|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้ถามหาคนยากไร้
1.
เพื่อนของฉันบอกว่า เขาไม่ใช่คนปรกติธรรมดา
ฉันมองหน้าเพื่อนอยากแปลกใจ และไม่พอใจเล็กน้อย อะไรทำให้เพื่อนคิดกับเขาเช่นนั้น
คนปรกติธรรมดาที่ไหนเขาจะทำตัวอย่างนั้น คนปรกติที่ไหนจะทำความดี ทำบุญได้ทุกอาทิตย์ ยิ่งในยุคสมัยนี้ด้วย ไม่มีใครเขาทำกันหรอก โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ ใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงตัวเองก่อน
รอให้ฉันมีเงินก่อนแล้วฉันจะช่วยเขา หรือไม่ก็รอให้ฉันถูกหวยก่อน คำพูดเหล่านี้เรามักจะได้ยินอยู่เสมอ ได้ยินจนชาชิน และกลายเป็นคำพูดที่ไม่จริงจัง ตัวฉันเองก็เคยพูด และไม่เคยมีวันนั้น แค่เขามาเป็นเพื่อนเราก็ไม่ธรรมดาแล้ว อันดับแรก เขามีอาชีพเป็นตำรวจ เขาเป็นเพื่อนคนเดียวที่มีอาชีพนี้ ธรรมดาคนอาชีพนี้จะไม่ได้คบหาสมาคมกัน ไม่ได้รังเกียจนะคะกลัวค่ะ มันกลัวฝังใจมาตั้งแต่เล็ก
ตอนเด็ก ๆ ฉันอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่เรียกตำรวจว่า นาย ที่บ้านก็ชอบขู่ว่า อย่าร้องไห้นะนายมา อย่าดื้อนะนายจะจับ ( ขึ้นชื่อว่านายน่ากลัวมาก เอาหลอกเด็กได้ว่างั้นเถอะ )
เขาเป็นตำรวจที่ช่วยเหลือประชาชน ชอบช่วยเหลือคนทุกข์ยาก แนะนำตัวเช่นนี้ก็ไม่เห็นจะผิดปรกติตรงไหนมันเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว ที่จะต้องช่วยเหลือประชาชน เป็นหน้าที่โดยตรง
ถ้าเช่นนั้นฉันจะแนะนำตัวเขาใหม่ เขาเป็นตำรวจ...วันหยุดแทนที่เขาจะไปทำงานพิเศษ เฝ้าร้านทอง เฝ้าผับ หรือเฝ้าร้านสะดวกซื้อ แต่เขาเลือกที่จะเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ที่มีคนทุกข์ยาก คนพิการ เพื่อช่วยเหลือ แบ่งปัน เขาแบ่งเงินของตัวเอง ไปให้คนอื่นที่ทุกข์ยากกว่า แม้ว่าจะมีน้อย เขาก็ยังแบ่งให้ เดือนละห้าร้อยบาทพันบาท
คำถามก็คือว่าอะไรที่ทำให้เขาทำเรื่องเช่นนี้
ฉันเชื่อว่าชีวิตคนไม่ได้มาพร้อมกับความดีหรือเลวตั้งแต่กำเนิด หรือมีเวรกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฉันเชื่อว่าความดีความเลวเกิดขึ้นภายหลัง เช่นเดียวกับเวรกรรมอันมาจากการกระทำ แต่อาจจะไม่ใช่เราเป็นผู้กระทำเสียทีเดียว อาจจะได้ผลพวงมาจากสิ่งอื่นผู้อื่นกระทำด้วย
2 เขาชื่อจ่าจินต์ (จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ) อยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลายคนอาจจะรู้จักเขาจากรายการโทรทัศน์ หลายรายการที่นำเสนอชีวิตเขา แต่วันนี้เรามารู้จักกับเขาจากงานดอกเสี้ยวบานบนดอยสูง ที่ดอยหลวงเชียงดาว
ฉันชวนเขาเดินทางมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อน ฉันบอกเขาว่า ดอกเสี้ยวจะบานเต็มดอยหลวงในช่วงนี้ ช่วงที่ผู้คนพูดถึงเมืองเชียงใหม่ว่าเต็มไปด้วยหมอกควันไม่มีใครอยากมาเยือนเชียงใหม่ พวกเขาพากันลืมดอกไม้ที่บานในหน้าร้อน เขาเล่าว่า เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน (เหมือน ๆ กับคนยากจนอื่น ๆ มากมายในประเทศนี้) และมีพ่อพิการ แต่ดูเหมือนเขาจะโชคดีที่มีครอบครัวที่น่ารัก มีแม่ที่คอยดูแลพ่อ และแม่จะคอยสอนให้เขาเป็นคนดี เขาอยากจะให้พ่อมีรถเข็นสักคันแต่พ่อไม่มีโอกาส นั่นเป็นเรื่องความทุกข์ยากเบื้องต้น ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากช่วยเหลือคนพิการ
