เมื่อปีใหม่ ของปีที่ที่ผ่านมา (ดองเค็ม) มีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะที่หลายๆ คน ยกให้เป็นสุดยอดของเมืองไทยอีกเกาะหนึ่งครับ .. หลีเป๊ะนั่นเอง ..
ทริปนี้ เป็นทริปท่องเที่ยวประจำปีของผมกับเพื่อนๆ พี่ๆ ใน office ครับ ผมเป็นพ่องานเหมือนเคย ^^ ..

ทริปนี้ เป็นทริปที่ได้ชื่อว่าเครียดที่สุดเลยทำ งานไม่เสร็จ จะไม่มาก็ไม่ได้ .. Y-Y 
รูปไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับเพราะว่าชอบเอาเรื่องงานมาคืด ฮือๆๆ คราวหน้าไม่เอาอีกแล้วนะอารมณ์นี้ 

08/01/2554
เราเริ่มออกเดินทาง  flight 12:50 น. ถึงหาดใหญ่เวลาบ่ายสองกว่าๆ.. สภาพอากาศค่อนข้างดีครับก่อนห้านี้ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะเจอฝนไหม ^^'
คืนนี้เราจะพักกันที่หาดใหญ่ครับ ชื่อโรงแรม VL หาดใหญ่ สภาพห้อง OK เลยครับ..

ฟ้าใสๆ

จัดแจงเก็บข้าวของในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว ก็ลงมาหาข้าวทานกันครับ เจอชื่อร้านนี้ แปลกดีเลยถ่ายมาครับ ..และเราก็ทานกันร้านนี้แหละ ออส่วน อร่อยจุใจมากกก

ชื่อแปลกดีครับ

ตกเย็น เราไปเทศกาลโคมไฟ สีสันเมืองใต้กันครับ ..

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย สมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ร่วมกันจัดงานเทศกาลโคมไฟ สีสันเมืองใต้ และมหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง@ Hat Yai Ice Dome ประจำปี 2553 ขึ้น 
เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ณ สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาครับ

โคมไฟ สีสันสวยงาม หลากหลายรูปแบบ

ปีนี้ปีกระต่าย เลยจะเน้นกระต่ายมากเป็นพิเศษละมั้ง

ผู้คนมากมายครับ

มีจรเข้ด้วยครับ

พญานาคก็มี ..

ต่อจากนั้นก็เข้ามาที่งาน มหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง ครับ
ภายในงานนี้ก็จะมีการแกสลักน้ำแข็งให้เป็นรูปร่างต่างๆ ภายใต้อุณหภูมิ -15 องศาครับ หนาวมากๆ

อาคารต่างๆ

กิ่งไม้เป็นน้ำแข็งหมดเลย

นอกจากนี้ยังมีการแสดงพันธุ์ไม้เมืองหนาวให้ชมกันอีกด้วยครับ

ดอกลิลลี่

09/01/2554
เวลาประมาณ 07:00 น. เราก็ได้เวลาเดินทางออกจากตัวเมืองหาดใหญ่เสียทีครับ ..  เดินทางอย่างสะดวกสบายด้วยรถตู้ที่ทางทัวร์ติดต่อให้ 
ถนนทางใต้นี่มันราบเรียบนุ่มนิ่่มจริงๆ ..

และลแล้วก็ถึงท่าเรือปากบารา จ.สตูลครับ เรือออกเวลา 11:30 น.

ท่าเรือปากบารา

สักพัก เรือแล่นมาถึงหมู่เกาะตะรุเตา เราขึ้นมาถ่ายรูปเล่นกันบนเกาะครับ .. ออกจากชายฝั่งมาได้นิดเดียวน้ำก็เริ่มใสแล้ว..

หมู่เกาะตะรุเตา

หมู่เกาะตะรุเตาในสายตาของเราเป็นเกาะ ทางผ่านที่สวยและสงบมากครับ..
ไม่เชื่อดูรูปข้างล่างสิสวยและสงบสุดๆไปเลย ..

.. เห็นแล้วอยากจะมาอีก ^^

บรรยากาศเงียบสงบของเกาะตะรุเตา ..

ออกมาเหยียบผืนทรายทีตะรุเตาได้สักพัก ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องออกเดินทางต่อแล้วครับ .. จุดพักต่อไปของเรา.. ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วละมั้ง .. เกาะไข่
สวยมากกกก... สวยจนบรรยายไม่ถูกเลยครับ .. แค่เพียงได้เห็นน้ำทะเลใสๆ และหาดทรายขาวๆ .. ก็ต้องร้องว้าวเลย ..

เรือแวะจอดให้เราดื่มด่ำบรรยากาศกันประมาณ 15 นาทีครับ .. 

