คนเขียนหนังสือ ชีวิตเบิกบานในการงาน
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
23 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
เรื่องสั้นสะใจ


เรื่องสั้นสะใจคือสะใจคนเขียน เรื่องสั้นเรื่องนี้ยังไม่ได้นำมารวมเล่ม แต่ลงในคู่สร้างคู่สม ปีหนึ่งคู่สร้างคู่สมมีสนามเรื่องสั้น และคุณชมัยพร แสงกระจ่าง (นายกสมาคมนักเขียนปี 2550 เป็นคนพิจารณา)



ผู้ชี้แนะ แพร จารุเขียน
ป้อม ร้านปลายฝนต้นหนาว ภาพ


เธอเป็นสมาชิกใหม่เข้ามาแนะนำตัว ด้วยการมายืมหนังสืออ่าน ผิวดำ คมเข้ม เรียกว่าสาวสวยได้ทีเดียว เธอเลือกหนังสืออยู่นาน ฉันปล่อยให้เธอเลือกตามสบาย และทำงานของตัวเองไป ส่วนใหญ่ถ้าไม่ดูโทรทัศน์ฉันก็จะอ่านหนังสือ

เธอเลือกไปเพียงเล่มเดียวและเอามาส่งในวันรุ่งขึ้นเพื่อมาเอาเล่มใหม่ วันที่ 3 เธอคุยให้ฉันฟังถึงเรื่องสามีของเธอ เล่าว่าเธอกับสามีย้ายมาจากต่างจังหวัด ยังไม่รู้จะทำงานอะไร

วันต่อมาเธอมาพร้อมกับแกงถ้วยหนึ่ง สามีเธอเป็นคนทำ เขาชอบทำอาหาร
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่มีโชคดีเรื่องสามี
แกงของเธออร่อยและล้วนเป็นของชอบของฉันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแกงคั่ว แกงส้ม สองสามีภรรยานั้นดูเหมือนจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากไปตลาดซื้อของสดมาทำอาหาร ไปเช่าวีดีโอมาดู

ฉันได้กินกับเธอด้วย เธอมีของกินติดมือมาฝากฉันเสมอ นอกจากอาหารแล้วยังมีหนังวิดีโอมาให้ดูวันละม้วนสองม้วนไม่ต้องเช่าเอง เธอเช่าหนังมาดูทุกวัน ก่อนเอาไปคืนให้ฉันเลือกดูก่อน นับว่าเธอมีน้ำใจ

ฉันมีความสุขกับการกินอาหารอร่อยและดูวิดีโอโดยไม่ต้องเสียเงินเช่า แต่อะไรเล่าจะได้มาฟรี ๆ ยิ่งนานวัน เธออยู่ในห้องฉันนานขึ้น และนำเรื่องราวของเธอมาสู่ฉันเพิ่มขึ้น ฉันกลายเป็นผู้ฟัง

เพื่อนฉันที่ผ่านการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้ว บอกฉันว่า ในปีแรกของการมีคู่รักหรือการแต่งงานผู้หญิงมักจะตื่นเต้นยินดีและคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปแต่ความจริงแล้วปีแรกถือว่าเป็น อันนีมูนพีเรียด หรือเรียกว่า ช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ สำหรับเธอคงจะผ่านช่วงนั้นไปแล้ว

เรื่องเล่าสามีที่น่ารักชอบทำกับข้าว ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เรื่องเล่าใหม่ของเธอคือเขาอารมณ์เสียง่าย โกรธง่ายหายเร็ว ที่เรียกว่ายามดีก็ดีใจหาย ยามร้ายไม่รู้จะเปรียบกับอะไรดี

"ข้าวของจะหมดอยู่แล้ว" เธอยื่นมือที่วางเปล่าให้ฉันดู "สร้อยมือ แหวนขายหมด"

ฉันคิดถึงคำเตือนของเพื่อนร่วมงานที่อยู่ห้องติดกัน เธอว่าฉันให้ใครต่อใครเข้ามายืมหนังสือในห้องง่ายเกินไป เพื่อนอีกคนว่า ถ้าอย่างนี้เปิดเป็นห้องเช่าหนังสือหรือทำธุรกิจขายตรงไปเลย เช่นขายเครื่องสำอางค์หรือเครื่องอุปโภคบริโภค

ฉันไม่ได้เบื่อเธอ หรือเรื่องเล่าของเธอแต่ฉันเริ่มกลัวสามีของเธอต่างหาก ก็เธอบอกว่าเขา โกรธง่าย อารมณ์ร้าย ถ้าเขาโกรธแล้วระงับอารมณ์ไม่อยู่เขาจะพังทุกอย่างที่ขวางหน้า... เพียงแค่นี้ก็ไม่อยากเข้าใกล้แล้ว

ไม่มีงานทำไม่มีรายได้ แต่กินอยู่ในเมืองหลวง เป็นเรื่องยากที่จะอยู่ได้ คนอยู่ในเมืองหลวงต้องมีงานทำและทำงานหนักเพื่อแลกกับอาหารและที่อยู่ ทุกอย่างต้องซื้อหมดไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มน้ำใช้ แม้แต่อากาศหายใจ อยู่ในห้องนานก็ต้องเปิดแอร์ไม่เช่นนั้นหายใจไม่สะดวก อากาศร้อนจัด

