ทะลวงอีสานใต้ อุบลราชธานี

เมื่อวันหยุดยาววิสาขบูชาที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวที่จังหวัดอุบลราชธานีมาครับ เพิ่งมีโอการได้เอาประสบการณ์มาเล่าช่วงนี้ ไม่ว่ากันนะ ^^

ด้วยเวลาที่มีมากถึง 4 วัน  3 คืน ทำให้เราสามารถท่องเที่ยวได้เกือบทั่วทั้งจังหวัดที่เดียวล่ะครับ

จังหวัดอุบลราชธานี ก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยว ครบเลยทั้งการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติ และเชิงวัฒนธรรม ... ธรรมชาติของที่นี่ไม่ธรรมดาครับ ตามมาเล้ย..


01 มิถุนายน 2555
เราออกเดินทางจากกทม . ในเวลาประมาณ 07:30 น. ครับ วันนี้เป็นอีกวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า จะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่  
ท้องฟ้าที่กรุงเทพ ค่อนข้างสดใส คราวนี้ก็ต้องมาลุ้นที่อุบลกันครับ .. ว่าจะเป็นอย่างไร ..

ปรากฎว่าวันนี้เทวดาเข้าข้างเรานะครับ แดดจ้าเลย ^^


เครื่องบินใกล้ Landing เต็มที่ เผยให้เห็นวิวสวยๆของเมืองอุบล และคุ้งน้ำของแม่น้ำมูลที่น้ำเต็มตลิ่ง .. สวยงามมากครับ


หลังจากที่เครื่องบินลงจอดเรียบร้อยแล้ว .. เราเดินไปยัง counter รถเช่าของ AVIS แต่ทว่า.. ไม่มีครับ เจอพนักงานของ Avis นั่งอยู่ที่เก้าอี้ผู้โดยสารหลายท่านเลย 
เดินไปสอบถาม ..เขาแจ้งว่าสาขาอุบลราชธานี เป็นสาขาน้องใหม่ยังไม่มี counter ^^''  

ทำเรื่องเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเราก็รับรถ Toyota Yaris E เพื่อเตรียมท่องเที่ยวเมืองอุบลกันเลยครับ ^^ 

หลังจากทานข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามความเชื่อของผมคือเราต้องเข้าวัดทำบุญก่อนที่จะท่องเที่ยว
เพื่อช่วยให้ผลบุญของเราช่วยนำพาให้เราเจอต่สิ่งดีๆ ได้เจออากาศดีๆ ไม่มีอันตรายใดๆ ครับ
โดยเราเข้าวัดนี้เป็นที่แรก เพราะว่าก่อนหน้านี้ผมไปเห็นรูปใน internet ถึงความสวยงามของหอไตร แล้วอยากจะมามากเลย "วัดทุ่งศรีเมือง" 

วัดทุ่งศรีเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2


หอไตรวัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เป็นหนึ่งในหอไตรของภาคอีสานที่งดงามที่สุด แตกต่างจากหอไตรแห่งอื่น ๆ 
ด้วยลักษณะของศิลปะผสมระห่าง ๓ สกุลช่าง คือ ไทย พม่า และลาว กล่าวคือ มีลักษณะตัวอาคารเป็นแบบไทย ประกอบด้วยเรือนฝาปะกนขนาด ๔ ห้อง
ผนังภายในห้องเขียนลายลงรักปิดทอง มีรูปทวารบาลอยู่ที่บานหน้าต่าง และบานประตูที่ทำด้วยไม้แผ่นเดียว 
ส่วนของหลังคาเป็นศิลปะไทยผสมพม่า มีช่อฟ้า ใบระกาแบบไทย 


ส่วนหลังคาซ้อนกันหลายชั้นเป็นศิลปกรรมแบบพม่า และลวดลายแกะสลักบนหน้าบันทั้งสองด้านเป็นลักษณะศิลปะลาวที่ทำด้วยฝีมือช่างชั้นสูง 
หอไตรแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ 
และได้รับรางวัลผลงานอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ 
นอกจากนี้ ยังได้ชื่อว่าเป็น ๑ ใน ๓ ของดีเมืองอุบลฯ สมัยก่อน จนมีคำกล่าวติดปากกันต่อ ๆ มาว่า “พระบาทวัดกลาง พระบางวัดใต้ หอไตรวัดทุ่ง”


พระอุโบสถ  สร้างแบบสถาปัตยกรรมผสมระหว่างศิลปะเวียงจันทน์ และศิลปะรัตนโกสินทร์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร 
ส่วนที่เป็นศิลปะแบบเวียงจันทน์ ได้แก่ โครงสร้างช่วงล่าง เช่น ฐานเอวขันธ์ บันไดจระเข้ และเฉลียงด้านหน้า 
ส่วนที่เป็นศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ได้แก่ช่วงบน เช่น ช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ 


ภายในหอพระบาทมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันเก่าแก่ทั้ง ๔ ด้าน เป็นภาพเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและทศชาติ 
ภาพวิถีชีวิตของผู้คนพลเมืองทั้งชาวไทย และชาวจีนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ และชีวิตผู้คนภายในรั้ววัง รวมทั้งภาพอาคารสถาปัตยกรรมแบบจีน อันเป็นศิลปะที่นิยมสร้างกันมากในสมัยรัชกาลที่ ๓ 



พระประธานของพระอุโบสถ


จากนั้นเราจึงไปสักการะวัดคู่บ้านคู่เมืองของอุบลราชธานี "วัดมหาวนาราม" ครับ วัดนี้เป็นวัดใหญ่และคนเยอะมากเลย

วัดมหาวนาราม ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ อ.เมืองอุบล แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดป่าใหญ่" เป็นวัดเก่าแก่ 
และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานี มีมูลเหตุการสร้าง คือ เมื่อพระปทุมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก 
ได้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานี บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้ก่อสร้างวัดขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูลนั้นเอง ตั้งชื่อว่า "วัดหลวง" 
เพื่อให้เป็นสถานที่ทำบุบำเพ็ญกุศลแก่ประชาชนทั่วไป วัดนี้จึงนับได้ว่าเป็นวัดแรกของเมืองอุบลราชธานี  


ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดนี้คือ พระเจ้าใหญ่อินแปลง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูน พร้อมกับลงรักปิดทอง ลักษณะศิลปะแบบลาว
ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดอุบลราชธานี 


ตามตำนาน มีเรื่องเล่าขานต่อๆ กันมาว่า มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทร์แปลงมหาวิหาร นครเวียงจันทร์ ประเทศลาว มีอายุประมาณ พันกว่าปี
อีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินแปลง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม มีอายุพันกว่าปีเช่นเดียวกัน  
องค์สุดท้าย คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาวนาราม อำเภอเมือง อุบลราชธานี มีอายุประมาณสองร้อยกว่าปี ในวันเพ็ญเดือน 5 (ประมาณเดือนเมษายน) ของทุกปี
จะมีการทำบุญตักบาตร เทศน์มหาชาติชาดก และสรงน้ำปิดทองพระเจ้าใหญ่อินแปลง ซึ่งถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีมาจนทุกวันนี้

หลังจากไหว้พระเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองกันแล้ว ได้เวลาเริ่มทริปท่องเที่ยวของเราแล้วหละครับ โดยสถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ น้ำตกห้วยหลวง อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย
น้ำตกสวยและยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของไทยครับ ^^ 

เดินทางออกมาได้ไม่นาน ฝนก็ตกหนักมาก.. และรถถติดจนน้ำท่วม เหมือน กทม เลย Y-Y ไม่ได้คาดคิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ที่อุบล  

เราเดินทางต่อมาเรื่อยๆ ถึงอำเภอนาจะหลวย แล้วก็เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าไปที่อุทยานเลยครับ ทางขึ้นอุทยาน มีบางส่วนที่ทำถนนใหม่ เป็นลูกรังแดงๆ
ตอนรถวิ่ง เสียวจะตกเขาจริงๆเพราะว่าถนนลื่นและเละมาก Y-Y

และแล้วเราก็เดินทางถึงภูจองนายอยกันแล้วครับ เวลาประมาณ 16:00 น. จัดแจงเก็บข้าวของที่บ้านพักเสร็จเรียบร้อย.. ขอไปยลน้ำตกจากจุดชมวิวหน่อยครับ..

น้ำยังน้อยอยู่เลย ^^  แต่ก้เข้าใจเพราะว่านี่มันเพิ่งเริ่มต้นฤดูฝนเอง ^^ 


วันนี้.. แขกที่มาพักอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย มีแค่เราสามคนเท่านั้น.. ที่นี่เงียบเหงามาก 

ยังดีนะที่มีค่ายพักแรมของอบต ใกล้ๆ มาค้างที่นี่กัน ถึงพอจะมีหมูเห็ดเป็ดไก่ ... เราจึงมีอาหารเย็นกินในวันนี้...เสียงจากเจ้าหน้าที่อุทยานแจ้งมา..ถือว่ายังเป็นโชคของเรานะที่ไม่มาอดตายกลางป่า 5555

เวลา 5  โมงเย็น ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้วล่ะครับ ถือว่าเรากินข้าวเย็นเร็วมากเมื่อเทียบกับชีวิตในกรุุงเทพ


กับข้าวเป็นต้มจืด และผัดผักครับ .. อร่อยใช้ได้เลย โดยเฉพาะยามยากแบบนี้ ยิ่งอร่อยมากๆ

02 มิถุนายน 2555
เราตื่นเช้า เตรียมตัวลงเดินไปที่น้ำตกห้วยหลวงที่เข้ามาชมเมือวานครับ ^^ ดีใจที่วันนี้น้ำมากขึ้นกว่าเมือวานหน่อยนึง คงเป็นเพราะว่าเมือหลายวันที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก

น้ำตกห้วยหลวง (น้ำตกบักเตว) ตั้งอยู่กลางป่าสมบูรณ์ไหลตกจากหน้าผาสูง 45 เมตร ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด และงดงามที่สุดของภาคอีสานตอนล่าง  
ไหลตกจากหน้าผาสูงชัน ลงสู่แอ่งน้ำใหญ่ และลานหินหาดทราย ด้านล่างมีบันไดทางลงจากศาลาชมทิวทัศน์สู่น้ำตกด้านล่าง  


บันไดค่อนข้างชันครับ แต่มีราวจับ สบายมาก

ประวัติน้ำตกห้วยหลวง
มีตำนานเล่าขานกันต่อๆ มาว่า “นายเตว” กับพวก 2 – 3 คนได้เข้ามาตีผึ้งที่ผาน้ำตกแห่งนี้ โดยออกอุบายนำเถาวัลย์มาพันเป็นเชือกหย่อนลงไปเบื้องล่างของน้ำตก 
นายเตวอาสาโรยตัวลงไปเพื่อตีผึ้ง ซึ่งมีรังผึ้งเกาะติดอยู่กับหน้าผาหลายร้อยรัง โดยมิได้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง 


ในระหว่างที่นายเตวกำลังตีผึ้งอยู่นั้นได้เกิดอาเพศขึ้น เพื่อนที่อยู่ด้านบนมองเห็นเถาวัลย์เป็นงูขนาดยักษ์เลื้อยพันขึ้นมา 
ด้วยความตกใจกลัวจึงใช้มีดตัดฟันลงไปตรงเถาวัลย์ขาดสะบั้นทำให้ร่างของนายเตวที่ห้อยโหนอยู่นั้นร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างของน้ำตกเสียชีวิต 
ยังผลให้น้ำตกแห่งนี้ได้ชื่อเรียกในเวลาต่อมาว่า “น้ำตกบักเตว”


ต่อมาได้มีการประกาศจัดตั้ง “อุทยานแห่งชาติภูจอง–นายอย” ขึ้นในปี 2530 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวน้ำตก 
และมักจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากการลงเล่นบริเวณน้ำตกแห่งนี้ 


จนกระทั่งมีญาติของผู้เสียชีวิตมาเล่าว่า ผู้เสียชีวิตได้มาเข้าฝันแล้วบอกว่า 
นายเตวไม่ต้องการให้ใครมาเรียกชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า “น้ำตกบักเตว” เนื่องจากเป็นคำไม่สุภาพและได้ให้เปลี่ยนชื่อน้ำตกแห่งนี้เสียใหม่ 


ในที่สุดเมื่อปี พ.ศ. 2535 จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อ “น้ำตกบักเตว” เป็น “น้ำตกห้วยหลวง” ตามชื่อของลำห้วยซึ่งไหลพาดผ่านน้ำตกแห่งนี้


หลังจากอ่านประวัติคร่าวๆ แล้วก็รู้สึกว่าน้ำตกนี้เป็นน้ำตกสวย แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวนะครับ ^^
เวลา 08:00 น. แล้ว ได้เวลาที่เราจะนั่งจิบกาแฟยามเช้าแล้วล่ะ ขอนุญาตต้มน้ำด้วยชุดเตาแก๊สพกพาก่อนครับ ^^


จิบกาแฟ ชมน้ำตกยามเช้า ในหุบเขานี้มีแต่พวกเรา มีความสุขอย่าบอกใครเลย 


นอกจากน้ำตกห้วยหลวงนี้ ยังมีน้ำตกอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกทลายแห่ง เช่น น้ำตกเกิ้งแม่ฟอง น้ำตกถ้ำบอน น้ำตกจุ๋มจิ๋ม น้ำตกห้วยทรายใหญ่ (แก่งอีเขียว) เป็นต้น
และน้ำตกที่ใกล้ที่สุดห่างกับน้ำตกห้วยหลวงที่สุด คือน้ำตกประโอนละออ ( น้ำตกจุ๋มจิ๋ม )


น้ำตกประโอนละออ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึงว่า น้ำตกจุ๋มจิ๋ม เป็นน้ำตกที่อยู่ต่อจากน้ำตกห้วยหลวง ห่างจากน้ำตกห้วยหลวงประมาณ 100 เมตร แต่ผมไม่สามารถเก็บภาพมาฝากได้
เพราะว่าหาทางลงไม่เจอครับ เป็นป่าและดูไม่มีเส้นทางให้เดินเลย คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้คงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวครับ 

เวลาประมาณ 10.00 น.เราก็ได้เวลาเดินทางออกมาจากอช. ภูจองนายอยแล้วครับ โดยจุดหมายปลายทางของเราวันนี้คือ สองคอนรีสอร์ท อ. โพธิ์ไทร
รีสอร์ทอยู่ใกล้ๆกับสามพันโบก ครับ  

