แล้วก็มาถึงวันแต่งงานซักที
แต่งกันมานาน ถ้าท้องลูกก็คงใกล้คลอดแล้ว.. เว่อร์อีก พึ่งมีโอกาส อย่าเรียกว่า โอกาสเลย เรียกว่า พึ่งมีอารมณ์เบียดเบียนการเล่นเกม เอ้ย การทำงานมาเขียนบล๊อค
หลายครั้งหลายคนคงสงสัยว่าเขียนไปทำไม เขียนให้ใครอ่าน คำตอบคือ ใครอยากอ่านก็อ่าน ใครไม่อยากอ่านก็ปิดไป เขียนไว้ เวลาตัวเองกลับมาอ่าน แล้วก็นึกอเมซิ่งใจว่า เออ กุก็ทำไปได้นะ
บล๊อคนี้ยาวมาก รูปเยอะมาก โหลดนาน ใครเน็ทเครือข่ายเมาะตะมะ ก็ต้องอดทนนิดนึง ขี้เกียจแยกเป็น 2 บล๊อค เพราะไม่รู้ว่าอารมณ์จะมาอีกเมื่อไหร่นั่นเอง
อย่างที่เคยเขียนไว้ว่า ทางฝ่ายแม่สามีอยากให้จัดงานเดือน 4 และด้วยความจำกัดด้านสถานที่ ทำให้ฤกษ์แต่งงานที่ดีมีได้วันเดียวคือ วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554
แวะเอาของมาวางกะลองวางเลย์เอาท์รูปกะของตกแต่งงานก่อนหนึ่งวันแล้วก็ขนกลับไปไว้ที่ห้องที่จะใช้แต่งหน้าตอนเช้าเหมือนเดิม เพราะฝนทำท่าจะตก
วันงานก็ตื่นกันตั้งกะตี 3 เพื่อไปแต่งหน้าที่สถานที่จัดงานตอนตี 4 แล้วด้วยสถานที่จัดงานมีต้นไม้เยอะ ห้องแต่งตัว จึงเต็มไปด้วยยุง กว่าช่างแต่งหน้า กว่าเจ้าสาวจะพร้อม ก็ตบยุงกันจนเหนื่อย เจ้าสาวก็แต่งหน้าไป เจ้าบ่าวก็ทำผมรอไป แม่เจ้าสาวก็ทำสวยไป
ตี 5 พ่อแม่สามีและข้าวของ จานชามช้อน ของกินเล่น (เช่นซาลาเปา ???) น้ำดื่มจึงมาถึง เจ้าบ่าวที่ทรงผมหล่อแล้วก็ต้องไปยกของ ไปจัดข้าวของ เหงื่อแตกซก ผมยุ่งงเหมือนเดิม - -"
เกือบ 7 โมง เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการจัดงานก็มาตามให้ไปไหว้เจ้าที่ แต่เจ้าสาว เจ้าบ่าวยังไม่เสร็จ หมายถึงแต่งหน้าทำผม คิดอาร๊ายยยยยย (ใครคิดกันแน่) ข้างนอกพร้อมแล้วแต่ข้างในไม่พร้อม - -
ฤกษ์ 7 โมง พิธีสงฆ์กำลังจะเริ่ม เจ้าหน้าที่มาตามให้ไปรับพระที่บันไดเรือนไทย แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยังไม่เรียบร้อย จนพระขึ้นบ้านไปแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวตาลีตาเหลือกขึ้นเรือนไทยไป
ตรงที่ประกอบพิธีร้อนมาก เพราะว่า พัดลมไม่ได้เปิด คุณชายผู้ใหญ่ยักษ์ถึงกับเหงื่อแตกพลั่กเพราะใส่สูท กางเกงที่เปรี๊ยะมาก หลวงพี่ถึงกับบอกว่า โยมนั่งให้สบายเถอะ คงเห็นว่าคุณชายลำบากอยู่ไม่น้อย ไหว้พระกราบพระ สวดมนต์ตามมัคทายก ใส่บาตรพระพุทธรูป ใส่บาตรพระ ถวายอาหารเช้า
จบพิธีสงฆ์ช่วงแรก พระฉันท์ 15 นาที เจ้าหน้าที่เลยมาตามให้ไปไหว้เจ้าที่ซึ่งเป็นองค์พระพิฆเนศวร หลังจากที่ตอนเช้าไหว้กันไม่ทัน แป่ว!!