ยามสายวันหนึ่งเธอมาหาฉันด้วยใบหน้าอมทุกข์ ยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้สึกว่า เธอหมองเศร้าลงไปทุกวัน แน่ละถึงแม้ไม่มีเรื่องร้อนใจอันใด อยู่ในห้องภายในคอนโดฯก็ทำให้คนหมองเศร้าได้ ต้องหาทางออกไปข้างนอกบ้าง แม้ว่าข้างนอกจะเต็มไปด้วยมลพิษแต่มันก็มีสีสัน

"คิดถึงลูก" เธอพูดขึ้นหลังจากถามว่า ฉันกินข้าวหรือยัง
"อ้าว มีลูกแล้วเหรอ"
"มีแล้ว มีสองคนอยู่กับตายายที่บ้านใต้"
"ดูยังวัยรุ่นคิดว่าเพิ่งแต่งงานแล้วย้ายมาหางานทำ"
"ก็อย่างนั้นด้วย ฉันอายุ 35 แล้วนะ" เธอหัวเราะ เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่ใครบอกว่าหน้ายังอ่อนเยาว์ย่อมสบายใจขึ้น ฉันดีใจที่ทำให้เธอมีดวงตาสดใสขึ้นแม้เพียงชั่วครู่

"คิดถึงลูกจนนอนไม่หลับต้องกินยานอนหลับ"
"ไม่ได้นะอันตรายมาก คิดถึงแล้วทำไม ไม่ไปหา หรือให้ขึ้นมาอยู่ด้วย"
เป็นเพราะคำถามประโยคนี้ของฉันทำให้เธอได้โอกาสเล่าเรื่องชีวิตของเธอ ในระหว่างที่เล่าเธอก็พูดไปด้วยว่า อย่าบอกใครนะ เห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน มาอยู่ที่นี่ไม่รู้จะคุยกับใคร
"จะเล่าก็เล่าเถอะ แต่อย่ามาคาดหวังหรือสั่งให้เก็บเป็นความลับ ถ้าอยากเก็บเป็นความลับก็อย่าเล่า ไม่มีใครมีหน้าที่เก็บความลับให้ใคร ที่เราคาดหวังได้ก็คือคนที่เราเล่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะพอที่จะพูดในสิ่งที่ควรพูดกับใครหรือเปล่า ประเมินเขาด้วยตัวเองและรับผิดชอบเองถ้าประเมินผิด หรือเดือดร้อนภายหลัง เพราะคนฟังเขาไม่จำเป็นต้องฟังก็ได้ แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องหาใครสักคนหนึ่งฟัง"

ฉันรู้ว่าคำพูดของฉันคงจะทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ฉันคิดว่าเธอควรจะรู้ความจริงเพื่อใคร่ครวญว่าควรหรือไม่ควรพูด ในโลกแห่งความจริงโหดร้ายเสมอ เธอหยุดมองหน้าฉันครู่หนึ่ง

ในที่สุดเธอก็เล่า ลูกของเธอแต่ไม่ใช่ลูกของเขา
35 ปีของเธอ ผ่านชีวิตที่หนักหน่วงมาแล้ว ฉันดูเข้าไปในดวงตาของเธอพบรอยบอบซ้ำในนั้น

เธอเป็นแม่ม่าย มีลูกชายที่เธอต้องเลี้ยงดูถึง 2 คน คนโตอายุ 13 ปีแล้ว เธอทิ้งลูกทั้งสองมาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายซึ่งพ่อไม่อยากให้เธออยู่ด้วย

"พ่อให้ฉันสัญญาว่าจะไม่แต่งงานใหม่อยู่กับลูก พ่อเลี้ยงได้ทั้งลูกทั้งหลาน"