พ่อผมพิการนั่งขายหวยถูกตำรวจอุ้มไปทั้งเก้าอี้ จ่าเล่าว่าเป็นภาพติดตาเขาและบอกกับตัวเองว่าจะเป็นตำรวจให้ได้ แต่เมื่อเป็นตำรวจ เขาเป็นตำรวจที่มีหนี้สินมากมายจากการไปค้ำประกันให้คนอื่นและต้องใช้แทน และจากการกู้หนี้ยืมเงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสูง เพื่อมารักษาพ่อ วันนั้นเขามอบบันทึกสั้น ๆ ให้ฉันอ่าน หัวเรื่อง เขียนว่า กรรมดี ฉันเปิดอ่านที่ละหน้าและมาหยุดลงตรงประโยคที่ว่า ที่ฉันช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ ฉันไม่หวังสิ่งใดตอบแทนจากเธอ สบายใจได้ แต่ฉันขออย่างเดียวขอให้เธอเป็นตำรวจที่ดีอย่ารีดไถประชาชนที่ไม่มีความผิด
นี้เป็นประโยคหนึ่งจากบันทึก ของตำรวจไทย เขาบันทึกไว้ เมื่อครั้งเขาได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่งจากต่างประเทศ อ่านแล้วมีความสุขค่ะ ความสุขแรก มีคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนให้ตัวเองแต่หวังสิ่งตอบแทนให้กับสังคม เขาหวังที่จะมีตำรวจดี ๆ ในเมืองไทย
อะไรทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยากช่วยเหลือใครสักคน เพราะความกตัญญูของเธอ และความดีของเธอ ฉันจึงช่วยเหลือเธอ
นี่เป็นประโยคต่อมาที่แสดงว่าสังคมไทยเรายังให้ความสำคัญต่อเรื่องความดีและความกตัญญู ฉันคิดว่ายังมีผู้คนมากมายในประเทศนี้ที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นตามแต่สภาพที่จะช่วยได้
เธอคนนั้นเป็นมือที่หนึ่งที่หยิบยื่นมาให้ และนำไปสู่มือที่สองสามสี ฉันนำเรื่องนี้มาเล่า ไม่ใช่เพียงเพื่ออยากเห็นคนในสังคมช่วยเหลือเกื้อกูลกันเท่านั้น แต่คิดถึงหลาย ๆ คนที่ท้อแท้ในการทำความดี หรือระแวงต่อความดี เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า คนอย่างฉันทำคุณกับใครไม่ขึ้น หรือทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป อะไรทำนองนี้อยู่เสมอ อ่านเรื่องนี้แล้ว จะทำเรามองโลกในมุมมองใหม่ มุมที่ทีความรักนำทาง
> 3
เมื่อคนเราหมดหนทางก็จะหาทางออกให้กับตัวเอง บางคนหาทางออกด้วยการทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองรอด แม้แต่ทำผิดกฎหมาย รีดไถผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น แต่บางคนเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง
ในวันที่เขาหมดใจ เขาคิดจะฆ่าตัวตายด้วยปืนของเพื่อนที่ไปยืมมา แต่ในที่สุดเขารอดด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง ในขณะที่เขาเตรียมตัวจะฆ่าตัวตาย เขาหันไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งโชคดีที่เขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน และเขาพบ คอลัมน์ช่วยเหลือคนยากจน เขาจึงเขียนเรื่องราวของตัวเองไปยังนิตยสารเล่มนั้น
ในส่วนตัวของฉัน เรื่องราวของเขา ทำให้ฉันภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเอง อาชีพที่เกี่ยวกับหนังสือและการเขียน การอ่าน เพราะตำรวจคนนี้เขารอดเพราะหนังสือ
หลังจากที่เขาเขียนจดหมายไปยังหนังสือเล่มนั้น ได้สองสัปดาห์ เขาได้รับจดหมายเป็นกำลังใจมากมาย และได้รับการช่วยเหลือด้านการเงิน จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำธุรกิจที่ประเทศฮ่องกง เธอกลับมาเมืองไทยมาหาเขาที่สถานีตำรวจ เธอเชื่อว่าเรื่องราวที่เขียนไปเป็นเรื่องจริง เกือบหกหมื่นบาทเธอชำระหนี้สินให้ และพี่อีกคนที่ออสเตรเลียช่วยเหลือด้วยเงินสี่หมื่นบาท