หลังจากนั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็มีเวลาฉันท์เช้า เอ้ยย ทานอาหารเช้าด้วย แต่บอกตรงๆว่า กินไม่ลงกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าตื่นเต้น หรือ ง่วงนอนกันแน่ ก็เลยเตร็ดเตร่ถ่ายรูปกะวงศาคณาญาติ เพื่อนพ้องไปเรื่อยๆ
ทักทายคนมาร่วมงานซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่คนสนิทๆกันทั้งนั้น ถ่ายรูปพอหอมปากหมอคอ ก่อนที่จะไปรับพรพระ พระสงฆ์ก็ประสาทพร เจิมหน้าผากให้ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล ถวายปัจจัย บนบ้านเรือนไทย
พิธีสงฆ์เสร็จเรียบร้อยก็รอฤกษ์หมั้นตอน 9.09 น. ก็ยังพอมีเวลาเมาธ์มอยกันอีกนิดหน่อย ซึ่งตัวฤกษ์พิธีนั้น ทางเราเป็นฝ่ายกำหนด แต่ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ดูแลจัดงาน จะเป็นคนคอยจัดการให้เป็นไปตามฤกษ์นั้น โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยบอกเราเป็นระยะๆว่าต่อไปจะต้องทำอะไรบ้าง และมีพิธีกรที่น้ำเสียงไพเราะ และ หน้าตาน่ารักม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก คอยบอกคนในงานด้วย
ระหว่างพิธีสงฆ์ตอนเช้าจนมาถึงช่วงรอฤกษ์หมั้น แขกก็จะได้ลิ้มรสข้าวต้มและน้ำสมุนไพร ที่อยู่ในแพคเกจงานเช้า ที่แขกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อยมากกกก และน้ำผลไม้ ซึ่งทุกคนก็บอกว่า อร่อยมากเช่นเดียวกัน ใครจัดงานที่บ้านก้ามปูอีก ช่วยเชิญชาย่าด้วย อยากไปกินข้าวต้มและน้ำเสาวรส เพราะวันงานตัวเองยังไม่ได้ชิม
นอกจากข้าวต้มและน้ำสมุนไพรแล้ว ทางฝ่ายพ่อแม่สามี ก็ได้เตรียม ซาลาเปา 200 ลูก น้ำเปล่า น้ำอัดลม เบียร์ ไอติม ก๋วยจั๊บน้ำข้นสำหรับ 100 ท่าน และ ข้าวมันไก่สำหรับ 100 ท่าน ที่มาทำให้กินกันสดๆในงานบริการเสริมอีกด้วย เพราะถือคติที่ว่า พิธีไม่ต้องเยอะ แต่ต้องเลี้ยงแขกให้อิ่ม ไม่ใช่แค่พอ แต่ต้องให้เหลือกิน
เมื่อใกล้ถึงฤกษ์หมั้น แห่ขันหมาก เจ้าหน้าที่จะมาตามให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปเตรียมตัว เจ้าบ่าวเตรียมไปอยู่ในขบวน เจ้าสาวจะถูกขังอยู่ในบ้าน รอให้แม่เจ้าสาวออกมารับไปเจอผู้ชาย มีการกั้นประตูเงินประตูทองด้วย ไม่ได้อยากทำเพื่อให้ตามประเพณีแต่อย่างใด แต่อยากให้ลูกเล็กเด็กแดงได้มีอะไรทำกันสนุกๆ จากประสบการณ์การไปงานแต่งอันน้อยนิด ก็เห็นเค้ากั้นประตูกันเป็นสิบ แต่ที่นี่เค้าบอกว่า ตามพิธีจริงๆ เค้าให้กั้นแค่ 3 ประตู คือประตูเงิน ประตูทอง ประตูนาค (ความรู้ใหม่!!)เพื่อนๆชาย่าก็เก้อกันไป ต้องขออภัยจริงๆ