เสียงเธอสั่นเครือเมื่อเธอเล่าว่า เธอไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูก แต่เธอไม่มีทางเลือก
"ทำไมเป็นอย่างนั้น" ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น
"พ่อรักฉันมาก พ่อผิดหวังที่ฉันไปอยู่กับผู้ชายที่พ่อไม่ให้แต่งงาน ก็เพราะพ่อไม่ให้แต่งงานนั้นแหละฉันจึงต้องไปอยู่กับเขาเฉย ๆ พอเลิกกันพ่อก็ว่าเห็นไหม พ่อห้ามแล้วไม่เชื่อ พ่อยอมให้ฉันเข้าบ้าน ยอมรับหลาน และให้ฉันสาบานว่า ต่อไปจะไม่มีผัวใหม่อีกแล้ว"
"สาบานเชียวหรือ ความรักของพ่อน่ากลัวจริง ๆ เป็นความรักที่รุนแรง"
"ใช่ น่ากลัวจริง ๆ ฉันกลัวพ่อมาก คิดดูซิฉันอายุแค่นี้ไม่ให้ฉันมีผัวใหม่ได้อย่างไร"
ฉันพยักหน้า
เธอเล่าต่อว่า "พ่อยอมทุกอย่าง เปิดร้านขายของชำให้ สร้างบ้านตึกแถวให้ 3 ห้อง อยู่ห้องหนึ่งให้เขาเช่าสองห้อง ก็เพราะตึกแถวที่เปิดให้คนเช่านี้แหละ ได้พบกับเขาเพราะเขามาเช่า เพื่อรับงานเป็นช่วง ๆ ไม่ได้อยู่ประจำ แอบคบกันมานาน พอพ่อรู้เรื่องก็ต้องหนี"
เธอโทรไปหาลูกทุกวัน โทรไปเพื่อได้ยินเสียงลูกเท่านั้นไม่กล้าออกเสียงตอบ แค่ได้ยินเสียงลูกทางโทรศัพท์ เธอมีความสุขที่ได้ยินเสียงลูกบ่นว่า '"ใครก็ไม่รู้โทร.มาแล้วไม่พูด" บางครั้งลูกก็บ่นว่า " ก็แปลกดีนะไม่พูด" ครั้งหนึ่งลูกพูดว่า สวัสดีครับ ใครครับ พูดซิครับถ้าไม่พูดผมวางหูนะ หรือถ้าโทรศัพท์คุณไม่ดีก็โทรใหม่นะ คุณได้ยินผมไหม ผมไม่ได้ยินคุณเลย และได้ยินเสียงหัวเราะก่อนจะวางสายส่วนเธอก็ยืนถือหูโทรศัพท์น้ำตาไหล ไม่กล้าพูดกับลูก

ชีวิตผู้คนมีเรื่องยุ่งยากเหลือเกิน ในแต่ละคนมีรายละเอียดของชีวิตมากมาย
ชีวิตของเธอเป็นเรื่องน่ากลัว คุณสมบัติของผู้ชายที่อยู่ใกล้เธอแต่ละคน ที่เธอเล่าให้ฟังน่ากลัวทั้งนั้น ผู้ชายที่หนึ่งคือพ่อของเธอที่ประกาศว่า ถ้าเจอหน้าจะยิงทิ้ง

ผู้ชายคนที่สองและสาม เป็นเด็กชายที่เธอรักแต่เธอกลัวเขาจะโกรธและเกลียดเธอ และผู้ชายคนที่สี่ที่เธออยู่ด้วย เขาเป็นผู้ชายขี้เมา เมื่อเมาเขาจะอาละวาด ทุบข้าวของ ส่งเสียงดัง ด่าคนไปทั่วหัวบ้านท้ายบ้าน และที่ร้ายกว่านั้นเขาเคยทุบเธอที่หูจนอื้อตาลายต้องไปหาหมอ แต่ยามที่เขาไม่เมา เขาจะเป็นผู้ชายแสนดี สุภาพ ดีทุกอย่าง แรกลูก ๆ ของเธอชอบเขาแต่เมื่อพบเห็นเขาเมาเด็ก ๆ ต่างกลัวเขา แต่ตอนนี้เขาสัญญากับเธอแล้วว่าจะไม่ดื่ม และเขาไม่ดื่มมานานแล้ว แต่ถึงไม่ดื่มก็ยังอารมณ์ร้ายอยู่บ่อย ๆ อย่างเมื่อวันก่อนเขาเห็นเธอตาแดงกลับมา เขาถามว่าเป็นอะไร อยู่ด้วยกันทุกข์มากใช่ไหมถึงต้องร้องไห้ไปให้พ้นอย่าให้เห็นหน้า แต่เมื่อเธอจะไปจริงเขากลับตรงเข้ากอดอ้อนวอนให้อยู่ เมื่อเธอบอกว่าไม่ได้ทุกข์แต่ร้องเพราะคิดถึงลูกไปโทรศัพท์หาลูกมา เขากลับโกรธกว่าเก่าคราวนี้โดนหลังมือเต็มหน้า พลางว่าต่อไปอย่าให้รู้ว่าไปโทรศัพท์หาลูกอีกอีก เมื่ออารมณ์ดีเขาอ้างว่า ทนไม่ได้ที่เห็นเธอร้องไห้หลังจากโทรศัพท์หาลูก

ท้ายที่สุดเธอถามฉันว่า เธอจะทำอย่างไร
ยากที่จะแนะนำ ทำอย่างไรนะหรือ ที่ทำได้ก็คือทำใจ คือพยายามสงบมีสติเข้าไว้ อย่าใช้ยานอนหลับไม่เช่นนั้นเธอจะติด แล้วเลิกยาก เธอควรเข้มแข็งเข้าไว้

ถ้าเธอไม่สบายใจก็มาหาหนังสือนิยายไปอ่าน ฉันช่วยเธอได้เท่านี้จริง ๆ ฉันมีหนังสือให้เธอ

