ชิคาโก ..... อิลลินอยล์ สักวันฉันจะไปหาเธอ
ชิคาโก เมืองแห่งลม Windy City
อะไรที่น่าสนใจบ้างในนครชิคาโกแห่งนี้ ยังค่ะ ยังไม่เคยไปเลย ณ มหานครแห่งนี้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
สก็อตบอกว่า อยากให้เข้าไปดูในเวปไซต์ ว่าคิดยังงัยเกี่ยวกับเมืองนี้ และจะทำอะไรหากมาอยู่ที่เมืองนี้
เข้าไปศึกษาเรื่องสภาพอากาศ สถานที่ท่องเที่ยว การเรียนภาษาอังกฤษ และอื่นๆที่สนใจ
และได้ไปเจอเวปนึง ของ gotomanager กล่าวไว้เรื่อง ชีวิตของชาวเอเชียในชิคาโก ไม่ง่ายอย่างที่คิด ซึ่งน่าสนใจดี...
" เวลาที่เข้าไปในชิคาโก เมื่อเห็นรถหรูแพงอย่างเช่น LEXUS หรือ BMW แบบ HUV จะพบว่า คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยส่วนใหญ่จะเป็นคนเอเชียวัยหนุ่มสาวไปถึงวัยกลางคน เป็นเหตุให้คนอเมริกัน หรือแม้กระทั่งเอเชียด้วยกันเองส่วนใหญ่คิดว่า คนเอเชียซึ่งถือเป็นคนกลุ่มน้อยในประเทศนี้ร่ำรวยมากกว่าคนอเมริกันเองเสียอีก
คนเอเชียในอเมริกาส่วนใหญ่ ถูกมองว่าเป็นคนรวยมีเกินจะกิน ขับรถคันหรู ชอปปิ้ง สินค้าแบรนด์เนมแพงริบ ข้อสมมติฐานนี้อาจจะเป็นจริงได้ หากพิจารณาจากรายได้ที่พวกเขาได้มาจากการทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านของชำ ซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน ร้านซักรีด ไปจนถึงหมอและพยาบาล สารพัดอาชีพ ชนิดทำกัน 7 วันในหนึ่งสัปดาห์ แทบจะไม่มีวันหยุดพักผ่อน...คนเหล่านี้มีรายได้เพียงพอที่จะใช้จ่ายอย่างอิ่มเอม แต่ชีวิตเช่นนี้มิได้เกิดกับคนเอเชียทุกคนในชิคาโก...
ตัวเลขสำมะโนประชากรในพื้นที่ชิคาโกล่าสุดประจำปี ค.ศ.2000 พบว่า ความต่างระหว่างรายได้ของคนเอเชียที่อาศัยอยู่ในตัวเมืองกับชานเมืองนั้นต่างกันมาก โดยชาวเอเชียผู้มีอันจะกินที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่นอกเมืองชิคาโกมีและรายได้เฉลี่ยสูงกว่าคนในเมืองถึงกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ตัวเลขในปี ค.ศ.1999 คนเอเชียในชานเมืองมีรายได้เฉลี่ยสูงถึง 70,686 ต่อปีต่อครัวเรือน (มีสมาชิก 4 คน ต่อหนึ่งครัวเรือน) และมีเพียง 4% เท่านั้นที่ยากจนหรือมีรายได้ต่ำกว่า 17,029 เหรียญสหรัฐต่อปี ในขณะที่ชาวเอเชียในตัวเมืองบางกลุ่ม มีรายได้ของครัวเรือนเฉลี่ยเพียงปีละ 40,519 เหรียญสหรัฐ และมีอัตราของผู้มีรายได้ต่ำสูงถึง 18% ซึ่งต่ำกว่าพวกผิวดำและพวกละติโนเสียอีก
โดยในจำนวนนั้นมีชาวเกาหลีมาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาเป็นชาวเวียดนาม จีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ ตามลำดับ ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเท่ากับคนเอเชียอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ตามชานเมืองและที่มีรายได้สูงกว่า (จากรายงานไม่ปรากฏตัวเลขของคนไทยอาจเป็นไปได้ว่า จำนวนคนไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ)
ในตัวเมืองชิคาโก คนเกาหลีเป็นพวกที่มีสถานะทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดในหมู่ชาวเอเชียด้วยกัน จากสถิติพบว่า มากกว่า 40% ของชาวเกาหลี สัญชาติอเมริกันมีสถานะยากจนมาก โดยตัวเลขเฉลี่ยของรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสถิติเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายข้อเท็จจริงได้ทั้งหมด ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune รายงานว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่คนเกาหลีทะลักเข้ามาในอเมริกามากที่สุด โดยเฉลี่ย 34,000 คนต่อปี ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา หรือไม่ก็เป็นพวกหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงาน และในที่สุดเมื่อตัวเองได้ถือสัญชาติอเมริกันก็สมัครขอให้พ่อแม่ของพวกเขาเข้ามาในแผ่นดินอเมริกันด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุที่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 