Bloggang.com : weblog for you and your gang
คนเขียนหนังสือ ชีวิตเบิกบานในการงาน
Group Blog
แพรจารุ
จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว\"ถนอม ไชยวงษ์แก้ว\"
บ้านใต้เมืองเหนือ"แพรจารุ"
บทกวี"ถนอม ไชยวงษ์แก้ว"
ครอบครัวหมา ๆ แพรจารุ
ที่นี่มีหนังสือให้คุณ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถูกขังลืมเรื่องที่หนึ่ง" ลูกสาวแม่น้ำ"
ขังลืม 2 บรรณาธิการกับเจ้าของสำนักพิมพ์ทะเลาะกัน. แพรจารุ
คอมเมนต์พิเศษ
เรื่องของใครต่อใครมากมาย แพรจารุ
ชนเผ่าพื้นเมือง แพรจารุ
บ้านหลังนั้นอยู่หลังโรงเรียน แพรจารุ
ความลับเรื่องรัก แพรจารุ
ถนนสายเดียวดาย
เรื่องสั้นประทับใจ
งานถั่ว ๆ
<<
กรกฏาคม 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 กรกฏาคม 2550
เขาเป็นมือเรื่องสั้น "กนกพงศ์ สงสมพันธ์"
All Blogs
ประตูปิดตายที่ถูกเปิดออก
พี่ชายคนที่ 4
คิดถึงเหมือนกัน
สุดสะแนนแสนสนุก
ชวนไปงาน คอนเสิร์ต ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ดนตรี กวี นักเขียน
คุณนั่งกินอาหารอร่อยและ หัวเราะได้เต็มเสียงในบ้านของตัวเองได้ไหม
ทะเลหาย
ปาฐกถาพิเศษ ของประภัสสร เสวิกุล “มกราคม อำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์
ไปเหมืองทองคำมาค่ะ
นักเขียนไม่ขาย
หมู่บ้านนี้ราคาเท่าไหร่
ประตูและหน้าต่างของหนังสือ
จากภูเขาจดทะเล ท้องฟ้าผืนดินเดียวกัน
ผู้ถามหาคนยากไร้
ไปกินข้าวเบ๊อะที่หมู่บ้าน มีกินมีใช้
ตามหมอน้อยไปแทนคุณชาวดอยที่ช่วยรักษาป่า
แม้ไม่ได้สิทธิ์ก็ขอมีชีวิตอยู่อย่างชอบธรรม
เปลี่ยนพวงหรีด เป็น ผ้าป่ากล้าไม้ พันธุ์ไม้
ไม่นานคนก็จะตายหมดโลก
ว่าด้วยเรื่องของเพื่อน "วดีลดา เพียงศิริ"
ไปเที่ยวบ้านเพื่อน
งานของน้อง
ศิลปินกับการทำเมืองให้น่าอยู่
เดินเล่นไปตามทางสายน้ำ
วันนัดพบ ตัดคอเอาเลือดล้างเท้า
โค้งสุดท้ายเหมืองฝาย พ่อหมื่น แกฝายคนสุดท้าย นัดพบ
เมื่อโรงเรียนร้อนไปปลูกต้นไม้ให้โรงเรียนกันเถอะ
เอาบทสัมภาษณ์ในกุลสตรีมาฝาก
คุณว่าเราจะสิ้นชาติไหม
อวสานฝายพญาคำ
เรื่องมันขำครับท่าน
โคม
เป็นผู้หญิงธรรมดา
เราต่างดิ้นรนอยู่ในอ่างแคบ ๆ
ให้นกแสงตะวันนำทาง (tag)
โฆษณาชวนเชื่อได้ไหม
แม่และฉัน 3 ชีวิตที่มองเห็นสิ่งเลวร้าย
แม่และฉัน 2 ไม่ใช่ลูกสาวที่แม่ภาคภูมิใจ
แม่และฉันตอน 1 วันที่เขียนถึงแม่
รักอย่างเดียวไม่พอ
ชีวิตคู่อยู่กันจน (ฆ่ากัน)ตาย
คนชายขอบเกาะขอบเวที
จดหมายจากนาอ่อนฉบับที่ 3
จดหมายจากนาอ่อนฉบับที่ 2
จดหมายจากนาอ่อน
เขาเป็นมือเรื่องสั้น "กนกพงศ์ สงสมพันธ์"
พระแม่แห่งความยากจน
เรื่องกล้วย....กล้วยน้ำว้า อีกครั้ง
บทความประทับใจ เรื่องกล้วย ๆ
เรื่องสั้นสะใจ
ตายไปพร้อมกับความโกรธ
งานเขียนที่ถูกขังลืม
เขาเป็นมือเรื่องสั้น "กนกพงศ์ สงสมพันธ์"
เขาเป็นมือเรื่องสั้น
1
เขาออกเดินทางไปในยามเช้าของวันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันพระ ตรงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ผู้คนจำนวนมากกำลังจะไปทำบุญ
รุ่งเช้าจะเป็นวันที่ 14 เป็นวันแห่งความรัก ของนักบุญวาเลนไทน์ วันแห่งความรักปีนี้ ใคร ๆ ต่างก็คิดถึงเขาและบอกรักเขาในใจ
วันพระเป็นวันของดอกมะลิ วันแห่งความรักเป็นวันของดอกกุหลาบ ช่างเป็นช่วงเวลาที่งดงามและรันทดยิ่ง
แม้เลือกการเดินทางของตัวเอง แต่เขาก็ได้วันเดินทางที่ดี วันที่มีความหมาย มีศรัทธาในใจผู้ึคน
เขา คือใคร
เขาเป็นเพียงนักเขียนคนหนึ่งของประเทศนี้ เขาเขียนหนังสือได้หลายอย่าง แต่เด่นชัดและยืนยันคือ เรื่องสั้น
เป็นมือเรื่องสั้น
มีงานเรื่องสั้นของเขาหลายเล่ม ตั้งแต่ สะพานขาด ไปจนถึง แผ่นดินอื่น (ที่ได้รับรางวัลซีไรต์)
เขาได้รับสิทธิในชีวิต 40 ปี แต่เป็นสี่สิบปีในนามของนักเขียน
2
ลับหลัง มีเรื่องให้กล่าวถึงเขาอยู่เสมอ
ในวันเด็กที่ผ่านมา ฉันได้ไปเที่ยวงานวันเด็กและไปฟังเทศน์มหาชาติที่วัดแม่วาง ก่อนกลับไปค้างบ้านพ่อหลวงจอนิ โอโดเชา ปราญช์ชาวปกาเกอญอ ผู้เล่าเรื่องป่าเจ็ดชั้นบันทึกไว้เป็นหนังสือ
ที่บ้านของพ่อหลวงจอนิ
