เมื่อวานนี้เป็นวันหยุดวันเดียวของทุกอาทิตย์ แต่ก็ไม่ได้หยุด เพราะไปเป็นเพื่อนเพื่อนไปสอบตำรวจที่สามพราน
หลังจากเมื่อคืนอ่านนิยายจนถึงเที่ยงคืน แถมนอนไม่หลับอีก แต่ตอนเช้าก็พยายามลืมตาตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวกันตั้งแต่ 6 โมง แต่งตัวเสร็จเพื่อนก็นั่งบ่นอยู่ว่าจะไป ไม่ไปดี ก็เลยบอกว่าตามใจ แต่ค่าสมัครตั้ง 380 น่าเสียดาย ชุดไปสอบก็แสนแปลกให้ใส่เสื้อยืดแขนสั้นไม่มีปก กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบไปสอบ
ประมาณ 7 โมงก็ออกจากห้องปั่นจักรยานไปตลาด จอดจักรยานไว้ที่ตลาดแล้วเดินไปขึ้นรถทัวร์เมืองกาญจน์ฯ รถออกเกือบ 8 โมง ไปลงที่แยกสามพรานถึง 9 โมงกว่า ก็เดินถามชาวบ้านแถวนั้นไปเรื่อยๆ ว่าไปโรงเรียนบวรธนวิทย์ ไปยังไง ลุงก็ชี้ให้ไปนั่งรถสองแถวฝั่งตรงข้าม 7 บาท
ขึ้นรถไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงโรงเรียนซึ่งเริ่มมีคนทยอยมาเรื่อยๆ ก็เลยเดินไปหาที่นั่งกันบริเวณโรงอาหารของโรงเรียน เจ้าหน้าที่คุมสอบก็ชี้แจงรายละเอียดเรื่อยๆ เพื่อนก็นั่งเหลาดินสอ อ่านหนังสือ เราก็อ่านมั่ง (หนังสือนิยาย)
แต่พอถึง 10 โมง เจ้าหน้าที่ประกาศว่าให้ผู้เข้าสอบและญาติออกไปนอกสถานที่สอบ (นอกโรงเรียน) แล้วให้เข้ามาทีละคน ถอดเครื่องประดับและสิ่งของที่เป็นเหล็กออกให้หมด เพราะเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องแสกนตรวจ อุปกรณ์ที่เอาเข้าได้มีแค่ปากกา กับดินสอ ยางลบไม่ต้องมีเตรียมไว้ให้ (เข้มงวดมาก) เข้าไปแล้วเข้าเลยจะออกมาอีกไม่ได้ ญาติก็ห้ามเข้าสถานที่สอบให้รออยู่นอกโรงเรียน
พอเพื่อนเข้าไปในสถานที่สอบเราก็เริ่มตระเวน เพราะอยู่แถวนั้นไม่ได้คนเยอะไม่มีที่ยืน ร่มไม้มีน้อยมาก มีต้นคูนต้นเตี้ยๆ อยู่ 2 ต้นก็มีคนจับจองหมด ก็เลยเดินตรงไปเรื่อยๆ เพื่อหาอะไรลงท้อง เดินตากแดดไปตั้งไกลถึงหน้า ร.ร.นายร้อยฯ แต่ไม่ค่อยมีอะไรให้กินเลยร้านอาหารก็เต็มไปด้วยผู้สมัครสอบ ร้านสะดวกซื้อก็ไม่มี เลยแวะเข้าร้านโชว์ห่วยซื้อชากับขนมปังและขนมกรุบกรอบเป็นเสบียงในการรอ
เห็นรถตู้ไปปิ่นเกล้า สายใต้ พาต้าจอดอยู่หน้า ร.ร.นายร้อยฯ ก็ว่าจะไปเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาซะหน่อย แต่เพิ่งนึกได้ว่าเอาตังค์มาน้อยก็เลยต้องตัดใจ
ซื้อของเสร็จเดินตากแดดกลับมาอีก เสียดายหน่อยๆ ที่ไม่ได้พกร่มมาด้วย ไม่คิดว่าจะถูกเนรเทศออกนอกโรงเรียน กลับมาก็มายืนตากแดดเหมือนเดิม ยืนรอจนถึงเที่ยงผู้สมัครสอบเริ่มทยอยเข้าจนหมด ร่มไม้ถึงได้ว่างมั่ง ก็เลยแอบๆ แทรกเข้าไปนั่งด้วย
นั่งพิงกำแพงโรงเรียนใช้รองเท้ารองนั่ง กระเป๋าก็วางไว้แถวๆ นั้น กินขนมรองท้องแล้วก็รออย่างเป็นกิจจะลักษณะ โดยการหยิบเอาหนังสือนิยายมาอ่าน ซึ่งเป็นของนักเขียนโปรดเลยไม่ค่อยน่าเบื่อ อ่านได้เรื่อยๆ จนบ่าย 2 ถึงได้ทำการเริ่มสอบ (แล้วให้มาล่วงหน้าเพื่อ...) แดดร้อนมากกกกกก อากาศก็อบอ้าว เสียวๆ กลัวว่าฝนจะตก แต่ละคนนั่งไปพลางเช็ดเหงื่อไปพลาง นั่งคลุกดินคลุกทรายเหมือนเด็กอนาถา
