เดินมาถึงข้างบนฝนก็ยังตกครับ แถมตกหนักขึ้นด้วย ฝนตกแรงมากๆ หนาวจนควันอออกปาก และก็ไม่สามารถกางเต๊นท์ได้ครับ
จึงไปอาศัยที่ทำการอุทยาน ขอพี่เขาผิงไฟก่อน พี่เขาใจดีมากๆ ให้พวกเรานั่งผิงไฟและต้มน้ำร้อนกินมาม่า อิอิ อย่างหิวเลยครับ เป็นมาม่าที่อร่อยมากๆๆๆๆ



ฝนหยุด เราถึงได้มาเริ่มกางเต๊นท์กันครับ กางกันสามหลังครับ ต้องรีบกางเพราะว่า ฝนมันเริ่มหยดมาอีกแล้ว ววว
(อยู่บ้านดีๆ ไม่ชอบ 5555)



ขอชมความงามของทุ่งดอกหงอนนาคหน่อย อิอิ



ต้นสนในสายหมอก อย่างโรแมนติคเลยคร๊าบ



ดอกหงอนนาคข้างบนแฉะไปหน่อย อิอิ



สดชื่นมากๆๆ ครับ



วันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับไปในเวลาเพียงแค่ 18.00 น.

เจอกันพรุ่งนี้เช้า กับสิ่งที่คาดไม่ถึง ...



ตื่นมา งงเลยครับ หมอกหายไปไหนไม่รู้ กุลีกุจอ เดินมาที่จุดชมวิว อยากเห็นว่าวิวที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง

แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ..



เห็นทิวเขาสลับซับซ้อนไปไกลเลย นึกว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้วสิ ..



พื้นค่อนข้างลื่นและอันตราย เดินไม่ดีจะลื่นตกเหวนะ



สวยจัง ..



ลมเริ่มแรงแล้วครับ



ถ่ายไปได้สักพัก หมอกขาวเริ่มลอยมาจากหุบเขาด้านล่าง ลอยขึ้นมาเป็นสายๆ เลย ลมก็แรงมากเหมือนฝนจะตก เลยกะว่าจะเดินกลับไปที่เต๊นท์ครับ



ยังนึกอยู่เลยว่าเราโชคดีนะที่ยังได้เห็น อิอิ



เดินมาคนเดียวด้วยสิคนอื่นเขายังไม่ตื่นนอนกันเลย

แล้วก็จริงๆ ด้วยครับ พอเดินถึงเต๊นท์ หมอกก็ลงหนาจัดเหมือนเดิม นอนต่อสักพักก้เตรียมตัวออกมาเที่ยวต่อ ..



ที่เดิมที่มาเมื่อเช้า แต่หมอกปิดไปหมดแล้ว

จะบอกว่า ตรงนี้ มีสัญญาณ AIS ได้ยังไงก็ไม่รู้ งงครับ



เราคือผู้พิชิต (เก่งเหมือนกันนะเนี่ย 555)



ดอกหงอนนาคยังไม่บานเลย ทำไมชอบไปบานต่อนบ่ายก็ไม่รู้



ชวนพี่ๆที่ office ออกมาเดินถ่ายรูปเล่นกัน



ชอบจัง..



ดอกไม้ข้างบนครับ



ข้างล่างไม่มีให้เห็นนะ อิอิ



ต้นไม้เล็กๆ หลากสีเลย



เที่ยงแล้วยังสว่างเท่านี้เอง ไม่เห็นเดือน ไม่เห็นตะวันเลยครับ



ตอนบ่ายๆ เกิดฝนตก พวกเรากะว่าจะรอฝนหยุดสักพักแล้วจะได้เดินไปเที่ยวที่หลักประเทศ ไทย-ลาว กันต่อครับ



ทางเดินครับ



ถึงแล้ว หลักประเทศ ฝั่งไทย



อันนี้ข้ามมาฝั่งลาว แล้วว



น้ำตก สายทิพย์ อีกหนึ่ง Hi-light ของภูสอยดาว

น้ำตกนี้อยู่ในหุบเขาลึก บนภูครับ ชุ่มชื่นมากเลยเห็นมอสเกาะอยู่ทั่วๆไป



เดินเข้าไปยากมากครับ ลื่นสุดๆๆๆ ขาขึ้นจากน้ำตกนี่คลานเป็นหมาเลย 5555+

สายน้ำ ไหลแบบผู้ดีมากเลยอะ



มอส และใบเมเปิ้ล ..



กลับมาที่เต๊นท์ เตรียมอาหารเย็นกันครับ



วันนี้ มีพี่ๆ ตชด มาค้างบนภูด้วยครับ คนเลยเยอะเป็นพิเศษ



ดอกไม้นี่ มีทุกที่เลยทีเดียว หน้าห้องน้ำยังมีเป็นทุ่งเลยครับ

หลังจากนั้นพวกเราก็ทานอาหารเย็น และนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระอย่างสนุกสนาน สองทุ่มครึ่งจึงแยกย้ายกันไปนอนครับเพราะว่าฝนตกอีกแ้ล้ว วว ..



เช้าวันรุ่งขึ้นเตรียมตัวเดินทางกลับกันแล้วครับ เจอหอยทากเกาะเต๊นท์อยู่เลยเอามาเป็นแบบซะ อิอิ



กลับแล้วนะ ภูสอยดาว ..



แหมพอจะกลับล่ะอากาศดีเชียว 555



แต่ถือว่าคุ้มมากนะสำหรับผมเพราะว่าได้เจอภูสอยดาวในทุกสภาพอากาศเลย



เห็นดอกไม้ชูช่อแล้วมันสดชื่นจริงๆเลยใช่ไหม ..



เดินไปเนินแรกครับ เนินมรณะ ..



ความเสียวข้างทาง



ทิวเขาครับ



เดินลงแล้วนะ ขาขึ้นยังไม่มีบันไดเลย ขาลง บันไดมาได้ไงฟะ 555+



ชื่อเนินที่แสนจะน่ากลัว



ข้างบนหมอกลงอีกแล้วครับ



คำคมข้างทาง



เห็ดที่เห็นได้ทั่วไป



ลงมาถึงน้ำตกแล้วครับ



ขอนั่งพักที่น้ำตก คลายความเหนื่อยล้าก่อน



ลงมาได้ ความโหยก็บังเกิด เลยสั่งผัดกระเพรา ที่อร่อยที่สุดจานนึงในชีวิต มากินครับ

ลงมาถึงด้านล่างแล้วครับ ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกัับ ป้ายภูสอยดาว ครั้งหนึ่งในชีวิตของเราก่อน


สรุป .. ทริปนี้เหนื่อยและคุ้มค่ามากครับ ความรู้สึกเวลาที่เราขึ้นไปถึงด้านบน นี่ ดีจริงๆ
ปล. ขาลง พี่เจ้าหน้าที่ถามว่า ได้ขึ้นไปที่ยอดภูหรือยัง ถ้ายัง แสดงว่ายังมาไม่ถึง ภูสอยดาว

ได้ยินอย่างนี้ แล้ว แหม มันน่านัก

แล้วเจอกันอีก ภูสอยดาว ..