คนเขียนหนังสือ ชีวิตเบิกบานในการงาน
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
เรื่องสั้นประทับใจ หน้าต่างที่เปิดออก

อ่านเรื่องสั้นกันดีกว่า นี่เป็นเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องสั้นประทับใจ



ภาพจาก //www.geocities.com/trainthailand2001/Trainservice.htm



หน้าต่างที่เปิดออก

อันตราย...กรุณาอย่ายื่นขืนแขนขาออกนอกหน้าต่าง

ฉันจำได้ว่าเคยขบขันความทำนองนี้ ที่ติดไว้ในรถไฟชั้น ๓ แต่ฉันก็ไม่เคยพยายามที่จะนั่งให้ขาออกนอกหน้าต่างรถ ไม่ใช่กลัวอันตรายแต่ไม่รู้ว่าจะนั่งเอาขาออกไปจากหน้าต่างรถทำไม

ฉันไม่รู้จักรถไฟชั้นอื่นนอกจากชั้น ๓ รถไฟเป็นความหลังที่สนุกสนานในวัยเยาว์ พ่อแม่มารับส่งลูกที่สถานีรถไฟ ไม่ใช่เพียงพ่อแม่ของฉันเท่านั้นพ่อของใครๆ ก็เหมือนกัน

เปิดเทอมรถไฟจะนำลูกไปสู่เมืองหลวง เวลาแห่งการจากพรากเริ่มขึ้น ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออก พ่อแม่ยืนเงยหน้ามองลูกที่ยืนเบียดกันอยู่ที่หน้าต่างรถไฟ ต่างคนต่างกล่าวลาลูกของตัวเอง สั่งสอนตักเตือนจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่รถเคลื่อนตัวออก ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ผ่านพ้นเลี้ยวโค้งแรกลูกๆ ก็สนุกสนานทิ้งพ่อแม่ไว้เบื้องหลัง

พ่อฉันจะเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินมากกว่าอื่นใด ฉันจะมีอาหารมากกว่าใคร ตั้งแต่เหนียวห่อกล้วยหรือข้าวต้มมัดนั่นแหละ หมี่ผัด หมูเค็มกับข้าวสวย ผลไม้เท่าที่หาได้อีก ๑ ถุง ที่ขาดไม่ได้คือส้มเขียวหวาน กินส้มเขียวหวานชื่นใจไม่ต้องดื่มน้ำอัดลม ทั้งนี้เพราะดื่มน้ำอัดลมไม่เป็น เมื่อครั้งมีงานผ้าขึ้นธาตุ เป็นงานใหญ่ประจำจังหวัด ฉันเคยดื่มน้ำอัดลมสีดำครั้งแรก มันบาดคอฉันแทบจะป้วนทิ้ง แต่ต้องทนกลืนลงไปกลัวพี่ชายจะเสียหน้าและเขาจะไม่ยอมให้ไปไหนด้วย

นอกจากของกินระหว่างทางแล้ว เรายังมีของกินที่เตรียมไปเพื่อจะได้เก็บไว้กินที่เมืองหลวง มีตั้งแต่กุ้งต้มน้ำตาล ปลาเค็ม ปลาย่าง น้ำพริกมะขาม และยังมีของฝาก พวกที่กลับบ้านไม่ได้ หอบกันเต็มมือ มีสะตอ ลูกเนียง มังคุด ลังสาด รวมไปถึงผักแกงเลียงพื้นบ้าน ขบวนสายได้อัดแน่นไปด้วยของกิน-บ้านเรา

เรื่องราวบนรถไฟมีมากมาย พวกผู้ชายมักชอบทำตัวอวดสาวในรถไฟ ครั้งหนึ่งสาวอยากกินมะขามคลุกน้ำตาล พี่ชายของฉันลงไปซื้อให้เธอในขณะที่รถไฟจอดสถานีเล็กๆ ช่วงสั้นๆ เพียงห้านาที ไม่มีใครเขาอยากลงไป แต่เขาลงเพื่อเอาใจสาว รถไฟเคลื่อนออกเขาต้องโหนประตูขึ้นมาแบบพระเอกหนังไทยปรากฏว่าเส้นรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่ง ช่วงนั้นพวกหนุ่มๆ สวมรองเท้าส้นตึก โชคดีที่ส้นรองเท้าหลุดง่าย ไม่เช่นนั้นขาอาจจะหลุดไปด้วย ฉันได้รับค่าจ้าง ๑๐๐ บาท ในการปิดปากให้สนิท

“อย่าให้พ่อรู้ พ่อจะโกรธ และพี่ก็เสียฟอร์มด้วย ห้ามเล่าใครทั้งนั้น”


ฉันไม่ได้นั่งรถไฟนานแล้ว นับตั้งแต่พ่อตายจากไป ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นพ่อคนอื่นมารับลูกแต่ไม่มีพ่อของฉัน รถไฟสำหรับฉันมันเป็นเรื่องเศร้า

ในปีที่ ๒๐ ฉันคิดว่าฉันเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟได้แล้ว ฉันมีเพื่อนร่วมทางที่จะเดินไปด้วยกันและฉันหวังว่าเราจะเดินทางไปด้วยกันตลอดไป หรือถ้าฉันต้องเดินทางคนเดียวก็จะมีคนรอรับเมื่อกลับมา ตรงชานชลาที่สถานีปลายทางจะไม่ว่างเปล่า

ครั้งนี้ฉันเลือกรถนอนชั้น ๒ ชั้นนี้ไม่มีตัวอักษร เขียนว่าอย่ายื่นแขนขาออกนอกหน้าต่าง

ขบวนนี้เป็นรถเร็ว เชียงใหม่-กรุงเทพฯ เราต้องไปต่อรถไฟอีกครั้ง ขบวนกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ปลายทางอยู่ที่นั้น

เป็นการเดินทางเที่ยวพิเศษจริงเพราะฉันนำเพื่อนร่วมทางเดินทางไปสู่ครอบครัวเดิมในฐานะสมาชิกใหม่ และเป็นการเดินทางไกลครั้งแรกของเขา ในระหว่างทางฉันเล่าให้เขาฟัง เรื่องรถไฟและพ่อ-


ที่นั่งด้านซ้ายมีฝรั่งสูงวัยกว่า ๖๐ ปี มากับสาว ผิวดำ ตาโต วัยไม่เกิน ๓๐ ปี พวกเขาหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนจะสื่อสารกันด้วยเสียงหัวเราะและท่าทางมากกว่าคำพูด