ฉันไม่กล้าออกความคิดเห็นใด ๆ ว่าไปแล้วฉันก็เริ่มกลัวผู้ชายของเธอแล้วเหมือนกัน

เธอยังคงมาหาฉันเสมอ ๆ เล่าเรื่องของผู้ชายทั้งสี่ของเธอ
ฉันต้องรับผิดชอบเธอเพิ่มขึ้นนอกจากหนังสือที่เธอยืมไปอ่านแล้ว เธอยังขอใช้โทรศัพท์ทางไกลติดต่อกับใคร ๆ


วันหนึ่ง เธอมีปัญหาเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อเธอโทรศัพท์ไปบ้านพี่ชาย เขาบอกว่าลูกชายเธอติดยาและออกจากโรงเรียนแล้ว เธอร้องไห้อยู่ในห้องฉันยาวนาน หลังจากหยุดร้องแล้วต้องนั่งรอจนกว่าจะหมดคราบน้ำตาถ้ากลับไปทั้งที่ตายังแดงหน้ายังเศร้าหมองเธอจะโดนหนัก ไม่ใช่แค่ร้อนหูเท่านั้นเธอจะร้อนหน้าไปจนถึงเลือดกลบปาก

เธอว่าลูกติดยาเป็นเรื่องใหญ่ แต่ฉันไม่ได้ยินคำพูดออกมาจากปากเธอว่า เธอจะกลับบ้านไปดูลูก ฉันว่าหากเธอรักลูกเธอต้องกลับไปแม้พ่อจะเอาปืนไล่ยิงก็ต้องยอม
แต่ฉันคิดไปตามประสาคนที่ไม่มีลูกมีผัว

และวันหนึ่งฉันก็ได้พบกับผู้ชายของเธอ เขาเป็นชายหนุ่มที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง สูงใหญ่ พูดจาสุภาพ ผู้ชายหน้าตาหล่ออย่างนี้ ยิ้มน่ารักอย่างนี้หรือที่ทำร้ายผู้หญิงหรือว่าเธอจะพูดเกินไป กลัวว่าจะมีใครชอบสามีของเธอเลยพูดดักเอาไว้ ฉันอดยิ้มขำในความคิดของตัวเอง แต่ทันทีที่เขาออกปากว่า กลับห้องเถอะ อารมณ์ขันของฉันก็หายไป เธอก็เดินตามกลับไปอย่างว่าง่ายคล้าย ๆ กับเด็กหญิงที่ถูกครูผู้ปกครองจับได้ว่าหนีเที่ยว

เขาว่าตำรวจบางทีดูคล้ายโจรแต่โจรกลับคล้ายตำรวจ หรือบางทีก็เป็นทั้งตำรวจทั้งโจรก็มี

ฉันมองเห็นความยุ่งยากในชีวิตของเธอเพิ่มขึ้น วันหนึ่งเธอบอกว่า เธอหมดเงินแล้ว สร้อยแหวนขายไปหมดแล้ว โทรศัพท์ถูกตัด ค่าน้ำค่าไฟก็ยังไม่ได้เสีย

เธอหายไปหลายวัน ฉันรู้สึกเป็นห่วงเธอเหมือนกัน เธออาจจะทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรงและถูกทำร้ายร่างกาย หรือเกิดเหตุร้ายกว่านั้น ถูกเขาฆ่าตาย ผัวเมียเดี๋ยวนี้รักกันอยู่กันจนฆ่ากันตายมีเยอะ จะเลิกกันก็ไม่ได้จะอยู่กันก็ไม่สุข ตัดสินด้วยการฆ่าทิ้ง แต่ถึงแม้จะเป็นห่วงเธออย่างไร ฉันไม่กล้าเดินขึ้นไปหาเธอที่ห้อง ได้แต่รอ

แล้ววันหนึ่ง เธอกลับหาฉันอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ดวงตาแห้งผาก เป็นภาพของสาวทุกข์โดยแท้
"ไม่รู้จะทำอย่างไรดี นอนก็ไม่หลับ พยายามทำใจให้สงบมันก็ไม่สงบ หรือจะหนีไปดี"
"ดี...ไปหาที่สงบ ๆ สักพักก็ดี"

ฉันรีบเอาหนังสือของสำนักปฏิบัตธรรมแห่งหนึ่งให้เธอ บอกให้เธอไปอ่านหนังสือเล่มนี้ดู มีที่อยู่สำนักปฏิบัติธรรม ฉันเคยไปมาแล้วที่นั้นร่มรื่นสวยงามเหมาะที่จะพักผ่อนจิตใจ ไปคุยกับแม่ชีเผื่อท่านจะชี้ทางออกได้ หรือถ้าจะไปที่วัดแถวเมืองนนทบุรีก็มีหลายแห่ง

ฉันคิดว่าเธอคงจะตัดสินใจแยกทางกับหนุ่มหล่อมาดเข้มคนนั้นแล้ว ทางสงบคือวัดหรือสำนักปฎิบัติธรรมที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ฉันขออนุโมทนาเป็นค่าโทรศัพท์ทางไกลที่เธอใช้ จบสิ้นเรื่องยุ่งยากอันเกี่ยวกับผู้ชายทั้งสี่ เมื่อเธอหายป่วยเธอจะช่วยลูกเธอได้ ตอนนี้เธอจะช่วยคนอื่นได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่มีสติแม้แต่จะช่วยตัวเอง

