ธรรมชาติของชีวิต
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
5 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
ธรรมชาติสากล-สติปัฎฐาน 4 ตอนใหม่

สวัสดีวันพระครับ

วันนี้ได้ฤกษ์ต่อ หัวข้อสติปัฏฐาน 4 เวทนานุปัสสนาเสียที

ขอชี้แจงไว้ก่อนครับว่า ส่วนตัวของผม เราจะไม่พูดกันถึงหัวข้ออภิธรรมใดใดนะครับ คุยกันแบบศัพท์ชาวบ้านนี่แหละ เพราะคิดแล้วว่าจำเป็นน้อย แต่รู้ไว้บ้างนิดหน่อยก็ดีครับ เวลาพูดกันในวงกว้างจะได้เข้าใจตรงกัน เพราะว่าการเข้าถึงธรรมนั้น คล้ายกับขี่จักรยานซึ่งทำโดยการอ่านอย่างเดียวไม่ได้ (และก็ไม่ควรด้วย เพราะจะขี่ไม่ได้อยู่เหมือนเดิม... ) ทำนองนี้ละครับ ส่วนจะเรียกเทคนิคการขี่จักรยานอย่างนี้ว่าอย่างไรในทางทฤษฏี ก็ไปหาอ่านกันได้ง่ายครับ เพราะเดี๋ยวนี้พระไตรปิฎกออนไลน์มีค่อนข้างมากแล้วละ

หัวข้อเวทนาวิปัสสนานี้ ในความเข้าใจของชาวบ้านอย่างผม สั้นๆ คือ ความรู้สึกสุข-ทุกข์นั่นเอง

ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ คือ เวลาเรามีความสุขก็ให้มีรู้สึกตัวติดตามความสุขนั้น ว่าเป็นสุขอย่างไร มีอาการอย่างไร มากๆเข้า จนทุกครั้งที่ความสุขเกิดขึ้น เราจะรู้สึกตัวทันที แค่นี้เองครับ

แต่เทคนิคของการเจริญเวทนานั้น กลับอยู่ที่ความทุกข์ครับ ยังงี้ครับ ให้คุณลองนั่งเฉยๆดูสักสิบห้านาทีถึงยี่สิบนาที นั่งเฉยๆนะครับ ท่าไหนก็ได้ที่คิดว่าสบายที่สุด หรือ
ขี้เกียจนั่งจะนอนก็ได้ครับ อย่าหลับก่อนก็แล้วกัน^-^

ดูสิว่าภายในเวลาที่กำหนดคุณพลิกตัว หรือขยับตัวหรือเปล่า กี่ครั้ง-เล็กน้อยแค่ไหน...ก็นับหมดครับ
เมื่อจับความรู้สึกได้แล้ว ให้ทำอย่างนี้ครับ
ให้ฝืนความรู้สึกไว้ก่อนอย่างเพิ่งขยับตัวใดใดเลย
จนกว่าจะเริ่มรู้สึกว่าเมื่อยนะครับ นี่ละครับเวทนา
แต่ใครจะไปตั้งใจเพ่งความเมื่อย หรือ อดทนต่อสู้กับความเมื่อยอย่างไรก็แล้วแต่นะครับ ไม่ว่ากันเพียงแต่หลักสำคัญอยู่ที่ต้องมีสติรู้เวทนาที่ว่ามานี่ละครับ รู้ให้บ่อยๆทั้งทุกข์และสุข ดูซิว่าในชีวิตของเราประจำวันนี่อะไรมันเกิดได้บ่อยกว่ากันระหว่างทุกข์และสุข ลองจดดูก็ดีนะครับ

แค่นี้จริงๆครับ หมวดนี้
ส่วนสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับกายานุปัสสนามากกว่าอื่น

เพราะส่วนใหญ่ก็ใช้ความรู้สึกทางกาย นี่แหละครับมาเป็นเครื่องกำหนดสติ เช่น นั่งสมาธิอยู่รู้สึกเมื่อย ก็อย่าเพิ่งขยับ ดูสักแป็บหนึ่งครับ ว่าความเมื่อยหน้าตาเป็นอย่างไร
หรือนั่ง สมาธิมีความสุข-สงบ ก็พิจจารณาว่าสงบสุขนี่หน้าตามันเป็นอย่างไร มีลักษณะคร่าวๆอย่างไร