ในวันนั้นมีหนุ่มคนหนึ่งเดินทางมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา เขาเดินทางมาหาพ่อหลวงจอนิเพราะอ่านหนังสือเรื่องป่าเจ็ดชั้น เขามาทั้งที่ไม่รู้ว่าแม่ว่างอยู่ตรงไหน
ในระหว่างนั่งคุยกัน คืนนั้นฉันบอกพวกเขาว่าเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกินที่รู้ว่ามีคนเดินทางตามตัวหนังสือมาหาคนเล่าเรื่อง
มีนักเขียนคนหนึ่งอ่านหนังสือ
เรื่องถนนนักเขียนของเออร์สกิน คอลด์เวลล์
แล้วเขาก็อยากเป็นนักเขียน เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เขาเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปเป็นนักเขียน ออกหาที่เขียนหนังสือว่างั้นเถอะ
ด้วยความเชื่อมั่นยิ่งใหญ่ ด้วยความพยายาม ต่อมาเขาก็เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงอยู่ในวันนี้ เขาชื่อกนกพงศ์ สงสมพันธ์
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่อ่านเรื่อง "ป่าเจ็ดชั้นของพ่อหลวงจอนิ" แล้วปลูกต้นไม้อยู่หลายปี จนมีป่าอยู่บนพื้นที่กว้างไกล และวันหนึ่งก็ตัดสินใจขึ้นรถทัวร์มาชียงใหม่เพื่อคุยกับพ่อหลวงจอนิ
3
ครั้งหลังสุด เมื่อฉันเดินทางไปกับน้องชาวเขาลีซู คนหนึ่ง เราไปบ้านลีซูหัวน้ำ ที่อำเภอแม่อาย
เธอชื่ออาเลเป็นสาวลีซูที่ได้เข้ามาเรียนหนังสือในเมือง และอยากช่วยเหลือกลุ่มชาติพันธุ์ของตัวเอง เธอบอกฉันว่า ถ้าพี่นักเขียนสนใจเธอจะพาไป
ชาวบ้านหัวน้ำลีซู ถูกย้ายลงมาจากถิ่นฐานเดิมที่เคยอยู่มานาน ให้มาอยู่พื้นที่ด้านล่างที่ถูกจัดสรรใหม่ อยู่รวมกับกลุ่มอาข่า พื้นที่ถูกจัดสรรแค่เพียงสร้างบ้าน เป็นที่อยู่อาศัยกับลานเอนกประสงค์ แต่ไม่มีที่ปลูกข้าว
เมื่อไม่มีที่ทำกินก็ต้องออกไปรับจ้างด้วยแรงงานราคาถูก ผู้หญิงในหมู่บ้านต้องออกจากบ้านลงมาในเมืองเพื่อทำงานร้านคาราโอเกะและอื่น ๆ
ไม่มีข้าวไม่มีพริกชีวิตก็ไม่รู้อยู่อย่างไร มีไฟสว่าง จัดระเบียบสังคมใหม่ แต่ไม่มีอะไรจะกิน ไม่มีที่ดินไม่มีต้นไม้เพื่อประกอบพิธีกรรม
การปฏิบัติต่อกันภายใต้ระบบการเมืองหรือรัฐบาลต่อชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่บนแผ่นดินนี้และได้รับสันชาติไทยแล้ว เป็นคนไทยแต่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมและเป็นธรรมอาจจะนำไปสู่ภาวะขัดแย้ง อาจจะบานปลายแบบสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้หากไม่ระมัดระวังและป้องกันในเรื่องความแตกต่าง ความเชื่อ และศรัทธา
ฉันรู้สึกว่า เป็นเรื่องน่ากลัวหากว่าความหมดศรัทธาเกิดขึ้นในใจผู้คนโดยเฉพาะต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะพวกเขารู้สึกว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกหลอกให้ย้ายลงมาด้วยเหตุผลของเจ้าหน้าที่รัฐว่า เพื่อดูแลทุกข์สุขของพวกเขาได้ทั่วถึงอยู่ข้างบนยากแก่การดูแล และเป็นเส้นทางยาเสพติดด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังขึ้นไปทำไร่ ปลูกข้าว ปลูกผักข้างบนได้ แต่เพียงสองปีเขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำกินในพื้นเดิม ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว เป็นหน่วยงานหนึ่งในอำนาจรัฐ และพวกเขาก็กลายเป็นลูกจ้างรายวัน ปลูกผัก ปลูกดอกไม้เมืองหนาว เพื่อส่งขายเมืองใหญ่
หลายคนบอกว่า ถึงตอนนี้พวกเขายอมรับแล้วว่าไม่ได้ที่ทำกินเดิมแล้ว ขอแต่ที่ตรงไหนก็ได้ แค่ได้ปลูกข้าวปลูกพริกกิน
พวกเขาเล่าว่า
เมื่อก่อนสองร้อยบาทเราอยู่ได้สามสัปดาห์ ซื้อแต่เกลือกับชูรส แต่วันนี้สองร้อยหนึ่งวันเพราะต้องซื้อทุกอย่าง เช้าต้องซื้อข้าวซื้อกับห่อไปกิน
ยามเช้า มีรถกระบะขึ้นมาขายกับข้าวเป็นถุง ๆ บางคันก็มารับคนลงไปทำงานพื้นราบ...ชีวิตใหม่ของพวกเขา
ช่วงระหว่างทาง เธอชี้ให้ฉันดู บอกฉันว่า ที่นี่มีปางช้างแห่งหนึ่ง เขาให้ชาวเขามาอาศัยอยู่ และให้ชาวเขาเดินเท้าทุกวันเพื่อให้นักท่องเที่ยวดู ก่อไฟหูงข้าวให้นักท่องเที่ยวชม
เขามีสิทธิ์อะไรที่จะอนุญาตในเมื่อเป็นป่า
