จิ๊บวางลังอุปกรณ์อย่างกระแทกกระทั้นด้วยความโมโห เธอกับเพื่อนๆ ผู้หญิงช่วยกันขนอุปกรณ์เตรียมงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว หิวก็หิว เหนื่อยก็เหนื่อยยังไม่ได้พักกันสักที เพราะกลัวงานจะไม่พร้อมสำหรับคืนนี้
ไอ้พวกเพื่อนๆผู้ชายก็หายหัวกันไปหมด สงสัยจะมัวแต่ไปเอาใจกลุ่มแม่ดาวมฤตยู ฉายาที่พวกผู้หญิงเรียก เพราะแม่พวกนี้ดีแต่สวยอย่างเดียวนิสัยแย่เหมือนๆ กันหมด ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน ทั้งเอาแต่ใจ เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมพวกผู้ชายถึงได้ชอบกันนัก เดินตามต้อยๆ เหมือนหมาตามเจ้าของตอมกันหึ่งๆเหมือนแมลงวันตอมขี้ เธอค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อยเหมือนแมลงวันกับขี้อยู่ตรงหน้า
"จิ๊บๆ เราหิวข้าวอ่ะ ไปกินข้าวก่อนได้ป่ะ ค่อยกลับมาทำงานต่อ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่ตอนนี้ท้องของกองทัพชักไม่ไหวแล้ว หิวจน
ไส้จะขาดแล้ว" ฝนพูดตาละห้อย
เธอหันไปมองเพื่อนๆแต่ละคน เห็นหน้าเหลือกันไม่ถึงนิ้วดู 'ไม่ไหว' อย่างที่บอกจริงๆ
"อือ ถ้างั้นไปหาอะไรกินกันก่อนค่อยมาทำต่อ เผื่อเจอไอ้พวกผู้ชายจะได้ลากมันมาช่วยงานด้วย" พูดจบก็เก็บของเตรียมไปกินข้าว
"จิ๊บๆ น้องดาวหิวข้าว แต่กินอาหารที่เราเตรียมไว้ให้ไม่ได้ จิ๊บซื้อข้าวมาให้น้องดาวกับเพื่อนๆ ด้วยนะ"เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกเธอ
"กินข้าวผัดไม่ได้แล้วจะกินอะไร งบไม่ได้เยอะขนาดนั้นนะโว๊ย! ถึงจะแบ่งไปซื้ออาหารหรูๆให้คุณนายเธอได้น่ะ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน พวกฉันทำงานกันตั้งแต่เช้าก็หิวเหมือนกัน ถึงจะถึกและบึกบึนแค่ไหนก็หิวเป็น ท้องไม่ได้กลวงเหมือนสมองพวกนายนี่ ยังต้องไปหากินกันเองเลย"
เธอบอกอย่างหงุดหงิด เพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า นี่ก็บ่ายแล้ว ยังไม่มีใครได้กินอะไรกันเลย แถมโดนขัดจังหวะก่อนจะได้กินข้าวด้วยเรื่องไร้สาระก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
"แล้วนี่หายหัวไปไหนกันหมดไม่มาช่วยงานกันสักตัว" เพื่อนทำคอย่นก่อนจะตอบอ่อยๆ
"ไปช่วยนักแสดงถือของ"
"เป็นง่อยกันรึไง ถึงถือของเองไม่ได้น่ะ แล้วมีของอะไรนักหนาถึงต้องเสนอหน้าไปช่วยกันถือ มาเล่นละครนะโว๊ย! ไม่ใช่ย้ายบ้าน ถ้าพวกนายยังไม่มาช่วยงาน ฉันจะกินหัวพวกนายแทนข้าว"
เขาสะดุ้งโหยงแล้วรีบรับคำ
"จ้าๆ จะไปเรียกพวกมันให้มาช่วยเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ ดุยิ่งกว่าแม่ซะอีก" ประโยคหลังบ่นงึมงำอยู่คนเดียว ก่อนจะรีบกลับไปตามเพื่อนๆ ผู้ชายก่อนที่จะโดนยัยจิ๊บจอมโหดกินหัวซะก่อน
