จิตรับกิเลส ไม่ได้ดับพร้อมกัน กิเลสดับก่อน จิตเกิดกิเลส อื่นไปเรื่อยๆ เมื่อจิตเกิดวิปัสสนา เกิดฌาณที่หนึ่ง จิตจะรู้จักดู รู้จักคิด แต่ยังไม่ฉลาดพอที่จะเห็นกิเลส เมื่อจิตพัฒนา ไปถึงฌาณที่สี่ จิตจะฉลาดขึ้น จิตจะแจ่มใสขึ้น เมื่อจิตเกิดการสงสัยในธรรม จิตจะลงมาที่ฌาณหนึ่ง จิตก็จะดู กิเลสที่เกิดที่จิต จนเห็นชัด กิเลสอย่างหยาบจะหลุดไป โดยที่เราไม่ได้นึกละ ที่กิเลสหลุดไปเพราะ จิตรู้ กิเลสนั้นแล้ว กิเลสนั้นก็มาครอบงำจิตไม่ได้อีก วิถีจิตก็จะไปสู่ฌาณที่สองเกิดปีติ ที่กิเลส นั้นไม่สามารถมาครอบงำจิตได้ และจิตจะเคลื่อนไปสู่ ฌาณที่สาม จิตจะเป็นสุข รู้สึก กาย เบา ใจ เบา เพราะจิตดื่มดำกับธรรมะที่ได็รู้ได้เห็นและที่ จิตหลุดพ้นจากกิเลสนั้น ๆ จิตก็เคลื่อนสู่อุเปกขา กิเลสนั้นๆจะมาชักช่วน โดยการเห็นผิด โดยการไม่เห็นผิด จิตก็เป็นอุเปกขา ที่เป็น วิจิกิจฉา ก็อ่อนลง จิตที่เป็นอุเปกขาที่เป็น อุธัจจะก็อ่อนลง จิตก็ยังอยู่เพื่อที่จะรับกิเลสตต่อไปจิตมีอารมณ์เป็น เลิศในอารมณ์วางเฉย อารมณ์เป็นเลิศ เมื่อจิตมุ่งมั่นอยู่ในอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง ไม่สนใจในอารมณ์อื่นๆ ถึงแม้ว่าจิตยังรับรู้อารมณ์อื่นๆได้ แต่จิตไม่สนใจ สิ่งนี้เรียกว่า เอกคตารมณ์ แปลว่า อารมณ์ที่เป็นเลิศ
Create Date : 18 มกราคม 2568 |
Last Update : 18 มกราคม 2568 9:01:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 23 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|