ฉันเล่าให้น้องอาเล่ฟังเรื่อง โลกใบเล็กของซัลมาน เรื่องสั้นของกนกพงศ์ ซัลมานเป็นชาวประมงเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ถูกการท่องเที่ยวโดยโรงแรมขนาดใหญ่ล้อมกรอบชีวิตของเขาเอาไว้ ซัลมานไม่ยอมจำนน เขามีชีวิตปกติแต่ชีวิตปกติของเขาก็ถูกขาย มันน่าตลกเมื่อเมียของซัลมานจุดไฟหูงข้าวในยามเช้าวิถีชีวิตก็กลายเป็นสินค้าของโรงแรมที่ดีเยี่ยม
ไม่ได้ถามอาเลว่า ชาวเขาที่เดินไปเดินมาให้นักท่องเที่ยวดูนั้นได้ค่าจ้างเท่าไหร่ ถ้าจำไม่ผิดเมียซัลมานเธอได้วันละ 10 บาทจากเจ้าของโรงแรม หากเธอก่อไฟด้วยฟืนให้มีควันขึ้นมาให้นักท่องเที่ยวจากหน้าต่างโรงแรมดู
ในความเป็นจริงนั้นซัลมาน มีอยู่ทั่วไป
ฉันเชื่อว่า อาเล เชื่อมั่นในงานเขียน และคาดหวังต่อตัวนักเขียน พวกเธอจึงเลือกคุยกับพวกนักเขียน
มีนักเขียนจำนวนไม่มากที่เชื่อมั่นในพลังของงานเขียน หรือบางคนก็เคยเชื่อและหยุดเชื่อไปแล้ว แต่พวกเขายังเขียนหนังสืออยู่เพราะเขียนเป็นอาชีพหรือมีอาชีพเขียนหนังสือ
4
บทความของศิลา โคมฉาย ในมติชนสุดสัปดาห์ เขียนเล่าว่า กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ กำลังทำหนังสือเรื่องสั้น เพราะเรื่องสั้นซบเซามากต้องทำอะไรให้คึกคักขึ้นหน่อย
เขาได้ใช้ไม้ขีดก้านสุดท้าย จุดไฟขึ้นมา เพราะตั้งแต่หนังสือช่อการะเกด ของคุณสุชาติ สวัสดิศรี ปิดตัวไป ไรเตอร์ สิ้นยุคขจรฤทธิ์ รักษาไปจนถึงผลัดหลังขจรฤทธิ์ส่งไม้ให้กนกพงศ์สานต่อไปได้ไม่นาน หนังสือประเภทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสั้นอย่างจริงจังก็หมดสิ้น
การทำหนังสือเรื่องสั้นของกนกพงศ์ เชื่อว่า เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นและเป็นกำลังใจของอีกหลายคนในท่ามกลางความสั่นคลอนและความไม่เชื่อมั่นต่อพลังและอำนาจวรรณกรรมจากเรื่องสั้น
กนกพงศ์ เคยให้สัมภาษณ์ในไรเตอร์ ในช่วงที่เขาได้ซีไรท์ แผ่นดินอื่น
ว่า เขียนหนังสือด้วยความเชื่อมั่นมากในพลังของหนังสือ เชื่อในประสิทธิภาพของสื่อวรรณกรรม
การเชื่อมั่นในอำนาจและพลังในงานวรรณกรรม ทำให้เขาสร้างงานเขียนอย่างมีพลังและเป้าหมาย นักอ่านเรื่องสั้นจำนวนหนึ่งรอคอยที่จะอ่านงานของเขา
ฉันคิดเล่น ๆ ว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ กนกพงศ์ได้บันทึกไว้ในเรื่องสั้นของเขาก่อนหน้านี้แล้ว ผู้ที่เข้าไปแก้ปัญหาในภาคใต้น่าจะเอางานเรื่องสั้นของกนกพงศ์มาอ่าน อาจจะได้แนวทางใหม่ ๆ หรือความเข้าใจใหม่ ๆ ได้
เรื่องสั้นในชุดแผ่นดินอื่น ที่เขาได้รางวัลซีไรท์ มีอยู่หลายเรื่อง ที่สะท้อนให้เห็นว่า คนสี่จังหวัดภาคใต้ไม่เลื่อมใสศรัทธาในระบบการเมืองหรือรัฐบาล
ถ้าเชื่อว่า หน้าที่ของนักเขียนอย่างหนึ่งคือทำหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ และเสนอความคิดใหม่ ๆ เขาได้ทำแล้ว
เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า นักเขียนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อใคร มองปัญหาและนำเสนออย่างอิสระ นักเขียนสำรวจปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมแล้วนำเสนอ นักเขียนทำงานวิจัยสังคมให้รัฐบาล โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทน
นอกจากต้องการให้สังคมดีขึ้น
การเดินทางครั้งสุดท้าย เป็นการเดินทางไกล และจะไม่กลับมาเขียนหนังสือให้ใครอ่านอีกเลย นอกจากงานที่เขียนไว้แล้วและเรื่องราวของตัวเขาที่เป็นบันทึกหนึ่งของคนเขียนหนังสือ
40 ปี ไม่น้อยเกินไปที่จะพอมองเห็นว่า ได้ทำอะไรมาบ้างและกำลังทำอะไรอยู่
40 ปีของนักเขียน คุณเขียนหรือทำอะไรอยู่ เช่นเดียวกับ 40 ปี ของนักวิชาการ นักธุรกิจ นักการเมือง คุณล่ะกำลังทำอะไรอยู่ นี่ต่างหากที่สำคัญ
****************
หมายเหตุ เขียนในช่วงที่กนกพงศ์ เสียชีวิต ตั้งใจส่งไปสำหรับทำหนังสือที่ระลึก แต่ส่งไปไม่ทัน นำมาลงไว้ที่นี่ และเพื่อระลึกถึงกนกพงศ์ ในโอกาสการกลับมาของเรื่องสั้นช่อการะเกดอีกครั้ง กนกพงศ์เป็นนักเขียนเรื่องสั้นคนหนึ่งที่ได้รับการประดับช่อการะเกด
Create Date : 09 กรกฎาคม 2550
Last Update : 14 กรกฎาคม 2550 9:09:29 น.