จิ๊บกับเพื่อนๆไปกินข้าวที่โรงอาหาร แต่ละคนกินเร็วอย่างกับพายุ เพราะรู้ว่ายังมีงานรออยู่อีกมากมาย
พอกลับมาก็เห็นอาจารย์ประจำชมรมการแสดงยืนตีหน้ายักษ์รออยู่
"พวกเธอมานี่สิ" พอเธอกับเพื่อนๆ เดินเข้าไปใกล้ อาจารย์ก็เริ่มสวดทันที
"ทำไมถึงไม่เตรียมอาหารให้นักแสดงฮึ นี่ถ้านางเอกเป็นลมเป็นแล้งไปจะทำยังไง รู้ๆ กันอยู่ว่านักแสดงต้องซ้อมบท ต้องแต่งตัว ไม่มีเวลาไปหากินเอง ทำไมถึงได้บกพร่องกันขนาดนี้"
จิ๊บแอบหันไปเบ้หน้า สงสัยพวกยัยดาวมฤตยูคงไปฟ้องอาจารย์แน่ๆ เธอเดินมาด้านหน้าแล้วเริ่มชี้แจง
"อาจารย์คะ พวกหนูเตรียมอาหารไว้ให้นักแสดงแล้วนะคะ พวกหนูสั่งข้าวผัดมาให้เพียงพอกับจำนวนนักแสดงทุกคน เผื่อขาดแล้วด้วยซ้ำ อาจารย์ไปดูได้เลยเหลือตั้งหลายกล่อง นางเอกของอาจารย์บอกว่า 'ทานไม่ได้'แต่งบมีอยู่แค่นี้ ถ้าจะทานอย่างอื่นก็คงต้องเบิกเพิ่มค่ะ" พูดจบก็จ้อง 'นางเอก'เขม็ง
อาจารย์อึ้งไปพักหนึ่ง ตวัดสายตามองนางเอกคนโปรด ก่อนจะบอกเธอ
"ถ้างั้นก็แล้วไป พวกเธอไปทำงานต่อเถอะ"
จิ๊บถอนหายในเฮือก พอเดินไปหลังเวทีฝนเพื่อนของเธอก็บ่นด้วยความหงุดหงิด
"อะไรวะ อยู่ๆก็มาหาเรื่องพวกเรา ไม่ใช่ความผิดของพวกเราสักหน่อย อาจารย์ลำเอียง ชอบเข้าข้างพวกยัยดาวมฤตยู เซ็งว่ะ"
"นั่นน่ะสิ 'คนไม่สวยผิดเสมอ' แหละ แค่พวกเราไม่สวยแค่นั้นเอง จิกหัวใช้ตลอด ดูสิ ขอโทษสักคำก็ไม่มี ชิ อย่าให้สวยบ้างแล้วกัน"
"เฮ้อ เกิดใหม่อีกทีก็ไม่รู้จะสวยรึเปล่า"
พูดจบก็หัวเราะกันครืน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน ไม่อยากเก็บเรื่องไร้สาระมาเป็นอารมณ์ เพราะงานรออยู่อีกพะเนินเทินทึก
กว่างานจะเริ่มพวกเธอก็หัวหมุนกัน เพื่อนๆ ผู้ชายเริ่มกลับมาช่วยงาน ทำให้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย
ละครเวทีมีอยู่3 เรื่อง ระหว่างการแสดงแต่ละเรื่องก็ต้องเตรียมอุปกรณ์การแสดงและฉากให้พร้อม ต้องวิ่งวุ่นกันอยู่หลังเวทีจนการแสดงชุดสุดท้ายจบก็พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกที่งานเป็นไปด้วยดี
ระหว่างที่นักแสดงกำลังถ่ายรูปอยู่ด้านนอก พวกเธอก็พากันเก็บของเก็บอุปกรณ์ ยิ่งงานเสร็จเร็วก็ยิ่งได้พักเร็ว เหนื่อยกันมาหลายวันแล้ว
"ไม่ไปถ่ายรูปเหรอจิ๊บ" ฝนถามขณะที่สาละวนกับการเก็บของ
"ม่ายอะ ไม่มีอารมณ์" จิ๊บตอบพลางเก็บของไปพลาง
"เฮ้อ! อิจฉาพวกที่มีแฟนเนอะ มีคนมาช่วยเก็บของด้วย" เพื่อนอีกคนพูดจบก็ปรายตามองตาละห้อย
"นั่นสิ เมื่อไหร่จะมีกับเขาบ้างน้า" เพื่อนอีกคนรับ
