หอดูดาวบนดอยอินทนนท์เอาอะไรแลกมา
เธอได้หอนี้มาอย่างไร อ๋อ หอดูดาวนี้นะหรือ ...ฉันแลกมากับผืนป่าฝูงนกและแหล่งน้ำ .......................................
วันนี้เหนื่อยจังแต่อยากเขียนเรื่องใหม่ อยากเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรมาจึงเหนื่อยหนักหนา ความจริงก็ นั่งฟัง อยู่ในห้องแคบ ๆ นานถึงสามสี่ชั่วโมง ไปฟังประชุม เสวนา
ผลกระทบการสร้างหอดูดาวบนยอดดอยอินทนนท์ สำนักบริหารวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเกือบทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายสร้าง และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย คือไม่ได้คัดค้านหอดูดาว แต่ให้พิจารณาพื้นที่ซึ่งเหมาะสมกว่า เดี๋ยวจะบอกตอนท้ายว่า ใครบ้าง ตอนนี้จะเล่าคร่าว ๆ ก่อนว่า ทำไมถึงมีการเรียกร้องให้ทบทวนผลกระทบ
ผู้เรียกร้องให้ทบทวนมีความเห็นอย่างนี้ค่ะ
ภาพจาก //www.tongkwaogames.cmu.ac.th
หอดูดาวบนดอยอินทนนท์ ไม่น่าจะเป็นความเหมาะสม เพราะว่า พื้นที่แคบๆ บริเวณยอดดอยเกินขีดจำกัดความสามารถของการรองรับของพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องการใช้น้ำ
เนื่องจากเป็นจุดสูงสุด จึงไม่สามารถนำน้ำจากลำธารตามธรรมชาติมาใช้ แต่ต้องอาศัยน้ำสะสมใต้ดินที่มีอยู่ไม่มาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่มาจากบริเวณป่าพรุพื้นที่ชุ่มน้ำอ่างกา พื้นที่ชุ่มน้ำอ่างกานี้ นับเป็นระบบนิเวศป่าพรุบนเขาสูงที่มีเอกลักษณ์พิเศษจำเพาะ ที่มีเพียงแห่งเดียวของประเทศ เป็นถิ่นอาศัยของพืชสัตว์เฉพาะถิ่นหายากหรือมีสถานะภาพใกล้สูญ หากมีการสร้างหอดูดาวขึ้นในบริเวณยอดดอย ระหว่างก่อสร้างและเมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะมีกิจกรรมที่ต้องใช้น้ำอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อระดับน้ำใต้ดินและน้ำในพรุอ่างกา ทำให้ระบบนิเวศที่ประสพปัญหาอย่างหนักอยู่แล้วในปัจจุบัน เสื่อมโทรมลงไปอีกจนอาจเกินแก้ไข
แน่นอนต้องสูญเสียพื้นที่สีเขียวไปอีก และเหนืออื่นใด ยังอยู่ใกล้กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานของพระสถูปของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 7 อันเป็นที่เคารพสักการบูชาของชาวล้านนา จึงไม่สมควรก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นควรจะพิจารณาที่อื่น
การก่อสร้างโดยเฉพาะการปรับพื้นที่และการวางฐานราก ตอกเสาเข็มจะก่อให้เกิดมลพิษทางเสียง ฝุ่น และขยะ มีผลกระทบต่อสัตว์ป่า และนกเฉพาะถิ่นที่อาศัยบริเวณยอดดอย
ในด้านความเหมาะสมในเชิงดาราศาสตร์ แม้จะตั้งอยู่บนจุดสูงสุด ซึ่งเอื้อกับทัศนวิสัยที่ดี ณ จุดจอมฟ้า แต่มีต้นไม้ใหญ่โดยรอบจึงไม่สามารถเห็นท้องฟ้าได้เป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้ จุดที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับสถานีเรดาห์ของกองทัพอากาศ ซึ่งมีการเปิดไฟสว่างไสวทั้งคืน ย่อมมีมลภาวะทางแสง (ambient light) รบกวน
มีเห็นความสำคัญของดาราศาสตร์และสนับสนุนให้มีการจัดตั้งหอดูดาวแห่งชาติของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ เพื่อความก้าวหน้าทางดาราศาสตร์ของไทยและของโลก หากแต่ใคร่ขอพิจารณาทางเลือกพื้นที่ในการก่อสร้างที่เหมาะสมในบริเวณอื่นใกล้เคียงแทน อาทิ เช่น พื้นที่โล่งใกล้ กม. 42 บริเวณดอยผาตั้ง และเส้นทางขุนวาง หรือที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ. พิษณุโลก ที่อาจมีระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลต่ำกว่าเล็กน้อย แต่มีผลกระทบเสียหายต่อระบบนิเวศน้อยกว่าในระยะยาว
ข้อมูลจาก (สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติล้านน)
สำหรับการเสวนาในวันนี้จะมาเล่าให้ฟังในวันหลัง ...หนุกหนาน
จะบอกให้
มีเรื่องน่าสนใจมาฝากอีกหนึ่งค่ะ
ไปกินอาหารบ้านฉัน และไปคุยกันเรื่อง กินอยู่อย่างไรไม่ให้หมด จริง ๆ ไมได้พูดเล่นไปนอาหารบ้านฉัน (ฟรี)
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ.....