ตำรวจที่คุมสอบก็เดินผ่านไปผ่านมา มีคนนึงแวะทักและบอกให้ไปรอที่อื่นก่อนก็ได้ เพราะอีกนานกว่าจะสอบเสร็จ เริ่มสอบบ่าย 2 หมดเวลา บ่าย 4 โมงครึ่ง คนที่มีรถมาก็ไปเที่ยวกัน ส่วนคนไม่มีรถอย่างเราก็นั่งแกร่วกันต่อไป นั่งอ่านนิยายไป นั่งฟังคนข้างๆ คุยกันไป มีมาจากทุกที่ทั้งคนแถวนี้ ทั้งจากกรุงเทพฯ บางคนมาจากภาคใต้ก็มี
ที่จริงสนามสอบมีหลายที่แต่ส่วนกลางอย่างรามฯ และธรรมศาสตร์เต็มหมด เลยกระจายสู่ภูมิภาค นี่ขนาดกระจายแล้วคนยังเยอะขนาดนี้ ในตัวอำเภอเมืองนครปฐมก็มี กระจายมาที่สามพรานก็อีกหลายโรงเรียน บ่งบอกว่ามีคนสนใจเยอะมาก
นั่งอ่านนิยายไปจนจบก็ประมาณบ่าย 3 ก็นั่งเล่นเกมในมือถือ ฟังเพลงบ้าง เขียนนั่นเขียนนี่ นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย เมื่อยก็เมื่อย ลุกยืนยืดแข้งยืดขามั่ง จะลุกไปไหนก็ไม่กล้ากลัวโดนยึดที่ ตอนนี้ญาติๆ ก็เริ่มทยอยมารอกันมากขึ้นเรื่อยๆ
พอถึง 4 โมงแต่ละคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอชะเง้อคอรอกัน จนถึง 4 โมงครึ่งก็ยังเงียบกริบ ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมา เอ เค้าให้ทำอะไรหรือเปล่าหว่า ญาติยืนรอหน้าประตูเยอะมาก รถจอดยาว คนจากสนามสอบอื่นเริ่มออกมา รถก็เริ่มติด เกือบๆ 5 โมงถึงได้เห็นคนเริ่มทอยออกมา เราก็ชะเง้อคอหาเพื่อน 5 โมงกว่าๆ เพื่อนถึงได้ออกมา
เพื่อนมาเล่าให้ฟังว่าก่อนออกจากห้องสอบมีการค้นตามร่างกายอีกครั้ง เพราะมีการทุจริตจากสนามสอบอื่น ซึ่งจับได้เป็นจำนวนมาก ตำรวจหญิงที่มาคุมสอบมีน้อยก็เลยช้าหน่อย รถติดๆ กว่ารถสองแถวจะมาก็นานพอสมควร
พอรถมาเราก็ขึ้นไปลงปากซอยเหมือนเดิม แต่กว่าจะถึงปากซอยรถมันติดนานมาก พอเห็นใกล้จะถึงแล้วก็เลยลงเดินน่าจะเร็วกว่า แต่ระหว่างที่เดินอยู่ฝนก็ตกลงมา หาที่หลบไม่ทันเปียกโชกหมดสภาพกันเลย
ไปยืนรอหน้าปากซอยตั้งนานรถเมืองกาญจน์ฯ ก็ไม่มาสักที เห็นน้องที่อยู่เมืองกาญจน์ฯ บอกว่ารถสายเก่าเที่ยวสุดท้ายจะออกจากกรุงเทพฯ 5 โมง ไม่แน่ใจว่ารถติดก็เลยมาช้าหรือว่าหมดไปแล้ว ยืนรอตั้งแต่คนเยอะแยะจนเหลือคนไม่กี่คน รถก็ยังไม่มา 6 โมงกว่าแล้ว เลยตัดสินใจขึ้นรถนครปฐมไปลงสายหลักแล้วต่อรถ ป.1 เมืองกาญจน์ สายใหม่ไปแทน
นั่งอยู่ในรถแอร์เป่าหัวพอดี เสื้อก็เปียกหนาวมาก ปวดหัวก็ปวด หิวก็หิว พอถึงคิวก็ลงซื้อเสบียงกัน กลับถึงห้องกินข้าวแล้วก็นอนอ่านนิยายก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย จบสิ้นกันทีวันหยุด
พอมาวันนี้ปวดต้นคอมาก คงเป็นเพราะก้มอ่านนิยายตลอด ส่วนเพื่อนก็นั่งทำข้อสอบ ก็เลยผลัดกันนวดยา เฮ้อ ที่เขียนมาก็ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจะบ่นเฉยๆ
ปล. เพลงกับเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด แค่ไปฟังเพลงจากคุณ mambymam มา แล้วนึกถึงเพลงนี้ก็เลยเอาลงค่ะ น่าเสียดายหาที่ จ๊ะ จิตตาภาร้องไม่เจอ
ป.ล.แต่เพลงเพราะนะค่ะ