ถนนสายนี้...มีตะพาบ (ครั้งที่ 64)...เที่ยวบินสู่ดาวอังคาร...ก่อนปลายทาง
ถนนสายนี้...มีตะพาบ (ครั้งที่ 64) "ก่อนปลายทาง" "ก่อนปลายทาง" ฉันยืนมอง โลก ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม ฉันเพิ่งรู้ว่าการที่เคยยืนอยู่บนโลกแล้วมองขึ้นมาบนท้องฟ้า กับการที่อยู่บนนี้และมองลงไปยังโลกที่ เคย ยืนอยู่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันมากแค่ไหน ฉันละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันมามอง ดาว ที่ชอบแหงนมองในยามค่ำคืน จากเดิมที่เคยเห็นดวงดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้าว่าสวยงามมากแล้ว แต่เมื่อมามองยังมุมที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน ก็ช่างงดงามจับตาจับใจเหนือจินตนาการยิ่งนัก แต่อะไรๆ คงจะดีกว่านี้ ถ้าไม่มีไอ้เด็กเวร เอ่อ เจ้าเด็กตัวแสบคนนั้นมาด้วย ! เรื่องมันเริ่มต้นจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ฉันได้ส่ง SMS โหวตสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดในโลก (แน่นอนว่าฉันต้องโหวตประเทศไทยอยู่แล้ว) กับ World Books Online ซึ่งเป็นหนังสือ Online ที่รวบรวมเรื่องราวและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียว และเป็นหนังสือที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจทุกประเทศเพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ศักยภาพของตน ด้วยเหตุนี้รางวัลใหญ่ที่จะมอบให้แก่ผู้ร่วมโหวตก็คือตั๋วและค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับขึ้นยานอวกาศเพื่อเดินทางร่วมกับเที่ยวบินแรกสู่ดาวอังคารจากองค์การนาซ่า ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีนั้น ฉันยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เพราะปกติฉันกับโชค (ดี) มักจะเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นที่สุดที่จะได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จะได้ไปเยือนดาวอังคาร ก่อนอื่นก็ต้องไปเรียนภาษา เพราะคนที่จะได้ขึ้นไปนั้นมีทุกชาติทุกภาษา และภาษาอังกฤษของฉันก็ห่วยแตก อ่อนแอยิ่งกว่าคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายซะอีก แต่ความรู้สึกนั้นก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้ขึ้นไปยืนบนยานอวกาศและได้นั่งติดๆ กับเด็กผู้ชายที่ยั่วยวนกวนประสาทที่สุดในโลก ! เด็กผู้ชายอายุประมาณ 6 7 ขวบ ผมสีน้ำตาลเหลือบทอง ผิวขาว แก้มแดง ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาสีเขียวสดใส ใบหน้าเหมือนเทพบุตรตัวน้อย แต่ในความคิดของฉัน ฉันว่าเจ้าเด็กนี่เหมือนซาตานจำแลงซะมากกว่า ตอนแรกฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้เดินทางไปดาวอังคารเพียงลำพังได้ ดาวอังคารนะ ไม่ใช่ปากซอย ถึงได้ปล่อยให้เด็กมาคนเดียว เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองประสาอะไร (วะ) แต่ในเมื่อทุกคนในยานดูเฉยๆ กัน เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แล้วฉันจะเต้นไปทำบื้ออะไร จริงมั๊ย? ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเจ้าเด็กนั่นก็หันมาทักทายฉันด้วยรอยยิ้มกวนประสาทที่ติดตาจนน่าซัดสักทีสองที สวัสดีครับป้า ผมชื่อ เอรอส ยินดีที่ได้รู้จักครับ นั่น มันยังลากเสียงอย่างยียวน เจ้าเด็กไม่มีมารยาท ใครเป็นป้าเธอมิทราบ เรียกพี่ เรียกน้า เรียกอา ยังพอทน นี่เดาะเรียกป้า หึ น้องชายกับน้องสาวฉันยังไม่มีลูกโว๊ย อีกอย่างฉันยังอายุไม่มากขนาดนั้นสักหน่อย ปั๊ด เหนี่ยวซะดีไหม ฉันคิดในใจอย่างดุเดือด หลังจากนั้นฉันก็ต้องทนนั่งฟังเจ้าเด็กนั่นพล่ามและพูดจากกวนประสาทอีกนาน ในระหว่างที่ยานอวกาศทะยานขึ้นจากพื้นโลกทำให้หนีไปไหนไม่ได้ ซึ่งฉันคิดว่าแต่ละคำถามที่เจ้าเด็กนั่นถามไม่น่าจะเป็นคำถามของเด็ก 6 -7 ขวบเลยสักนิด เจ้าเด็กแก่แดด! ทำไมป้ายังไม่แต่งงานสักทีอ่ะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว เดี๋ยวก็เหี่ยวแห้งหัวโตหรอก ผู้ชายเขาไม่ชอบอะไรที่มันเหี่ยวๆ หรอกนา เขาชอบที่มันเอ๊าะๆ เนื้อแน่นๆ มากกว่า แล้วมันไปหนักหัวสวยๆ ของเธอหรือไงไม่ทราบ หรือไม่ก็ ป้า ทำไมป้าขี้เหร่จัง หน้าตาเหมือนใครกัน แบบนี้เมื่อไหร่จะมีสามี และอีกสารพัดสารพันคำถามที่แทงใจดำจนฉันแทบกระอัก พอพ้นแรงดึงดูดของโลกแค่นั้นแหละ ฉันก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วชิ่งหนีไปที่อื่นโดยเร็ว ยานอวกาศลำนี้ถูกปรับภายในให้มีบรรยากาศเหมือนโลกทุกอย่าง จนสามารถใช้ชีวิตเหมือนอยู่บนโลกเลยทีเดียว พื้นที่ในยานถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีทั้งโซนที่นั่งโดยสารซึ่งผู้โดยสารต้องมานั่งรวมกันในระหว่างที่ยานขึ้นจากผิวโลก เพื่อสะดวกต่อการควบคุมดูแล มีโซนห้องโถงสำหรับพักผ่อนมีอุปกรณ์ผ่อนคลายครบครัน มีโซนห้องนอนที่เป็นแคปซูลเรียงรายอย่างกะหีบศพ (จะเปรียบเปรยให้มันดีกว่านี้จะได้ไหม) และโซนชมวิวที่เป็นกระจกพิเศษที่ทำให้มองเห็นด้านนอกและเป็นโซนที่ฉันชอบมาสิงสถิตอยู่ที่สุด แต่เจ้าเด็กนั่นก็ยังตามมารังควานจนได้ ยิ่งเวลาที่มีหนุ่มๆ แวะมาทักทายพูดคุยด้วย เจ้าเด็กนั่นก็ยิ่งออกฤทธิ์ แม่ ทำไมแม่ถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวล่ะครับ แม่ทิ้งผมมาทำไม หรือว่าแม่ไม่รักผมกับพ่อแล้ว แม่จะหาพ่อใหม่ให้ผมใช่ไหม เจ้าเด็กนั่นพูดน้ำตาคลอๆ ปากเบะ (น่ารักตายล่ะ) ปล่อยให้คนแถวนั้นมองฉันอย่างตำหนิด้วยสายตาเหมือนฉันเป็นผู้หญิงที่กำลังมีชู้ก็ไม่ปาน ผู้หญิงบางคนถึงกับโอบไหล่แล้วลูบหลังอย่างปลอบโยน ทำไมไม่ถามฉันสักคำฟะ ว่าฉันใช่แม่เจ้าเด็กนั่นรึเปล่า ฉันจะไปมีลูกได้ยังไง ในเมื่อสามีสักคนก็ยังไม่มี ฉันไม่ใช่ปลาทอง เอ๊ย ปลากัดนะเว้ย จะได้จ้องตาใครแล้วท้องได้ แต่ป่วยการจะปฏิเสธ เพราะทุกคนในนั้นมองฉันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องไปแล้ว เวรจริงๆ ฉันจึงต้องลากเจ้าเด็กนั่นไปกำจัด เอ๊ย ไปเจรจาไกลๆ จากสายตาคนอื่น นี่ถ้าเป็นบนรถเมล์หรือรถไฟนะ ฉันจะไม่รอช้าเลยที่จะถีบ เอ๊ย ส่งเด็กนี่กลับบ้าน แต่นี่มันไม่ใช่ก็เลยต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่อย่างนี้ พอลากเด็กนั่นมาไกลพอสมควรแล้วฉันก็กัดฟันถามทันที ทำแบบนี้หมายความว่าไง ฮะ เด็กนั่นแสยะยิ้มให้ฉันอย่างชั่วร้าย น้ำตาหยุดไหลราวปิดสวิตช์ อ้าว! ก็แม่อยากจะหาสามีใหม่นี่ ใครจะไปยอมกัน ฉันได้แต่ยืนกุมขมับ ก่อนจะถลึงตาใส่เจ้าเด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฉันไปเป็นแม่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ หา ถ้ามีลูกอย่างเจ้าเด็กนี่ ฉันคงต้องกลั้นใจตายวันละหลายๆ รอบ อันนี้ฉันคิดในใจ ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจร้ายพอจะทำร้ายจิตใจเด็กขนาดนั้นหรอก (เหรอ) เด็กนั่นยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเปิดปากสีแดงๆ พร้อมรอยยิ้มกวนๆ โต้ตอบฉัน ก็เป็นตั้งแต่... ตึง!!! เสียงเหมือนวัตถุหนักๆ กระทบกัน ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนทำให้ฉันถลาไปข้างหน้าแล้วกอดเด็กนั่นไว้อย่างพอดิบพอดี เปล่า ฉันไม่ได้เป็นห่วงเด็กนั่นน๊า มันก็แค่บังเอิญ ฉันไม่ได้ใจดีขนาดน้านนนนน เอ่อ แล้วฉันจะแก้ตัวทำบ้าอะไรเนี่ย พอแรงสั่นสะเทือนเริ่มน้อยลง ฉันก็รีบผละออกจากเด็กนั่นราวจับของร้อนอยู่ แล้วก้าวถอยออกไปหน่อยๆ อย่างไว้ฟอร์ม เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ฉันเปรยขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินสัญญาณรวมพล ก่อนจะก้าวไปยังห้องโถงที่ตกลงกันไว้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ โดยปรายตามองเจ้าเด็กนั่นเป็นระยะๆ ว่าจะตามมาหรือเปล่า (นี่ฉันไม่ได้ห่วงเจ้าเด็กนั่นจริงๆ นะ) เมื่อไปถึงก็เห็นผู้ร่วมเดินทางทยอยกลับมายังจุดรวมพลเกือบหมดแล้ว แต่ละคนมีสีหน้าแตกตื่น ส่วนเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องก็ชุลมุนวุ่นวายอยู่กับเครื่อง ผนังด้านหน้ากลายเป็นภาพภายนอกตัวยาน ฉันได้แต่ตาโตยืนอ้าปากค้างกบภาพที่เห็น ก้อนหินมากมายหลายขนาด ลอยเรียงรายสวนทางกับยานอวกาศของเราเป็นระยะ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ยานของเราเสียศูนย์ไปเมื่อครู่ ไอ้ก้อนที่ชนยานของเราคงจะใหญ่น่าดู เพราะยานลำนี้ถูกสร้างให้มีความแข็งแรงและป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี หวังว่าอุกกาบาตก้อนใหญ่แบบก้อนเมื่อกี๊คงไม่มีอีกนะ แต่คำภาวนาของฉันไม่เป็นผล เพราะแค่ขาดคำอุกกาบาตลูกยักษ์ก็ปรากฏแก่สายตา แล้วชนเข้ากับยานอีกครั้ง จนฉันและคนอื่นๆ ล้มลง สิ่งแรกที่ฉันทำก็คือมองหาเจ้าเด็กนั่น อ้อ กลิ้งอยู่ข้างๆ นี่เอง ฉันจึงรีบไปจับแขนเด็กนั่นไว้ กัปตันผู้ควบคุมยานออกคำสั่งกับลูกน้องเป็นชุด ใช้เรดาร์ตรวจสอบดูสิว่าอุกกาบาตลูกใหญ่ๆ ที่พุ่งตรงมาที่เรามีอีกกี่ลูก ในรัศมีเรดาร์ของเรามีอุกกาบาตขนาดใหญ่อีก 5 ลูกครับ 4 ลูกแรกที่อยู่ใกล้ที่สุดมีขนาดเท่ากับลูกที่ชนเรา แต่อีกลูก เอ่อ มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าลูกอื่นอีกประมาณ 4 เท่าครับ โอ้ แม่เจ้า! นี่ขนาดในรัศมีเรดาร์นะ แล้วนอกรัศมีมันจะเยอะขนาดไหน ฉันพยายามพยุงตัวขึ้น พร้อมทั้งคว้าต้นแขนเจ้าเด็กนั่นลุกขึ้นด้วย และใช้สายตากวาดดูสภาพตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้าเด็กนั่น จับทิศทางอุกกาบาตทุกลูก เราจะพยายามหลบให้พ้น พยายามลดแรงปะทะให้มากที่สุด เราทุกคนในห้องส่ง เอ๊ย ในยานอวกาศต่างพยายามจับตาดูอุกกาบาตลูกแล้วลูกเล่าที่ผ่านยานของเราไป เมื่อถึงลูกใหญ่ๆ กัปตันก็พยายามให้ลูกเรือหักยานให้พ้นได้อย่างหวุดหวิด จนมาถึงลูกสุดท้าย ฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ อุกกาบาตลูกสุดท้ายที่อยู่ลิบๆ นั่นใหญ่กว่าลูกที่แล้วๆ มามาก เห็นไกลๆ ยังใหญ่ขนาดนี้แล้วถ้ามาใกล้ๆ ล่ะจะใหญ่ขนาดไหน หักซ้ายเต็มพิกัด เสียงของกัปตันยังดังเข้ามาในจิตสำนึก คุณพระคุณเจ้าช่วย หนูยังไม่มีสามี ตายที่ไหนไม่ตาย ดันขึ้นมาตายบนอวกาศ แบบนี้พ่อแม่จะเอาร่างที่ไหนไปทำศพ ตายไปแล้วจะได้ไปขึ้นสวรรค์เหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า หรือต้องลอยเท้งเต้งอยู่ในอวกาศแบบนี้ ฮือ ฉันคว้าเจ้าเด็กนั่นมากอดไว้แน่น เมื่ออุกกาบาตใกล้เข้ามา ยานของเราก็หักหลบ แต่ไม่พ้น! ตึง!!!! เสียงชนดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนแรงสั่นสะเทือนที่มากกว่าครั้งก่อนหน้าทำให้ฉันล้มลงไปนอนกับพื้น แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเจ้าเด็กนั่น เสียงกรีดร้อง เสียงสวดมนต์ เสียงตะโกน และเสียงอะไรต่อมิอะไรดังอื้ออึงไปหมด ฉันได้แต่หลับตาสวดมนต์มั่วไปหมด จนทุกอย่างเริ่มเงียบลงจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นโดยไม่ลืมฉุดเด็กนั่นลุกขึ้นด้วย ทำให้รู้ว่าฉันยังหายใจอยู่ ทุกคนยังอยู่ ยานของเราก็ยังอยู่ ผู้ร่วมชะตากรรมทุกคนหันมามองหน้ากันและยิ้มให้กันโดยไม่ได้นัดหมาย เฮ ทุกคนแสดงความดีใจที่รอดชีวิตมาได้ บางคนก็ยืนร้องไห้ บางคนก็ยืนหัวเราะ ฉันถอนใจอย่างปลอดโปร่งและหันไปมองเจ้าเด็กนั่นก็เห็นยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากฉัน เอ เป็นอะไร ช็อคหรือเปล่าหว่า ก่อนที่ฉันจะได้ทำอะไร เฮ้ย อะไรอีกวะ ฉันหันไปมองยังต้นเสียง มองตามสายตาของเขาไป อุแม่เจ้า! ฉันร้องในใจเอ็ดอึง ภาพที่อยู่ตรงหน้าคืออุกกาบาตลูกใหญ่ ใหญ่กว่าลูกที่เพิ่งหลบพ้นเมื่อครู่ซะอีก แถมยังวิ่งเข้ามาหาเราด้วยความเร็วกว่าลูกไหนๆ มันโผล่มาจากไหนเนี่ย! เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ฉันรีบคว้าเจ้าเด็กนั่นมากอดไว้แน่น หลับตาภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง! เสียงต่างๆ เงียบหายไป ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่น อ่อนโยนที่โอบล้อมร่างกายอย่างนุ่มนวล จึงพยายามลืมตาขึ้น แต่ก็พบกับแสงสว่างสีทองเจิดจ้าจนสายตาสู้ไม่ไหว ก็เลยต้องหลับตาลงอีกครั้ง เหมือนเวลาผ่านไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่าภายในยานอวกาศมีแสงสีทองเรืองรองกระจายไปทั่ว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวฉันหยุดเคลื่อนไหว ยกเว้นฉัน ฉันรีบหันไปหาเจ้าเด็กนั่น หายไปไหนกัน แต่พอมองไปข้างหน้าก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมาทางฉันอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลเหลือบทอง ผิวขาว ดวงตาสีเขียวสดใส ยืนยิ้มให้ฉัน ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับรอยยิ้มนั้นอย่างประหลาด เพราะมันดูยียวนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คุณเป็นใคร ฉันถามออกไปอย่างใจคิด จึงได้รับรอยยิ้มจากผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมา ผมเป็นคนที่มาจากอนาคตอีก 60 ปีข้างหน้า พอเห็นฉันยืนตาโต อ้าปากค้าง ทำหน้าเอ๋อๆ แล้ว เขาก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะอธิบายต่อ อย่างที่บอกผมมาจากโลกอนาคต ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นบนโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น มนุษย์เลิกสนใจวัตถุนิยม หันไปพัฒนาจิตแทน ซึ่งในอนาคตถือเป็นยุค จิตเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ระหว่างที่ผมกำลังเข้าฌานอยู่นั้น ก็เกิดนิมิตเห็นคุณกำลังเดือดร้อน และต้องเป็นผมเท่านั้นถึงจะช่วยได้ กรรมได้ลิขิตมาอย่างนั้น นานกว่าฉันจะหาปากตัวเองเจอ ง่า ละ แล้วคุณมาได้ยังไง ทำไมต้องมาช่วยฉันด้วย ผมถอดจิตมา ในอนาคตพลังจิตของมนุษย์เราเข้มแข็งมาก ผมถึงสามารถถอดจิตเพื่อมาช่วยเหลือคุณได้ ส่วนทำไมถึงมาช่วยนั้น เขาเว้นวรรคไว้เล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย ที่ต้องมาช่วยคุณก็เพราะถ้าวันนี้ไม่มีคุณ วันหน้าก็จะไม่มีผม เอ่อ ช่วยพูดอะไรให้มันเข้าใจง่ายๆ หน่อยได้ไหม คนยิ่งฉลาดน้อยอยู่ ผู้ชายตรงหน้าหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะส่ายหัว คุณนี่น้า ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด เอาน่า อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน แล้วคุณก็จะเข้าใจที่ผมพูดเอง เอาละ ถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้ว ถอดจิตมาตั้งนาน ใช้พลังก็มาก ผมจะได้กลับไปพักผ่อนสักที แต่ก่อนไป ผมขอกอดหน่อยได้ไหม เขาขอร้องด้วยคำพูดและสายตา มีหนุ่มหล่อๆ มาขอกอดทั้งที ฉันไม่ควรจะปฏิเสธ จริงไหม? เพียงแค่ฉันพยักหน้า เขาก็เดินเข้ามา อ้าแขนออก แล้วรวบตัวฉันไปกอดไว้แนบอก แสงสว่างสีทองเริ่มทวีแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องหลับตาลง ฉันได้ยินเสียงกระซิบข้างหูจากเขาก่อนที่เขาจะหายไป ลาก่อน และยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณย่า เมื่อแสงสว่างหายไป ทุกๆ สิ่งรอบๆ ตัวฉัน ก็เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนร่วมชะตากรรมทุกคนต่างพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเมามัน แม้แต่ฉันเองก็คงจะคิดว่าเป็นเพียงความฝันถ้าไม่เห็นกำไลคริสตัลลายดอกมะลิเลื้อยพันเป็นวงสวยงามอยู่ในมือ เอ๊ะ! เด็กนั่นเรียกฉันว่าอะไรนะ คุณย่างั้นเหรอ กรี๊ดดดดดดดด แสดงว่าอนาคตฉันก็มีสามีน่ะสิ อ๊าย อายจัง
Create Date : 19 กันยายน 2555 |
|
119 comments |
Last Update : 19 กันยายน 2555 8:28:22 น. |
Counter : 2468 Pageviews. |
|
|
|
เด็กเรียกอย่างนั้นแสดงว่าเป็นลางดีแล้วเนาะ