หล่อนและเขาช่วยกันทำที่นอนทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาและไม่สนใจข้อความที่เขียนติดเอาไว้ว่าต้องการปรับที่นอนโปรดเรียกพนักงาน

หล่อนมีความชำนาญในการปรับที่นั่งให้เป็นที่นอนได้อย่างรวดเร็ว โดยดึงที่นั่งทั้งสองด้านให้ติดกัน หล่อนพยายามเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น

หล่อนหัวเราะเสียงดังเมื่อเขาโอบตัวหล่อนไว้ในขณะที่พยายามเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น กูด กูด ยุกุดกูด ยูเก่ง ยูโอเพ็นเดอะดอร์ โอ...โนโนวินโด้

หล่อนและเขานอนกอดก่ายกันอยู่บนที่นอนเล็กๆ สำหรับคนเดียว เตียงนอนบนรถไฟชั้นล่าง ๑ คน ชั้นบนอีก ๑ คน แต่หล่อนและเขาใช้แต่เตียงล่างและไม่ได้เอาผ้ามาปิดกั้น เสียงพูดคุยสลับกันสองภาษาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ฉันรู้สึกรำคาญเสียงหัวเราะของหล่อนและรู้สึกอับอาบ แต่ทันทีที่ฉันหันไปสบตาหล่อน สาวผิวดำก็ยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร

ถึงสถานีเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีพระขึ้นมาหนึ่งรูป ที่นั่งของท่านอยู่ตรงข้ามกับหล่อนและเขา

เขาถามพระว่าท่านอยู่วัดไหน

พระยังไม่ทันตอบ แม่สาวก็ส่งเสียงดังว่า กูดไนท์ กุฏไหน และอธิบายกับฝรั่งว่า ยูเซกูดไนท์ บ่ายๆ มิคไนท์ ไอน็อทเซย์กูดไนท์ ไอเซย์กูฎไหน โอเค ไอโทนยู มองกี้ไทย โอโนโน มองค์ไทยโนมองค์กี้ โอเค...มองค์ไทยแอนด์มองค์ฝรั่ง มองค์ไทยทางใต้-นครศรีธรรมราช มองค์ฝรั่งเซย์กูดไนท์ มองค์ไทยเซย์กุฎโน้น

แม้จะรู้สึกรำคาญแต่อดยิ้มขำไม่ได้ หล่อนช่างไม่รู้อะไรควรไม่ควรเลย หล่อนยังอธิบายต่ออีกว่า กุฏิคือบ้านของพระ คนใต้เรียกสั้นๆ ว่ากุฎ คล้ายกับฝรั่งว่ากูด และไนท์ กลางคืนก็มาคล้ายกับคำว่าไหน พระฝรั่งกูดไนท์ สวัสดีราตรีสวัสดิ์ แต่พระไทยภาคใต้ได้ยินว่า กุฎไหน เข้าใจว่าเขาถามว่าอยู่กูฎิไหนจึงตอบว่ากุฏโน้น

ฉันก้มหน้าหัวเราะไม่อยากให้เห็นแต่หล่อนก็เห็นจนได้ หล่อนถามฉันว่า “คนใต้ใช้หม้าย”

ฉันพยักหน้ารับ

“ว่าแล้วหน้าตาคล้ายๆ คนบ้านเรา” ฉันยิ้มให้เธอ

“แล้วมาทำไหรไกลลิบ” หล่อนถามต่อ

“ใช่...ไกล” ฉันตอบใช่ ฉันมาอยู่ไกล แต่ไม่ได้ตอบว่ามาทำอะไร เพื่อให้หล่อนหยุดพูดฉันจึงหันไปสนใจพระกับฝรั่งที่คุยกันเรื่องวัดวาอารามที่เมืองเหนือ เขาสนใจเรื่องพุทธศาสนา

พระถามถึงเส้นทางที่เขาเดินทางมาและกำลังจะไป เขาตอบๆ ว่า แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ชุมพร

หล่อนและเขากำลังเดินทางไปทางภาคใต้เช่นเดียวกับฉัน

ถ้าด้านขวาเป็นตัวแทนของความดี ความงามและความบริสุทธิ์ ด้านซ้ายเป็นในสิ่งที่ต่างกัน ฉันพยายามที่ไม่มองทั้งซ้ายและขวา แต่ทำไม่ได้เพราะทั้งซ้ายและขวาน่าสนใจ

“ชอบ...ชอบเชียงใหม่เพราะอาหารถูก...แฟนเขาก็ชอบเหมือนกัน” ได้ยินเสียงหล่อนคุยกับพระ “จะไปเกาะเต่า พี่เขยกับพี่สาวอยู่ที่นั่น”

เพื่อนร่วมทางของฉันยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนฉันทนไม่ได้จึงสะกิดให้ดู เขาหันไปมองพระพร้อมกับยกมือไหว้ ถามท่านเป็นภาษาถิ่นว่า ท่านจะไปไหน ท่านตอบว่าไป สุราษฎร์ธานี สวมโมกข์

“ช่วยถามให้หน่อยว่าทำไมเขาถึงอัดรูปนี้มาเยอะ เพราะอะไร” หล่อนเอาภาพถ่ายมากมายให้พระดู

พระหันไปถามฝรั่งตามที่หญิงสาวต้องการ และหันมาบอกว่า “เขาว่าเขาชอบ”

หล่อนหัวเราะชอบใจ เมื่อได้คำตอบ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันลุกขึ้นเดินทำทีไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะได้ก้มตัวขอโทษและแอบมองรูปภาพใบนั้น

มันเป็นรูปผู้หญิง ดูไม่ชัดแต่คิดว่าเป็นรูปของเธอ เสียงหัวเราะแห่งความยินดี ไม่ใช่เรื่องแปลก ใครก็อยากถูกรักถูกชอบ ฉันล้างมือที่อ่างหน้าห้องน้ำแล้วเดินกลับ

“ช่วยถามให้หน่อย เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร”

คราวนี้พระเงียบ ฉันไม่แน่ใจว่า พระไม่อยากแปล เป็นถ้อยคำที่ไม่ควร หรือว่าท่านฟังไม่ออกแปลไม่ได้