65 ปีขึ้นไป และอาศัยอยู่ในตัวเมืองชิคาโก เนื่องจากสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่าอยู่ตามชานเมือง แต่ที่สำคัญคนเหล่านี้ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีเท่ากับคนหนุ่มสาว ทำให้ไม่สามารถหางานที่ให้ค่าจ้างสูงได้ ส่วนใหญ่จึงต้องทำงานรับจ้างตาม โรงงานหรืองานบริการทั่วไปที่จ่ายเป็นชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ชีวิตของคนสูงอายุชาวเกาหลีไม่ค่อยมีความสุขนักในเมืองใหญ่ และนี่เองที่เป็นที่มาของสถิติตัวเลขที่แสดงออกมาว่า คนเกาหลีในเมืองชิคาโก ยากจนที่สุด
นอกจากนั้น ชีวิตหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของคนอินเดียก็ไม่ดีไปกว่าคนสูงวัยชาวเกาหลีมากนัก ตัวอย่างเช่น Khan คุณแม่วัย 30 ปี พร้อมด้วย Marayees สามี เดินทางมาจากประเทศอินเดียเมื่อ 4 ปีก่อน พวกเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่ยังไม่สามารถหางานที่ดีทำได้ และพวกเขาเป็นหนึ่งใน 19% ของคนอินเดียที่มีรายได้ต่ำและอยู่ในตัวเมืองชิคาโก สามีของ Khan เคยทำงานให้สายการบินแห่งหนึ่ง แต่ถูก Layoff เมื่อช่วงที่เกิดวิกฤติ ทุกวันนี้ Marayees รับจ้างขับรถแท็กซี่ในตอนเย็น และทำงานพิเศษช่วงกลางวันกับบริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว ในขณะที่ Khan ต้องล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนางพยาบาล เนื่องจากไม่มีเวลาที่จะไปเรียนต่อ เธอต้องเลี้ยงดูลูกน้อยอีก 3 ชีวิตและเธอเพิ่งถูกให้ออกจากงานที่เคยทำประจำที่ Salvation Army เนื่องจากองค์กรถูกตัดงบประมาณ (Salvation Army เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร รับบริจาคสิ่งของเพื่อนำมาจำหน่ายในราคาถูกให้แก่คนยากจน และรายได้ส่วนใหญ่ที่ได้มาก็บริจาคต่อให้คนยากจน) ตอนนี้เธอรวบรวมเงินจำนวน 6,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเรียนต่อหลักสูตรใบประกาศด้านความสวยความงามและทรงผม เพื่อเธอจะได้มีธุรกิจเป็นของตนเอง Khan เล่าว่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจมาอเมริกา เธอคิดว่าอเมริกาจะเป็นที่ที่เธอสามารถทำงานได้อย่างดีแต่เมื่อเธอมาถึง เธอพบว่าหนทางนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด...
ชาวเอเชียอีกสัญชาติหนึ่งที่ดูเหมือนจะได้ภาษีมากกว่าสัญชาติอื่น เนื่องจากเป็นอาณานิคมของ อเมริกันคือ ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 55,000 เหรียญสหรัฐและมีเพียง 10% เท่านั้น ที่มีปัญหาในการใช้ภาษาอังกฤษ ชาวฟิลิปปินส์เริ่มเข้ามาในอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.1964-1965 และส่วนใหญ่เป็นพวก White-collar ในวงการแพทย์ การเข้ามาหางานในตัวเมืองชิคาโก จึงไม่มีอุปสรรคมากนัก แต่กระนั้นก็ยังคงมีชาวฟิลิปปินส์ที่ยากจน ไม่มีบ้าน ไม่มีอาชีพ เป็นคนจรจัดอยู่ตามถนนในเมือง...จากตัวเลขสถิติและจากตัวอย่างคำบอกเล่าของชีวิตจริงเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มองคนเอเชียในอเมริกา ในภาพรวมภาพใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ มีอันจะกิน ในขณะที่ความเป็นจริง...ยังมีคนเอเชียอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลัง ผจญกับอุปสรรคที่ไม่สู้จะราบรื่นนัก.
ชีวิตในเมืองที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนเรา ทุกอย่างดูเหมือนจะต้องเริ่มต้นใหม่หมด ... ต่างวัฒนธรรมและภาษา ยิ่งต้องทำความเข้าใจในทุกๆเรื่องให้ดี ... ชีวิตต้องสู้
See You Next Time
Create Date : 01 มีนาคม 2555 |
|
58 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2555 10:11:43 น. |
Counter : 1828 Pageviews. |
|
|
|
เพราะฉะนั้นไม่น่าจะแปลก
เพราะอยากให้คนต่างชาติยอมรับ
ผมว่าเลยกล้าซื้อรถ ซื้อของใช้แพงๆ
ปล. ผมเป็นหนุ่มกรุงเทพนะครับ
แต่มาอยู่เชียงใหม่นานมากเท่านั้นเองครับ อิอิอิ