ออกเดินทาง
เส้นทางปางวัวนี่เป็นเส้นทางที่ผมว่าค่อนข้างอันตรายหน่อยนึง .. คือเดินเลียบเขาไป ด้านนึงเป็นเขา และอีกด้านเป็นเหว ประกอบกับพื้นลื่นๆ และลาดเอียงออกทางเหว - -"
เวลาเดินจึงต้องหาที่ยึดเหนี่ยวหน่อยครับ เสียวมากๆ
เราเดินไต่ระดับกันขึ้นมาเรื่อยๆ เหนื่อยก็นั่งพัก นั่งคุยกัน .. มิตรภาพระหว่าเพื่อนร่วมทางเริ่มงอกเงย ..
ทางไกลแต่ใจยังสู้ .. ของแม้จะหนัก วางลงก็หายหนักแล้ว อิอิ
มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่ประปราย เป็นสีสันให้กับป่าสวยแห่งนี้..
ระหว่างการเดินทาง สายตาก็สอดส่อง หาดอกเทียนนกแก้วไปพลางๆ..
ในที่สุดก็เจอครับ .. นี่คือดอกเทียนนกแก้วไม่กี่ดอกที่ยังเหลืออยู่ ..
ดอกเทียนนกแก้ว ดอกไม้แปลกตาเป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นของไทย หาไม่ได้จากที่ใดๆ ในโลก .. ในชีีวิตขอเห็นตัวจริงสักครั้ง ..ในที่สุด.. เราได้เห็นแล้ว .. แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ..
หลังจากที่เราได้ชมดอกเทียนนกแก้วกันอย่างใกล้ชิด .. เราก็ออกเดินทางต่อ เป้าหมายของวันนี้คือ .. ดงน้อย ..ที่พักกลางหุบเขา ใต้ร่มเงาของดอกนางพญาเสือโคร่ง..
เดินทางเข้าสู่อ้อมกอดของขุนเขา ..
ค้อเชียงดาว พืชเฉพาะถิ่นอีกชนิด .. สูงตระหง่านเคียงคู่ยอดดอยมาช้านาน..
และแล้ววันนี้เราก็ถึงดงน้อยแล้วครับ .. จัดการเก็บข้าวของและกินข้าวกัน .. วันนี้เหนือยมากกินอะไรแทบไม่ลงเลยครับ ... อากาศหนาวเหน็บนอนแทบไม่หลับ หนาวไปถึงกระดูก ..ทรมานมาก ..
ดีนะได้กรึ๊บ แก้หนาวไปนิดหน่อย อิอิ..
ตื่นมาตอนเช้าด้วยความง่วง(นิดหน่อย) พบบรรยากาศแบบนี้ ไม่รู้จะมีคนอิจฉาผมมั้ย .. อิอิ
แสงยามเช้าส่องผ่านช่องเขา
ลุงรูญ หัวหน้าลูกหาบบอกว่าปีนี้ผิดปกติมาก นางพญาเืสือโคร่งบานเร็วกว่าปกติเป็นเดือน ..
เดี๋ยวก็ต้องลองดูกันล่ะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น .. ส่วนตัวผมก็ว่าจริงของแกนะ ปกติมันจะต้องบานปลายๆ เดือนธันวานี่ ..
แต่ผมก็ถือว่าเป็นโชคของเรานะ ที่ได้เห็นอะไรสวยๆ .. พอดีเลย
นางพญาเสือโคร่ง
ดอกไม้สวยๆ ที่ใครๆก็ไฝ่ฝันถึง ..
วันที่ 2 ... วันนี้ออกเดินทางประมาณ 09:00 น. ออกเดินทางไปยังอ่างสลุง ตีนยอดดอยหลวง ที่กางเต๊นท์คืนนี้ของเราครับ ..
การเดินทางของเราเดินไปเรื่อยๆ เหมือนเคยครับ .. มองฟ้า สัมผัสความงามของธรรมชาติให้มาก ..
แหวกป่าฝ่าดง ..
ขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ อยู่เบื้องหน้า
กำแพงหินปูนลูกใหญ่..
เดินขึ้นไปเรื่อยๆ..
ใกล้อ่างสลุงขึ้นมาทุกที ..ยิ่งใกล้ก็ยิ่งชัน .. เรานั่งพักเหนือยกันที่โขดหินแห่งหนึ่ง .. พลันเหลือบไปเห็นฟอสซิลเปลือกหอยครับ ..
เห็นใครบอกว่าที่นี่เป็นทะเลมาก่อน ..เชื่อแล้วจ้า .. เห็นเขาบอกว่าเมื่อก่อนนี้มีฟอสซิลเยอะกว่านี้ แต่ถูกขโมยไปหมด .. เศร้าใจ ..
ฟอสซิลเปลือกหอย..
เราเริ่มไต่ระดับขึ้นมาที่กำแพงหินปูนกันแล้ว ณ จุดที่เหนือยเพราะว่ามันเป็นทางชันติดต่อกันหลายร้อยเมตร .. เลยต้องพักกันบ่อยมาก ..