ฝรั่งคงเมื่อยเขาจึงนั่งเอนตัวลงเอาเท้าพาดกับขอบหน้าต่าง ยื่นขาออกไปนอกหน้าต่าง ฉันคิดถึงข้อความ “อย่ายื่นเขนขาออกนอกหน้าต่าง”

เออ...ฝรั่งคนนี้ทำได้...ยื่นขาออกนอกหน้าต่างได้

เขาลุกขึ้นนั่งส่งกล้องถ่ายรูปให้พระ พร้อมกับบอกท่านว่า ช่วยถ่ายรูปให้หน่อย และล้มตัวลงไปนอนคราวนี้หันหัวไปทางหน้าต่างแต่ไม่ยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่าง หญิงสาวยังหัวเราะเมื่อเขาเอื้อมมือมากอดหล่อนจนล้มลง ในขณะที่หล่อนอธิบายให้พระฟังว่า กล้องถ่ายรูปใช้อย่างไร

ฉันกำลังดูว่าพระจะทำอย่างไร จะยอมถ่ายรูปให้หรือไม่ จะพูดอย่างไร

ฉันคิดว่าท่านกำลังหาคำพูดที่เหมาะสมเพื่อให้ฝรั่งนักท่องเที่ยวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แม้เราจะยินดีที่นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำทุกอย่างได้ มาบ้านเราก็ต้องเกรงใจเราเคารพเจ้าของบ้าน ทั้งนี้เพื่อเขาจะได้เที่ยวเมืองไทยอย่างมีความสุข

พระยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่ายรูปให้ และส่งกล้องถ่ายรูปคืน ท่านทำแค่นั้นและท่านยังต้องฟังแม่สาวพูดเล่าถึงเรื่องราวของตัวเอง หล่อนบอกพระว่าฝรั่งคนนี้เป็นแฟนของหล่อนพบทกันที่เกาะแต่และพาเขามาเที่ยวเมืองเหนือ ตอนนี้กำลังจะกลับเกาะเต่า

เจ้าหน้าที่รถไฟที่เดินตรวจความเรียบร้อย หยุดมองผู้ชายต่างชาติกับสาวไทยนอนกอดก่ายกันชั่วครู่ หญิงสาวยิ้มหัวเริงร่า เจ้าหน้าที่ดึงที่นอนข้างบนลงมา เอาหมอนกับผ้าห่มส่งให้พวกเขา ๑ ชุด พร้อมกับถามว่าเตียงบนไม่ใช้ใช่ไหม หญิงสาวตอบว่า จ๊ะ เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนถามอีกครั้งแน่ใจนะ

เขาดึงม่านลงมาเปิดเตียงนอนให้ พร้อมกับเดินจากไป ฉันคิดว่าเจ้าหน้าที่คงอยากจะขายที่นอนเตียงบนให้คนอื่นที่อยากเดินทางจึงถามให้แน่ใจ และเขาก็ยอมแม้หล่อนจะทำผิดกฎไปบ้าง

หญิงสาวโผล่หน้าออกมาหล่อนหัวเราะเสียงดัง ก่อนเปิดม่านออกทั้งหมด ยามเย็นยังมีแสงแดดส่องผ่านเข้ามา ใครจะอยู่ในม่านนั้นได้ แม้จะมีพัดลมก็เถอะ

“ร้อนจะตาย” หล่อนว่าและหัวเราะเมื่อเขาตบก้นแรงๆ สองครั้ง

“เขาคงซื้อเวลามา เขาจึงไม่ให้เกียรติเธอ ปฏิบัติต่อเธอแบบนั้น” ฉันพูดกับเพื่อนร่วมทางที่ยังคงอ่านหนังสืออยู่เช่นเดิม “ทำไมเธอไม่อายเลยนะ ใครๆ ก็มอง”
“เธออายนะ” เขาพูดขึ้น

“เหรอ”

“ใช่เธอ อายเธอเลยหัวเราะไง อายแต่ต้องทำ” เขาว่าพลางลุกขึ้นยืนบอกว่าจะออกไปสูบบุหรี่ ถ้าใครจะสูบบุหรี่ต้องไปสูบที่ประตูเป็นช่วงต่อระหว่างตู้รถไฟ

ฉันไม่ไปกับเขา เลือกที่จะนั่งดูดวงอาทิตย์ใกล้จะลับฟ้า ฉันมองผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้เพียงนิดเดียว

“เปิดหน้าต่างให้เอาไหม” หล่อนมายืนอยู่ใกล้ที่ฉันนั่ง

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ แค่นี้ก็มองเห็นแล้ว”

“หลบออกมา จะเปิดหน้าต่างให้ ไม่ต้องไปเชื่อมันหรอก ไอ้พวกรถไฟ ให้ปิดหน้าต่างร้อนตาย กลางคืนก็เปิดหน้าต่างไปเลย เปิดหน้าต่างนอนสบายจะตาย เออถ้าตู้แอร์ก็อีกอย่าง ” ฉันลุกออกมาจากที่นั่นหลีกทางให้หล่อนเข้าไปเปิดหน้าต่าง มือแข็งแรงของหล่อนกดขอบหน้าต่างลงก่อนจะดันขึ้น ขยับขึ้นลงหลายครั้งในที่สุดก็เปิดออก มองเห็นทุ่งนาร้างและฟ้ากว้าง

ในยามดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า สวยงามและวังเวงจริงๆ ฉันอยากให้หล่อนกลับไปนั่งในที่ของหล่อน ยามนี้การนั่งดูท้องฟ้าคนเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแต่หล่อนก็ไม่ไป

“จะไปไหน”

“กลับบ้าน” ฉันตอบ

“เหมือนกัน กลับบ้านเหมือนกัน แต่ไปเที่ยวเกาะเต่ากันก่อน เคยไปหม้าย” หล่อนยิ้มปากกว้างโชว์ฟันขาว ฉันส่ายหน้า

“พี่สาว...เป็นลูกบ้านไหน” หล่อนรุกและหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกเมื่อฉันบอกชื่อจังหวะบ้านเกิด

“ลูกบ้านเดียวกัน ลูกบ้านเดียวกัน...ใตรไม่แหลงใต้ แหลงได้ม่าย” หล่อนรุกต่อเหมือนไม่ให้ฉันตั้งตัว