ฉันบอกเพื่อนอย่างภาคภูมิใจว่า ฉันได้ช่วยให้หญิงสาวคนหนึ่งหลุดพ้นแล้ว เธอแก้ปัญหาด้วยธรรมะ เข้าทางธรรม

เธอหายไปสองวันแล้วก็กลับมา วันนี้เธอแต่งตัวสวย เธอยิ้มทันทีที่เปิดประตูรับ

"มาบอกว่าตัดสินใจไปบวชแล้ววันนี้" เธอยิ้มสดใส ดูหรือแค่จะบวชก็มีความสุขแล้ว สาธุ ฉันสาธุให้เธอในใจ

"บวชแล้วจะกลับบ้าน พ่อคงไม่กล้าเอาปืนยิงแม่ชี ลูกก็คงหายโกรธ จะกลับบ้านทั้งชุดแม่ชี"
"เหรอ..."
"ไปอยู่ให้สบายใจสักพัก ไปเอาเงินสักก้อนมาลงทุน กลับขึ้นมาหาที่ทางทำเลดี ๆ เปิดร้านข้าวแกง พี่เขาทำอาหารเก่ง"
ฉันได้แต่พยักหน้า

" แวะมาขอบคุณ นี่นะถ้าไม่ได้เธอชี้แนะเรื่องบวช ยังคิดอะไรไม่ออก มืดแปดด้าน ที่บ้านยังพอมีเงินมีทองของตัวเองอยู่แต่กลับไปเอาไม่ได้ นี่ว่าไปเอาของตัวเองแล้วเผลอ ๆจะแอบขอแม่มาสักหน่อย ขอบคุณจริง ๆ ที่แนะนำ ไปละนะพี่เขารออยู่หน้าลิฟท์ เขาไปส่งบวชพรุ่งนี้ อีกวันกลับบ้าน อยากได้อะไรบ้างไหม ของกินของใช้จากบ้านเรา"

เธอเดินจากไปแล้ว เธอยิ้มสดใสก่อนจากลา... เธอลงทุนบวชชีกลับบ้าน ทำเป็นสำนึกผิด
ฉันเดินไปกดล็อคประตู วันนี้ตั้งใจว่าจะไม่ให้ใครเข้ามาในห้อง อยากนั่งอยู่ในห้องคนเดียว ในนามของผู้ชี้แนะ


พิมพ์ครั้งแรก นิตยสารคู่สร้างคู่สม



Create Date : 23 มิถุนายน 2550
Last Update : 23 มิถุนายน 2550 1:46:30 น. 30 comments
Counter : 1399 Pageviews.

 
อือ จบสวยจริงๆ


โดย: ศิลป์ IP: 202.91.19.194 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:23 น.  

 
บางครั้งเราก็มองไม่ออกถึงความคิด จิตใจ ภายใต้ร่างกายที่งดงามของเขา


โดย: น้องนู๋_หมูหวาน วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:9:51:32 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามหลังพี่ปอนมารู้จักบล็อกนี้
ยินดีที่รูจักค่ะ ได้เห็นผลงานเพลงคุณแพร จารุ ในอัลบั้มอินดี้ ชอบจัง


โดย: นกแสงตะวัน วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:11:14:25 น.  

 
"จะเล่าก็เล่าเถอะ แต่อย่ามาคาดหวังหรือสั่งให้เก็บเป็นความลับ ถ้าอยากเก็บเป็นความลับก็อย่าเล่า ไม่มีใครมีหน้าที่เก็บความลับให้ใคร ที่เราคาดหวังได้ก็คือคนที่เราเล่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะพอที่จะพูดในสิ่งที่ควรพูดกับใครหรือเปล่า ประเมินเขาด้วยตัวเองและรับผิดชอบเองถ้าประเมินผิด หรือเดือดร้อนภายหลัง เพราะคนฟังเขาไม่จำเป็นต้องฟังก็ได้ แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องหาใครสักคนหนึ่งฟัง"

- - -

ขออนุญาตจด
ชอบจังค่ะ โดยเฉพาะ
"แต่บางครั้ง เราจำเป็นต้องหาใครสักคนหนึ่งฟัง"


โดย: ม่วนน้อย IP: 202.44.136.50 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:15:18:18 น.  