เส้นทางที่เราขับรถไป เหมือนจะต้องผ่านแทบทุกอำเภอของอุบลราชธานีเลยทีเดียว... และขอ comment นิดนะครับ ถนนที่นี่แย่มากเลย เป็นหลุมลึก กระจายไปทั่วถนน  เป็นแบบนี้ตลอดเส้นทาง
ต้องค่อยๆ หยอดหลบแต่ละหลุม เป็นอุปสรรคแก่การท่องเที่ยวมาก  ถนนบางจุดขับบนถนนไม่ได้จริงๆ ต้องไต่ที่ไหล่ทาง กลัวเจ้า Yaris ที่เช่ามา ..พังจริงๆครับ

ใช้เวลาพอสมควร เราก็มาอยู่ที่นี่แล้วครับ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ และเขื่อนปากมูล 



สะพานแขวนคนเดินข้าม ที่ยาวที่สุดในประเทศ

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบและเนินเขาเตี้ยๆ 
โดยมียอดเขาบรรทัดเป็นจุดสูงสุด ความสูงประมาณ 543 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่านตามแนวเขตทางด้านทิศเหนือไปออกประเทศลาว 


บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลาอาศัยอยู่ชุกชุม

วันนี้โชคร้ายมาก ที่แก่งตะนะไม่มีอะไรกินเลย จึงต้องหิ้วท้องเข้าไปหาข้าวทานที่โขงเจียมกันครับ ตั้งใจจะไปทานอาหารริมโขงกัน ... และแน่นอน ผมหลงเมืองโขงเจียมไปไหนไม่ถูก 
ยังดีที่ได้ร้านอาหารตามสั่งแถวๆริมถนนได้ประทังความหิวไปพลางๆ  นี่ก็บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว ต้องรีบไปสองคอนรีสอร์ทแล้วล่ะ .. 

เราออกเดินทางจากโขงเจียม ไปยัง อำเภอโพธิ์ไทร สภาพถนนที่นี่จะเริ่มแย่ตั้งแต่จุดที่เลยอุทยานแห่งชาติผาแต้ม น้ำตกแสงจันทร์ไปครับ
ยิ่งใกล้ๆ กับสามพันโบก จะเป็นถนนราดยางแต่มีหลุมลึกเต็มไปหมด ผมบรรยายไม่ถูกเลย เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง

จากที่ควรจะใช้ความเร็วประมาณสัก 80 กม/ชม ตอนนี้ใช้ความเร็ว 20 กม/ชม ได้ก็บุญแล้วครับแบบว่าเดินยังจะเร็วกว่าน่ะ 555 

และในที่สุดเราก็ถึงสองคอนรีสอร์ทเสียที ใช้เวลาเดินทางไปประมาณสามชั่วโมง พร้อมกับแผลในใจว่าเราจะไม่ยอมขับรถมาเส้นทางนี้อีก Y-Y 

รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทริมโขงอีกที่ ที่น่าพักนะครับ เจ้าของดูกันเองและคุยเก่งมาก ^^ 


เย็นแล้ว เราทานอาหารกันที่นี่แหละ .. สองคอนรีสอร์ทนั้นเปิดเป็นร้านอาหารด้วยครับ 
อาหารอร่อยใช้ได้เลยและวิวก็สวยมาก เป็นวิวของสามพันโบกครับ 


ตะวันตกดิน


เห็นสามพันโบกอยู่ใกล้ๆ นี่เอง

ที่นี่มีบริการเรือล่องเที่ยวสามพันโบกนะครับ สนนราคาเรือลำละ 1000 บาท พร้อมไกด์ท้องถิ่นครับ 
สำหรับวันพรุ่งนี้เราได้ตระเตรียมเรื่องเรือไว้แล้วล่ะ นัดสมาชิกห้องอื่นๆ ที่เข้ามาพักเรียบร้อยแล้ว ครบ 10 คน เหลือคนละ 100 บาทเอง นัดเรือไว้ตอน 05:30 น. ครับ

ค่ำคืนนั้นเราหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง .. รู้สึกตัวอีกทีฟ้าก็สว่างแล้วครับ 05:30 


03 มิถุนายน 2555
ยามเช้าริมโขง สวยงามอย่าบอกใคร


รวบรวมสมาชิกได้ครบ 10 คนแล้วก็ออกเดินทางเลย ได้เรือลำนี้ครับ


เรือออกท่ากลางบรรยากาศที่สวยงาม ท้องฟ้าเป็นสีทองเลยครับ เรือล่องไปเรื่อยๆ ตามสายน้ำโขงที่ไหลเชี่ยวพอควรครับ


