1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
The Happening "ครั้งนี้ ไร้การเตือน....ไร้สัญญาณ"
The Happening : วิบัติการณ์สยองโลก "ครั้งนี้ ไร้การเตือน....ไร้สัญญาณ" เรื่องราวของครอบครัวที่ต้องดิ้นรนหนีเอาชีวิตให้รอดจากวิบัติการณ์สยอง โลกที่ไม่อาจหาคำอธิบายใด ๆ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งได้ ซึ่งไม่เพียงรุกฆาตหวังทำลายมวลมนุษยชาติเท่านั้น หากยังถึงขั้นมุ่งทำลายสัญชาตญาณพื้นฐานสุด ๆ ของมนุษย์ นั่นคือการรู้จักเอาชีวิตรอดไปด้วย วิบัติการณ์สยองโลกครั้งนี้เริ่มจากสัญญาณเตือนที่ไม่แน่ชัดนัก แต่ดูเหมือนจะดังระงมไปทั่วทุกแห่งหน เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นหัวเมืองใหญ่ ๆ ในอเมริกาก็เกิดเหตุร้ายตายสุดสยองและแปลกประหลาดชนิดไม่อาจหาเหตุผลใด ๆ มาบ่งชี้ได้ และทำให้ผู้คนจิตตกเพราะช็อคกับผลของการทำลายล้างที่ร้ายแรงเกินจะรับมือไหว มันคืออะไรกันแน่ถึงสามารถทำลายสันดานของมนุษย์ได้อย่างสิ้นซากและเฉียบ พลันขนาดนี้ หรือนี่คือการจู่โจมแนวใหม่ของผู้ก่อการร้าย หรือว่าเป็นการทดลองที่ผิดพลาดจนหยุดยั้งไม่ได้ หรือเป็นอาวุธเคมีสุดร้ายกาจ หรือว่าเป็นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสที่ควบคุมไม่อยู่ แล้วมันแพร่กระจายได้อย่างไรล่ะ พัดปลิวไปตามสายลมได้หรือเปล่า หรือว่าละลายลอยล่องไปตามสายน้ำได้ไหม ยังไงกันแน่ สำหรับครูสอนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาในฟิลาเดลเฟีย อย่าง เอลเลียต มัวร์ (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) แล้ว ก็ทำได้เพียงต้องหาทางหนีรอดจากปรากฏการณ์ลึกลับและร้ายแรงถึงชีวิตนี้ไปให้ได้ แม้ว่าอัลม่า (ซูอี้ เดสชาเนล ) ผู้เป็นภรรยาและเขากำลังอยู่ในช่วงชีวิตสมรสลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ทั้งคู่ก็ร่วมลงเรือลำเดียวกันอย่างเหนียวแน่น เริ่มจากหนีหัวซุกหัวซุนกันทางรถไฟก่อนแล้วขับรถลุยกันต่อ โดยมีจูเลี่ยน (จอห์น ลากิซาโม่) ครูวิชาคณิตศาสตร์ที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเอลเลียต และเจส (แอชลิน ซานเชส) ลูกสาววัย 8 ขวบของจูเลี่ยน ทั้งคณะมุ่งหน้าไปยังดินแดนปศุสัตว์ในเพนซิลเวเนีย ด้วยความหวังว่า คงรอดพ้นจากการจู่โจมที่น่าขนพองสยองเกล้าและแผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปไม่หยุดยั้ง แต่แล้วมันก็ปรากฏชัดเลยว่า ไม่มีใครหรือที่แห่งใด จะอยู่รอดปลอดภัยได้ ฆาตกรสยองและมองไม่เห็นตัวนี่ช่างร้ายกาจชนิดไม่อาจมีใครโค้นลงได้จนกระทั่งเอลเลียตเริ่มเข้าใจสันดานดิบอันเป็นแก่นแท้ของอันตรายที่กำลังจะเข้ามาถึงตัว แล้วก็ยังล่วงรู้ไปถึงสิ่งที่ปลดปล่อยให้พลังอำนาจที่คุกคามอนาคตของมนุษยชาติ และก็ยังค้นพบความหวังอันริบหรี่ที่อาจจะช่วยให้ พวกเขารอดจากวิบัติการณ์สยองโลกครั้งนี้ไปได้ เรื่องนี้ถือเป็นหนังที่ตั้งหน้าตั้งตารอมาตั้งแต่ประกาสสร้างแล้ว เพราะส่วนตัวชอบผลงานของผู้กำกับคนนี้มากๆ (The Village,Unbreakable,Lady in The Water,Sign ชอบเรื่องนี้ที่สุด และ The Sixth Sense) หนังเปิดเรื่องอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้นและผู้คนเริ่มมีอาการแปลกๆ และตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งตรงนี้ผมว่าเป็นการเปิดและดำเนินเรื่องที่ดีเลย เพราะมันเหมือนจะบอกว่าเหตุการณ์อย่างนี้มันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในชีวิตจริงคือมีความเป็นไปได้ แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะสั้นประมาณ 90 นาที แต่ก็สามารถสื่ออะไรหลายๆอย่างออกมาได้เกือบครบถ้วน ทั้งที่มาของเหตุการณ์นี้ การดิ้นรนเอาชีวิตรอด และบทสรุปของเรื่องทั้งหมด แม้พอดูไปได้สักพักจะพอเดาทางหนังได้ก็ตาม บทที่แม้ตอนจบจะไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ก็ยังถือว่ามีมิติอยู่ รวมไปถึงการแสดงของนักแสดงหลักๆของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่รับบทครูสอนวิทยาศาสตร์และคนที่กำลังมีปัญหาในชีวิตคู่และผู้นำจำเป็นในการเอาชีวิตรอด ก็สามารถทำได้ดีทั้งการแสดงทางสีหน้าวิตกและหวาดกลัวรวมถึงอารมณ์ต่างๆได้ดี (มาร์คเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หนังน่าติดตาม)ส่วน ซูอี้ เดสชาเนล ผู้รับบทภรรยาที่มีปัญหากับชีวิตคู่ก็ถือว่าโอเคครับ ดูเป็นสาวอินโนเซ็นท์นิดๆ (บางมุมดูสวยเลยครับ) จอห์น ลากิซาโม่ รายนี้โผ่ลมาไม่มากเลยไม่ได้โอกาสแสดงความสามารถอะไรมาก และสุดท้าย แอชลิน ซานเชส เด็กสาววัย 8 ขวบที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงมากมายที่ประจันเข้ามาตรงหน้าจากเหตุการณ์นี้ ก็ถือว่าไปกับบทได้ดี เรื่องนี้เป็นหนังเรท R เรื่องแรกของพี่ชยามาลาน ทำให้มีฉากโหดๆอยู่พอสมควร ซึ่งทำออกมาไม่ "แหวะ" มากแต่ออกแนวชวน "ตะลึง" พร้อมสร้างความสงสัยสะมากกว่า หลายฉากใช้การแพนมุมกล้องกับจังหวะดนตรีผสานเข้าไปได้ชวนตะลึงกับภาพตรงหน้าที่ตัวละครนั้นๆเห็น (ฉากที่ตัวละครของลากิซาโม่มองออกไปเห็น...นอกรถชวนตะลึงดีแท้ สำหรับผม ) เรื่องนี้มีหลักหลายอย่างที่คิดว่าหนังพยายามสื่อออกมา อาทิ 1.เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ (อย่างที่กล่าวไปตอนฉากเปิดเรื่อง) 2.วิธีการโจมตีของเหตุการณ์ครั้งนี้ที่มีรูปแบบโดย เริ่มจากคนหมู่มากแล้วค่อยๆไปยังกลุ่มคนที่น้อยลงเรื่อยๆ โดยน่าจะอิงจากหลักที่ว่า "มนุษย์ไม่สามารถอยู่ดำรงชีพคนเดียวได้ ต้องอยู่เป็นหมูสังคมเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม" ซึ่งธรรมชาติอาจจะรู้จุดนี้เลือกเลือกวิถีโจมตีแบบนี้ให้มนุษย์สิ้นโลกไป 3.เมื่อเผชิญกับวิบัติการณ์แบบนี้ บางทีมนุษย์ก็น่ากลัวกว่าธรรมชาติ (อย่างฉากที่พวกพระเอกไปเคาะประตุบ้านหลังหนึ่งแล้ว เด็ก2 คนโดนยิงสวนออกมา) หลายคนอาจจะผิดหวังกับเรื่องนี้เพราะคิดว่าเนื้อเรื่องห่วย ไม่ไม่เทคนิคแอฟเฟ็คอะไรพิเศษเลย แต่สำหรับผมเรื่องนี้ถือว่า "ค่อนข้างดี" เลยครับ อย่างน้อยหนังก็เสนอประเด็นที่ว่า คนเราทำร้ายโลกทุกวันแล้ววันหนึ่งธรรมชาติก็หันมาเอาคืน หนังอาจจะเจ๊งไม่เป็นท่า แต่ถึงอย่างไรก้ยังอยากให้ ชยามาลาน ทำหนังแนวนี้ออกมาอีก เพราะเชื่อว่าคนที่ชื่นชอบผลงานแนวนี้ยังมีอีกมาก อย่างน้อยก็ผมคนนึงแล้ว
Create Date : 14 มิถุนายน 2551
2 comments
Last Update : 11 เมษายน 2553 19:17:29 น.
Counter : 1382 Pageviews.
โดย: อนันตลัย 15 มิถุนายน 2551 11:57:54 น.
โดย: palao 16 มิถุนายน 2551 15:30:37 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
!#@# สวัสดีครับ กับทุกๆคนที่เข้ามาสู่ Blog นี้ของผม ขอให้สนุกกับการอ่านรีวิวภาพยนตร์ต่างๆนะครับ อาจจะมีถูกใจมั้ง ไม่ถูกใจมั้ง เพื่อนๆคนไหนคิดเห็นเหมือนกัน หรือแตกต่างกันตรงไหนก็บอกกล่าวกันได้ครับ ^^ #@#!
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