งานแต่งงานของตัวเองนั้น ง่ายๆไม่มีอุปกรณ์ประกอบพิธีมากมายอะไรเลย ไม่มีต้นกล้วย อ้อย ไม่มีพานขันหมาก ไม่มีพานสินสอด ไม่มีพานของหวาน มีแต่พานธูปเทียนแพเท่านั้น เพราะหลังจากที่ได้คุยกันภายในครอบครัวแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า หลังจากงานของพวกนี้ก็ต้องทิ้ง แล้วพวกอาหารก็ต้องมานั่งขย้อนลงท้องกันเองในครอบครัว เพราะฉะนั้น อย่าเอาให้มันเปลืองเลยดีกว่า
ระหว่างที่เจ้าสาวนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ งงๆ เบลอๆ อยู่ในบ้าน ข้างบนเรือนไทยก็ทำการสู่ขอตามพิธีกันอยู่ มีแค่แหวนหมั้น สร้อยคอ ส่วนสินสอดนั้น ได้ซื้อขายโอนผ่านธนาคารกันในทางลับแล้วเรียบร้อย
ว่าด้วยเรื่องทองหมั้น ทางฝ่ายแม่สามีบอกว่าจะให้ คอและแขนอย่างละ 1 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้นทางแม่สามีได้บอกแล้วว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงได้เป็น10 บาท แต่นี่ทองแพงเหลือเกิน แต่ด้วยความฉลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงบอกแม่สามีไปว่า ขออย่างละ 50 สต. 1บาท มันเส้นใหญ่ไม่กล้าใส่
คุยสู่ขอ บอกราคาค่างวดกัน พอให้ดูเหมือนพีธีแต่งงานซักหน่อย ทางแม่เจ้าสาวก็พยักเพยิดว่าโอเคพอใจ ให้สมบทบาท แม่เจ้าสาวก็ลงมารับตัวเจ้าสาวออกจากห้อง
ไปเจอผู้ชายบนบ้านเรือนไทย เจ้าบ่าวยื่นดอกไม้ช่อแรกในชีวิตให้เจ้าสาวด้วยอาการขวยเขินเล็กน้อย ส่วนเจ้าสาวก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มองหน้าเจ้าบ่าวด้วยคำถามว่า จะเขินทำไม
แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็มานั่งประจันหน้ากับผู้ใหญ่ กราบหนึ่งที หลังจากนั้นแม่เจ้าสาวก็เปิดของหมั้น ซึ่งพอมาถึงตอนนี้ก็ไม่รู้เลยฤกษ์หมั้นกันไปรึยัง 55555
แล้วเจ้าบ่าวก็ทำการสวมแหวนให้เจ้าสาวที่นิ้วนางข้างซ้าย เจ้าสาวกราบที่ตักหนึ่งครั้ง จากนั้นเจ้าบ่าวก็สวมสร้อยคอให้เจ้าสาว แล้วเจ้าสาวก็กราบอีกหนึ่งครั้ง
ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าสาวบ้าง สวมแหวนให้เจ้าบ่าว ชั่ววินาทีที่สวมแหวนนั้น ช่างงดงาม น่าประทับใจ ช่างภาพก็ตะโกนว่าสวมช้าๆครับ สวมช้าๆ แหวนค่อยๆเคลื่อนเข้านิ้วเจ้าบ่าวไป หลังจากนั้นมีเสียงมาปลุกให้จิตตื่นจากภวังค์ว่า สวมที่นิ้วข้างซ้ายค่ะพี่ (เสียงเจ้าหน้าที่ดูแลงาน)
แล้วเจ้าบ่าวจะยื่นนิ้วข้างขวามาให้ใส่ทำไมวะคะเนี่ย ตื่นเต้นจนลืมข้างขวา ข้างซ้ายเลยใช่มั้ย ฮ่วย!!! ฿&*#()?<*$^&
หลังจากสวมแหวนเสร็จ ก็มีเสียงตามมาว่า หอมเลย หอมเลย ๆๆ ไอ้เราก็อยากตะโกนกลับไปว่า พริก กระเทียม กะปิ ด้วยมั้ย ก็มิกล้า