เรือล่องมาได้สักพัก ก็ถึงจุดที่เราจะต้องขึ้นไปปีนป่ายก้อนหินแล้วครับ


ตะวันกำลังขึ้นเลยล่ะ


มีชาวบ้านมาหาปลาที่นี่ด้วยล่ะครับ


แก่งหินสามพันโบก เป็นกลุ่มหินทรายแนวเทือกเขาภูพานตอนปลายที่ทอดตัวยาวริมฝั่งโขงไทยและลาว  สายน้ำแคบและเป็นคุ้งน้ำ  
ณ เส้นรุ้งที่ N.15 องศา 47.472 ลิปดา และเส้นแวงที่ E.105 องศา  23.983 ลิปดา 


ริมฝั่งโขงบริเวณนี้เป็นกลุ่มหินที่เรียงตัวทอดยาว เป็นสันดอนขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 30 ตารางกิโลเมตร ผาหินบริเวณโค้งด้านหน้ารับแรงน้ำที่ไหลจากตอนบน  
ก่อเกิดประติมากรรมธรรมชาติที่งดงาม 



โบกรูปมิกกี้เม้าส์

จุดเด่นที่น่าสนใจคือ โบก อันเกิดจากกระแสน้ำได้พัดพาก้อนกรวด หิน  ทราย  และเศษไม้  กัดเซาะขัดแผ่นหินทรายให้เกิดเป็นหลุมแอ่ง  
มีขนาดเล็กๆจนถึงขนาดใหญ่จำนวนมากมาย หินบางก้อนถูกกัดกร่อนคล้ายงานแกะสลักเป็นรูปสัตว์ รูปหัวใจ รูปมิกกี้เมาส์จากโบกจำนวนมากมาย   
จนสถานที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่า  สามพันโบก 


แก่งสามพันโบก  เป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลาก  ประมาณเดือนกรกฏาคม – เดือนตุลาคม  
และโผล่พ้นน้ำอวดความงามให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมได้  ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – มิถุนายน ทุกปี


 สามพันโบกได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อโฆษณาของ ท.ท.ท. ชุด เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก  เริ่มออกฉายภาพ  


สถานที่ท่องเที่ยวซึงเป็นฉากจบของโฆษณาชุดนี้จึงกลายเป็นคำถามว่า  ที่ไหนกัน  เมืองไทยมีที่แห่งนี้ด้วยหรือ 
นับตั้งแต่นั้นมา  แก่งสามพันโบก  จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่  ที่กำลังเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวติดอันดับประดับประเทศ


สามพันโบกในอดีต   เป็นแหล่งที่ชาวบ้านมาจับปลาในหน้าแล้งตามหลุมแอ่ง  โบก และสระบุ่ง  
เนื่องจากลุ่มแอ่งจำนวนมากมายเหล่านี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวนมากที่ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงใช้สำหรับการดำรงชีพ


ใครเคยเห็น หินรูปแจกันบ้างเอ่ย


ที่สามพันโบกมีถ้ำใต้น้ำให้ปีนป่านกันด้วยนะครับ จะโผล่พ้นน้ำมาเฉพาะหน้าแล้ง

ได้เวลาอันสมควร แดดเริ่มร้อนแล้ว เราตัดสินใจกลับมาที่รีสอร์ทกันครับ ได้พูดคุยกันคร่าวๆ ก็พบว่าแต่ละคนก็ได้รับประสบการณ์อันเลวร้ายจากถนนที่มาจากโขงเจียมตามๆกัน
จึงได้ขอคำแนะนำจากพี่เจ้าของรีสอร์ทว่ามีเส้นทางไหนที่เดินทางกลับได้สะดวกบ้าง .. ก็ได้รับคำตอบครับ 


ระหว่างเดินทาง


น้ำโขงไหลเชี่ยว


เรากลับมาที่รีสอร์ท ทานอาหารเช้าซึ่งวันนี้จะเป็นก๋วยจั๊บญวณ รสชาติใช้ได้ครับ
เก็บข้าวของแล้วก็เตรียมตัวไปลุยต่อที่ผาแต้มครับ โดยมีโจทย์ว่า .. ต้องไม่กลับไปเส้นทางที่ขับมาเมื่อวานเด็ดขาดเลย 


ภาพสุดท้ายที่สองคอนรีสอร์ท

เราออกมาจากรีสอร์ทโโยใช้เส้นทางใหม่ที่อ้อมออกมาจากเส้นโขงเจียมอีกทีหนึ่ง สภาพถนนดีขึ้นหน่อยนึงครับ
และในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรูนั่นเอง 



น้ำตกแสงรันทร์ ดูจากภาพจะเห็นว่าน้ำ ตกลงมาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

เนื่องจากน้ำตกเล็กมากเราจึงอยู่ที่น้ำตกไม่นานนัก ไปลุยต่อที่ผาแต้มเลยดีกว่า ... เราใช้เวลานิดเดียวก็เดินทางถึงผาแต้มแล้วครับ
เดินทางถึงผาแต้มแล้วฝนก็ตั้งเค้าจะตกเลยครับ .. แล้วอยู่ดีๆ ก็ตกหนักขึ้นมา วิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่นเลยล่ะครับ ^^


ฝนที่นี่ตกได้แปปเดียวก็หยุดครับและแดดก็จ้าขึ้นมาทันที.. ผมตัดสินใจเข้าไปชมความงามของผาแต้ม และอยากไปชมภาพเขียนสีจะแย่แล้วครับ..