และจุดนี้เองที่ทำให้เราได้เห็นความสวยงามของดอยสามพี่น้อง และดอยปีระมิดแบบใกล้ชิด
ดอยสามพี่น้อง..
พืชเฉพาะถิ่นเริ่มแสดงตนบ้างอย่างประปราย.. ฟองหินเหลืองก็หนึ่งล่ะ มักอยู่ตามก้อนหินก้อนใหญ่ๆ .. ไม่ว่ามองก้อนไหนก็จะเห็นครับ..
ฟองหินเหลือง
ความสวยงามของยอดดอย ใกล้แล้วสินะ ..
ชมพูพิมพ์ใจ พืชเฉพาะถิ่น เผยดอกสวยและกลิ่นหอมๆ ต้อนรับนักเดินทาง
ดงดอกไม้ มีนามว่า ฮ่อมดง ตรงทางเข้าดงเย็น.
ดอกบัวทอง ใกล้ๆกับอ่างสลุง
ที่ยอดดอยหลวงแห่งนี้ ดอกไม้เยอะจริงๆ ครับ มีรู้ชื่อบ้าง ไม่รู้ชื่อบ้าง ..ละลานตาไปหมดครับ ..
ใกล้แล้วครับ
ตอนนี้เราเดินทางมาถึงอ่างสลุงแล้วครับ เวลาเที่ยงพอดิบพอดี .. ระหว่างที่รอกางเต๊นท์ เราก็เอาข้าวห่อมานั่งกินกัน .. อร่อยสุดๆ ..
เรากางเต๊นท์กันที่ตีนยอดดอยหลวงเชียงดาวครับ .. เห็นยอดดอยอยู่ลิบๆ ..
เนื่องจากมองว่ามันใกล้้ๆ เราเลยลองเดินขึ้นไปดูครับโดยไม่้รออาิทิตย์ตก .. ที่จะต้องขึ้นไปดูอยู่แล้ว ..
เดินไปกับเพื่อน สองคน พกน้ำไป 1 ขวดครับ คิดว่าชิืวๆๆ..
แต่ผิดคาดครับ ..
พรรณไม้ข้างทาง
“แสงแดง” หรือ ฉัตรประทัดแดง เป็นพืชกระจายพันธุ์ในประเทศพม่า หรือตามเทือกเขาสูงทางภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะที่ดอยเชียงดาว หรือดอยอ่างขาง ที่ความสูง 1,400-2,200 เมตร
จากที่เราเห็นว่ามันใกล้ๆ มันหมู .. ไม่ใช่แล้วหละครับไกลมาก ไกลจนตอนนี้เดินขึ้นมาเกินเส้นขอบฟ้าแล้วครัับ .. เหนื่อยมากเลย
หุบเขาที่อยู่เบื้องล่าง..
ระหว่างทางมีพรรณไม้ให้ดูเยอะแยะมากมายเลยครับ .. ราวกับว่ามีใครจัดสวนหย่อมให้ดูอย่างนั้นแหละ ..
ชมพูเชียงดาว ... พืชถิ่นเดียวของไทย พบเฉพาะที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น .. ขึ้นตามเขาหินปูนที่โล่ง ระดับความสูง 1800-2100 เมตร
ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ ยอดดอยหลวงเชียงดาว .. สวยงามและอลังการมากครับ .. สวยจนต้องร้อง ว้าว ! ออกมาด้วยความดีใจและหายเหนื่อยครับ ..
ในที่สุด ความฝันของผมก็กลายเป็นจริงสักที ..
ที่ยอดดอยหลวงเชียงดาว...
เบื้องหน้าปรากฎยอดดอยน้อยใหญ่ สุดลูกหูลูกตา..
ดอกชมพูเชียงดาว ชูช่อรับแดดยามบ่าย .. หาดูที่ไหนไม่ได้ .. มีที่นี่.. ที่เดียว
ณ ยอดสูงสุด .. ในที่สุดเราก็มาถึงแล้ว ...
หุบเขา และต้นไม้ด้านล่าง ดูเล็กไปถนัดตา เมือเทียบกับความยิ่งใหญ่ของยอดดอยแห่งนี้ ..
เราเตรียมตัวลงไปข้างล่างเพื่อจะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่ได้เอาเสื้อกันหนาว+ขาตั้งกล้องมาเลย ..พอเดินถึงด้านล่างเท่านั้นแหละ
... ลมแทบจับเพราะว่าเพื่อนร่วมทริปท่านอื่นจะขึ้นมาที่ยอดที่เราลงมากันแล้ว แถมขนของมาให้เราด้วย ... เออ กำเลย ขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว สองรอบติด จะไหวไหมนี่ ..
แต่ผมก็สามารถครับ (แต่พักนานหน่อย อิอิ)
แสงแดดยามบ่ายกับพืชพรรณหายาก นานาชนิด .. เอ้านั่น ค้อเชียงดาวอยู่กลางรูปครับ ..
เขาว่า สิ่งที่อยู่สูงกว่ายอดเขาก็คือต้นหญ้านั่นเอง ..
ยามเย็น กับ..ดอกอะไรใครช่วยบอกทีครับ ..
เวลาที่เรารอคอย ใกล้เข้ามาทุกที ..