 
วันนี้เรามีเรื่องเศร้า เศร้าจริง ๆ เมื่อคืนนี้เราได้ยินเสียงสำลีไอ เสียงไอแห้ง ๆ

ยามเช้ามันยังรื่นเริงแต่มันไอเป็นระยะ มันยังวิ่งเล่นกับสีมอย และกินนมแม่มัน ฉันไปจับดูจมูกมัน ตามประสบการณ์ที่เคยรู้มาว่า หมาป่วยจมูกแห้ง สำลีจมูกไม่แห้ง หมาป่วยลิ้นซีด ลิ้นมันก็ไม่ซีด ไม่ซึม ไม่เฉา เพียงแต่ไอ เราคุยกันว่ารอดูอาการหนึ่งวันเพราะมันแค่ไอเบา ๆ

ช่วงบ่ายฉันไปประชุมกับภาคีคนฮักเชียงใหม่ ในระหว่างประชุมที่บ้านโทร.มาบอกว่า สำลีไอออกมาเป็นเลือดและตายทันที

มันเป็นลูกหมาที่สมบูรณ์มาก ๆ ตัวอ้วนกลม ขาวเหมือนสำลี จึงให้ชื่อว่า สำลี แม่มันก็สมบูรณ์มาก ครบเดือนก็ถ่ายพยาธิ์แล้ว รอครบ45วันจะไปทำวัคซีน ยังไม่ครบสิบห้าวัน

มันจากไปง่าย ๆ น้องสาวบอกว่า ที่สวยมาก ๆ ก็เป็นอย่างนี้แหละ ใครเห็นใครก็ชอบ ใครก็อยากได้ มันเป็นหมาที่สวยเกินไป มันเป็นสิ่งที่มากเกินไป

แรกพี่หนอมจะเก็บมันไว้ให้ฉันดูก่อน แต่ฉันบอกว่าให้ฝังมันทันที ฉันไม่อยากดูแล้ว
เศร้าจริง ๆ ยิ่งกลับมาเห็นสีมอยนอนอยู่ในมุ่งครอบกันยุงตัวเดียว


โดย: ยาย IP: 203.113.50.14 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:23:00:39 น.  

 
สวัสดีศิลป์
เธอว่าจบได้สวยเหรอ เราว่ามันสะใจมาก ๆ สำหรับผู้รู้และผู้ชี้แนะ

น้องนู๋_หมูหวาน แอบไปแง้มหน้าต่างดูบ้านหนูแล้ว ขยันแต่งบ้านนะคะ แล้ววันหลังจะแวะเข้าไปใหม่ค่ะ



โดย: ยาย (แพรจารุ ) วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:23:28:13 น.  

 
ตามมาเยี่ยมครับ
ถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้เคยอ่านแล้ว อ่านอีกครั้งก็ยังดีครับ

เรื่องสำลีนั้น เราได้พูดถึงที่บล็อกของ big onion แล้ว

ก็เสียใจด้วยในที่นี่อีกครั้งครับ


โดย: รักษ์ (big onion ) วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:23:58:33 น.  

 
นกแสงตะวัน สวัสดีคะ
สงสัยคุณจะจำคนผิดนะคะ พี่ไม่เคยมาเพลงอินดี้เลยคะ
เมื้อกี้แอบไปฟังเพลงบ้านคุณมาแล้ว เพลงเพราะและบ้านสวยด้วยค่ะ


โดย: แพรจารุ (แพรจารุ ) วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:20:35:01 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ยาย พี่หนอม..

อ่านเรื่องสั้น..แล้วหวนมานึก.. เรื่องสั้นของแจม..มันสั้นแบบจบไม่ลง..

หนักใจจริง ๆ นี่ ขนาดตัวหนังสือ 14 point ยังได้ตั้ง 7 หน้า บีบหัวบีบท้ายกระดาษสุด ๆ แล้วนะ

เอ๊.. พี่คะ ช่อการะเกด เขากำหนดไหมว่าต้องใช้สักกี่หน้า..ถึงจะเรียกเรื่องสั้น

แหะ แหะ .. ขออภัยเถอะพี่ ที่ถามอะไรโง่ ๆ คือเรื่องสั้นของแจมที่เขียน ๆ มันเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวทั้งนั้นเลย
อีกอย่าง.. มีลงในอินเตอร์เน็ตแล้ว ยังส่งช่อการะเกดได้ไหม (ก็ลงในพันทิปและบล็อกแก๊ง)

แจมเห็นข่าว..เขาว่าส่งเรื่องที่ดีที่สุดของคุณมา แต่พยายามหาความที่ขยายมากกว่านั้น.. ไม่มีค่ะ



โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:0:17:22 น.  

 
ชอบครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:2:20:19 น.  

 
น้องแจม ถ้าเรื่องสั้นของแจมจบไม่ลง ก็มี 2 สาเหตุ

1.เราไม่รู้จักเรื่องที่เขียนดีพอ ต้องทำความรู้จักกับมันใหม่
2.เรารู้จักมันมากเกินไป คิดมากเกินไป อะไร ๆ ก็จะใส่ลงไปหมด มันเลยยุ่งเหยิงและจบไม่ลง วิธีแก้ก็คือ
เอาส่วนที่ไม่จำเป็น (ถึงแม้เราจะชอบ)ออกไปให้หมด ให้ เหลือเฉพาะที่จำเป็นกับแก่น(THEM) ของเรื่อง
ข้อแนะนำ
เขียนเรื่องอะไรก็ได้ให้มันถึง แต่ไม่ควรต่ำกว่า3หน้ากระดาษ A4 ยาวไม่เกินยิ่สิบหน้า ไม่ควรเอาเรื่องที่ลงเผยแพร่แล้วไปส่งให้เขา
เขียนใหม่ดีกว่าครับ.