สัมผัสแรก ที่เกาะไข่

น้ำใส หาดทรายขาว..

และแล้วเราก็ได้มาเห็น ซุ้มประตูแห่งความรัก ซะทีนะ เคยเห็นแต่ใน postcard ..ขอบอกว่า.. สวยเหมือนใน postcard เลยล่ะ

ซุ้มประตูแห่งความรัก 

อีกสักรูป

ถึงเวลา ลาจากเกาะไข่ ได้เวลาที่เราจะเดินทางไปที่หลีเป๊ะกันสักที .. อีกสักพักครับ เราก็เดินทางมาถึงเกาะหลีเป๊ะ ..
เรือสปีดโบ๊ท จอดให้เรามาขึ้นที่โป๊ะเล็กๆกลางน้ำ ซึ่งมีคนยืนรออยู่เป็น 100 เลยครับ แน่นจนไม่มีที่จะยืน .. น่ากลัวมากเสียวว่าโป๊ะจะล่ม 

นับว่าโชคดีนะที่ไม่เกิดอะไรขึ้น .. ยืนรอสักพัก ..เรือหางยาวที่ทางทัวร์ติดต่อไว้ ก็มารับเราไปที่รีสอร์ทครับ.. โล่งใจ ^^

ท่าของพี่เค้าเท่มาก..

เรือแล่นผ่านน้ำทะเลสีเขียวใสหน้าเกาะอาดัง .. อดใจไม่ได้ที่จะชักภาพมาฝากครับ สีของน้ำที่นี่สวยจริงๆ

น้ำทะเลสีสวยๆ

เรือแล่นมาได้เกือบครึ่งเกาะ ก็ถึงแล้วครับ Mountain Resort ที่เค้าว่า วิวสวยที่สุดของเกาะเลยทีเดียว..
จริงของเค้านะ .. 

หาดทรายขาวๆ หน้า Mountain Resort

วิวจากห้องอาหารที่นี่สวยมาก ... เค้าเรียกว่า วิวเทพ ครับ..

... สวยไม่อยากจะละสายตาเลยจริงๆ 

.. เพลิน

เราเข้าที่พัก เก็บข้าวของกันเรียบร้อย .. อดใจไม่ไหวที่จะลงมาเล่นน้ำ ... ก็ทะเลสวยขาดนี้ ..
เราเล่นน้ำกันสักพักจนประมาณ 5 โมงเย็นก็เตรียมขึ้นเพื่อจะไปเดินเล่นที่หาดอีกด้านหนึ่งของเกาะครับ .. หาดพัทยา..
เดินมากลางเกาะ เห็นบาร์นี้สวยดีเลยชักภาพมาสักหน่อย..

บาร์สวยๆ กับสีสันที่พอจะตีความได้ ^^

เราเดินมาที่หาดพัทยา .. หาดที่ได้ชื่อว่าทรายขาว นุ่มละเอียดราวคอฟฟี่เมท.. เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ .. ที่นี่สุดยอดจริงๆ..
เดินไปเดินมาก็เริ่มจะเย็นแล้ว บรรยากาศคล้ายฝนจะตก... ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจาก.. ดั๊นน..มาติดฝรั่งจูบกัน.. อิจฉาวุ้ย..

sweet เชียวนะ..

เราเดินเล่นกันที่หาดพัทยา สักพัก สักทุ่มครึ่ง.. เราจึงเดินทางกลับกันครับ..
... สงสัยจังเลยว่า .. คนไทยไปไหนหมดนะ ??

ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล .. หลังทานข้าวเย็นเสร็จ เราลงมาเดินกันที่ชายหาดครับ.. แล้วก็ได้เห็นของดี..
อย่าคิดไปไกลครับ.. พรายน้ำ.. สีฟ้าๆ หลายพันตัว เปล่งแสงมาพร้อมกับลูกคลื่น กลายเป็นคลื่นเรืองแสงเมื่อกระทบฝั่ง .. สวยมากกกกกกก.. อย่างกับหนังเรืองอวตารเลย ^^ 
เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นพรายน้ำเยอะๆ ก็ที่นี่ล่ะครับ .. อยากถ่ายภาพมาให้ชมแต่ก็ถ่ายไม่ติดครับ .. บางอย่าง ต้องไปดูด้วยตาของตนเองถึงจะรู้นะ ..