ฉันพยักหน้า รู้สึกตัวเล็กลีบติดขอบหน้าต่าง

“มาอยู่ไกลลิบ...แฟน?” หล่อนมองไปยังที่นั่งที่ว่างเปล่า

ฉันพยักหน้า พลางบอกหล่อนว่าเขาไปสูบบุหรี่

“มาหาแฟนไกลนะ”

ฉันยิ้มให้หล่อนอย่างไม่รู้จะว่าอย่างไร

“เหมือนกัน นี่กะพาเขากลับบ้านไปให้พ่อแม่รู้จัก” หล่อนหัวเราะก่อนเดินกลับไปที่นั่งของตัวเอง

“คนบ้านเดียวกัน” หล่อนพูดกับพระ ก่อนหันไปพูดกับฝรั่งว่า ชีฟอร์มมายโอม ชีมาเตอร์แอนด์มายมาเตอร์โอมเดียวกัน ชีแอนด์อัดแบนโกทูโอมมาเตอร์เซมไอเหมือนกัน

ฝรั่งหันมามองหน้าฉัน ฝรั่งยิ้มให้ ฉันพยายามทำหน้าเฉยให้มากที่สุด

“อาร์ ยู โอ.เค.” ฉันได้ยินหล่อนส่งเสียงกับฝรั่ง

ฉันหลบตาฝรั่ง รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาจนต้องหลับตาลง

“ร้องไห้ทำไม มีอะไรหรือเปล่า” เขาพูดเบาๆ มีกลิ่นบุหรี่มาฝาก ที่ข้อต่อตู้รถไฟคงมีคนสูบบุหรี่กันเยอะเขาเล่า

ฉันหันไปมองท้องฟ้าที่ใกล้จะมืด ฉันเป็นคนบ้านเดียวกับหล่อน ฉันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความละอายที่ฉันมีต่อตัวเอง เพราะฉันคิดว่าหล่อนเป็นคนละชิ้นกับฉัน แต่การกระทำของหล่อนทำให้ฉันรู้สึกว่าหล่อนกับฉันอยู่ชั้นเดียวกัน และไม่ใช่แค่ภายในรถไฟขบวนนี้เท่านั้น...นอกขบวนรถไฟหรือที่ไหนก็เช่นเดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตามฉันต้อง ขอบคุณที่ช่วยเปิดหน้าต่างให้



**************


ภาพจากบ้านใต้ แต่คำโฆษณาดอยสุเทพ ก็เพราะฝืนฟ้าและสายน้ำเดียวกัน

อ่านโฆษณาก่อนแสดงความคิดเห็นค่ะ ถือว่าเป็นงานบุญ

เดิน-ปั่นจักรยาน ขึ้นดอยสุเทพ เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราช
“ตามรอยครูบาศรีวิชัย ร่วมใจดูแลเมืองเชียงใหม่”

ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2550 นี้ เริ่มหกโมงเช้าที่ลานครูบาศรีวิชัย กลุ่มเดินเท้าเดินตามเส้นทางป่าดอย ค่อยลัดเลาะไป ดูและฟังเสียงป่า ไปกินขนมอร่อย ๆ ที่วัดผาลาด และเดินต่อไปจนถึงลานวัดพะธาตุไปพบกับทีมปั่นจักรยานที่รออยู่แล้ว ในช่วงวันดี ๆ เช่นนี้

เราจะฟังธรรมเทศน์เรื่อง การอนุรักษ์ดอยสุเทพและสิ่งแวดล้อมของเชียงใหม่ ณ บริเวณลานวัดพระธาตุ ครั้งนี้เจ้าอาวาสจะได้เปิดใจเรื่องดอยสุเทพและวัดพระธาตุว่าท่านคิดอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงของดอยสุเทพและวัดพระธาตุดอยสุเทพ หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติ ก็มาดื่มกินอาหารร่วมกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นธรรมชาติ

งานนี้มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย เพื่อการจัดงานและเป็นทุนในการดำเนินงานของภาคีคนฮักเชียงใหม่ โดยชื่อบัตรเดินทางคนละ 199 บาท พร้อมรับเสื้อยืดหนึ่งตัว และข้าวหนึ่งห่อ และขนม

ท่านที่จะเดินเท้าหรือปั่นจักรยาน ติดต่อล่วงหน้าล่วงหน้านะคะ ภาคีคนฮักเชียงใหม่ โทร.ที่ 084 0415096 หรือ 085 0397138 escrtary_pakee@hotmail.comหรือที่ ร้านหนังสือ สุริวงค์บุคเซ็นเตอร์ ร้านเล่า
ร้านเมล็ดกาแฟ เอเดน กรีนเฮาส์ และสุดสะแนน





Create Date : 17 ตุลาคม 2550
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 10:58:49 น. 23 comments
Counter : 2569 Pageviews.

 
มิตรรักนักอ่านและแฟนเพลงของ
อ้ายถนอม โปรดทราบ ปีกขวา
อัพเดทแล้วเหมือนกันค่ะ ชื่อเรื่อง
เพลงรักเก่า ๆ ชื่อธารสวาท

ติดตามได้ที่บ้านปีกขวาค่ะ


โดย: แพรจารุ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:2:46:41 น.  

 
สวัสดีเจ้า คุณแพร

แวะมาทักทาย หลังจากเงียบเสียงไปนาน ยุ่งนิดนึงค่ะ

แต่ก็ติดตามอ่านงานของคุณแพร และเงาศิลป์ทั้งที่นี่ โอเคเนชั่น และประชาไท ตลอด ด้วยความชื่นชม

มีงานเรื่องคอนเสริต์ชนเผ่ามาฝากค่ะ จัดโดยยูเนสโก ที่กาดเชิงดอย วันที่ 3 พ.ย นี้ เสียดายจังที่จะไม่ได้มาดู

ถ้าคุณแพรไปได้ ก็ดูเผื่อด้วยละกันค่ะ

รายละเอียดงานค่ะ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
---------
ยูเนสโกจัดงานคอนเสิรต์ชนเผ่าครั้งที่สอง ที่กาดเชิงดอย 3 พ.ย นี้ เพื่อร่วมฉลอง 80 พรรษาในหลวง คาดมีคนสนใจเข้าร่วมกว่า 5,000 คน เน้นสะท้อนปัญหาการขาดสถานะบุคคลทางกฎหมายของชนเผ่า และเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจชนเผ่าเป็นพลเมืองของไทย ไม่ใช่แค่จุดขายการท่องเที่ยว