เจ้าบ่าวก็งกๆเงิ่นๆ ลังเลๆ ไม่รู้ลังเลอะไร ทำยังกะไม่เคย - -" ถึงแม้ชาย่าจะลีลาดี แต่ไอ้ลีลาเยอะเนี่ยก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน ก็เลยทำท่าจะหอมก่อนเลย แล้วก็มีเสียงหลานน้อยตะโกนออกมาว่า น้าส้มไม่อายเลยอ่ะ แป่ว!! บางทีก็ลืมว่าจริงๆแล้ว เราน่ะกุลสตรีไทย
แล้วก็ชักภาพครอบครัวกันซักเล็กน้อยยยย
โชว์หลักฐานว่าต่อไปนี้เราจะได้กันแบบถูกกฎหมายแล้ว
ต่อไปก็เข้าสู่พิธีไหว้ผู้ใหญ่ เพื่อขอซอง เอ้ยยย ขอพร ซึ่งของรับไหว้ก็ถูกควักมาใช้ในตอนนี้ ในงานแต่งงานชาย่า ไม่มีไหว้พ่อแม่แต่อย่างใด เพราะไหว้อยู่แล้วทุกวันที่บ้าน สมบัติก็คงจะไม่หลุดหนีไปไหน ก็ข้ามมาที่ญาติทั้งหลายเลย ขอบอกว่า ขั้นตอนนี้นานมาก นานมากๆ เพราะญาติเยอะ เมื่อยก้น เหนื่อย เพลียเลย
งานแต่งของใครงานต่อๆไป ชาย่าไม่ขออยู่ในช่วงนี้ ให้ไปล้างจาน เทปูนก็ได้ แต่ขอข้ามช่วงไหว้ผู้ใหญ่ไปละกันค่ะ
และระหว่างพิธ๊ไหว้ผู้ใหญ่ ก็ปรากฎแขกเซอร์ไพรซ์เข้ามาในงาน ไม่คิดว่าพี่เค้าจะมาได้ เพราะเป็นวันธรรมดา อีกทั้งเราก็ลูกตาสีตาสา ไม่มีราคาค่างวดอะไรให้เค้ามาใส่ใจด้วยซ้ำ แต่พี่เค้าก็ให้เกียรติอย่างสูง มาในงานนี้ ก็ต้องขอบพระคุณจริงๆค่ะ เป็นใครนั้น ส่องเอาในรูปได้เลยค่ะ
แล้วเพื่อให้เกียรติพี่เค้า พิธ๊การเลยต้องปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ระหว่างที่ชาย่าไหว้ผู้ใหญ่ไป ก็ต้องคุยงานกะเจ้าหน้าที่ไปด้วย เพราะในตอนแรกยังไม่มีประธานคล้องพวงมาลัยกะสวมมงคลคู่ เลยใส่ชื่อพี่เข้าไปแบบไม่ถามไถ่พี่เค้ามาก่อน เครียดทั้งประธานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยทีเดียว
ไหว้ผู้ใหญ่เสร็จก็เข้าสู่พิธีรดน้ำสังข์ ตามฤกษ์คือ 10.09 น. แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่รู้ว่าตามฤกษ์ไหม เพราะไหว้ผู้ใหญ่นานมาก แล้วก็ฉุกละหุกหลายอย่าง ประธานในพิธ๊ก็อย่างที่บอกไปค่ะ
จากนั้นก็ตามด้วยพ่อแม่ ญาติ เพื่อน ใครใคร่มารดก็มาค่ะ แต่ถ้าใครมา ก็จะได้ของชำร่วยด้วย เพราะว่าแจกของชำร่วยหลังรดน้ำเสร็จ
เป็นอันว่าเสร็จพิธีได้กัน เอ้ย แต่งงาน ก็ต้องถ่ายรูปให้ระทึกกันไปชั่วลูกชั่วหลาน
จากนั้นเจ้าสาวก็มาเริงร่าท้าลมร้อนอยู่ข้างล่างกะเพื่อนๆ เจ้าบ่าวก็ไปขนของไปส่งเพื่อน ส่งญาติ ซึ่งฝ่ายเจ้าสาวก็มิได้รู้สึกรู้สาอะไรแต่อย่างใด ยังคงร่าเริงกันต่อไปจนกว่าเพื่อนตัวเองจะกลับ