"เคยได้ยินไหม 'อยู่เป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น' น่ะ" เพื่อนอีกคนบอก
"ช่างกล้า" คนที่เหลือประสานเสียงตอบก่อนจะโห่ แล้วหัวเราะกันอย่างสดใส
"ขี้เหร่อย่างเรานะ อยู่เป็นโสดดีแล้ว เคยได้ยินไหม 'จงชราอย่างกล้าหาญ จงขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรี'"
"อืม" คนที่เหลือครางรับพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดนี้ แล้วก็พูดคุยหยอกล้อกันอย่างครื้นเครง
"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ"
พวกเธอหันขวับไปยังต้นเสียงด้วยความสงสัย เพราะไอ้เพื่อนผู้ชายมันไปล้อมหน้าล้อมหลังนักแสดงตั้งแต่การแสดงจบแล้ว แล้วแต่ละคนก็ได้แต่ยืนอึ้งมองผู้ชายตรงหน้า
เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด หน้าตาบ่งบอกว่าเป็นลูกครึ่งอะไรสักอย่าง ยิ่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีแบบนี้ก็ยิ่งหล่อซะจนตาพร่า คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นพระเอกละครเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เธอสนใจแต่เบื้องหลังเบื้องหน้าไม่ค่อยใส่ใจ
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ" เขาถามซ้ำเมื่อแต่ละคนได้แต่ยืนอึ้งมองเขาอยู่ เพื่อนๆ หันมามองหน้าเธอ บ่งบอกว่าให้เธอเป็นตัวแทนเจรจากับหนุ่มหล่อ
"ไม่รบกวนหรอกค่ะ เหลือแค่เก็บของอย่างเดียว คุณไปถ่ายรูปต่อเถอค่ะ"
เขาทำหน้าสยองจนเธอแปลกใจ
"ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูปน่ะครับ แค่นี้ตาผมก็พร่าจะแย่แล้ว ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ ช่วยกันหลายๆ คนจะได้เสร็จเร็วๆ" พูดจบก็ยิ้มให้พวกเธอตาพร่าแทน แล้วใครจะใจแข็งปฏิเสธได้ลง
"ถ้างั้นช่วยเก็บของตรงนั้นก็ได้ค่ะ" เธอชี้ไปที่กองอุปกรณ์ข้างหน้า เขาก็ตรงไปช่วยเก็บอย่างขะมักเขม้น
แต่ละคนทำงานไปเหล่หนุ่มไป ก็แน่ละ นานๆ ทีจะมีหนุ่มหล่อๆ มาอยู่ในรัศมีสายตาให้เป็นอาหารตาอย่างนี้ แล้วใครล่ะจะพลาด
พวกเธอเก็บของอย่างสงบเสงี่ยมมากขึ้นพอเก็บของเสร็จด้านหน้าเวทีก็เสร็จพอดี นักแสดงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จนั่นแหละงานพวกเธอถึงได้เสร็จจริงๆซึ่งเขาที่เธอรู้ชื่อทีหลังว่าชื่อ 'มาร์ค' ก็อยู่ช่วยเก็บและช่วยขนของจนเสร็จ
"ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยพวกเรา"เธอขอบคุณมาร์คหลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว
"ด้วยความยินดีครับ ผมเห็นพวกคุณทำงานหนักมานาน แต่ตอนนั้นมัวแต่ซ้อมบทไม่มีเวลามาช่วย ตอนนี้ว่างแล้วก็เลยมาช่วยครับ"
