ายรูปออกมานิดหน่อย    หลังจากวันสุดท้ายที่ตั้งใจจะมากัน ก็ได้แยกย้ายกันกลับจังหวัดใครจังหวัดมัน พี่คนกลางตัดสินใจกลับวันที่ 2 เพราะคิดว่ารถจะไม่ติดวันนั้น ปรากฏว่า รถโคตรติด จังหวัดไม่ไกลมาก จากปกติ 4 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางปาไป 6 ชั่วโมง โคตรนาน ส่วนพี่ชายคนโตกลับวันที่ 3 ไปชลบุรี ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมง รถโคตรโล่ง 555 และเราก็กลับมาวันที่ 3 เหมือนกัน แต่ออกจากบ้านเที่ยงๆ ไปแวะทานร้านอากี แล้วก็ไปส่งแฟนซื้อ ช้อนส้อมการบินไทย ที่จัดจำหน่ายอยู่ในห้างเสรีสรรพสินค้า จะขายถึงวันที่ 26 มกราคม 2565 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด สินค้าก็โอเคมาก มีให้เลือกไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทีเดียว แฟนหมดไปพันกว่าบาท 5555555 ได้ช้อนส้อมมาหลายชุดเลย บ้านแฟนชอบใช้ช้อนส้อมของการบินไทย เพราะทนดี น้ำหนักได้ รูปทรงก็สวยดีด้วย และมีของสายการบินอื่นๆ ปนด้วย เราก็ได้ช้อนเล็กๆ ของเจ็ท แอร์เวย์มาด้วย ทรงสวย เป็นเงา ชอบมาก 20 บาทเอง 55555555555 และเรากับแฟนที่คิดว่าจะกลับมาด้วยระยะเวลาแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ กลายเป็นว่า รถติดขาเข้า ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะถึงที่หมาย 555555555555555555 สุดท้าย เย็นวันนั้น พี่ชายก็ส่งไลน์แท็กคนทั้งบ้าน และเราก็ส่งต่อให้แฟนดู พร้อมกับขอบคุณที่แฟนไปส่งเรากลับบ้าน  อย่างน้อยช่วงเวลาดีๆ ในยามวิกฤติแบบนี้ ก็น่าจะพอหล่อเลี้ยงจิตใจคนในบ้าน ให้ใช้ชีวิตต่อไปได้บ้าง ได้เคลียร์ใจกับคนในบ้าน ได้วางแผนเรื่องหนี้สิน และเรื่องที่พ่อแม่ไปค้ำประกันไว้ ก็คุยกันจบทุกเรื่อง ในอนาคตก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี
เวลาไปเชียงราย
มาดามชอบชวนกินก๋วยเตี๋ยวหน้าตลาดแม่สาย เธอว่าอร่อยมาก เป็นรสชาติในความทรงจำนี่ล่ะครับ ข้าวหนุกงาบ้านมาดามชอบกินกันทุกคน พี่ก๋าลองกินแล้ว แต่ไม่ชอบเท่าไหร่ เหนียวๆเคี้ยวแล้วเมื่อยครับ 555 คนกรุงเทพขับรถซิ่งจริงๆครับ ใจร้อน ชอบขับจี้ด้วยครับ เวลานั่งรถแท๊กซี่ในกรุงเทพ เหมือนกำลังอยู่ในหนังเรื่อง Fast 555  โดย: กะว่าก๋า
  วันที่: 4 มกราคม 2565 เวลา:22:11:01 น.พี่ก๋าเขียนงานมา 15 ปี
เพิ่งมีโอกาสนั่งจัดเรียงงานตัวเอง ทำจนมึนเลยครับ 555 โดย: กะว่าก๋า
วันที่: 5 มกราคม 2565 เวลา:11:21:39 น. |
Princezz Matcha Latte
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้ ^_^ Group Blog All Blog
Link |
||||||||||||
| Pantip.com
| PantipMarket.com
| Pantown.com
| © 2004 BlogGang.com
allrights reserved.
|
|||||||||||||
ไปทีไรก็อยากแวะไปกินตลอดนะครับ
เป็นรสชาติที่คุ้นเคย
ข้าวหนุกงามาดามชอบมากเลยครับ
แต่พี่ก๋ากินไม่เป็นนะ 555
ปีนี้รถเข้าเชียงใหม่เยอะนะครับ
ตามมาด้วยผู้ป่วยโอไมครอนที่เพิ่มจำนวนขึ้น
กรุงเทพนี่ตัวเลขพุ่งเร็วมาก