โดย: ถนอม ไชยวงษ์แก้ว IP: 203.113.50.14 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:8:27:07 น.  

 
ตอบสีน้ำฟ้า

(เพิ่มเติมจากพี่หนอม)

เท่าที่รู้มาช่อการะเกดเขาไม่กำหนดส้นยาวนะ จำได้ว่าเรื่องของ กนกพงษ์ ที่ได้รางวัลยาวมากเลย พี่ว่าเขียนให้มันได้เท่าที่ใจเราต้องการแล้วกัน


โดย: พี่ยาย IP: 203.113.50.140 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:15:23 น.  

 
ขอบคุณ ฟ้าดินค่ะ

ดีใจที่คุณชอบ แล้วจะแวะไปเยี่ยมบ้าน


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:16:44 น.  

 
หวัดดีปี้อ้าย
และคุณยาย
ผมอยู่เจียงฮาย
วันนี้ฝนตก
ง่อมขนาด


โดย: มหาเสเพล IP: 203.188.52.203 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:51:13 น.  

 
ง่อมขนาด ก็มาแอ่วเมืองเชียงใหม่ซิ ที่นี่มีกิจกรรมมากมายนะมหาฯ
หรือรอมาพร้อมท่านปะหล่องก็ได้

วันนี้เชียงใหม่ฮ้อนขนาด


โดย: แพร จารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:14:59:21 น.  

 
พี่ ไปไทยไรเตอร์ กันเถอะ
เอ่อ - ช่อการะเกด รออยู่

งึมๆๆ


โดย: ดาริกามณี วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:15:02:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแพรจารุ
ขออภัยค่ะจำผิดจริงๆค่ะ

ดิฉันตามบล็อกคุณแพรจารุ คุณถนอม ไชยวงษ์แก้ว มาจากบล็อกพี่ปอน
พอทราบว่าจำผิดรีบกลับมาค้นซีดีที่บ้าน
เพลงอินดี้ชุดนั้นคือ
"Heart Of Indy จากทุ่งหญ้างดวงดาว"
มีเพลงที่พี่ปอนร้องด้วยคือ "เก็บรัก ฝากฝัน"
และก็มีคุณ "วารุ" ร้อง "เพราะเธอคือเพื่อน" ชอบเพลงชุดนี้มากค่ะ

ต้องขออภัยอีกครั้งค่ะที่จำผิด นึกว่าเป็นคุณ แพร จารุ

ยินดีมากค่ะที่ทราบว่าเป็นคุณ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ตัวจริง
ดิฉันรู้จักมาตั้งแต่เป็นสาวน้อยสู่ ฝั น ค่ะ
หวังว่าคุณ แพรจารุ และคุณถนอม ไชยวงษ์แก้ว คงสบายดีและมีความสุขนะคะ


โดย: นกแสงตะวัน IP: 203.114.100.111 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:19:56:12 น.  

 
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมและอ่านเรื่องราวสั้น ๆ และสะใจ


โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:19:57:06 น.  

 
แก้คำผิดค่ะ
"จากทุ่งหญ้าถึงดวงดาว"


โดย: นกแสงตะวัน IP: 203.114.100.111 วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:19:58:55 น.  

 
ดาริกามาณี ขอบคุณมากค่ะ ที่แนะนำถ้าไม่ไป
ไทยไรท์เตอร์เครือข่ายนักเขียนก็คงได้

การกลับมาของช่อการะเกดน่าสนใจมากทีเดียว สำหรับเรื่องสั้นนักเขียนมือใหม่การได้ผ่านแจ้งเกิดกับคุณสุชาติถือว่าไม่ธรรมดา และการพิจารณางานเขียนของคุณสุชาติก็เป็นไปด้วยวิธีการที่เป็นมิตร และมีมาตรฐานที่ไม่เฉพาะตัวจนเกินไป

ในยุคก่อนพี่ก็เคยส่งมาหลายครั้งเคยผ่านการพิจารณาได้ตีพิมพ์และไม่ผ่านการพิจรณาเป็นจำนวนที่เท่า ๆ กัน

การกลับมาของช่อการะเกดจะมีนักเขียนมือเรื่องสั้นใหม่ ๆ เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันคุณสุชาติก็กลับมาทำงานอย่างหนักอีกครั้งแน่นอนกับการอ่านเรื่องสั้นจำนวนมากมาย

เป็นกำลังใจผ่านไปทั้งผู้เขียนและผู้อ่านต้นฉบับ (รวมทั้งตัวเองด้วยแหละ)



โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:6:51:14 น.  

 
นกแสงตะวันไม่เป็นไรคะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นเดียวกัน เพลงของวารุ พี่ก็ชอบมาก ๆ เหมือนกัน พี่เคยพบเขาที่บ้านเพื่อนในตัวเมืองเชียงใหม่ครั้งแรก ได้ฟังเขาซ่อมเพลงเพื่อไปเล่นที่ร้านเล่าในงานอินดี้ด้วยคะ
และตามไปฟังด้วย แล้วคุยกันใหม่นะคะ วันนี้พี่ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนได้นอนแต่หัวค่ำหลังจากงานเสร็จ ความจริงก็นาน ๆ ถึงจะมีงานแบบมีเส้นตายมาสักครั้ง จริง ๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรทำหรอก สวัสดีคะ


โดย: แพร จารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:6:57:50 น.  