10/01/2554

เราตื่นกันประมาณ 06:30 น. เพื่อเตรียมตัวมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ.. แต่ก็ต้องผิดหวัง .. เมฆเยอะเสียเหลือเกิน..
ต้องกลายเป็นภาวนาไม่ให้ฝนตกแทน 

ยามเช้า

เราเดินมาที่หาดชาวเลครับ หาด ใกล้ๆกับ mountain Resort 
เช้าๆ มีคมาวื่งออกกำลังกายกันเยอะเลยครับ.. พร้อมกับเก็บขยะ พวกเศษแก้วแตกๆ ที่กระจัดกระจายอยู่บนหาดทรายไปด้วย (ที่หลีเป๊ะเศษแก้วแตกที่หาดเยอะเหมือนกัน เดินระวังกันด้วยครับ) 

ถึงแม้ว่าแดดจะไม่ออก บรรยากาศก็ยังนับว่าสวย .. สวยไปอีกแบบ (ปลอบใจตัวเอง Y-Y)

หาดชาวเล กับเรือประมงของชาวบ้าน

ท่ามกลางบรรยากาศครึ้มๆ เราขอเสี่ยงดวงออกไปดำน้ำกันครับ(เลือกไม่ได้นี่หว่า ^^)
ที่แรกที่เราแวะกันคือ ร่องน้ำจาบังอันเลื่องชื่อ .. ปะการังอ่อนสีสันสวยงาม โบกตัวไปมาอยู่ใต้น้ำ ..
แต่ขอบอกว่า.. น้ำแรงมากกก.. ว่ายน้ำจนหอบเลยครับ ถ้าไม่ได้เชือกที่ขึงไว้ เราคงลอยหายไปไกล..

หลังจากที่ชมปะการังอ่อนเสร็จ .. เราเดินทางมาต่อกันที่เกาะหินงาม .. วันนี้ทั้งเกาะเป็นของเราเลยทีเดียว .. รู้สึกดีมากที่ยังไม่มีคนมา (คงเพราะว่ามันเช้ามาก)
เรีรียงเจดีย์ก้อนหินกัน มันส์เลยครับ ..

เกาะหินงาม

หินงามๆ

หลังจากนั้นเราก็ไปดำน้ำกันที่หลังเกาะหินงามกันครับ (ก่อนที่อุทยานแห่งชาติจะปิดจุดนี้ 1 อาทิตย์)

บอกตามตรงว่าไม่อยากจะหวังอะไรมากกับท้องทะเลในช่วงนี้ เนื่องจากช๊อคกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในปีที่แล้ว ..

แต่ก็ยังพอใจชื้นครับ ลองลงไปดำน้ำดู ..
ปะการังส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นปะการังโขด ปะการังจาน.. และยังสวยงามดีครับ ปลาสวยๆก็มีพอสมควร.. (ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนจะสวยกว่านี้ไหม ไม่เห็นปะการังเขากวางเลยสักกิ่งเดียว Y-Y)..

... เราขึ้นเรือ และเดินทางไปดำน้ำจุดต่อไปครับ .. ครั้งนี้เราออกไปไกลมากก.. 

เกาะหินซ้อน.. เกาะสุดท้ายของน่านน้ำไทยครับ ..

น้ำใสมากๆครับ

เกาะหินซ้อน นี้มีชื่อเรียกจากการที่บนเกาะมีก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนทับกันอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ลักษณะเป็นแนวโขดหินกลางทะเลที่ซึ่งอยู่ห่างจะเกาะดงไปไม่ไกล
มองดูคล้ายกับเรือดำน้ำลอยลำอยู่กลางทะเล บางคนจึงเรียกว่ากองหินเรือดำน้ำ

บริเวณรอบกองหินเหล่านี้เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังได้ แต่น้ำจะเชี่ยวนิดนึง .. บริเวณเกาะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากจุดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
และถัดจากเกาะนี้ไปจะไม่มีเกาะใด ๆ ของประเทศไทยให้เห็นอีกเลย เกาะ ๆ นี้จึงถือเป็นเกาะสุดท้ายในทะเลอันดามัน

สวยและน้ำใสมากๆครับ

หลังจากนั้นเราก็ลงดำน้ำที่แถวๆนั้นครับ(จำชื่อเกาะไม่ได้ซะอีก).. แต่ที่ประทับใจมากคือเราได้เห็นปลาสิงโตด้วย .. เกิดมายังไม่เคยเห็นปลาสิงโต ว่ายในทะเลเลย..
สวยก็สวยนะ .. แต่ก็เสียวไม่กล้าไปดูใกล้ๆ เพราะเจ้าหมอนี่มันมีพิษ..