34 comments
Counter : 2538 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีครับ ยาย
แวะมาอ่านก่อนใครเพื่อน เลยคอมเมนต์ก่อนคนอื่น
อ่านเรื่องนี้แล้ว สะเทือนใจต่อวีรกรรมของนักเขียนอีกหลายๆ ท่าน
ทุกคนน่ายกย่องและควรค่าแก่การบันทึกไว้ในความทรงจำครับ
โดย: รักษ์ (
big onion
) วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:00:12 น.
เสียดายคุณกนกพงศ์เหมือนกันครับ
จะหานักเขียนเรื่องสั้นฝีมือเยี่ยมระดับเขาคนที่สองนี่คงยากแล้ว
โดย:
ฟ้าดิน
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:20:10 น.
มีหนังสือของอ.เสกสรรค์ให้ยืมอ่านฟรี
สนใจติดตามรายละเอียดได้ในบลอกนะครับ
ขอบคุณครับ
โดย:
ฟ้าดิน
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:04:26 น.
ผมชอบงานเขียนของคุณกนกพงศ์ครับ แม้ว่าจะเริ่มอ่านเล่มแรกจากผลงานเล่มที่ได้รางวัลซีไรต์ (ซึ่งดูว่าเป็นการเริ่มต้นที่ฉาบฉวยมากก็ตาม)
น่าเสียดายที่เขาต้องด่วนจากโลกนี้ไปในเวลาอันสั้น แต่ผมเชื่อมั่นว่าผลงานของเขาจะมีอายุยืนยาวกว่าตัวเขาหลายเท่าตัว
ปล. เข้ามาอ่านเพราะชื่อเจ้าของบล็อก จำได้ว่าเมื่อสัก 10 กว่าปีผ่านมาแล้ว เคยซื้อหนังสือเล่มบาง ๆ ที่ชื่อผู้เขียนเหมือนชื่อเจ้าของบล็อก
โดย:
9A
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:29:30 น.
ในวันที่ฟ้าหม่นปนเศร้า ผมผูกเปลนอนหน้าบ้านเช่า หยิบเอางานเขียนของ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ออกมาอ่านอีกหน เป็นรวมเรื่องสั้น โลกหมุนรอบตัวเอง
แน่นอน...ผมชอบเปิดอ่านคำนำของเขามากที่สุด...ในยามเหงา และชอบตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ย้ำๆ
...ต้องมีเหตุผล! อะไรสักอย่างทำให้เราเกิดมาเป็นชีวิตในดวงดาวสีน้ำเงินดวงนี้ หาใช่เรื่องบังเอิญที่เราเกิดมา ชีวิตช่างเป็นเรื่องจริงเหลือเกิน...
โดย:
pu_chiangdao
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:18:36 น.
>>เขียนหนังสือด้วยความเชื่อมั่นมากในพลังของหนังสือ เชื่อในประสิทธิภาพของสื่อวรรณกรรม<<
ประทับใจประโยคนี้มากค่ะ สำหรับปอม (ที่แม้จะแถไปเขียนนิยายตลาดบ้าง) ความอยากเขียนหนังสือเริ่มมาจากการอ่านวรรณกรรม ซึ่งทำให้เกิดความคิด และศรัทธา ในสิ่งที่นักเขียนต้องการสื่อ เพื่อจรรโลงโลกและสังคมให้ดีงาม เสียดายที่ตลาดวรรณกรรมบ้านเรา ค่อนข้างแคบ สิ่งที่นักเขียนพยายามจะสื่ออาจจะไปถึงในวงกว้าง แต่นักเขียนอย่างคุณกนกพงศ์ ก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และเต็มความสามารถแล้วค่ะ ศรัทธาในวิถีชีวิตของคุณกนกพงศ์ค่ะ
เขียนไปแล้วนึกถึงท่อนหนึ่งของเพลงประจำมหาวิทยาลัย ท่อนที่ร้องว่า...
"ศิลปินอยู่เพื่ออะไร ยืนยงเพื่อจรรโลงสิ่งไหน
แต่ศิลปินก็ภาคภูมิในใจ ที่ได้สร้างเพื่อมนุษยธรรม"
อ่านบทนี้แล้วฮึกเหิมอยากเขียนแนววรรณกรรมอย่างจริงจังมากขึ้น
โดย:
ปอมปอมเกิร์ล
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:37:43 น.
ชอบงานเขียนของกนกพงศ์ เช่นกันค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่แวะไปเยี่ยมครอบครัวอุ่นรัก
โดย:
คนเลวที่แสนดี
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:01:58 น.