อุทยานแห่งชาติผาแต้ม มีเนื้อที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี 
ประกอบด้วยสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่านานาชนิด มีจุดเด่นที่สวยงามตามธรรมชาติมากมาย เช่น ผาแต้ม น้ำตกสร้อยสวรรค์ เสาเฉลียง ถ้ำปาฏิหารย์ ภูนาทาม เป็นต้น 


อีกทั้งยังได้มีการค้นพบภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์  ที่บริเวณผาขาม ผาแต้ม ผาเจ็ก ผาเมย และถือได้ว่า 
เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในประเทศไทยที่มีแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว เป็นแนวเขตอุทยานแห่งชาติที่ยาวที่สุด 
ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ป่าเขาทางฝั่งประเทศลาวได้เป็นอย่างดี


ในอดีต ชาวบ้านท้องถิ่นที่ทำกินในบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ป่าภูผา น้อยคนนักที่จะเดินทางเข้าไปในป่าดังกล่าว เนื่องจากมีความเชื่อว่า "ผาแต้ม 
เป็นเขตต้องห้าม ภูผาเหล่านี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเป็นภูผาแห่งความตาย ใครล่วงล้ำเข้าไป มักมีอันเป็นไป อาจเจ็บไข้หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้"


สำหรับเส้นทางเข้าไปชมภาพเขียนสีโบราณ จะต้องเดินลงไปทางด้านล่างของหน้าผาครับ
จุดที่ชมภาพเขียนสีจะมีหลายจุด แต่จุดใหญ่ที่สุดและคุ้มสุด ดูท่าจะเป็นจุดที่ 2 ครับ


เส้นทางเข้าชมภาพเขียนสี 


บริเวณด้านล่างของหน้าผามีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฏเรียงรายอยู่เป็นระยะ มีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันถึงสี่พันปี
ทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินจากหน้าผาด้านบนลงไปชมภาพเขียนสีเหล่านี้ที่หน้าผาด้านล่าง ระยะทางประมาณ 500 เมตร 


ภาพเขียนจะอยู่บนผนังหน้าผายาวติดต่อกันประมาณ 170 เมตร ซึ่งเป็นมุมต่ำกว่า 90 องศา มีภาพทั้งหมดประมาณ 300 ภาพ แบ่งเป็น 4 ประเภท 
คือ สัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ สัญลักษณ์ และคน

ดูจากภาพตอนแรกคิดว่าภาพเขียนเป็นภาพเล็กๆ แต่ที่จริงใหญ่มากครับละลานตาไปหมดเลย

17:00 น. ได้เวลาแล้วครับ เราเข้า check in ที่โรงแรมทอแสง โขงเจียม ห้องพักที่นี่สีสันสวยงามจัดจ้านดีครับชอบมาก ^^



ตกเย็น เราออกไปทานอาหารกันที่แพอารยา แพที่หลายๆ คนต่าง confirm ว่าอาหารอร่อย ตามนั้นเลยครับ
อาหารอร่อยพนักงานก็บริการน่ารัก มีการเข้ามาชมว่าแฟนผมสวยด้วย 555  ที่สำคัญราคาไม่แพงครับ 

04 มิถุนายน 2555

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว เราตื่นมาทานอาหารเช้าของโรงแรม อาหารเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟต์เพราะว่ามีแขกมาพักเยอะมาก 
ชอบใส้กรอกครับอร่อยดี ^^ 


ถ่ายบรรยากาศรอบๆ โรงแรมมาฝากกันครับ






สวนหย่อมบริเวณโรงแรม


บ้านพักสามหลังนี่น่ามาพักมาก ดูเป็นส่วนตัวดี ไว้คราวหลังแล้วกันนะ ^^


เวลาประมาณ 11:00 น. เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมเพื่อเตรียมเดิยทางกลับไปที่เมืองอุบลราชธานีครับ


สะพ้านข้ามแม่น้ำมูล


พาหนะคู่ใจสำหรับทริปนี้

สำหรับโปรแกรมการท่องเที่ยวเมืองโขงเจียมของผมนั้น มีวัดที่อยากไปมากอยู่วัดหนึ่งครับ เป็นวัดที่แปลกดี ตั้งอยู่ใต้น้ำตกหาที่ไหนไม่ได้  "วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย"


วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี 
ภายในวัดจะมีทางเดินไปยังถ้ำเล็กๆ หรือที่เรียกกันว่า ถ้ำเหวสินธุ์ชัย ภายในประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ รูปหล่อพระฤๅษี พระแม่ธรณี และพระพุทธรูปอีกหลายองค์ 