งานแต่งงานของชาย่าไม่มีพิธีฉลองตอนเย็น เสร็จงานแล้ว มานั่งพิจารณาความรู้สึก ซึ่งชาย่ารู้สึกดีใจมากที่ตัวเองไม่มีงานเย็น เพราะแค่งานเช้าก็เหนื่อยมากๆแล้ว ถ้าถามว่าอยากใส่ชุดเจ้าขาวสีขาวๆสวยๆไหม ตอบแบบไม่ตอแหลว่าต้องอยากใส่อยู่แล้ว แต่ก็อย่างที่บอกไปในบล๊อคก่อนๆว่า นอกจากไม่อยากเสียเงินมาก แล้วมันก็ไม่ใช่งานแบบไทย และเมื่อสิ้นสุดงานเช้าแล้วก็ได้เหตุผลอีกข้อคือ ไม่อยากเหนื่อยแล้ว แค่นี้ก็โคตรเหนื่อย
งานแต่งงานของชาย่าเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ไปกู้ไปยืมใครมาจัด ให้ต้องเป็นหนี้เป็นสินหาเงินมาตามใช้หลังงานแต่ง ก็แค่ทาง ผู้ชายเสียที่นาไปนิดๆหน่อยๆ แค่นั้นเอง 55555
งานแต่งงานในคำจำกัดความของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หลายคู่จะต้องเชิญคนรู้จัก ย้ำว่า คนที่รู้จัก มาร่วมงานทั้งหมด หลายครั้งที่มักจะได้ยินคำบ่นออกจากปากว่า ไม่อยากไปเลย แต่ได้การ์ดเชิญก็ต้องไป
แต่สำหรับชาย่านอกจากจะคำนึงถึงความลำบากของผู้ร่วมงานในการมางานแล้ว ก็อยากให้งานแต่งงานเต็มไปด้วยคนที่เค้ายินดีกะการได้กันของเราจริงๆ ไม่ใช่มาเพราะจำใจมา แล้วก็เอาเราไปนินทาว่า จำใจมา งานไม่ดี งานแย่ อาหาร แล้วก็มาเข้าหู ให้เราเจ้าของงานเสียใจทีหลัง
งานแต่งชาย่าก็เลยมีคนไม่มาก แต่คุณภาพคับแก้วทั้งนั้น แต่จะมีที่จำใจมาเพราะได้การ์ดเชิญหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ก็อย่าให้ได้ยินละกันค่ะ แน่ะ!!มีอาฆาต
ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมางานประกาศว่าได้กันของชาย่า ขอบคุณมีน เพื่อนผู้ที่หิ้วสังขารมาไกลจากลำปาง ขอบคุณตุ๊กตา ไม่ว่าจะห่างหายไปนานแค่ไหน ก็ยังต่อกันติดเสมอ ขอบคุณพี่แอน น้องนัท น้องเปีย น้องนก น้องอิ๋ม น้องตุ๊ก ที่มาช่วยมาร่วมยินดี และมาโดนใช้งาน ขอบคุณน้องโอเปิ้ล น้องอาง ที่ตัวมาไม่ได้ ก็ยังฝากใจ(ในซอง)มาให้ ขอบคุณน้องโม ที่แม้จะติดงานมาไม่ได้ ก็ยังเอาซองที่มีแต่แบงก์ 50 มาให้...(กะให้ใช้ไม่ได้สินะ) ขอบคุณ พี่พิม พี่ก้อย ส้มซ่าส น้องเอ๋ น้องบัว ที่มาร่วมแสดงความยินดีและเฮฮาปาจิงโกะไปด้วยกัน ขอบคุณ พี่อู พี่มะเหมี่ยว พี่ชาย น้องเมย์ ที่ให้เกียรติมางานแต่งงานที่แสนจะธรรมดางานนี้ ขอบคุณ เพื่อน พี่ น้อง อีกหลายๆคน ที่ยินดีไปกับชาย่าใครให้ใจ ก็ได้ใจชาย่าไปเต็มๆทุกๆคนค่ะ ดูเหมือนจะเรียงลำดับไม่ค่อยจะถูก.. แต่เอาเป็นว่า ขอบคุณจากใจไปถึงทุกๆคนค่ะ กราบสวัสดีพี่น้องชาวไทย
Create Date : 30 พฤษภาคม 2554 |
|
15 comments |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2554 20:34:11 น. |
Counter : 9237 Pageviews. |
|
|
|