เรามาพักทานอาหารกลางวันกันที่นี่ครับ เกาะรอกลอย..
หลายคนบอกว่าเกาะนี้ น้ำใสที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา .. ใสจริงๆครับ เหมือนที่เค้าบอกเลย .. น้ำทะเลก็น่าเล่นมาก

เกาะรอกลอย

น้ำใสจริงๆครับ

สวรรค์เลยล่ะ

หลังจากน้นเราวก กลับกันมาที่หาดทรายขาว เกาะราวีกันครับ .. บรรยากาศยามบ่าย แกว่งชิงช้ากันสนุกเลย ^^
เกาะราวีก็เป็นอีกเกาะที่บรรยากาศดีมาก สวย สงบ แถมมีน้ำจืดให้อาบตลอดเวลา .. เกาะนี้มีน้ำตกด้วยนะครับเหลือเชื่อมาก ..

หาดทรายขาว เกาะราวี

จุดสุดท้ายที่เราลงไปดำน้ำกันคือเกาะอาดังครับ ปะการังยัง ok อยู่(ถึงแม้ว่าจะตายไปเยอะแล้วก็เถอะนะ ^^)
ค่ำคืนนี้เรานอนกันดึกเพราะนั่งดูพรายน้ำเช่นเคย เพลินและตื่นเต้นมาก ... เราตื่นแต่เช้า ทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็ได้เวลากลับกันแล้วล่ะครับ (ยังไม่อยากกลับเลย)

ชายหาดยามเช้า

เรือหางยาวค่อยๆแล่นฝ่าแผ่นน้ำที่ใสราวกระจก เรานั่งดูปะการังจากบนเรือได้สักพักก็ถึงโป๊ะกลาง สำหรับรอเรือ speed boat กลับฝั่งกันแล้วหละครับ 

น้ำใสมากจริงๆ ขนาดยามเช้าที่ยังไม่มีแดดนะครับ

ยังไม่อยากกลับเลย

ก่อนกลับ เราแวะเที่ยวหาดใหญ่กันอีกครั้งครับ ไหว้พระองค์ใหญ่มากที่วัดหาดใหญ่ใน นั่นเอง

หากเอ่ยชื่อ "วัดมหัตตมังคลาราม" น้อยคนนักจะรู้จัก ความจริงวัดมหัตตมังคลาราม คนทั่วไปจะรู้จักในชื่อ "วัดหาดใหญ่ใน" นั่นเอง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ 

นิยมเดินทางมากราบไหว้ "พระพุทธมหัตตมงคล" ซึ่งเป็นพระนอนที่มีความยาวถึง 35 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 10 เมตร ว่ากันว่าใหญ่เป็นอันดับสามของโลก

วัดหาดใหญ่ใน ซ่อนตัวอยู่หลังตลาดหาดใหญ่ใน บนถนนเพชรเกษมใกล้สะพานคลองอู่ตะเภา บนเนื้อที่ 22 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มริมคลองอู่ตะเภา 

ในอดีตแวดล้อมด้วยทุ่งนา สวนยางพารา และเหมืองแร่ ปัจจุบันแวดล้อมด้วยตึกรามบ้านช่อง ร้านค้า และตลาด แต่ภายในวันหาดใหญ่ในยังคงสงบ ร่มรื่น และสวยงาม

ในวันหาดใหญ่ในมีอุโบสถ กว้าง 15 เมตร ยาว 32 เมตร สร้างในปี 2522 สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี ตามแบบของกรมศิลปากร ส่วนศาลาการเปรียญ กว้าง 25 เมตร ยาว 42 เมตร 

สร้างในปี 2499 โครงสร้างเสาคอนกรีต เครื่องบนเป็นไม้เนื้อแข็ง หอพักอาคันตุกะกว้าง 15 เมตร ยาว 42 เมตร สร้างในปีเดียวกับอุโบสถ กุฎิสงฆ์มีจำนวน 30 หลัง ส่วนฌาปนสถานตรีมุข 

โกดังสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก และวิหารพระพุทธไสยาสน์ สำหรับปูชนียวัตถุมีพระพุทธไสยาสน์ 

ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า "พระพุทธมหัตตมงคล" ซึ่งสร้างในปี 2515-2520

พระพุทธมหัตตมงคล

หลังจากนั้นก็สมควรแก่เวลารอเครื่องบินเที่ยวกลับแล้วล่ะครับ สำหรับทริปนี้ถือว่าประทับใจมากสถานที่ท่องเที่ยว ถือว่าสวยจริงๆ หากคนชอบน้ำทะเลใสๆ คงจะมีความสุขมาก เพราะว่าที่หลีเป๊ะนี่ ถือว่าจัดเต็มเลยทีเดียวครับ
แต่สำหรับผม ผมยังชอบสีน้ำทะเลของเกาะพีพี และเกาะไม้ไผ่ มากกว่าหน่อยๆครับ อย่าว่ากันน้าาา...

Create Date : 17 สิงหาคม 2555
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 22:20:41 น.		6 comments
Counter : 12726 Pageviews.
Share Tweet