งานคอนเสิรต์ชนเผ่านี้เป็นครั้งที่สองที่ยูเนสโกจัดขึ้นหลังจากงานครั้งแรกสามปีก่อน เพื่อส่งเสริมความตระหนักเรื่องสถานะบุคคลของชนเผ่า และเพื่อการป้องกันและควบคุมเชื้อเอชไอวี/เอดส์ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด

คาดว่าจะมีนักร้อง 20 คน จาก 7 เผ่า คือ กะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน อ่าข่า ลีซู ลาหู่ และไทยใหญ่ เข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีตัวแทนเยาวชนไทยที่เคยมาประชุมเรื่องต่อต้านการค้ามนุษย์เข้าร่วมแสดงด้วย สำหรับการจัดงานครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดเสียงทางวิทยุโดยสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะรับฟังได้ทั้งในไทย พม่าจีนตอนใต้ ลาว เวียดนาม และบางส่วนของอินเดีย และตั้งแต่เวลา 20.30 น.เป็นต้นไป สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 จะทำการถ่ายทอดสดด้วย

งานนี้มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาเป็นพิธีกร

ดร.เดวิด ไฟน์โกลด์ หัวหน้าโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์และเอชไอวี/เอดส์ ขององค์กรด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก กล่าวว่า การจัดงานครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน มีคนเข้าร่วมประมาณ 4,000 คน นับว่าประสบความสำเร็จมาก ทั้งในแง่ความบันเทิงและการทำให้คนตระหนักมากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาที่ชนเผ่าต้องเผชิญ

"สำหรับงานปีนี้ จะใหญ่กว่าเดิม และจะเน้นถึงความสำคัญของสิทธิในเรื่องสถานะบุคคลที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ชนเผ่าตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์" ดร.เดวิด กล่าว

ส่วนดร.เชลดอน เชฟเฟอร์ ผู้อำนวยการของสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพ กล่าวว่าการจัดคอนเสริต์ชนเผ่าครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยูเนสโก ที่จะส่งเสริมความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าและชนกลุ่มน้อย ซึ่งปรารถนาที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงในภาษาของตน

การจัดงานครั้งนี้ ยังเป็นโอกาสให้ชนเผ่าได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีในวโรกาสเฉลิมฉลอง 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงอุทิศตนในการช่วยเหลือชนเผ่าที่อาศัยบนภูสูง

ติดต่อขอบัตรเข้าชมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย สำนักงานประชาสัมพันธ์จ.เชียงใหม่ 49 ถ.ประชาสัมพันธ์ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
--------
Hilltribes rock Chiangmai

In Honour of His Majesty the King:
Hilltribe Musicians Take to the Stage For Legal Status and Against HIV/AIDS, Human Trafficking, and Drug Abuse

On November 3rd, 2007, in honour of H.M. the King, the hills will rock once again as Hilltribe Musicians stage their second International Pop Concert to advocate for recognition of legal status and the prevention of HIV/AIDS, human trafficking, and drug abuse.

The Permanent Secretary to the Prime Minister will be the events’ MC.

The Concert will attract more than 20 popular Hilltribe singers, from seven ethnic groups, who will lead the show with songs, entertainment and messages delivered in Karen, Hmong, Mien, Akha, Lisu, Tai Yai and Lahu languages.

A group of young Thais who participated in the Mekong Youth Forum on Human Trafficking this summer in Bangkok will also take part in the Chiang Mai event – reinforcing one of the Hilltribe Concert’s main messages – that vulnerable groups, including children, should have a voice in the prevention of trafficking and other matters that seriously affect their lives.

The show will take place at Kard Cherng Doi, and will be broadcast live by Radio Thailand Chiang Mai, which transmits across Thailand, southern China, Lao PDR, northern Viet Nam, Myanmar and parts of India (beginning at 7 pm).

Thailand’s Channel 11 television station will also conduct a simultaneous live prime time telecast from 8.30pm onwards for viewers throughout the kingdom.

Three years ago, Thailand’s first International Hilltribe Pop Concert, organized by UNESCO and Radio Thailand Chiangmai, shook the mountains around Chiang Mai with a crowd of 4,000 stomping, dancing, jumping and singing fans.

“The first concert was a major success – both as entertainment and in bringing attention to the issues facing hilltribe people ,” said Dr. David A. Feingold, head of the United Nations Educational Scientific and Cultural Organization (UNESCO) Trafficking and HIV/AIDS Project and one of the event’s co-organizers.

“This year’s event is even bigger, and highlights the importance of legal identity in preventing human trafficking.”

This gathering of different cultures and languages reinforces UNESCO’s mandate to promote cultural diversity and protect indigenous and minority cultures.

“Minority people are starved for information and entertainment in their own languages. This puts them at great risk,” says Dr. Sheldon Shaeffer, Director of the UNESCO Regional Office in Bangkok.

Thus, the concert presents a perfect opportunity to raise awareness on issues of citizenship, HIV/AIDS, drug abuse and human trafficking among hilltribe populations in Thailand and the Greater Mekong Subregion.

“The concert will capture the attention of young people, who aren’t easy to reach. And it will help educate lowland Thai people to think of the hilltribe people as citizens of the country and not simply a tourist attraction,” says Feingold.

Organized in honor of H.M. the King of Thailand’s 80th Birthday, the concert is an opportunity for highlanders to express their gratitude to King Bhumipol for his tireless work in improving the livelihood and welfare of mountain people.

Over 5,000 highland minorities and lowland people are expected to attend. Admission is free, but requires a ticket, which can be obtained from Radio Thailand Chiang Mai.

The concert will coincide with an exhibition to honor His Majesty King Bhumipol, and the Chiang Mai Food Festival.

The event is presented as part of the continuing cooperation between UNESCO and The Government Public Relations Office Region 3, Chiang Mai. Additional support comes from the Office of Contemporary Art and Culture, Thai Ministry of Culture, Plan International Thailand, Southeast Asia Regional Cooperation in Human Development (SEARCH), Forum ASIA, the International Labour Organization (ILO) Mekong Project to Combat Trafficking in Children and Women, Joint United Nations Programme on HIV/AIDS (UNAIDS), British Embassy Bangkok, the UN Inter-Agency Project on Human Trafficking in the Greater Mekong Sub-region (UNIAP), and the Asian Development Bank (ADB).