ดูหนังก็ได้ครับ ดูแล้วรู้สึกสนุกแบบไหน ต่างกันบ้างไหมกับการดูหนังแต่ละเรื่องที่แตกต่าง รู้อารมณ์ความสนุก
แค่นี้พอครับ สบายๆ รู้ให้มากๆ บ่อยๆก็แล้วกัน
ถ้าจะให้ดีรู้ได้ทุกตอน ทุกซีนเลยครับ ว่าสนุกแค่ไหน
จะเห็นได้ชัดครับว่าแต่ละช่วงนั้นสนุกไม่เท่ากัน
หรือ เมื่อกลับมาดูใหม่ความสนุกย่อมไม่เท่าเดิมแน่ๆ
แล้วให้จำความรู้สึกเหล่านั้นไว้ให้แม่นๆก็พอครับ
แต่ไม่ใช่จำเนื้อหาของหนัง ถ้าดูหนังไม่รู้เรื่องอย่ามาโทษผมนะครับ;-p เอาเป็นว่าช่วงไหนรู้ได้ก็รู้ รู้ไม่ได้ก็ดูหนังไป แค่นี้แหละครับ เทคนิคของหมวดนี้

ที่ผมแนะนำเรื่องการใช้ สติปัฏฐาน4 นี้ เพียงเพราะเป็น
การเข้าถึงความสุขในระยะยาวได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาอะไรเพิ่มเติมเลยครับ ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
แถมยังได้ปฏิบัติธรรมไปด้วย กำไรสองต่อเลยเนี่ย

ส่วนถ้าถามว่าจะรู้ไปทำไม ขอตอบว่าเพื่อให้เรามีสติ
ไม่เผลอเรอทำอะไรไปโดยไม่ผ่านการคิดนะสิครับ
หรือ หากมีทุกข์เข้ามาใกล้ เราก็พอรับมือกับความรู้สึกของตัวเองได้ง่าย เนื่องจากเคยเห็น เคยเจอมาแล้ว คล้ายๆปลงได้ง่ายขึ้นนะครับ แต่อย่าไปบังคับให้มันปลงนะ เข้าใจว่ามันเป็นอย่างนั้นเฉยๆ เดี๋ยวมันปลงของมันได้เอง แค่เจริญสติไว้ให้บ่อยๆเท่านั้นพอครับ

ความทุกข์ก็เข้าหาตัวเราได้น้อยลง หรือ หมดทุกข์ได้เร็วขึ้นในแต่ละเรื่อง เมื่อไม่ทุกข์ก็สุขได้ง่ายเองละครับ
แถมเป็นความสุข เพราะความเข้าใจในสิ่งต่างๆอีกด้วย
ลองดูสิครับ

ป.ล. แต่ไม่ใช่ให้วางใจเฉยๆนะครับ อะไรควรทำก็ทำไปตามปกติทุกๆอย่าง แค่ให้มีสติรู้ก่อนทำเท่านั้นพอครับ


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2549 13:29:14 น. 11 comments
Counter : 444 Pageviews.

 
ครับ
การทำสติปฐานสี่เป็นสิ่งที่ดีมาก
ทำให้ใจเราสงบได้จริง
ทุกข์น้อยลงจริงๆ ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติ
โดยส่วนตัวเคยปฎิบัติแล้วใช้ได้จริงครับ

ว่าแต่ . .. คุณเล่นโกะด้วยหรอครับ


โดย: oneshot (oneshot ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:40:30 น.  

 
สาธุ ขออนุโมทนา


โดย: ป่ามืด วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:16:45 น.  

 
ทุกข์นั้นเห็นง่าย ส่วนใหญ่จึงมักจะดูที่ทุกข์ก่อน เมื่อเจริญสติไปจนเห็นความไม่เที่ยงแล้ว ก็จะเห็นสุขไม่เที่ยงเช่นกัน และเห็นจิตที่เกิดรับรู้ย้ายไปตามทวารต่างๆ (ไม่ทราบว่าแบบนี้จะเข้าข่ายอภิธรรมป่าวคะนี่)

ป่ามืดปฏิบัติโดยเทียบพระอภิธรรม


โดย: ป่ามืด วันที่: 5 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:41:33 น.  

 
จริงแล้วไม่ได้แอนตี้พระอภิธรรมนะครับ ค่อนข้างยกย่องด้วยซ้ำ (ถ้าผมถาม จะได้ช่วยแปลให้ผมฟัง อิอิ)
ซึ่งถ้าใครปฏิบัติได้ผลจริง โดยมีอภิธรรมเป็นเครื่องช่วยอธิบายแล้วดีแน่นอนครับ แต่มีไม่น้อยที่จะขี่จักรยานโดยอ่านเอาเท่านั้น นั่นแหละครับที่น่าหวาดเสียว


โดย: P Q BOY วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:57:42 น.  