แสงอาทิตยฺ ตกกระทบยอดดอยสามพี่น้อง ช่องเขาของแต่ละลูก.. เกิดเป็นแสงและเงา สวยงามมากครับ
พระอาทิตย์ใกล้ตก แสงสีทองเนรมิตภาพเบื้องหน้า ที่สวยงามอยู่แล้ว ให้กลายเป็นภาพฝันที่ยิ่งสวยงามขึ้นไปอีก..
มุมมองเต็มๆตา แบบ panorama
บรรยากาศที่เห็นเบื้องหน้า กลุ่มเมฆได้ก่อตัวกันเป็นทะเลหมอกยามเย็น ..
แสงสุดท้าย พร้อมกับสายหมอกที่ลอยมา เป็นการปิดฉากการแสดงที่งดงามและลงตัวที่สุด สำหรับวันนี้ ..
เราเดินลงมาจากยอดดอยหลวงเชียงดาวกัน หลังจากที่ธรรมชาติปิดการแสดงด้วยสายหมอก ผมรู้สึกอึ้งมากเพราะว่ามันสวยงามและลงตัวมากจริงๆ ครับ..
การเดินลงค่อนข้างลำบากเพราะว่ามืดและชันมาก .. แต่อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถของเราเราเลยลงมากันได้ปลอดภัยดี 555
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นแกงส้ม กุ้งอบวุ้นเส้น และปลาวงทอด อร่อยเช่นเคย (แต่ผมก็ยังกินไม่ค่อยลงเพราะเหนือย - -")
ในค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนของวันที่ 5 ธันวาคม... พวกเราร่วมกันร้องเพลงถวายพระพรแด่องค์พระเจ้าอยู่หัวกันอย่างสุดเสียง ขอพระองค์ทรงพระเจริญ..
.. วันที่ 3
เราตื่นกันตีสี่ครึ่ง เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปที่ยอดกิ่วลมครับ ดูทะเลหมอกยามเช้า .. เส้นทางชันมากเล่นเอาหอบเลยทีเดียว ..
และแล้วแสงเช้าก็เริ่มปรากฏต่อหน้าผม .. สวยงามมากครับ
แสงแรก ณ ยอดกิ่วลม
ทะเลหมอกหนานุ่ม ค่อยๆ เผยพร้อมๆกับการมาของดวงอาทิตย์
ริ้วเมฆกระทบแสงกลายเป็นสีสันต่างๆ สวยงามมาก
ดอกฮ่อมดงยามรับแสงอ่อนๆ .. ยามเช้า
กุหลาบพันปีชูช่อรับแดดแรกที่นี่ .. ยามที่ดอกผลิบานมันคงจะสวยมากเลยล่ะ
ปุยหมอกนุ่มๆ กับพระอาทิตย์ ยามเช้า..
ถ่ายไปพลางจิบกาแฟไปด้วย ..
ดอกกุหลาบเชียงดาว...ดอกแรกที่บาน และเห็นอยู่ดอกเดียวที่ดอย กิ่วลม ณ เชียงดาว..
ดอกฮ่อมดอย ลุงรูญบอกว่าคนละสีกับฮ่อมดงนะ ตัวจริงสีม่วงเข้มสวยมาก..
ป่าเชียงดาวถูกประดับไปด้วยต้นไม้สีชมพู
งดงามมาก .. มีใครอยากลงไปแหวกว่ายไหมครับ
ดอกฟ้าคราม พืชเฉพาะถิ่น พบได้ที่ดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น
หลังจากที่ได้ชมทะเลหมอกที่งดงามจนพอใจแล้ว ก้ได้เวลากลับกันแล้วครับ .. เราเก็บข้าวของเดินลงจากดอยหลวงเชียงดาวเวลาประมาณ 09:00 น. ผ่านภูผาและป่าที่งดงามอีกครั้ง
ลงไปด้านล่างโดยใช้เส้นทางปางวัวที่แสนจะลื่นและลาดชัน จนล้มคะมำไปสามที .. เจ็บด้วยอายด้วย ..
กลับแล้วนะครับ เชียงดาวที่รัก
เราเดินกันจนถึงด้านล่างเวลา 12:00 น.เป๊ะๆ พอถึงแล้วก็วิ่งไปหาเป๊บซี่ทันทีเพราะว่ากระหายมาก น้ำที่พกมาก็หมดไปแล้ว..
หลังจากอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อย ..ทานอาหารทิ้งท้ายที่ร้านขาหมูเชียงดาว อร่อยใช้ได้ครับ .. ผมมองไปหน้าร้านแล้วเห็นเงาดำทะมึนอยู่หลังโรงแรมเชียงดาว ..
ก็ได้แต่คิดว่า .. นี่ในที่สุด ..เราก็ขึ้นไปบนยอดดอยนี้ได้จริงๆ หรอ .. พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก 5555..
สำหรับทริปนี้เป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูกครับ ... สวยสุด หนาวสุด ลำบากสุด และภูมิใจสุดๆ เลยครับ ..
คราวนี้เลยทำให้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร ... "ใจ" เราน่ะ สำคัญที่สุดครับ...