นิตย์มาราตรีสวัสดิ์สำหรับค่ำคืนนี้ค่ะ
***ช่วงนี้ฟ้าไม่ค่อยสดใส...สองสามวันที่ผ่านมา... ท้องฟ้าเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างสลับกันไป...มีฝนโปรยปรายมาเป็นระยะๆเหมือนชีวิตมนุษย์ที่คงจะไม่สว่างสดใสตลอดเวลา..ตามวัฐจักร...มีสุข มีทุกข์ สลับกันไปตลอดเวลา.....
***เมื่อหลายวันที่ผ่านมา นิตย์ได้ดูหนังในช่องMONO 29 รู้สึกประทับใจมาก เป็นหนังจีนที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่สมชื่อของหนังปราชญ์ขงจื้อ...."แข็งไปอยู่ยาก ชีวิตต้องอ่อนลู่ลม"
***นิตย์ดูไปแล้วก็คิดตามไปด้วย คนๆหนึ่งทำไมถึงคิดทุกเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะป็นเรื่องของธรรมชาติ จิตใจของมนุษย์ ความรัก...ความสามัคคี ปรัญญาในการปกครอง ด้วยศาสตร์และศิลป.....
แค่มองหน้าและฟังคนที่พูด...ขงจื๊อก็สามารถจะรู้ลึกถึงจิตใจของคนๆนั้นว่าคิดอย่างไรได้อย่างลึกซึ้ง......
***ชีวิตขงจื๊อต้องระเหเรร่อน ถูกขับไล่จากแผ่นดินเกิดเพราะความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน....ลำบากอย่างแสนสาหัส...ระหว่างการเดินทางได้สั่งสอนผู้คนให้ได้เข้าใจหลักในการครองชีวิต....มีศีลธรรม เขียนตำราโดยไม่หยุด....ตอนจบของหนังเรื่องนี้ทำให้นิตย์น้ำตาซึมด้วยความรักและซาบซึ้งในคุณธรรมของท่าน "ปราชญ์ของแผ่นดินจีน"
๐ ตามมาอ่านประวัติของท่านพอสังเขปกันนะคะ
๐ ประวัติคร่าวๆของท่านขงจื๊อ
***ขงจื้อ (คำว่าจื้อ เป็นคำยกย่องผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นอาจารย์) เดิมมีชื่อจริงว่า ข่งชิว ฉายา จ้งหนี เป็นชาวแคว้นหลู่ (ปัจจุบันคือเมืองชวีฝู่ ในมณฑลซานตง) เกิดเมื่อประมาณ 551 ปีก่อนคริสตศักราช
ด้วยสาเหตุที่ขงจื้อเกิดที่รัฐหลู่ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่เก็บรักษาคัมภีร์โบราณสมัยราชวงศ์โจวได้สมบูรณ์ที่สุด ถึงกับได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งจารีตและ ดนตรีมาแต่โบราณกาล การก่อรูปแนวคิดขงจื้อขึ้นอาจได้รับ อิทธิพลจากขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมและบรรยากาศทางการศึกษา ของรัฐหลู่
***ขงจื๊อได้เริ่มเข้าทำงานราชการเมื่ออายุ 18 ปี เนื่องด้วยความฉลาด ขยันขันแข็ง ซื่อตรงต่อหน้าที่การงาน ขงจื่อได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่และเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการฉางหลวง (ธนาคารข้าว) แต่ในระหว่างรับราชการนั้น ขงจื่อได้เห็นความเหลวแหลก ความไม่ยุติธรรมของข้าราชการ ทำให้เขาคิดแก้ไขความเหลวแหลกทั้งหลายในแผ่นดิน และเริ่มแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
***เมื่ออายุ 55 ปี ขงจื่อเริ่มพาลูกศิษย์ตระเวนไปยังแคว้นต่างๆ เพื่อเผยแพร่หลักรัฐศาสตร์ของเขา แต่สิ่งที่ขงจื่อสอนไม่ได้เน้นที่เนื้อหาการเมืองเท่านั้น แต่เขายังเน้นการจรรโลงประเทศให้มีความเจริญด้วยศีลธรรม อีกทั้งยังตั้งโรงเรียนขึ้นมาสอนจริยธรรมและวัฒนธรรมอย่างจริงจัง จนมีชื่อเสียงขจรขจายไปไกล
***ขงจื้อเน้นหนักในการบ่มเพาะเรื่องเมตตาธรรม ความชอบธรรม และจารีตประเพณี คำสอนของท่านเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและงดงามอย่าง ยิ่ง ความคิดของขงจื้อได้กลายเป็นแกนหลักสำคัญในวัฒนธรรมจีน และมีอิทธิพลสำคัญต่อความคิดของชนชาติจีน คุณธรรมอันดับแรก ที่ขงจื้อสอนสั่งคือ เหริน หรือเมตตาธรรม
๐ ปัจจุบัน องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้ขงจื่อเป็น 1 ใน 10 บุคคลที่มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมของโลก
๐ ปรัชญาขงจื้อ..บางส่วน
การที่ยอมรับว่าไม่รู้นั้น ก็คือความที่รู้แล้ว
บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่องที่ขอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึง ถึงคุณธรรม
ผู้มีคุณธรรมย่อมไม่ถูกทอดทิ้งโดยโดดเดี่ยว และจะต้องมีเพื่อนบ้านมาคบหา
เมื่อรักเขาจะไม่ให้กำลังใจเขาได้หรือ เมื่อซื่อสัตย์ต่อเขา จะไม่ตักเตือนสั่งสอนเขาได้หรือ
ปราชญ์ย่อมหลีกเลี่ยงสังคมที่เลวร้าย สถานที่เลวร้าย มารยาทที่เลวร้าย และวาจาที่เลวร้าย
ความอดทนคือเพื่อนสนิทของสติปัญญา
พรสวรรค์ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ การที่เราสามารถเอาใจเขามาใส่ใจเราได้
ในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดดีพร้อม แต่ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง ต้นไม้อาจบิดเบี้ยวโค้งงออย่างประหลาด แต่ก็ยังคงความงดงาม
มักพูดกันว่ากาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่ง แต่จริงๆแล้ว คุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตนเอง
นิตย์หวังว่าคืนนี้จะมีข้อคิดดีดีให้ได้ศึกษาและใคร่ครวญในปรัชญาเหล่านี้ก่อให้เกิดประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
คืนนี้นิตย์ส่ง พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เข้านอน หลับฝันดีทุกท่านคะ
ชลัยย์มาศ P
19 พฤษภาคม 2561