กนกพงศ์จุดไฟให้นาคร
เขาคือคำพรที่เป็นจริงของนักเขียนบนแผ่นดินอื่น
เขายืนอยู่บนสุดของปลายด้ามขวานที่ทุกสะพานขาด
เขาคืออำนาจวรรณกรรมหาญกล้า
บนดวงดาราที่ชื่อดาวเคราะห์ที่ไร้แสง
และหมุนรอบตัวเองดวงนี้
โดย:
สัญจร ดาวส่องทาง
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:55:16 น.
งานเขียนยุคต้นในวัยหนุ่ม
หนักแน่น เข้มข้นมากครับ
ชอบทุกเล่มในช่วงวัยนั้นของคุณกนกพงศ์
งานที่รวมเล่มหลังจากเสียชีวิต
ไม่ได้ซื้อมาอ่านเลยครับ
โดยไม่มีสาเหตุและอย่างไม่มีเหตุผลครับ
โดย: กะว่าก๋า (
กะว่าก๋า
) วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:48:45 น.
"ฟ้าดิน"
โครงการแลกหนังสือกันอ่าน ดีค่ะ แต่พี่อยู่เชียงใหม่ แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นเรื่องดี ๆ เพราะว่า หนังสือที่อยากอ่านหายาก เนื่องมาจากเงินที่จะซื้อ และบางทีมีเวินแล้วก็หาซื้อไม่ได้ ก็เหมือนอย่างที่คุณว่านั่นแหละ บางครั้งถูกจัดอยู่หลังร้าน อยากอ่่านเล่มไหนต้องถามหา หรือไม่ก็ไปดูที่วางเอาสันออก
ที่บ้านพ่อพเยียเขาก็มีการแบ่งปันหนังสือกันอ่านนะใครสนใจก็เข้าไปดู พ่อพเยียเขาขยันส่งด้วย ส่วนพี่ติดค้างจะส่งหนังสือให้หลายคนกว่าจะไปส่งนานทีเดียว ไปรษณี์ย์อยู่ไกลบ้าน หมู่บ้านเล็ก ๆ ทีมีทุกอย่าง ตั้งแต่ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ24ชั่วโมง โรงเรียน วัด แต่ไม่มีไปรษณีย์ที่ต้องการ ต้องไปในตัวอำเภอ
อย่างไรก็ขอบคุณค่ะ"ฟ้าดิน"
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:19:02 น.
สวัสดีค่ะคุณเอ
เคยซื้อหนังสือเล่มบาง ๆเมื่อสิบปีเหรอ คงเป็นงานเขียนในช่วงแรก ๆ นะคะ แต่คำบอกเล่าสั้น ๆ ว่าเคยอ่านงานเมื่อสิบปีที่แล้ว ทำให้ต้องนิ่้งคิดเหมือนกันว่า หลังสิบปีเราทำอะไรบ้าง
เรื่องสั้นที่รักมาก ๆ ก็แทบไม่ได้เขียน
ปีสองปีนี้ไม่มีงานใหม่ ๆ ออกมา มีแต่งานรวมเล่มเฉพาัะกิจกับนักเขียนคนอื่น เช่นหนังสือ มาเพื่อบอกรักแด่อันดามัน สันติภาพชาติพันธ์ นักคำนวณความสุขในหุบเขา และที่กำลังจะแล้วเสร็จคือ โศกนาฎกรรมคนขายขอบ และเมืองแม่น้ำในหุบเขา-แม่น้ำปิง สรุปก็คือทำงานเขียนเชิงกิจกรรมมากขึ้นไม่ได้ทำงานวรรณกรรม หนังสือพวกที่กล่าวมาใช้ข้อมูลความจริงมากกว่าจินตนาการ และวางขายไม่กว้าง
การเข้ามาเขียนบล็อก และได้พูดกับคนที่สนใจงานวรรณกรรมช่วยปลุกความคิด ความฝัน ได้ดีทีเดียว ต้องขอบคุณ พ่อพเยียเขา ที่ทำให้เรากลับมาคิดถึงเรื่องสั้น คิดถึงกนกพงศ์ จนเอาเรื่องที่เขีนถึงเขาเมื่อสองปีก่อนมาลง
ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน ที่มาช่วยกันอ่านช่วยกันเขียน เป็นกำลังใจทีดีทีเดียว
ขอบคุณสัญจร ดาวส่องทาง พี่ที่นับถือ ผู้ให้ทางเดินใครต่อใครผ่านตัวอักษร
รักษ์ เพื่อนเก่า
ปอมปอม นกแสงตะวัน น้องใหม่ที่สดใสมาพบกันที่นี่
สีน้ำฟ้าที่น่ารัก
ภู เชียงดาว ผู้ร่วมชะตากรรมทำงานร่วมกันในช่วงชีวิตเป็นจริงและงานเขียนเชิงกิจกรรมที่ว่า ทุกเล่มมี ภู เชียงดาว ร่วมเขียนด้วย ช่วยกันคิดช่วยกันให้กำลังใจ
และคงจะต้องทำกันต่อไปนะภู อย่าคิดว่าขอบคุณแล้วจะจบ (ฮา)
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:58:26 น.
นอกจากเขาเขียนเรื่องสั้นดีแล้ว
ผมว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ไม่ฉพาะกับเพศตรงข้ามหรอก
เพศเดียวกันอย่างผมยังตกหลุมรักในน้ำใจสุภาพบุรุษเขาเลย
ผมไปเยี่ยมเขาก่อนเขาเสียชีวิต
(และผมคิดว่าผมเป็นคนถ่ายรูปในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้าย)
เพราะผมกลับมาเขียนถึงเขาในขวัญเรือน
เรื่องยังไม่ทันได้ตีพิมพ์เลย ข่าวส่งมาว่ากนกพงศ์เสียชีวิตแล้ว
ผมเขียนถึงเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต หวังว่าจะเซอร์ไพรส์ เมื่อได้อ่าน เลยไม่ได้บอกเขา แต่เขาไม่มีสิทธิ์ได้อ่าน
ผมประทับใจเขามากตอนที่ได้ไปนอนที่หุบเขาฝนโปรยไพร
ไปเถอะ... ไปล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวก็ตามไปกันทุกคนแหละ เพียงแต่ไม่รู้ไปไหนเท่านั้นเอง รู้แต่ว่าต้องจากโลกนี้ไปแน่ ไม่ช้าก็เร็ว
โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.22.252 วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:58:23 น.