 


สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากนะคะที่แวะไปเยี่ยมเยียนและชมดอกไม้ที่บ้าน
ป้าแอ๊ดก็เป็นแฟนหนังสือตัวยงคนหนึ่ง(ในอดีต)ค่ะ
ปัจจุบันไม่ค่อยได้ไปหาซื้อหนังสือมากนัก
เพราะไม่ทราบจะเลือกหนังสืออะไรดี

หนังสือจำพวกบู๊ล้างผลาญ ก็อ่านไม่ได้แล้ว
อ่านแล้วเวทนา สงสาร
เข้าวัดมากๆ ก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะ

ตอนนี้ก็เลยท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ เก็บเกี่ยวความงามตามธรรมชาติไปเรื่อยๆ

อ่าน มติชนทั้งรายวันและสุดสัปดาห์ ศิลปวัฒนธรรม
รีดเดอร์ไดเจสด์ งานฝีมือ นอกนั้นไม่อ่านค่ะ ไม่ค่อยชอบโฆษณาแฝง

.....


โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:11:18:16 น.  

 


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:12:56:26 น.  

 
วันวารที่ผ่านมา ขอบคุณค่ะ ดีใจที่อ่านแล้วรู้สึกสะใจไปด้วย

ป้าแอ๊ดก็ขอบคุณเช่นกันค่ะ
เดี๋ยวนี้ถึงไม่ได้ไปซื้อหนังสือก็หาอ่านได้ตามตามเวบไชตามบล็อก มีให้เลือกมากมาย แต่เท่าที่ป้าแอ๊ดเขียนมาสามเล่มนี้ก็ถือว่าอ่านครอบคลุมแล้วนะ ถือว่ารับข่าวสารได้ระดับหนึ่ง เลือกอ่านหนังสือที่มีคุณภาพทีเดียว แล้วจะเข้าไปเยี่ยมชมบ้านอีกคะ


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:13:08:54 น.  

 
เสียใจด้วยกับน้องสำลีนะ...จำได้ว่าเคยพบหน้าเธอแล้วหนหนึง..ใช่ไหมจ้ะ..ที่เมล์ไปหา จะถามว่าปลายเดือน ก.ค. ไปบ้านต้ำใน กันไหม...และที่สำคัญ ช่วยตอบทางอีเมล์นะ เพราะว่างานเยอะจริง ๆ คงไม่ได้เข้ามาอ่านในนี้เท่าไหร่ น่ะจ้ะ...คิดฮอดเน้อ


โดย: ปลา&เฮ้าส์ IP: 203.155.96.114 วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:16:37:51 น.  

 
ปลากับเฮ้าส์

ก.ค.พี่ไม่สะดวกนัก เพราะ 3-4 ไปน่าน (จอกันที่น่านไหม)
26-30 ไปนครเขามีสัญจรนักเขียนสี่ภาคพี่ถือโอกาสต
กลับเยี่ยมบ้านด้วย
ว่าแต่จะไปกันวันไหนบอกจริง ๆ ว่าอยากไปมาก ๆ เพราะคิดถึงบ้านต๋ำในมาก ๆ และช่วงนี้คงมีน้ำปู๋อร่อย ๆ

(ช่วงนี้เมลมีปัญหาอ่านไม่ออก เขียนไว้ที่นี่เผื่อปลากลับมาดูหากดูเมลไม่ได้)


โดย: แพรจารุ วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:10:01:47 น.  

 


ขอบคุณมากค่ะ
พี่หนอม และพี่ยายค่ะ


โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.150.113 วันที่: 27 มิถุนายน 2550 เวลา:10:45:46 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากๆ ค่ะพี่ เล่าได้น่าติดตามมาก และตอนจบก็แบบว่านะ...สะใจผู้ชี้แนะ และถอนหายใจให้กับผู้หญิงคนนั้น เฮ้ออออ


โดย: ปอมปอมเกิร์ล วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:5:32:29 น.  

 
หวัดดีเป็นไงบ้าง


โดย: หมูน้อย IP: 203.113.57.37 วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:32:39 น.  

 
หมูน้อย สวัสดี
สบายดีตามสมควรคะ
หมูน้อยล่ะเป็นอย่างไรบ้าง


โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 วันที่: 16 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:48:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แพรจารุ
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




..
۞ บทกวีและเรื่องสั้น ถนอมไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท

..
۞ จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว โดยถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท 17 ต.ค.51
http://www.youtube.com/watch?v=L21lhWsu8QQ&feature=related object width="315" height="80">
หา โค้ดเพลงhi5 : hi5 song code search
Friends' blogs
[Add แพรจารุ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.