และที่บริเวณของเพิงถ้ำ มีน้ำตกจากลำธารเล็กไหลผ่านลงมาเป็นน้ำตก การมาวัดนี้จึงเป็นการมานมัสการพระพุทธไสยาสน์ในถ้ำหลังน้ำตกแห่งนี้นั่นเอง 
และนอกจากนี้ ยังมีวิหารพระแก้วมรกต และพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำมูลให้สักการะกันอีกด้วย


เดินทางออกมาได้นิดหน่อย เราแวะอีกวัดนึงครับ ชื่อวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ตั้งอยู่บนเนินเขา


ที่นี่มีพระเจดีย์องคฺ์ใหญ่และมีจุดชมวิวแม่น้ำสองสีที่สวยงามอีกจุดหนึ่งครับ


จุดชมวิวแม่น้ำสองสี

เที่ยงแล้ว หาอะไรทานกันดีกว่าครับ แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทานอะไรดี เหลือบไปเห็นอ่างเก็บน้ำของเขื่อนสิรินธร มีร้านอาหารมากมาย จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปเลยครับ


ชายหาดของที่นี่ ชาวบ้านเรียกว่าหาดพัทยาน้อย .. น้ำใสและมีคลื่นเล็กๆ ด้วย
ผมเผลอใจลงไปเดินเล่นในน้ำเลยล่ะ น้ำน่าเล่นมากครับ ^^


อาหารที่สั่งจะเป็นอาหารออกแนว อิสานๆ น่ะครับ
โดยเฉพาะปลาอบอร่อยมากครับ เป็นปลานิลสดๆ จับมาจากกระชังและเอามาอบให้เลย อร่อยๆ


บ่ายคล้อยแล้ว ฝนก็มีทีท่าว่าจะตก เราตัดสินใจออกเดินทางกลับเข้าเมืองอุบลกันครับ ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ เป็นโรงแรมใหม่สุดเก๋ ชื่อว่า เป็น-ตา-ฮัก ครับ 
เป็นภาษาอีสานแปลว่า น่ารัก ^^

ห้องแต่ละห้องก็ตกแต่งน่ารักจริงๆด้วย แต่ละห้องจะทาสีและตกแต่งไม่เหมือนกัน .. ห้องผมได้เป็นห้องแปรงสีฟันครับ 


ลวดลายที่ล็อบบี้ อาร์ทมากครับ


การตกแต่งที่โดนใจวัยรุ่นอย่างเรา ฮิ ฮิ


เรานัด AVIS มารับรถและทานอาหารค่ำกันที่นี่ครับ ร้านอาหารที่นี่เป็นสไตล์ฟิวชั่น สั่งเต๊กเนื้อไป รสชาติปะแล่มๆ  เหมือนน้ำมะนาวหกใส่ครับ^^ แต่ก็ทานหมดแบบรู้สึกแปลกๆ

05 มิถุนายน 2555

วันนี้เรามี flight กลับประมาณ 09:00 น.

ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นก๋วยจั๊บญวณและข้าวต้ม อร่อยดีครับ ^^

เสร็จแล้วมาติดต่อที่ lobby เพื่อติดต่อ taxi ไปสนามบินตอน 07:30 ครับ ปรากฏว่าเวลาเวลา 08:00 Taxi ก็ยังไม่มา  ใจเต้นตึกๆ เลยเพราะว่ากลัวว่า gate จะปิด 
ทางโรงแรมก็กรุณาโทรไปตาม Taxi ให้อีกครั้ง จน Taxi มาจนได้  ขอบคุณจากใจจริงครับ 

พอไปถึงสนามบิน เข้าห้องน้ำแปปนึงก็ได้เวลาขึ้นเครืองพอดีเลยครับ เป็นการขึ้นเครื่องบินที่ลุ้นมาก Y_Y

การเดินทางกลับ กทม เป็นไปด้วยดี สภาพอากาศนิ่งมาก มีภาพเมฆสวยๆ กลับมาด้วยครับ ^^




จบแล้วครับสำหรับอีกทริปแห่งความประทับใจ อุบลราชธานีเป็นอีกจังหวัดที่สถานที่ท่องเที่ยวครบทุกแนวและสวยงามจริงๆครับ 

ถ้ามีการแก้ไขถนนและสภาพเส้นทางให้มันเอื้ออำนวยแก่การท่องเที่ยวมากกว่านี้ ผมเชื่อว่าจังหวัดอุบลราชธานีจะเป็นอีกจังหวัดนึงที่บูมเรื่องของการท่องเที่ยวมากที่สุดอีกจังหวัดหนึ่ง ^^

ปล. แล้วถ้าถึงวันนั้น ผมจะกลับมาใหม่ครับ ^^ 

ขอบคุณข้อมูลจาก :  //guideubon.com/



Create Date : 26 สิงหาคม 2555
Last Update : 7 ตุลาคม 2555 21:55:27 น. 18 comments
Counter : 14432 Pageviews.

 
ภาพถ่ายสวยงามมากๆเลยค่ะ


โดย: rambujan วันที่: 26 สิงหาคม 2555 เวลา:23:55:09 น.  