แหม นอกจากหล่อแล้วยังแสนดีสมเป็นพระเอกจริงๆทำไมเพื่อนๆ เธอถึงไม่มีนิสัยแบบนี้หลงมาบ้างนะ ว่างทีเป็นหนีไปหลีหญิงทิ้งงานให้พวกเธอหมด
"แล้วพรุ่งนี้พวกคุณไปงานเลี้ยงด้วยใช่ไหมครับ" เขาถามถึงงานเลี้ยงฉลองหลังจบงานที่อาจารย์นัดที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง จิ๊บหันไปมองเพื่อนๆก่อนที่จะตอบตามที่ตกลงกันไว้
"ไม่ล่ะค่ะ พวกเราขอพักดีกว่า"
"ไปเถอะครับ ถือว่าไปพักผ่อนเหมือนกัน ทำงานหนักมาหลายวัน จะได้ผ่อนคลายบ้าง นะครับ" คำสุดท้ายเอ่ยอย่างอ้อนๆ
"ค่ะ" เพื่อนแต่ละคนรับคำกันตาปรอย แค่นั้นเขาก็ยิ้มกว้างทั้งปากและตาให้พวกเธอตาพร่าเล่น แล้วก็หันมามองเธอ
"ไปนะครับจิ๊บ" พูดจบก็ทำตาวิ้งๆ ใส่เหมือนหมาอ้อนเจ้าของ เธอหันไปมองเพื่อนๆ ที่ส่งสายตามากดดันแล้วถอนหายใจเฮือก ใครมันจะไปใจแข็งได้ลง
"ไปก็ได้ค่ะ" เขาหัวเราะเบาๆด้วยความสมใจ
"แล้วเจอกันนะครับ" พูดจบก็โบกมือลาแล้วเดินจากไป
"เฮ้อ" เสียงถอนหายใจของเพื่อนๆ ทำให้เธอหันไปมองตาเขียว
"ไหนว่าจะไม่ไปไง ไหงเปลี่ยนใจเร็วนักล่ะ"
"โธ่! จิ๊บ เธอก็เห็นสายตาของเขา ใครมันจะไปใจแข็งปฏิเสธได้ลงคอเล่า" ฝนตอบ
"นั่นสิ เฮ้อ! พ่อพระเอกของฉัน" พูดจบก็ได้ยินเสียงโห่จากเพื่อนๆ
"ช่างกล้านะหล่อน พูดมาได้พระเอกของฉัน" แล้วก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนานพูดคุยหยอกล้อกันก่อนจะแยกย้ายกลับไปพักผ่อน
จิ๊บอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจก ผู้หญิงตัวเล็กๆ หน้าตาธรรมดาๆที่ดูดีที่สุดก็คือลูกกะตาโตๆ สีน้ำตาลสดใสเท่านั้นแหละที่ทำให้หน้าตาพอดูได้ขึ้นมาบ้าง
"ขี้เหร่เข้าไปสิ" เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ พอคิดถึงหน้าตาหล่อๆ ของมาร์คก็อดยิ้มไม่ได้ อย่างเธอก็มีสิทธิ์แค่นี้แหละ มีสิทธิ์แค่แอบปลื้ม แอบมองและแอบฝัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเธอ คิดแล้วก็ส่ายหัวก่อนจะสวดมนต์แล้วปิดไฟนอนก่อนจะหลับเป็นตายด้วยความอ่อนเพลีย
วันรุ่งขึ้นเธอไปเรียนตามปกติ ได้ยินเสียงพูดคุยถึงการแสดงเมื่อคืนด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะบรรดาตัวเอกที่ได้ดังยิ่งกว่าเดิมเพียงชั่วข้ามคืน คนเบื้องหลังอย่างเธอก็อดจะหน้าบานไม่ได้ ถึงจะไม่มีใครพูดถึงก็เถอะ
ตอนเย็นเธอและเพื่อนๆไปที่ร้านคาราโอเกะที่อาจารย์จองไว้ ด้านในเป็นห้องกว้างโล่งๆ มีอาหารจัดไว้เป็นแบบบุฟเฟต์ มีโต๊ะและโซฟากระจายไว้ตามมุมต่างๆของห้อง เมื่อไปถึงเธอและเพื่อนๆก็ไปเลือกมุมเงียบๆ นั่งกัน หาอะไรมากินแล้วพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สักพักมาร์คก็เดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเธอ มาถึงก็ยิ้มให้