คุณกนกพงศ์เป็นเหมือนครูคนหนึ่งเลยค่ะ ถึงแม้ว่ายังไม่มีโอกาสได้เรียนด้วย แต่ก็ถือว่าท่านเป็นครูในทางวรรณกรรม ไม่แพ้อาจารย์ท่านอื่นๆ เลยค่ะ
โดย:
picnic244
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:05:44 น.
เกี่ยวกับพ่อหลวงจอนิ โอโดเชา สนใจอ่านได้ที่นี่คะ คอลัมน์ ภู เชียงดาว
//www.prachatai.com/05web/th/columnist/viewcontent.php?ColumnistID=68&ID=68&ContentID=2759&SystemModuleKey=Column&System_Session_Language=Thai
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 9 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:56:20 น.
ที่น่าเศร้าคือคนเรามักแยกแยะไม่ออกนะครับ
เรื่องที่ควรจำ กลับลืม
และเรื่องที่ควรลืม กลับจำ
ชอบความคิดของจอนิ โอโดเชาครับ
โดย: กะว่าก๋า (
กะว่าก๋า
) วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:20:21 น.
แวะมาเยี่ยมพี่แพรนะคะ พอดีกลับเมืองไทย แวะไปบล้อคภู เลยเจอพี่ในนั้น
เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ (อดีตนักข่าวที่สัมภาษณ์พี่)
โดย:
Kala_mydog
วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:36:37 น.
เพิ่งซื้อ "กวีตาย" มาอ่านค่ะ
โดย:
ม่วนน้อย
วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:17:05 น.
บี
ดีใจจังที่ได้พบกันที่นี่ ไม่ได้เจอกันนาน
แต่จำได้บีได้ดี และคิดถึงอยู่เรื่อย ๆ
ความดีใจเกิดขึ้นประเดี๋ยวก็กลายเป็นอย่างอื่น เมื่อเข้าไปในบล็อกของบีและพบว่า บีกลับบ้านเพราะพ่อเสียชีวิต
พี่ก็ำไม่ต่างกันแต่บีโชคดีกว่าพี่ที่ได้อยู่กับพ่อนานกว่า พ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตอนพี่เรียนรามปีหนึ่ง หลังจากนั้นชีวิตก็ไม่อยากทำอะไรอีกเลย กว่าจะฟื้นตัวได้ยาวนาน เพราะเป็นการสูญเสียครั้งแรกและเราก็ไม่ยังไม่โตพอ
บี อ่านในเรื่องแผ่นหลังพ่อแล้วใช่ไหม
แต่หลังจากที่เราฟื้นขึ้นมาได้ ทุกอย่างในโลกก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ ทั้งหมดแล้ว
บี มาคนเดียวหรือมีครอบครัวมาด้วยล่ะ พี่เห็นมีนามสกุลต่อท้ายเป็นของต่างชาติ แต่เดาไม่ออกว่าเป็นประเทศไหน และตอนนี้ได้ดอกเตอร์หรือยัง ทราบข่าวหลังสุดว่าีบีเรียนต่อ
บทสัมภาษณ์ที่บีสัมภาษณ์พี่เป็นบทสัมภาษณ์ที่พี่ที่ดี และชอบ เลยเก็บเอาไว้อย่างดีเลยจ๊ะ รวมทั้งรูปที่บีถ่ายให้ด้วย
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:24:53 น.
ส่งสารชาวเขา ชาวลีซู นะคุณแพร แล้วเราจะช่วยอะไรได้
โดย: หน่อย IP: 203.113.50.140 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:16:19 น.
ดีใจที่ได้พบเว็บนี้
โดย: สืบสวัสดิ์ สนิทวงศ์ IP: 222.123.64.19 วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:37:28 น.
พี่แพรคะ บีแต่งงานกับนักเขียนอเมริกันค่ะ เมื่อสามปีที่แล้ว เลยต้องย้ายตามสามีไปอยู่อเมริกา
ดีใจที่เจอพี่เหมือนกันค่ะ ทราบมาว่า พี่แต่งแล้วเหมือนกันกับกวีหนุ่ม (หล่อ) อิอิ
โดย:
Kala_mydog
วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:42:50 น.
สถาบันนี้
รับรองผมคนนึงที่ไม่เป็นสมาชิกแน่นอนครับ
โดย: กะว่าก๋า (
กะว่าก๋า
) วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:12:19 น.
แจมเพิ่งซื้อ..อะไรนะ..ป่าน้ำค้าง..หรือน้ำค้างในป่าหนาวนะ..ที่เป็นบทกวีน่ะค่ะ.. พอดีไม่ได้นำติดมาด้วย
ตอนนี้แจมอยู่ในกรุงเทพฯ ค่ะพี่ยาย ขอบคุณมากนะคะ ที่สละสิทธิ์ ให้พี่โดมส่งหนังสือให้แจมแทน
ขอบคุณมากค่ะ
โดย:
สีน้ำฟ้า
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:53:24 น.
กะว่าก๋า
ใครเขาจะให้ผู้ชายเข้าสถาบันนี้ เขาให้ผู้หญิง และมีผู้หญิงจำนวนมากที่นิยมโชว์ จั๊กกะแร้ และเข้าสถาบันนี้
ใครอยากรู้ว่าเราคุยถึงสถาบันอะไร ตามไปได้ที่บล็อก
กะว่าก๋า
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:00:25 น.