เขาจึงสัญญากับตนเองว่า จะเจียดเงินเดือนของตัวเองช่วยเหลือใครก็ได้ เหมือนที่คนอื่นหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรา
เขาออกเดินทางช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากจาก เกือบทุกที่เกือบทุกจังหวัดในวันหยุดราชการ เขาแบกเป้เดินทางไปช่วยเหลือใคร ๆ ไปทั่ว
จากมือที่หนึ่งเป็นสองสามและนับสิบ และเขายังไปขอเปิดเขียนคอลัมน์ในหนังสือเล่มหนึ่ง เพื่อให้คนที่ทุกข์ยากเขียนจดหมายเข้ามา นอกจากเขาจะไปช่วยเหลือเองแล้วเขายังเป็นสื่อที่ให้คนที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นไปพบและช่วยเหลือกันเองด้วย
12 ปีกับการแบกเป้ตะรอนทัวร์ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในผืนแผ่นดินไทย และเขียนคอลัมน์เล็ก ๆ เป็นสะพานบุญเป็นตัวเชื่อมให้ผู้อ่านส่งความช่วยเหลือ โดยเอาชื่อยศตำแหน่งของตนเองเป็นการยืนยัน ว่าครอบครัวนั้นครอบครัวนี้โรงเรียนนั้นโรงเรียนนี้ วัดนั้นวัดนี้ชมรมนั้นชมรมนี้เดือดร้อนลำบาก และน่าช่วยเหลือจริง ๆ ให้ส่งความช่วยเหลือโดยตรงได้เลยครับ ผมไปเยี่ยมและได้ไปดูมาแล้ว
บางครั้งเขาถูกตั้งคำถามว่า ทำไมไม่สอนให้เขาปลูกผัก หาปลา แทนที่จะช่วยแบบให้เปล่า เขาบอกว่า คนที่เขาไปช่วยบางคนหยิบช้อนกินข้าวเองยังไม่ได้ บางคนอยู่กันสามคน คนหนึ่งแกมาก ๆ อีกสองคนพิการ แล้วจะสอนอาชีพให้เขาได้อย่างไร
คำเท่ ๆ สั้น ๆ ของจ่าจินต์คือ การเป็นผู้รับต้องรอ แต่การเป็นผู้ให้เราทำได้เลยและสุขกว่า
ว่าไปแล้ว การดูแลช่วยเหลือกันนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย ที่มีมาช้านานแล้ว แต่ยุคสมัยใหม่ที่เราต่างเร่งรีบและสนใจอยู่กับปัญหาของตัวเอง จนเราลืมดูคนอื่น และคิดว่า การทำความดี การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเรื่องของคนไม่ธรรมดา คนไม่ปรกติ ซึ่งความจริงแล้ว เป็นเรื่องของคนปรกติ.
คอลัมน์ เริงรำไปใต้แสงตะวัน กุลสตรี ปักษ์แรก เมษายน2552
เบื้องหลังการทำงาน สถานที่ หุบเขาผาแดง เชียงดาว ภู เชียงดาว สัมภาษณ์ จ่าจินต์ แพรจารุ เก็บข้อมูล
Create Date : 22 มิถุนายน 2552 |
|
8 comments |
Last Update : 22 มิถุนายน 2552 13:28:35 น. |
Counter : 1524 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แม่ไก่ 22 มิถุนายน 2552 10:55:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 23 มิถุนายน 2552 18:27:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 26 มิถุนายน 2552 7:34:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 27 มิถุนายน 2552 0:29:35 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปะการัง (ชบาฉาย ) 27 มิถุนายน 2552 2:56:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ็มมี่ 6 กรกฎาคม 2552 8:31:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ชอบคำพูดนี้จังเลยค่ะ...
การเป็นผู้รับต้องรอ แต่การเป็นผู้ให้เราทำได้เลยและสุขกว่า
จริงเสียยิ่งกว่าจริง
แต่หลายคนกลับชอบแต่จะเป็นผู้รับแล้วอิดออดที่จะ"ให้"