 
ไปเที่ยวลอยกระทงที่ไหนมาคะ ขอให้สมหวังดังคำอธิษฐานนะคะ

เห็นด้วยกับคำที่ว่าให้มีสติรู้ก่อนทำมากๆคะ หากเราขาดสติ ไม่ว่าทำอะไรก็ไม่มีความยับยั้งชั่งใจเมื่อทำไปแล้วค่อยมามีสติคิดได้ว่า เออ ที่เราทำไปมันไม่ใช่ มันไม่ถูก แล้วต้องมานั่งทุกข์กับผลที่ได้รับอีก

อันที่จริงการทำสมาธิทุกวิธีก็ดีเหมือนกันหมดนะคะ หากเรารู้สติและปล่อยวางได้มากเท่ามากเพื่อลดความทุกข์และสร้างปัญญาน่ะคะ



โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:48:10 น.  

 
ไม่ได้ไปลอยกระทงครับ วันพระอด(ข้าว)

สมาธิดีหมดทุกวิธีจริงๆ สุดแต่เราจะเลือกมาใช้ประโยชน์ด้านไหนกับชีวิตประจำวันเรานั่นละครับ


โดย: P Q BOY วันที่: 6 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:22:09 น.  

 
โห ถือศีลหรือคะวันพระ เราทำแค่กินเจในเทศกาลคะ ใส่บาตรบ้างถ้าตื่นไหว หลังๆนี่ขี้เกียจเหลือเกินเลย สมาธิก็ทำบ้าง เริ่มจะกลับมาเอาดีแล้วคะทิ้งไปพักใหญ่มัวแต่ออกกำลังกาย เฮ้อ ยังไงธรรมะก็ดีกับทุกคนน่ะคะ

สุขสันต์ทุกๆวันคะ ลมหนาวเริ่มโชยรักษาสุขภาพนะคะ


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:18:13 น.  

 
ไม่ค่อยเข้ามาอ่านขัอคิด-ธรรมมเลยค่ะ(ที่จริงๆเริ่มอ่าน)
รู้แต่ว่าทำไมความสุขเข้ามาแป๊บๆ
ความทุกข์เข้ามาบ่อยๆ ทำใจให้มันผ่านไป
ไม่อยากนึกถึงทุกข์ แต่จำแม่นใครทำอะไรให้ไม่พอใจ
ไม่เป็นไร แต่จะจำไว้ 55 (อ่านแล้ว ดูเลวๆแฮะ)
จะเข้ามาอ่านบ่อยๆนะคะ

แบบว่าการทำสมาธิ ทำยังไงคะ
เห็นว่าทำได้แล้วจะเรียนดีกว่าไม่ทำ
ขอบคุณค่ะ
เริ่มหาประโยชน์ใส่ตัว


โดย: iceji วันที่: 8 พฤศจิกายน 2549 เวลา:5:59:38 น.  

 
คุณ iceji ลืมทุกข์ได้ก็ดีคะ แล้วก็ลืมๆคนทีทำให้เราทุกข์ด้วยก็ดีนะคะ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร หากเรารู้จักให้อภัยสัตว์โลก เราจะยิ่งเป็นสุขมากขึ้นคะ


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 8 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:05:19 น.  

 
ใครทำอะไรให้เราไม่พอใจ อย่าไปจำนานๆครับ
แป็บๆ หายดีกว่านะ เดี๋ยวหน้ามีอายุไปเปล่านา อิอิ

ถามว่า การนั่งสมาธิทำอย่างไร...

จะแบบไหนดีนะ ถ้าแบบนิยมกันก็นี่ครับ
ดูลมหายใจเข้า ดูลมหายใจออก จะใช้วิธีนับลมก็ได้
เช่น 1-5, 1-10 แล้วย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ซ้ำๆ จนกว่าใจจะสงบ

หรือ ถ้าคิดมากจริงๆก็นี่เลย ท่องพุทโธในใจ
ท่องเร็วให้เท่ากับความกลุ้ม จนกว่าจะสงบ
แล้วค่อยๆลดความเร็วลงมาให้พอดีๆ เท่านี้แหละครับ

ไม่ยากแล้วใช่ไหม


โดย: P Q BOY วันที่: 8 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:22:05 น.  

 
ตอนนี้กลุ้มมากคะ สมาธิก็เอาไม่อยู่ หาทางออกไม่ได้ สงสัยต้องนั่งดูใจตัวเองซะแล้วคะ เรื่องยากๆมักเข้าสู่ชีวิต ใกล้ปีใหม่แล้วนะ เฮ้อ


โดย: Lilly (supremeking ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:16:57 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

P Q BOY
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




... 1784 ศูนย์บรรเทาภัยพิบัติ ... ฝากข้อความถึง P Q BOY
Friends' blogs
[Add P Q BOY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.