สีน้ำฟ้า
ในที่สุดก็ได้กรุงเทพฯ แล้วน้องนางจะมาถึงเชียงใหม่ไหมละ (น้องนาง เป็นคำเรียกขานในบทหนังตะลุงนะ ไปอยู่ใต้ได้ไปดูหนังตะลุงมากไหม
มีคำเรียกขานของนางเอกระดับที่เป็นลูกเจ้าเมือง เชียวนะ
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:09:57 น.
คุรหน่อยคะ
คำถามสั้น ๆ แต่คำตอบสั้น ๆ ยากจริง ๆ
อันดับแรก เราต้องเชื่อมั่น และเราต้องนับถือกันก่อน ยกเลิกความคิดเก่าที่คิดว่าพวกชาวเขาทำลายป่า เพราะว่าป่าเมืองไทยมีคนช่วยกันทำลายมากมายหลายกลุ่ม
และป่าในเมืองไทยมีคนอยู่ในป่ามาช้านาน คนที่อยู่กับป่ามากมายที่ช่วยกันดูแลป่า
รัฐเองก็เคยให้สัมปทานป่าจนป่าหมดเหมือนกัน
เรามีกรมป่าไม้ดูแลป่ามายาวนาน และป่าก็หมด ถ้าจะโทษมันโทษอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้
แค่เราเชื่อมั่นและนับถือให้เกียรติกันก็ถือว่าช่วยแล้ว
และสนับสนุนให้คนที่อยู่ในป่าดูแลป่าดีกว่า
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:24:18 น.
คุณสืบสวัสดิ์ ขอบคุณมากค่ะ กำลังอ่านงานของคุณอยู่ค่ะ เข้ใจว่า เดือนนี้คงจะอ่านจบ พูดเป็นทางการก็คือยินดีที่ได้รู้จัก หลังจากรู้จักในนามของผู้ใช้นน้ำฝายพญาคำแล้วก็ได้รู้จักในนามของนักเขียน นักอ่านด้วย
ดีใจจริง ๆ
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:52:44 น.
เจริญขวัญเจ้า
นักเขียนอเมริกาที่ว่า เขาเขียนเรื่องอะไรบ้างล่ะคะ พี่หมายถึงเรื่องที่แปลเป็นไทยนะคะ เพราะพี่อ่านภาษาอื่นไม่ได้เลยคะ ตอนนี้หัดอ่านคำเมืองอยู่ (ภาษาล้านนาของเมืองเหนือนะคะ) พี่ชอบตัวอักษรของเขา และตอนที่แม่กับพ่อของคุณถนอมเสียชีวิต น้อง ๆ ของเขายกใบเกิดของพ่อแม่ของเขาให้พี่เป็นคนเก็บรักษา
บันทึกอยู่ในใบลาน และไม้ไผ่ เป็นภาษาคำเมือง ก็เลยพยายามอ่านและเอาไปให้ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร อ่านให้ฟัง บีรู้จัดพี่ไพฑูรย์นะ ก็เลยทำให้สนใจตัวเมือง
พี่เข้าไปอ่านบทกวีของบี ยังคงชอบบทกวีของเธออยู่
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:22:09 น.
พี่ยาย..เลี้ยงข้าวอ่ะป่าว...แจมจิได้หนีเที่ยว ฮิฮิ..วันนี้อบรมเสร็จแล้วววววว
... เย้
เว็บที่สร้างตอนเรียนค่ะ
//210.246.196.13/ewt/cukaopp/index.html
โดย: แจม IP: 210.246.196.1 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:11:53 น.
แวะมาทักทายตามประสา รู้สึกดีที่เทคโนโลยี่ด้านการสื่อสารช่วยย่อย่นระยะทางแห่งมิตรภาพให้ชิดใกล้กัน แม้จะมีหลายท่านยังโหยหาวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่นะ ใครอยากใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็ใช้ ใครอยากคัดลายมือก็คัด ส่วนใครจะใช้คีย์คอมพิวเตอร์ก็คีย์ไป คนเราแต่ละคนมีโลกส่วนตัว บางคนมีโลกกว้างบางคนมีโลกคับแคบ แต่ก็มีบ้างเหมือนกัน ที่แอบอาศัยโลกของคนอื่น เอาเถอะ ขอให้มีความสุขก็แล้วกัน
ผมเคยเขียนบทกวีและได้รับการตีพิมพ์บ้างตามสมควร ได้รับค่าเรื่องบ้างไม่ได้รับบ้าง ส่วนใหญ่คือไม่ได้รับ แม้เรื่องจะได้รับการตีพิมพ์
กูรูทางวรรณกรรมหลายท่านบอกไว้ว่า ถ้าคิดจะเป็นนักเขียนก็อย่าได้หวังถึงผลตอบแทน เพราะมันจะทำให้งานของเราออกมาไม่ดี
ประโยคดังกล่าวนำมาซึ่งการอดทน และอดข้าว
นักเขียนมีเจตนาดีต่อการนำเสนอผลงาน
ส่วนนักการตลาดที่ทำมาหากินบนความอ่อนด้อยเชิงธุระกิจของนักเขียนก็มีเยอะ...เราจะเรียกคนประเภทนี้ว่าอะไรดีครับ
โดย: tidken IP: 203.146.63.185 วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:34:11 น.
tidken ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ที่แสดงทัศนะเรื่องโลกเทคโนโลยี่ เห็นจริงตามคุณว่าค่ะ
ส่วนเรื่องงานเขียนกับค่าเรื่องนั้น เราเป็นคนเขียนอาชีพ นั้นคือมีอาชีพในการเขียนหนังสือ หรือเขียนเลี้ยงชีพด้วยเพราะไม่ได้ทำงานอย่างอื่นเลย ดังนั้นงานเขียนจึงต้องมีค่าตอบแทนค่ะ
และคิดว่าไม่เกี่ยวกับงานจะออกมาดีหรือไม่ดีเพราะค่าตอบแทน เพราะอย่างไรเราก็เขียนก่อนที่ค่าตอบแทนจะมา หรือเขียนก่อนที่จะรู้ว่ามันจะลงที่ไหนด้วย
กูรูทางวรรณกรรมไม่ต้องเชื่อมากก็ได้คะ ฟังได้แต่ไม่ต้องเชื่อหรือทำตาม ถ้าเขียนและงานได้ลงเราคิดว่าต้องทวงถามค่าเรื่อง หลังผ่านไปสองสัปดาห์หากยังไม่มีการติดต่อ เพราะบางทีเขาอาจจะไม่มีที่ติดต่อเราหรือขัดข้องบางอย่าง
นักเขียนกับนักธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์ โรงพิมพ์ ฝ่ายจัดจำหน่ายก็ต้องพึ่งพากันคะ งานเขียนเป็นงานที่ต้องลงทุนสูงทุกฝ่ายคะ ลงทุนหัวใจด้วย หนังสือเล่มหนึ่งกว่าจะขายได้สักพันเล่มก็ยาวนาน (โดยเฉพาะหนังสือแบบที่เราเขียน) พันเล่มสำนักพิมพ์ถึงจะคุ้มทุน มันอยู่ที่หนังสือเล่มนั้น ๆ และสำนักพิมพ์นั้น ๆ สำนักพิมพ์ไหนที่ยังพยายามพิมพ์และขายวรรณกรรมอยู่ต้องเห็นใจจริง ๆ
แต่สำหรับเราก็มีอยู่ข้อหนึ่งที่ทำให้ทำงานเขียนอยู่ได้ต่อไปคือ ให้เห็นว่างานใหญ่กว่าตัวเรา เมื่องานใหญ่ทุกอย่างก็เป็นเรื่องเล็ก เราก็เลยทำงานต่อไป
ท้ายนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันนะคะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะเขียนงานต่ไปอย่างมีความสุขกับการเขียน
โดย:
แพรจารุ
วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:08:44 น.
คารวะ
ฉันมาหาคำตอบ....
ในนี้...
โดย:
ตาพรานบุญ
วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:15:08:50 น.
ขอแสดงความเสียใจแด่คุณกนกพงศ์ด้วยนะคะ แม้ว่าจะผ่านเลยมาถึงสองปีแล้วก็ตามแต่อย่างไรเสีย คุณกนกพงศ์ก็จะตราตรึงอยู่ในจิตใจของดิฉันเสมอไป เสียดายที่ได้รู้จักกับนักเขียนที่มีคุณภาพช้าไป แต่ก็จะพยายามหางานเขียนของเขามาอ่านให้ครบ เพราะดิฉันเป็นเพียงคน ๆ หนึ่งที่ชอบฟังเพลง และบทเพลงนี่แหละค่ะที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักกับคุณกนกพงศ์ ได้อ่านและศึกษาถึงประวัติชีวิตของเขา และได้ประทับใจกับอะไรหลากหลาย ขอให้ไปสู่สุขคตินะคะ
โดย: เพียงผ่านมา IP: 203.172.201.127 วันที่: 3 เมษายน 2551 เวลา:16:50:14 น.
:::สะกดรอยตามอ่านงานครับ พี่ยาย::::
โดย:
โฟล์คเหน่อ
วันที่: 26 เมษายน 2551 เวลา:4:12:35 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แพรจารุ
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
..
۞
บทกวีและเรื่องสั้น ถนอมไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท
..
۞
จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว โดยถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท 17 ต.ค.51
http://www.youtube.com/watch?v=L21lhWsu8QQ&feature=related object width="315" height="80">
หา โค้ดเพลงhi5 : hi5 song code search
Friends' blogs
pu_chiangdao
shadow-of-art
ม่วนน้อย
ดาริกามณี
ปะหล่อง
karnlaka
big onion
สีน้ำฟ้า
ป้ามด
ปอมปอมเกิร์ล
สัญจร ดาวส่องทาง
ฟ้าดิน
มันอยู่ในปอด
jomyutjieng
ชมจันทร์
กะว่าก๋า
9A
เนยสีฟ้า
sugarhut
ยิปซีสีน้ำเงิน
ชบาฉาย
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
pantamuang
นกแสงตะวัน
addsiripun
แสงแรก ประดับดิน
ปักเป้าจุด
lukkongpoka
ปลายแปรง
ตานลวิน
malarn cha
เสือจุ่น
ฟ้ากระจ่าง
Nilz
ShadowServant
ตาพรานบุญ
คุณน้องเต้
ดอกเสี้ยวขาว
เขาพนม
เช้านี้ยังมีเธอ
ไผ่เมือง
สายลมอิสระ
พ่อพเยีย
last_tibetstone
ร่มไม้เย็น
PenKa
p_tham
girl from sea
แม่ไก่
แพรจารุ
เจ๋วะรัฐถะ
กล้วยเน่า
Webmaster - BlogGang
[Add แพรจารุ's blog to your web]
Links
ประชาไท
ภาคีคนฮักเชียงใหม่
เครือข่ายนักเขียน
เนชั่นแนลแนลจีโอกราฟฟิค
แคนโต้
เดลินิวส์
ซิมมี่
เงาศิลป์
สมาคมนักเขียน
คนชายขอบ
บทเพลงนางฟ้าสีขาวฯสุวิชานนท์
ปิ่นโตปลอดเนื้อ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
แวะมาอ่านก่อนใครเพื่อน เลยคอมเมนต์ก่อนคนอื่น
อ่านเรื่องนี้แล้ว สะเทือนใจต่อวีรกรรมของนักเขียนอีกหลายๆ ท่าน
ทุกคนน่ายกย่องและควรค่าแก่การบันทึกไว้ในความทรงจำครับ