The Dark Knight - "Why so serious ?" อัศวินรัตติกาล และสุดยอดการแสดงที่ทรงพลังของ "ฮีธ เลดเจอร์"
The Dark Knight
ภาคต่อของภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องฮิต "Batman Begins," "The Dark Knight" นำพาผู้กำกับฯ คริสโตเฟอร์ โนแลน มาพบกับดาราหนุ่ม คริสเตียน เบล ผู้กลับมารับบท แบทแมน/บรูซ เวย์น เพื่อสานต่อสงครามต่อสู้อาชญากรรม
ด้วยความช่วยเหลือของผู้หมวดจิม กอร์ดอน และอัยการเขตฮาร์วีย์ เดนท์ แบทแมนมุ่งมั่นที่จะทำลายล้างองค์กรอาชญากรรมในกอธแฮมให้สิ้นซาก การทำงานแบบสามทหารเสือดูเหมือนจะสัมฤทธิผล แต่ไม่ช้าพวกเขากลับพบว่าตกเป็นเหยื่อของจอมอาชญากรอย่างโจ๊กเกอร์ ผู้ซึ่งทำให้กอธแธมต้องตกอยู่ในความสับสน และบีบบังคับให้อัศวินดำต้องเฉียดเข้าไปใกล้เส้นแบ่งระหว่างวีรบุรุษและวายร้ายมากยิ่งขึ้น
ฮีธ เลดเจอร์ ผู้เคยเข้าชิงออสการ์ (Brokeback Mountain) รับบทเป็น เดอะโจ๊กเกอร์ จอมวายร้าย และแอรอน เอ็กฮาร์ท เป็น อัยการเขต ฮาร์วีย์ เดนท์, แมกกี้ กิลเลนฮาล ร่วมทีมนักแสดงในบทเรเชล ดอว์ส หวนคืนจาก "Batman Begins" ได้แก่ แกรี่ โอลด์แมน เป็นผู้หมวดจิม กอร์ดอน; ดารารางวัลออสการ์ ไมเคิล เคน (The Cider House Rules) เป็น อัลเฟรด และดารารางวัลออสการ์ มอร์แกน ฟรีแมน (Million Dollar Baby) เป็น ลูเซียส ฟอกซ์
..................................................
"Why so serious ?"
Ha..Haa...Hu...Hi....Ha.....Ha !!!!!
ในภาคนี้อาจจะบอกได้เต็มปากเลยว่าทำออกมาได้ "ยอดเยี่ยม" ในทุกองค์ประกอบ ทั้งแต่บท ดนตรี โทน และเหล่านักแสดงทั้งหลาย โดยเฉพาะ ฮีธ เลดเจอร์ ที่รับบท "โจ๊กเกอร์" ซึ่งสามารถแสดงออกมาได้แบบไร้ที่ติ ทั้งแววตา สีหน้า การพูดจา บุคลิก ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติและทรงพลังมาก (Brokeback Mountain ว่าเล่นดีแล้ว เรื่องนี้ยิ่งหาคำบรรยายไม่ถูกเลย ออสการ์ปีนี้ใครจะชิงสาขาเดียวกันนี้ คงต้องคิดหนัก) เรียกได้ว่าขนลุกทุกครั้งที่โจ๊กเกอร์ ปรากฎตัวบนจอ(สารภาพตามตรงว่ารอดูโจ๊กเกอร์ มากกว่าแบทแมนสะอีก) ด้าน คริสเตียน เบล ในบท "แบทแมน" นั้น เบลก็แสดงออกมาได้หม่นหมองเช่นกัน ดูดุดัน และ หม่นหมองในเวลาเดียวกัน แต่วัดกันตัวต่อตัวแล้ว ฮีธในบทโจ๊กเกอร์กินขาดครับ แอรอน เอ็กฮาร์ท ในบท ฮาร์วีย์ เดนท์ ก็เล่นได้ดีครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็เล่นได้ตามมาตรฐาน แมกกี้ กิลเลนฮาล บางฉากดูคล้ายๆ เคธี่ โฮม จากภาคแรกเลย
บทพูดในหนังมีความคมคาย และ ทำให้ผู้ชมคิดตามไปตลอด โดยเฉพาะบทสนทนาของ "โจ๊กเกอร์" ต่างๆที่ปรากฎในฉากการเล่าถึงที่มาของแผลที่ปาก , ฉากคุยกับฮาร์วีย์ เดนท์ ในโรงพยาบาล , ฉากคุยกับแบทแมนในห้องสอบสวน และ ในช่วงสุดท้ายของหนัง เกือบทุกฉากพูดของ"โจ๊กเกอร์" ถือว่าดีหมดครับ ส่วนแบทแมนคำพูดสุดท้ายในหนังก็สะท้อนภาพของ The Dark Knight ได้อย่างชัดเจน
เรื่องฉากใหญ่ๆ โปรดักชั่น ถือว่าหายห่วง เพราะนอกจากจะทำออกมาได้ดีแล้ว ยังเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจพอสมควร ฉากระเบิดโรงพยาบาล , ฉากการไล่ล่ากันบนถนน ที่กระตุ่นต่อม "มันส์" ดีแท้ (ฉากที่ Joker บอกให้ Batman ขับ Batpod มาชน "Come on, hit me!" คงจะติดตาไปอีกนาน)
เนื้อเรื่อง กับการเดินเรื่องแม้หนังจะยาวถึง 2 ชม. กว่าๆ แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกน่าเบื่อเลย เพราะน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา การเล่าถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวแบทแมนที่มีต่อสิ่งกดดันต่างๆรอบตัว การแสดงให้เห็นถึงความบ้าแบบมีชั้นเชิงของโจ๊กเกอร์ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของฮาร์วีย์ เดนท์ ทุกอย่างมีที่มาที่ไปค่อนข้างชัดเจน
The Dark Knight ถือเป็นหนังแนวฮีโร่ที่ออกแนวมืดหม่นที่ทำออกมาได้ดี "มาก" เรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์ ด้วยความลงตัวของหลายๆอย่าง และผมเชื่อว่า บท "โจ๊กเกอร์" ของ ฮีธ เลดเจอร์ นั้น ต้องถูกกล่าวขานและเป็นที่จดจำไปอีกนานเลยทีเดียว น่าเสียดายที่หนุ่มคนนี้ด่วนจากไปสะก่อน....
*สุดท้ายก็ขอไว้อาลัย ฮีธ เลดเจอร์ ณ ที่นี้อีกครั้งครับ ติดตามผลงานมาทุกเรื่อง และจะไม่มีวันลืม ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ ที่มีให้กับโลกภาพยนตร์ .....
Create Date : 18 กรกฎาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 12 เมษายน 2553 13:31:24 น. |
Counter : 3437 Pageviews. |
|
|
|
สุดยอดจริงๆ ภาคนี้
ไม่เป็นแนวแฟนตาซีแบบเมื่อก่อน แนวนี้แหละ ผมชอบ
เสียดายฮีท เลทเจอร์เหมือนกันนะครับ พูดแล้วเศร้า