อาหารบ้านฉัน
หนังสือเล่มน่ารัก ๆ ที่บอกว่าที่บ้านฉันกินอยู่อย่างไร อาหารของฉันไม่ได้อยู่ในตลาดเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในซุปเปอร์มาร์เกต แต่อยู่ที่หลังบ้านของฉันเอง
อาหารบ้านฉัน เป็นหนังสือของ ปวีณา พรหมเมตจิต เยาวชนบ้านแม่เหียะใน นักศึกษาสถาบันราชภัฎ เชียงใหม่
มีพี่ผู้ร่วมดูแลหรือผู้ร่วมทำงานด้วย คือ ธนภูมิ อโศกตระกูล เป็นคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านอาหาร
เขาเล่าว่า
ได้เข้ามาเที่ยวในแม่เหียะใน เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้ไปเที่ยวที่นั่นบ่อย ๆ และได้รู้จักกับปวีณา พรหมเมตจิต ได้ทำกับข้าวกินกัน
เมื่อรู้ว่าปวีณา เรียนคหกรรม ก็เลยชวนให้น้องรวบรวมสูตรอาหารของหมู่บ้านที่เกิดที่กินมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยและเขียนขึ้น ในระหว่างทำมีแม่ มีผู้ใหญ่หลาย ๆ คนในหมู่บ้านพวกป้า ๆ น้า ๆ มาชวนทำช่วยชิมและเล่าเรื่องอาหารต่าง ๆ เช่น ปวีณา ไม่เพียงแต่ยืนยันในศักดิ์ศรีและปัญญา เธอยังพยายามจะบอกว่าอาหารไม่ได้มาจากตลาดหรือซุปมาร์เกตและไม่ได้มาจากการเพาะปลูกเท่านั้นแต่เป็นของขวัญของธรรมชาติ
และบอกว่าแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์นี้อาจจะถูกทำลาย เพราะจะถูกแปรเป็นแหล่งท่องเที่ยว การสูญเสียผืนดิน สูญเสียน้ำ เป็นเสียงเล็ก ๆ ของเด็กที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ปวีณาอยู่ที่บ้านแม่เหียะในมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด บ้านเธออุดมสมบูรณ์ เธอเดินขึ้นเขาลงห้วยเก็บเห็ด เก็บหน่อไม้ มาตั้งแต่เล็ก การเขียนหนังสือเล่มนี้นอกจากเป็นคำบอกเล่าเรื่องอาหารของบ้านเธอแล้ว เธอยังร้องขออยู่กลาย ๆว่า ขอแหล่งอาหารไว้ให้บ้านฉันเถอะ
เพราะเมื่อสองปีที่ผ่านมามาโครงการต่าง ๆ เข้ามาในหมู่บ้านแม่เหียะในซึ่งกระทบต่อแหล่งอาหารของหมู่บ้าน
เรื่องราวในสูตรอาหารของเธอ ควบคู่ไปกับเรื่องเล่าในสังคมหมู่บ้านที่เธออยู่ได้อย่างกลมกลืน เช่น ชีวิตผู้คนผูกพันอยู่กับป่าหลังบ้าน การทำมาหากินของคนในชุมชน ความรักในท้องถิ่นของตัวเอง ความสุข ความทุกข์และความหวัง
ท้ายที่สุด เธอชวนเชิญไป กินข้าวที่บ้านและบอกว่า บ้านเธอนั้น กินอยู่อย่างไรก็ไม่หมด
เชิญมาอีกครั้งคะ วันที่ 21 นะคะ ไปกินอาหารของชาวแม่เหียะฝีมือป้าดวนและน้องปวีณา อาหารเมือง เช่นส้าผัก ไข่ปาม คั่วแคกบ มอบปู๋ ข้าวหลาม เป็นต้น
ปวีณา พรมเมตจิต "อาหารบ้านฉัน"
Create Date : 17 ธันวาคม 2550 |
|
20 comments |
Last Update : 20 ธันวาคม 2550 13:58:51 น. |
Counter : 1849 Pageviews. |
|
|
|