"นึกว่าพวกคุณจะไม่มาซะแล้ว"
"รับปากไว้แล้วนี่นา ไม่มาได้ไงคะ" ฝนตอบ
"ขอนั่งด้วยคนนะครับ" เพื่อนๆเธอขยับให้ เขาก็นั่งลงแล้วพูดคุยกับเพื่อนๆเธออย่างสนุกสนาน เธอได้แต่ฟังและหัวเราะ บ่อยครั้งที่เผลอสบตากันเขาก็ยิ้มให้
ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ น้องดาวก็เดินตรงมาที่โต๊ะของเธอแล้วยิ้มหวานให้มาร์ค พอทั้งสองอยู่ใกล้กันแบบนี้ช่างเหมาะสมกันอย่างกะกิ่งทองใบหยกจนเธออดจะชื่นชมไม่ได้
"พี่มาร์คอยู่นี่เองเหรอคะ น้องดาวตามหาตั้งนาน" พูดจบก็หันมามองเธอกับเพื่อนๆ
"พวกพี่มากันด้วยเหรอคะ"
มาร์คย่นคิ้วกับคำพูดของน้องดาว ส่วนเพื่อนๆ เธอชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ พูดจบก็ไม่รอคำตอบ น้องดาวมฤตยูหันไปมองมาร์คแล้วเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน
"อาจารย์อยากคุยกับพี่มาร์คน่ะค่ะ พี่มาร์คไปที่โต๊ะกับดาวนะคะ" พูดจบก็ฉุดแขนมาร์คให้ลุกขึ้น มาร์คมีสีหน้าอึดอัดใจแต่ก็จำใจต้องลุกตามแรงฉุด
"ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะมาคุยด้วยใหม่" เขาหันมามองเธอก่อนจะเดินตามแรงฉุดของน้องดาวไป น้องดาวหันมามองพวกเธอแล้วส่งยิ้มหวานให้อย่างเย้ยๆ
เพื่อนๆเธอมองตามน้องดาวอย่างกับจะกินหัว แม้แต่เธอยังอดเซ็งไม่ได้ รู้หรอกน่าว่าไม่คู่ควร ไม่มีสิทธิ์ แต่ขอแค่มองไม่ได้รึไง
พอเสียอารมณ์งานก็ชักจะกร่อยก็เลยตัดสินใจกลับกันก่อน
หลังจากนั้นพอมีเวลาว่างมาร์คก็มักจะมา'ขลุก' อยู่กับพวกเธอประจำ ทั้งมานั่งอ่านหนังสือด้วย ตามไปกินข้าวด้วย ไปเที่ยวด้วย ถึงจะเริ่มสนิทใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามาสนิทกับพวกเธอทำไม
"ไอ้จิ๊บ" ฝนเรียกขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาทำรายงานอยู่
"หือ"
"มาร์คจีบแกรึเปล่าวะ"
เธอเงยหน้ามองเพื่อนเธอทันที
"แกเอาสมองส่วนไหนคิดวะฝน ถึงได้คิดว่าเขาจะมาจีบฉันน่ะ" พูดจบก็ค้อนให้ทีหนึ่งก่อนจะก้มลงเขียนต่อ
"ก็ถ้าเขาไม่จีบแก แล้วเขามาตีสนิทกับเราทำไมวะ"
เธอถอนหายใจเฮือกก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อน
"ฉันจะไปรู้เรอะ ฉันไม่ใช่เขานี่ บางทีเขาอาจจะถูกชะตากับพวกเราเลยอยากเป็นเพื่อนเฉยๆก็ได้" พูดจบก็ทำสายตาข่มขู่ เพราะเธอทำงานยังไม่เสร็จยังไม่พร้อมจะให้ใครมารบกวนตอนนี้