For further information, please contact:

Dr. David Feingold
International Coordinator for Trafficking and HIV/AID projects, UNESCO
Email: d.feingold@unescobkk.org,
Tel: 02-391-0577 ext. 504

Ms. Chotika Khruemanee
Country Programme Officer, UNESCO
Email: k.chotika@unescobkk.org,
Tel: 02-391-0577 ext. 510.

Ms. Rojana MANOWALAILAO
Media and Communications Officer, UNESCO
Tel: 02-391-0577 ext. 347
Mobile: 081-825-2188
E-mail: m.rojana@unescobkk.org


For Tickets:
Radio Thailand Chiang Mai
49 Prachasamphan Street, Tambon Changklan, Muang District Chiang Mai 50100 Thailand

แม่ญิงโยนก






โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:10:23:49 น.  

 
นานหลายเพลาแล้วที่ฉันมิได้ยินเสียงรถไฟ แล้วค่ำคืนนั้น...ปู๊น))))))))))))))))) เสียงหวูดดังแทรกความเงียบเข้ามา ความคุ้นเคยในวัยเด็กก็ห้อมล้อมโต๊ะที่ฉันนั่งทำงาน
................
ไม่อยากจะบอกเลยว่าวันนี้แดดดีมากแต่ก็มีเมฆหม่นๆอยู่ที่ราวโค้งฟ้าพร้อมจะปรุงฝนราดรดทะเลและผืนดิน คงอีกไม่นาน...อีกไม่นาน


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:12:11:51 น.  

 


พี่ยายคะ...

นกไม่ชินกับรถไฟ แถวบ้านไม่เคยมีรถไฟ ปัจจุบันก็ยังไม่มีค่ะ

จำได้ว่า สมัยเด็กๆ ตอนเรียนชั้นประถมเวลาเข้ากรุงเทพฯ พอลงทางด่วนแถวยมราช จะเจอรางรถไฟพาดผ่าน จะชะเง้อชะแง้มองหารถไฟ แล้วนับ ตู้ที่ 1 ตู้ที่ 2 ........

“ใช่เธอ อายเธอเลยหัวเราะไง อายแต่ต้องทำ” นกก็เชื่อเช่นนั้น

อาย เลยต้องใช้วิธีแสดงอาการหัวเราะกลบเกลื่ยนซะเลยนะคะ พี่ยาย




โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:13:09:52 น.  

 
ฉันก็เคยพบเจอมาบ้าง ทุกครั้งที่ฉันมีแขกมาไม่ว่าเขาจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติ ฉันจะทักทายเขาด้วยสวัสดีกับhelloควบคู่กันไป และเป็นการเช็คก่อนด้วยว่าเขาใช่คนไทยรึปล่าว เพราะเอเชียบางคนนี่หน้าเหมือนคนไทยมาก แต่ไม่ว่าเขาจะมาจากที่ใดฉันก็อยากให้เขาได้ความประทับใจในบ้านเมืองของฉัน แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่จำต้องวางอุดมการณ์นั้นไว้
หลายครั้งที่ได้เจอคนไทยที่สร้างความไม่ประทับใจแก่ฉันเอาซะเลย มีอยู่ครั้งแท๊กซี่มาจอดแถวบ้านเพื่อให้สาวไทยวัยยี่สิบต้นๆและฝรั่งรุ่นพ่อลง ฉันเห็นเขาเก้ๆกังๆมองหาอะไรสักอย่าง เผื่อฉันช่วยได้ ฉันจึงถามเขาว่า "สวัสดี มองหาร้านไหนอยู่เหรอ"หล่อนแค่ชายหางตาและแสดงอาการเริ่ดเชิ่ดหยิ่งไม่มีคำตอบรับใดๆกลับมา ก่อนที่จะไปแสดงความเป็นเจ้าของฝรั่งรุ่นพ่อคนนั้นต่อไปอย่างไม่สนใจใคร ละแวกนั้น เขาหายเข้าไปร้านเพื่อนฉันพอสมควร
มันเกิดอะไรขึ้น ความเป็นคนไทยของหล่อนหายไปไหน หากวันนั้นเขาจะเข้ามาร้านของฉัน "ฉันไม่ขายให้แน่นอน"


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:13:09:53 น.  

 
สวัสดีค่ะน้ายาย

หนูไม่เคยนั่งรถไฟเลย
อยากลองนั่งดูเหมือนกันค่ะ
อยากรู้ว่ามันจะสนุกหรือเปล่า
มีคนนั่งรถไฟแล้วเมารถไฟเหมื่อนเมาเรือ
เมาคลื่น หรือเมารถประจำทางไหมค่ะ
เคยแต่นั่งรถประจำทางเวลากลับบ้าน
แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้น
ถึงน้ายายจะเป็นคนบ้านเดียวกับเขา
แต่ไม่ได้ทำตัวแบบนั้นชักหน่อยค่ะ




โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:16:42:55 น.  

 
หนูเบญ

น้าเอาประสบการณ์ที่พบเจอมาทำเป็นเรื่องสั้นแบบสะใจ ๆ ตัวละครแบบฉันมีมากมาย ที่พบเห็นใครแล้ว พยายามจะแบ่งชั้น

ตัวละครที่เป็นเธอมีสีสันฉูดฉาด ซื่อและจริงใจมาก ซึ่งเมื่อเขียนออกมาแล้วรู้สึกชอบเธอมากเลยและสงสารตัวละครแบบฉัน

พี่ว่าเมื่อทำเรื่องจริงให้เป็นตัวละครขึ้นมาเราจะสนุกกับมันมาก ๆ พี่อ่านแล้วก็ขำ
ขำไปทุกตัวเลย

ไม่ว่าจะเป็นคนรถไฟ ยอมให้เธอนอนเตียงเดียวสองคนเพื่อจะได้ขายเพิ่ม และขำที่เอาม่านปิดให้เธอ แล้วเธอก็ร้อนออกมา


โดย: แพรจารุ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:19:41:54 น.  