 
บรรยากาศชิวชิว ดีมากเลยค่ะ
ไปนอนค้างซักสองคืน .... คงผ่อนคลายมากมายอ่ะ !!! ^^


โดย: PPmarathon วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:9:01:38 น.  

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:9:46:58 น.  

 
รูปพี่น่าจะเท่ห์ๆกว่านี้ไม่ใช่เหรอว่าดูตอนแรกมันเท่ห์กว่านี้นี่หว่า


โดย: Pattara IP: 115.87.32.101 วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:12:10:33 น.  

 
ลังเลอยู่ก็เพราะถนนนี่ล่ะค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:16:55:21 น.  

 
เป็นอีกจังหวัดนึงที่จะไปเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ในหน้าหนาว


โดย: ลูกเมืองด้ง วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:22:33:56 น.  

 
ภาพสวยมากค่ะ (ทุกภาพจริง ๆ) น่าไปมากมาย


โดย: niturum วันที่: 28 สิงหาคม 2555 เวลา:18:24:18 น.  

 
ภาพสวยค่ะ

เคยขับรถไปอุบลกันเอง เมื่อยตรูดมากกกค๊า
รอบหน้านั่งเรือบินไปมั่งดีกว่า


โดย: จิตหลอน วันที่: 31 สิงหาคม 2555 เวลา:17:31:26 น.  

 
ภาพสวยมากค่ะคุณกาแฟ
เห็นแล้วนึกอยากกลับไปเที่ยวอุบลอีกซักครั้งเลยอะ

แต่สงสัยนิดนึง...ทำไมศิลปกรรมพม่าไปโพล่
ที่หอไตรโบราณแถวนั่นได้เน๊อะ
ถ้าเป็นหอใหม่ จะไม่ค่อยงงนะคะ
แต่เป็นหอเก่าโบราณนี่ดิ..น่าคิดจริงๆ ^^


โดย: mutcha_nu วันที่: 16 กันยายน 2555 เวลา:11:38:41 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดนะครับ มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง
จขบ ถ่ายภาพได้สวยมากๆ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันให้ชมนะครับ


โดย: Parisienne วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:6:18:15 น.  

 

ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
เหตุการณ์ดีๆสุขภาพที่แข็งแรง
รวมทั้งความรัก
ที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ




โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:7:52:44 น.  

 
เข้ามาบ้านนี้ทีไร อยากออกเดินทางทุกทีสิน่า ..

สวยมากๆ ภาพสวยๆ ทั้งนั้น

ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ ..

happy birthday ค่ะ


โดย: Nongpurch วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:8:37:52 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา
มีความก้าวหน้าทั้งในชีวิตและหน้าที่การงาน
สุขภาพแข็งแรงตลอดปี และตลอดไปค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:9:24:39 น.  

 
ภาพสวยมากเลยค่ะ น่าไปเที่ยวมากๆ

สุขสันต์วันเกิดนะค่ะ ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามามีความสุขมากๆนะค่ะ ^^


โดย: ส้มมะนาวปั่น (ส้มมะนาวปั่น ) วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:9:31:47 น.  

 
ถ่ายภาพได้สวยมาก ๆ รวมทั้งเรื่องราว ตำนานที่เล่าประกอบก็น่าสนใจ น่าไปเที่ยวตามจริง ๆ

สุขสันต์วันเกิดนะคะ...

ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทั้งกาย-ใจนะคะ



(มาอวยพรวันเกิดให้คนที่เกิดวันเดียวกัน)


โดย: แม่ไก่ วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:11:36:31 น.  

 
ขอตามไปเที่ยวด้วยนะ
ปล.ภาพสวยดีจ้า


โดย: หมูตอนพ่อเต๊าะ IP: 58.137.174.228 วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:8:54:36 น.  

 
สวัสดีครับ

ชอบภาพที่ถ่ายมากครับ

ถ่ายได้สวยจริงๆ เข้ามาเก็บข้อมูลไว้ ถ้ามีโอกาสคงได้ไปเที่ยวบ้าง

ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ


โดย: chaangfun2020 วันที่: 28 กันยายน 2555 เวลา:23:06:47 น.  

 
มาอุบลฯมาด้วยกายใจที่ปล่อยว่าง วางจากสิ่งที่เคยเจอ อาหาร สถานที่ แม้ไม่แปลกแต่ก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแปลกๆที่มาแล้วจะอยากอยู่อยากมาอีกๆๆๆ ^^จ้า


โดย: ubonlovely IP: 183.89.69.107 วันที่: 14 มกราคม 2556 เวลา:16:19:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาแฟเย็นใส่นมเยอะๆ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




กล้องเก่าๆ เลนส์เดิมๆ กับการท่องเที่ยวในสไตล์ของฉัน
ความคิดเห็นล่าสุด
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กาแฟเย็นใส่นมเยอะๆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.