ฝนแอบเบ้หน้าเมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่เห็น เธอไม่ได้ตาบอดนี่นาจะได้ไม่เห็นสายตาที่มาร์คยามมองเพื่อนเธอ แต่ยัยจิ๊บมันซื่อบื้อเกินไป แล้วก็ชอบคิดว่าตัวเองขี้เหร่จนไม่กล้าจะคิดเกินเลยกับใคร เหอะ ถึงจะไม่สวยหยาดฟ้ามาดินเหมือนพวกยัยดาวมฤตยู แต่ก็น่ารักนิสัยดีกว่าแม่พวกนั้นล่ะน่า ไม่เห็นแปลกถ้าจะมีใครสักคนมาสนใจ เสียแต่ว่ามันดุไปหน่อย ใครเข้ามาขัดตาขัดใจก็แทบจะงับหัวเขาจนกระเจิดกระเจิงไปหมด สงสารก็แต่อีตามาร์ค พยายามเข้าก็แล้วกันสุดหล่อ เธอขอเป็นกำลังใจให้
เขารีบเก็บสมุดหนังสือเมื่อหมดคาบเรียนสุดท้าย เพื่อจะรีบไปหาจิ๊บกับเพื่อนๆเพราะวันนี้มีนัดกันไปดูหนังที่เพิ่งจะเข้าโรง
"ไอ้มาร์ค แกจะรีบไปไหนวะ เดี๋ยวนี้เห็นไปป้วนเปี้ยนแถวคณะอักษรฯบ่อยๆ ไม่ยอมไปคณะนิเทศฯกับพวกเราเลย น้องๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นนะเว้ย ยิ่งน้องดาวถามถึงแกทุกครั้งเลย ทำไมไม่ไปหาน้องเขาบ้างวะ"
มาร์คถอนหายใจก่อนจะหันไปตอบเพื่อน
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเค้า ฉันจะไปหาน้องเขาทำไมวะ ที่เคยไปก็เพราะพวกแกขอร้องแกมบังคับให้ไปเป็นเพื่อน อย่าลืมสิ"
'เพื่อน'ได้แต่กระพริบตาปริบๆ อุบอิบบอก
"ก็เวลาแกไปด้วยแล้วสาวๆ เข้ามาเยอะนี่หว่า ว่าแต่แกไปติดใจอะไรที่คณะอักษรฯ วะ ฉันไม่เห็นใครสู้น้องดาวได้สักคน"
เขาไม่ตอบได้แต่ยิ้มแล้วเดินหนีเพื่อนไป เขาจะบอกได้ยังไงว่าติดใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ตาใสๆคนหนึ่ง เขาเห็นเธอตั้งแต่ไปซ้อมบทละคร ตอนนั้นเขาเห็นเธอกับเพื่อนๆวิ่งวุ่นอยู่กับการเตรียมงาน ทำทุกอย่างแม้กระทั่งงานหนักๆที่ควรเป็นงานของผู้ชาย เขาอยากจะไปช่วย แต่ก็ติดการซ้อมบท ทำให้ปลีกตัวไปช่วยไม่ได้ จนแสดงเสร็จนั่นแหละถึงได้สามารถเสนอตัวช่วยเหลือได้
พอยิ่งรู้จักก็ยิ่งถูกใจและชอบใจกับนิสัยใจคอที่หนักแน่น พึ่งตัวเองได้ และมีน้ำใจกับคนรอบข้าง แถมยิ่งอยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายใจ จนต้องเสนอหน้าไปให้เห็นบ่อยๆ แต่ดูท่าเธอจะไม่รู้ตัวสักนิด ยังคงวางตัวเป็นเพื่อนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สงสัยคงจะต้องแสดงออกมากกว่านี้ เผื่อเธอจะเข้าใจเจตนารมณ์เขาขึ้นมาบ้าง
มาร์ครีบเดินไปที่โต๊ะที่จิ๊บกับเพื่อนๆนั่งทำงานกันเป็นประจำ แต่พอไปถึงก็เห็นน้องดาวกำลังยืนโวยวายอยู่ เขารีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น พอเห็นน้องดาวเงื้อมือเหมือนจะตบใครสักคนก็ส่งเสียงไปก่อน
"มีอะไรกันเหรอครับ"
ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ส่วนน้องดาวตรงรี่เข้ามาเกาะแขนเขา
"พี่มาร์คคะ พวกพี่ๆเขาจะทำร้ายน้องดาว"