 
ตาพรานบุญ

เกือบจะได้ไปกระบี่ ได้เข้าใกล้ทะเล น้องชายที่นี่แต่งงานแต่พี่รู้ข่าวช้าไป ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าที่จะมห้พี่รู้ข่าวช้า และไปไม่ได้

ไม่อย่างนั้นก็ได้เข้าใกล้ทะเลไปแล้ว

วันนี้กำลังนั่งเขียนงานบันเทิง ๆ อยู่ ปรากฏว่า สัตว์อันประเสริฐก็เข้ามา มันคืองู เข้ามาในห้องน้ำ ซึ่งอยู่ในห้องนอน และห้องนั่งเล่น รวมความก็คือมีห้องเดียว อารมณ์กระเจิงหนีไปไกล กว่าคนร่วมบ้านกับคนข้างบ้านจะจัดการกับมันได้

สัตว์ไม่เลี้ยงมากมายเหลือเกิน ต้องปลอบใจตัวเองว่า ก็ไหนจะอยู่กับธรรมชาติ






โดย: แพรจารุ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:19:51:30 น.  

 
แม่ญิงโยนก

ขอบคุณมาก ๆ นะเจ้า น่าสนใจมากทีเดียว

ไม่อยากได้ยินคำว่า เหยื่อการค้ามนุษย์เลย ฟังเลยมันรู้สึกวูบเข้าไปในท้อง

เป็นถ้อยคำที่ให้ความรู้สึกรุนแรงจริง ๆ





โดย: แพรจารุ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:19:58:50 น.  

 
วันก่อนตอนฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา บ้านฉันก็เคยให้ที่พักพิงแก่สัตว์ชนิดนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นงูอะไร ลืมถามชื่อเพราะกำลัง "หยิว"อยู่กะความอ่อนวัยของอสรพิษตัวน้อย ไม่รูลูกงูอะไรตัวดำเมี่ยมเลย(ดำเมี่ยมน่าจะภาษาใต้วันละคำนะ) นอนขดอย่างสบายใจอยู่ใต้พัดลมขนาดเล็กของฉััน ใต้พัดลมมันอุ่นงูเลยมาอยู่ แต่ฉันนอนกับพื้นไม่มีปัญญาซื้อเตียง ถึงซื้อมาก็ไม่มีที่ไว้เพราะห้องแคบแต่ใจกว้าง พัดลมอยู่หัวที่นอนไงเลยจำใจต้องทำบางอย่างเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ตัวต่อไป ที่ใครๆให้มันรู้บ้าง
ที่พี่เขียนนั่นมันเรื่องสั้นเหรอ ไม่ได้ถามเพื่อกวนหรอก แต่ด้วยความที่รับข้อมูลมากเกินไปหรือห่างการศึกษามานานเลยไม่แน่ใจว่าอะไรแบบไหนที่เขาเรียกว่าเรื่องสั้น เรื่องสั้นมีคุณสมบัติเช่นไร อย่างไรถึงจะเป็นเรื่องสั้นที่ดี วันนี้ไปร้านหนังสือที่บิ๊กซี ไปหาดูหนังสือโรงเรียนนักเขียนรึกะไรนี่แหละแต่ไม่มี ว่าจะมาอ่านเพื่ิอสร้างความมั่นใจในการเขียนสักหน่อย พูดถึงบิ๊กซี จริงๆแล้วฉันไม่ค่อยจะไปอุดหนุนบริษัทค้าปลีกข้ามชาติซักเท่าไหร่หรอกแต่วันนี้จำเป็นต้องไปธนาคารตอนหกโมงกว่า ก็ต้องเลยตามเลย พาหลานไปนั่งทานข้าวมันไก่ในห้างค้าปลีกข้ามชาติ โอ้...ประเทศไทยกับข้าวมันไก่ข้ามชาติ
อันนี้น่าจะนำมาเขียนใช่ไหมท่านพี่


โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:23:50:58 น.  

 
ตอบตาพรานบุญก่อน
เรื่องน่าสนใจมาก ว่าด้วยเรื่องสั้นไม่สั้น นานมาแล้ว มีเด็กนักศึกษาถามฉันว่า เรื่องสั้นมันอย่างค่ะ ฉันตอบเด็กไปว่า มันไม่ใช่เรื่องยาว

จริง ๆ ก็คือว่าพี่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไร ก็เขียน ๆ ถ้าเล่าได้ไม่ยาวก็เป็นเรื่องสั้น ดังนั้นพี่จึงเป็นคนเขียนเรื่องสั้น
แต่พี่เคยไปดูแบบที่พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยเขาทำไว้ และเอาเรื่องสั้นเรื่องที่เราว่าลงตัวที่สุดเอาไปวางลง มันก็ได้ตามนั้นนะ

ดังนั้นถ้าสรุปตามตัวเองก็คือ ไม่ต้องไปอ่านหรอก เรื่องการเขียนอย่างไร ใครอยากเขียนก็เขียนไปเลยดีกว่า เพราะเราเชื่อว่าคนที่อยากเขียน ต้องผ่านการอ่านมาเยอะจนอยากเขียนแล้ว คงไม่มีใครอยู่ ๆ ก็รู้สึกอยากเขียนหนังสือขึ้นมา

พี่มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเขาเขียนหนังสือดีมีเสนห์ แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาไปเป็นอาจารย์สอนภาษาไทยและไปเรียนภาษาศาสตร์ต่อ มีดร.นำหน้า หลังจากนั้นเขาเขียนได้แบบนักภาษาศาสตร์มาก (นักภาษาศาสตร์ที่เป็นนักเขียนคนอื่นไม่เกี่ยวนะคะ ดิฉันหมายถึงเพื่อนอิฉันคนเดียว)

การเขียนหนังสือหัวใจนั่นแหละเป็นใหญ่ตาพราน เขียนไปเขียนไปตาก็รู้เองแหละว่า มันเป็นเรื่องสั้นหรือเปล่า เหมือนที่ตารู้ว่าตาเขียนกวีและเขียนภาพ แต่สองอย่างนี้ตัวอิฉันทำไม่ได้เลย


ส่วนประเทศไทยกับข้าวมันไก่สร้างชาติ ประเด็นนี้น่าสนใจมาก ๆ ไม่ว่าจะทำเป็นเรื่องสั้นหรือบทความ แต่ถ้าเป็นเรื่องสั้นก็จะยุ่งยากกว่าหน่อย (ตามสายตาและกำของพี่)

อยากอ่านค่ะ นี่ได้ข่าวว่า โลตัสจะมาเปิดที่ทุ่งเสี้ยว ข่าวนี้ยังไม่ได้กรอง เพิ่งได้ยินมาจากแม่ค้า แย่จริง ๆ คือมันมากเกินไปแล้ว


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:8:16:15 น.  

