เมื่อวันที่ 6-10 มีนา แป๋วไปจังหวัดอุบลราชธานีมาค่ะ ไปสัมมนากับที่ทำงาน ก็เลยมีโอกาสได้แวะไปเที่ยวกันด้วย เราออกเดินทางจากกรุงเทพกันตอน 3 ทุ่ม ไปถึงอุบลตอนประมาณ 6 โมงกว่าๆ เข้าที่พักล้างหน้าแปรงฟันแล้วมาทานอาหารเช้า

ที่พักของเราในคราวนี้คือ "อารียา โขงเจียม รีสอร์ท" ที่อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี อาหารเช้ามื้อแรก เป็นบุฟเฟ่ต์ มีก๋วยจั๊บญวน ข้าวต้มทรงเครื่อง ไข่ดาว ไส้กรอก ปาท่องโก๋ ขนมปัง กาแฟ โอวัลติน ให้ทายว่าแป๋วกินอะไรไปบ้าง อิอิ ทายไม่ยากหรอกค่ะ เพราะแป๋วจัดการหมดทุกอย่างเลย ทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เข้าห้องสัมมนากัน พอพักเบรกก็ออกมาถ่ายรูป มาดูบรรยากาศที่รีสอร์ทกันก่อนนะคะ


ท้องฟ้าวันนั้นมืดครึ้ม มีฝนตกปรอยๆ ไม่ร้อนค่ะ





แล้วเราก็เข้าห้องสัมมนากันต่อ จนถึงช่วงบ่ายๆ เราก็ออกไปนั่งเรือล่องลำนำมูลและลำน้ำโขงกัน เรือพาเราล่องไปยังจุดที่จะได้ชมแม่น้ำสองสี ซึ่งเป็นบริเวณที่ลำน้ำโขงและลำน้ำมูลมาบรรจบกัน แต่เนื่องจากช่วงนี้เป้นช่วงน้ำลง จึงไม่สามารถมองเห็นสีของแม่น้ำที่ตัดกันได้อย่างชัดเจน


เกาะกลางลำน้ำมูล


ต้นลำแซง

ภาพด้านบนเป็นเกาะกลางลำน้ำมูล ซึ่งถ้าเป็นช่วงฤดูฝน เวลาน้ำขึ้น เกาะทั้งหมดจะจมอยู่ใต้น้ำ ต้นไม้ที่อยู่บนเกาะก็จมอยู่ใต้น้ำด้วย ต้นไม้ที่มองเห็นอยู่นั้นเรียกว่าต้นลำแซงค่ะ ตอนที่เราล่องเรือผ่านบริเวณเกาะนี้เราเห็นกวางกันด้วย กวางตัวเล็กๆ โผล่หน้าออกมาเยี่ยมชมให้เราได้เห็นกัน แต่เนื่องจากว่าเสียงเรือดังมาก กวางน้อยก็เลยหลบหน้าไป ถ่ายรูปไม่ทัน เราก็เลยสงสัยกันว่า แล้วถ้าเวลาน้ำขึ้น เจ้ากวางย้อย จะไปอยู่ที่ไหนเนี่ยะ ลืมบอกไปค่ะ ว่าเกาะแก่งน้อยใหญ่เหล่านี้ เป็นของประเทศลาวทั้งหมดเลยนะคะ


ฝั่งลาวค่ะ เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก

จากบริเวณแม่น้ำสองสี เราก็จะล่องเรือกลับไปยังเขตแม่น้ำมูลค่ะ เพื่อจะไปยังแก่งตะนะ หรือที่เมื่อก่อนเรียกกันว่า "แก่งมรณะ" ที่เรียกว่าแก่งมรณะนั้นก็เพราะว่า ความเชื่อของชาวบ้านและประชาชนทั่วไปว่า เดิมมาจากคำว่า “มรณะ” เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะนี้มีกระแสน้ำไหลที่เชี่ยวกรากและมีโขดหินใหญ่น้อยอยู่ทั่วไป ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลามักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านจึงเรียกแก่งนี้ว่า “แก่งมรณะ” ตามแรงบันดาลจากสภาพของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งนี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรียกว่า “แก่งตะนะ”


บริเวณแก่งตะนะ




สะพานแขวน ณ ดอนตะนะ

หลังจากที่เราล่องเรือไปแก่งตะนะกันแล้ว เราก็ล่องเรือกลับมายังรีสอร์ท เพื่อจะขึ้นรถไปยังผาแต้ม เพื่อไปดูภาพเขียนสี และไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ผาแต้ม ระหว่างทางไปผาแต้ม เราก็ผ่านเสาเฉลียงก็เลยแวะถ่ายรูปกันนิดหน่อย





แล้วเราก็ขึ้นรถกันต่อเพื่อเดินทางไปยังผาแต้ม พอไปถึงผาแต้มไกด์ก็พอเราไปชมภาพเขียนสี ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินไปดูค่อนข้างจำกัด เพราะต้องรีบกลับขึ้นมาให้ทันดูพระอาทตย์ตกที่ผาแต้ม ตอนเดินลงไปดูก็ไม่เท่าไหร่ เดินกันเรื่อยๆ ดูกันเรื่อยๆ แต่พอขากลับ เหนื่อยมาก วิ่งกันใหญ่ กลัวขึ้นมาไม่ทัน เพราะวันนั้นพระอาทิตย์จะตกตอนเวลา 17.55 น. แต่เราก็ขึ้นมาทันค่ะ








รูปนี้ถ่ายมาฝากคนรักตู้แดงค่ะ

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับที่พัก เย็นวันนั้นอาหารเย็นมีร้องคาราโอเกะกันค่ะ หลังจากที่ผอ. และประธานจัดงานร้องเรียบร้อย แป๋วก็ถูกเชิญเป็นคนแรกเลย อิอิ ถูกผอ.แซวว่า "ให้ร้อง3เพลงนะแป๋ว ไม่ใช่5เพลง" 555+ แต่แป๋วเตรียมเพลงไปแค่2นี่สิ 2เพลงแรก เป็นไปด้วยดี พอเพลงที่ 3 นึกไม่ออก มาล่มเอาเพลงสุดท้าย แย่เลย แล้วก็ผลัดกันขึ้นไปร้องกันจนเกือบครบทุกคน เฮฮาสนุกสนานกันมากมาย พอถึงเวลา5ทุ่มก็ต้องปิดเครื่อเงสียงกันแล้ว แป๋วก็เลยแยกไปนอน เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปลาวในวันรุ่งขึ้น

การเดินทางวันแรกขอจบไว้เท่านี้นะคะ แล้วจะมาเล่าต่อว่าวันที่2เป็นไงกันบ้าง