เพื่อนจิ๊บพากันเบ้หน้า ส่วนจิ๊บได้แต่มองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย แค่นั้นก็ทำให้เขาร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก เขารีบปลดมือน้องดาวออกจากแขน
"แต่ที่พี่เห็น พี่เห็นน้องดาวกำลังจะทำร้ายพี่ๆ เขามากกว่านะครับ
"พี่มาร์ค นี่พี่มากเข้าข้างพวกมัน เอ่อ พวกพี่ๆ มากกว่าดาวเหรอคะ"
"พี่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่พี่เชื่อสายตาตัวเองมากกว่า และพี่ก็สงสัยว่าน้องดาวทำแบบนี้ทำไม" เขาเอ่ยเสียงเครียด
"ก็พี่มาร์คทิ้งดาวมาหาผู้หญิงพวกนี้นี่คะ พี่มาร์คไม่ไปหาดาวบ้างเลย ดาวไม่ยอมนะคะ"
"น้องดาว เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ เราแค่แสดงละครด้วยกันเฉยๆพี่เห็นน้องดาวเป็นแค่น้องของพี่เท่านั้น" เขาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
"พี่มาร์ค" น้องดาวเรียกเขาเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองจิ๊บกับเพื่อนๆ อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
"ตาต่ำ" พูดจบก็เดินหนีไป
จิ๊บมองน้องดาวเดินจากไปแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะไม่อยากจะมีเรื่องในมหาวิทยาลัย เธอปรายตามองมาร์คด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจพูด
"มาร์ค จิ๊บว่ามาร์คเลิกมายุ่งกับพวกเราเถอะนะ จิ๊บไม่อยากให้มีเรื่อง" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เฮ้ย! จิ๊บ มันไม่ใช่ความผิดของมาร์คเลยนะ" ฝนค้านเมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อน
มาร์คมองจิ๊บด้วยสายตาเว้าวอน ถ้าปล่อยไปแบบนี้คงไม่ดีกับเขาแน่ เลยตัดสินใจคุยกันให้รู้เรื่อง
"ผมขอคุยกับจิ๊บหน่อยได้ไหมครับ"
คนอื่นๆทยอยเดินเลี่ยงไปทิ้งให้ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
"นั่งก่อนสิครับจิ๊บ"
เธอถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงเพราะอยากคุยกันให้รู้เรื่องเหมือนกัน
"จิ๊บครับ ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้จิ๊บไม่สบายใจ แต่จะให้ผมไม่มายุ่งกับจิ๊บอีก ผมคงทำไม่ได้หรอกครับ"
"ทำไมล่ะมาร์ค มันคงไม่เป็นปัญหาอะไรกับมาร์คหรอก ต่อให้ไม่มีพวกเรา มาร์คก็มีเพื่อนอีกเยอะแยะ"
"จริงอยู่ผมมีเพื่อนอีกเยอะแยะ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนจิ๊บนี่ คือ เอ่อ" เขาอึกอักก่อนจะรวบรวมกำลังใจเอ่ยต่อ
"ผมชอบจิ๊บ เรามาคบกันดีไหมครับ"
จิ๊บได้แต่นั่งอึ้งกะพริบตาปริบๆนี่หูเธอเฝื่อนหรือประสาทรับรู้เธอมีปัญหาหรือยังไง ถึงได้ยินอะไรเพี้ยนๆ ไป
"อะไรนะ" เธอถามอย่างไม่แน่ใจ เพราะยังคงกับคำพูดของเขาอยู่