 
น้องนก

คนมองโลกในแง่ดีงาม และพยายามเข้าใจผู้คน เหมือนดอกไม้กลีบบางบานในยามเช้าช่วยให้โลกสวยขึ้น

พี่เข้าไปฟังเพลงที่บ้านนกเมื่อวานแสนสบายใจ



โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:8:24:46 น.  

 
มาแปะไว้ว่า มาเยี่ยมบล็อกค่ะ (ตอนนี้ยังไม่ว่างอ่านเรื่องสั้นข้างบน เดี๋ยวให้เคลียร์โต๊ะอันรกๆ สำเร็จก่อนนะคะ)

ขอบคุณที่ได้ไปอ่านเรื่องสั้นของหนูนะค้า


โดย: ดวงลดา วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:10:49:34 น.  

 
สวัสดีครับพี่

อ่านแบบเดินถอยหลัง
ได้ผลประการใดในความรู้สึกบ้างครับ


ผมชอบอ่านหนังสือจากท้ายเล่มเหมือนกันครับ


บางทีก็ให้ความรู้สึกที่แปลกดีครับ



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:12:23:57 น.  

 
จึก......โอ๊ยยยยยย......

โดนฤทธิ์คมปากกาของพี่ฟาดฟันซะแล้วจริงๆ......สุดยอด โดยเฉพาะตอนท้ายมันรู้สึกได้.....ชาสนิทไปชั่วครู่


โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 198.142.231.99 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:17:46:56 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ พี่ยาย กานต์สบายดี

แต่ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสมาอ่านบทความเลย

ขอแอบไปอ่านก่อนนะ เดี๋ยวมาเมนท์ใหม่


โดย: karnlaka วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:18:47:59 น.  

 
ลุงหายจากบล็อกไปซะหลายวัน

วันนี้ขอแวะมาเยี่ยมเยือนยายก่อนครับ แล้วค่อยกลับมาอ่านเอาเรื่องในคราวหน้า ยายสบายดีนะครับ


โดย: เขาพนม วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:20:53:47 น.  

 
หมี่เกี๊ยวเจ้า

พี่ถนอมเอาเรื่องดอริส เลซสิง โนเบล คนล่าสุด ที่ส่งเข้ามาไปไว้ที่บ้านแกเรียบร้อยแล้ว

ใครอยากรู้เรื่องดอริส เข้าไปอ่านได้ที่ปีกขวา กดเข้าไปในตัวบ้านได้เลย


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:0:50:26 น.  

 
สวัสดีจ้ะยาย

ไปตรวจสุขภาพมาเรียบร้อยแล้ว


พบโชคสามชั้นที่ไม่เป็นโรคสามสหาย


คือ...
หนึ่ง โรคหัวใจ
สอง ความดัน (แต่ดันทุรังสูง)
สาม เบาหวาน

ตับนั้นท่านว่าอาจมีปัญหาบ้างเล็กน้อย
แต่ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ผลที่ออกมาจากดูค่ายังไม่ชัดเจน แต่คิดว่าคงมีปัญหาบ้างพอรับได้

แต่การที่ได้ประสบกับเหตุการณ์วันนั้น
ทำให้เราได้ฉุกคิดแบบเข้มข้นอีกครั้งว่า
ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ มีอะไรบ้างที่อยากทำจริงๆ และจริงๆแล้วเราควรจะทำอะไรบ้าง ?

ขอบคุณจริงๆสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:10:40:37 น.  

 
ขอบคุณค่ะพี่แพรสำหรับเรื่องราวของคุณยายดอริส

วันนี้เพิ่งได้ยินเพลงเพราะจริงๆ ทำให้นึกถึงเพลงนี้แหละแต่เป็นเวอร์ชั่นยิปซี ของ The Gipsy Kings เพราะเหมือนกันเลย ว่าแล้วก็กลับไปค้นก่อนอยากฟังขั่นมาเลยเนี่ย อิอิ



โดย: หมี่เกี๊ยว IP: 192.43.227.18 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:16:10:51 น.  

 
เข้าไปเยี่ยมที่ ok nation แล้วค่ะ
แต่ comment ไม่ได้เลย


โดย: malarn cha วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:4:07:10 น.  

 
พ่อพเยีย

โรคดันทุรังสูงที่ว่านี้ น่าจะไม่หายแล้วจ๊ะ
แล้วอะไรบ้างละที่อยากจะทำจริงหากว่ามีเวลาเพียงน้อยนิดเหมือนที่คิดครั้งแรก

มีเรื่องสั้นของผู้หญิง (จำชื่อไม่ได้จริง ๆ ) ดูเหมือนเขียนไม่กี่เรื่องแต่ได้รางวัลแพรว ตัวละครของเธอพบว่า จะตายในเวลาไม่นาน เขาคิดวุ่นวายว่าจะอย่างไรดี กับเวลาที่เหลืออยู่เหมือนหนึ่งว่าชีวิตไม่ได้ทำอะไรเลย

เขาพบนางพยาบาลน่ารัก เขาคิดว่าเธอจะมีชีวิตที่ยืนยาว เธอจะมีคนรัก มีคนดูแล และอะไรสารพัดซึ่งเขาจะไม่ได้ทำ

แล้วหญิงสาวก็ข้ามถนนเขาเห็นเธอถูกรถชนตายไปในวินาทีที่เขาคิดยังไม่จบ

เราอ่านจำได้เลย

เข้ามาคุยก่อน เช้านี่เราจะไปล่องเรือแม่น้ำปิง ดูบรรยากาศของแม่น้ำ


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:7:45:06 น.  

 
สวัสดีค่ะน้ายาย

โอโฮน้ายายจะได้ไปนั่งเรือล่องแม่น้ำปิง
เสร็จแล้วเล่าให้ฟังด้วยนะค่ะ

ไปแล้วค่ะไม่กวนแล้ว
ขอให้มีความสุขมีความสุกกับการล่องเรือค่ะ


โดย: เบญจวรรณ (lukkongpoka ) วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:17:29:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แพรจารุ
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..
۞ บทกวีและเรื่องสั้น ถนอมไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท

..
۞ จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว โดยถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท 17 ต.ค.51
http://www.youtube.com/watch?v=L21lhWsu8QQ&feature=related object width="315" height="80">
หา โค้ดเพลงhi5 : hi5 song code search
Friends' blogs
[Add แพรจารุ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.