มาร์คได้แต่ลูบผมอย่างเขินๆแต่ก็ยอมย้ำให้ฟังอีกที
"ผมชอบจิ๊บ เรามาลองคบกันดูไหมครับ" พูดจบก็จ้องหน้าเธออย่างรอลุ้นในคำตอบ
ถึงจะได้ยินชัดเจน แต่เหมือนสมองยังประมวลผลไม่ได้ เลยย้ำคำของเขาแผ่วเบา "คบกัน"
"ครับ คบกัน เป็นแฟนกันนะครับ" เขาถามอย่างอ้อนวอนทั้งน้ำเสียงและสายตา
จิ๊บพยายามตั้งสติ ได้แต่มองเขาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด
"มาร์คจะมาชอบจิ๊บได้ยังไง" เธอยังคงมองหน้าเขาด้วยความสับสน
"ผมไม่รู้หรอกครับว่าชอบจิ๊บได้ยังไง พอรู้ตัวก็ชอบไปแล้ว แต่ถ้าจิ๊บยังไม่พร้อมเราเป็นเพื่อนกันไปก่อนก็ได้ แต่ถ้าพร้อมหรือว่าแน่ใจเมื่อไหร่แล้วค่อยเป็นแฟนกัน" เขาเสนอเมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของเธอ
เธอมองหน้าเขานิ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายสำหรับเธอ จะก้าวไปข้างหน้าก็ยังกล้าๆ กลัวๆ จะถอยหลังก็เสียดายโอกาสดีๆ ที่เข้ามา แต่พอสบตาเว้าวอนคู่นั้นก็ทำให้ใจอ่อนอีกจนได้
"ก็ได้จ้ะ แต่จิ๊บขอให้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อนได้ไหม เผื่อมาร์คจะเปลี่ยนใจ"
มาร์คหน้ามุ่ยกับคำพูดของเธอ ก่อนจะยิ้มกว้างตอบเธอไป
"ผมไม่เปลี่ยนใจแน่ครับจิ๊บ" และเขามั่นใจว่าจะต้องเป็นแฟนกับเขาเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน มาร์ค หมายมาดในใจ
ไม่รู้ว่ามันเท่สำหรับคนอื่นหรือเปล่า แต่ได้ยินคนอื่นพูดแล้วเท่อ่ะ
"คนไม่สวยผิดเสมอ" ฟังแล้วจี๊ดทั้งคำพูดทั้งเพลง ช่างเป็นคำพูดที่โดนใจคนขี้เหร่อย่างฉันจริงๆ
"อยู่เป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น" ประโยคนี้เพื่อนพูดให้ฟัง มันก็เท่ดีอยู่หรอกแต่ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าช่างกล้าว่ะ
"จงชราอย่างกล้าหาญ จงขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรี" ฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิมและมั่นใจกับการเกาะคานเสียจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
แล้วก็สายอีกตามเคย เพราะหนีไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เพชรบุรีมา
พอดีช่วงนี้ลูกตาลกำลังออกเพื่อนถามว่า "ปุ๋ยไปกินลูกตาลป่าว"
"ไปสิ" ตอบไปง่ายๆ แล้วก็เก็บเสื้อผ้าตามไปง่ายๆ ตามประสาคนใจง่ายฮ่าๆๆๆๆ ไปตั้งแต่บ่ายวันเสาร์กลับอีกทีก็บ่ายวันจันทร์ วันนี้ก็ต้องเคลียร์งานแล้วก็พิมพ์เรื่องสั้นนี่แหละ เอ แต่ยิ่งแต่งยิ่งยาว ชักจะไม่เป็นเรื่องสั้นแล้วแฮะ
ว่างๆเดี๋ยวจะแวะไปทักทายนะคะ
ให้มาร์คค่ะขอให้สมหวังตามที่่หมายมาดในใจ
เอาไว้ค่ะ
ขอเปลี่ยนเป็น "คนไม่สวยผิดตรงไหน"ได้ป่าวคะ