ทำทุกวันให้มีค่าแล้วชีวิตจะมีแต่ได้กับเสมอตัว~ (・Ω・)ノ(ノω-ヾ) (ゝω´・)b U,,・ω・) ( 'Θ')
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
.....~~สุริยาวาทกรรม ตอนที่๒~~.....

นิยาย #1 สุริยาวาทกรรม
ตอนที่ ๒

ณ สถานเอกอัครราชทูตรังสิภาณุรัฐ ประจำแคว้นอรินทรารัฐ

แสงตะวันทอส่องเข้ามาในห้องทำงานและห้องสมุดส่วนตัวของท่านเอกอัครราชทูตวิสามัญคนใหม่ผู้มีอำนาจเต็มประจำอรินทรารัฐ เผยให้ห้องทั้งห้องสว่างจับตา การตบแต่งที่กระทำด้วยช่างไม้และช่างฝีมือชาวรังสิภาณุรัฐทำให้สถานที่กรุ่นกลิ่นอายของแห่งความเป็นบ้านของผู้มีหน้าที่เป็นตัวแทนประเทศประจำแคว้นอรินทรารัฐ โต๊ะทำงานทางด้านหนี่งของห้องมีร่างสง่าของท่านเอกอัครราชทูตวิกรมนั่งทำงานอยู่ ฉากหลังเป็นตู้หนังสือสีเข้มขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือปกแข็งและวิเทโศบายทางการทูตจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบภายในกรอบบานกระจกแก้วใสฉลุลวดลายตรงขอบอย่างประณีตเป็นตราสัญลักษณ์ประจำรังสิภาณุรัฐ ด้วยโต๊ะทำงานไม้หนาหนักนี้ตั้งบนพื้นยกสูงปูพรมสีม่วงเข้มทอยกดอกสีทองเป็นตราประจำกระทรวงการต่างประเทศรังสิภาณุรัฐ ด้านข้างเป็นหน้าต่างกระจกบานใหญ่จึงทำให้ผู้ทำงานมองเห็นห้องทั้งห้องอันเต็มไปด้วยชุดเก้าอี้ไม้สีเข้มบุหนังสีชมพูส้มดูสง่าเหมาะกับการรับแขกต่างเมือง ประจำโต๊ะข้างเก้าอี้มีประติมากรรมสำริดทองเหลืองและโคมไฟผ้าทอลายยกดอกละเอียดอ่อนหวานแต่ดูเข้มขรึมเป็นทางการอยู่ในที เลยออกไปนอกหน้าต่างเป็นสวนด้านตะวันตกที่อยู่ด้านหลังของสถานทูต ยามพระอาทิตย์ตกดินแสงตะวันสุดท้ายของวันจะค่อยๆหายลับไปกับขุนเขาเขียวชอุ่มที่นอนทอดตัวอยู่ในระยะไม่ไกล ในคราวที่แสงสุดท้ายเป็นสีชมพูกุหลาบนั้นบางทีทำให้เกิดความรู้สึกเงียบเหงาวังเวง ทำให้ผู้ที่จากบ้านเกิดเมืองนอนมาทำหน้าที่เพื่อแคว้นอดอาวรณ์ถึงรัฐอันมีความหมายว่านครแห่งตะวันไม่ได้

เสียงเคาะประตูห้องทำงานทางด้านขวาที่อยู่ใต้ซุ้มไม้โค้งสลักลายและผ้าม่านสีม่วงเข้มหนาหนักดังขึ้น ทำให้สายตาของท่านเอกอัครราชทูตละขึ้นจากเอกสารกองเขื่องบนโต๊ะทำงานสีไม้โอ๊คมองเลขานุการเอกประจำตัวที่เข้ามาโค้งคำนับนอบน้อม
‘ท่านครับ ราชองครักษ์ประจำมกุฎราชกุมารแห่งอรินทรารัฐขอเข้าพบครับ บอกว่ามีสาส์นจากเจ้าฟ้าชายครับ’
‘รีบให้เข้าพบที่ห้องพลอยประภัส เดี๋ยวเราจะรีบออกไปพบ’ ท่านทูตตอบรับด้วยเสียงกังวานมีอำนาจแต่แฝงไว้ด้วยความเมตตาในที

ห้องพลอยประภัสคือสถานที่รับแขกผู้มีเกียรติชาวอรินทรารัฐ นามของห้องแฝงความนัยถึงพลอยสีแดงเข้มอันเป็นสีประจำอรินทรารัฐและสีทองซึ่งหมายถึงดวงตะวันนั้นหมายถึงการให้เกียรติอรินทรารัฐและแสดงถึงความเป็นอธิปไตยของรังสิภาณุรัฐไว้ด้วยกันอย่างคมคาย ห้องทั้งห้องจึงตบแต่งไว้ด้วยสีแดงเลือดหมูและเดินลายด้วยดิ้นทองอย่างวิจิตรงดงาม ร่างของผู้มีอาวุโสกว่าย่างเท้าเข้าเมือง พบว่ามีร่างสูงเพรียวของราชองครักษ์ในชุดสีน้ำตาลกากีแขนขายาว รองเท้าบู๊ทสีดำยาวถึงเข่ายืนรออยู่แล้ว ร่างนั้นค้อมคำนับเอกอัครราชทูตก่อนเอ่ยทักทายอย่างเป็นทางการ
‘สวัสดีท่านเอกอัครราชทูต’
‘สวัสดีท่านราชองครักษ์’
‘เรียกข้าว่าเนติเถิดท่าน วันนี้ข้ามีราชสาส์นจากมกุฎราชกุมารประจำแคว้น พระองค์ทรงมีพระประสงค์ต้องการพบเอกอัครราชทูตรังสิภาณุรัฐคนใหม่’ ราชองครักษ์เนติพงษ์เอ่ย พร้อมกับยื่นสาส์นให้ท่านทูต
วิกรมเอื้อมไปรับก่อนเปิดออกอ่าน
‘โปรดนำความไปแจ้งว่าข้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้พบเจ้าฟ้าชายมกุฎราชกุมารแห่งอรินทรารัฐ ข้าจะไปพบพระองค์ที่ตำหนักตามเวลานัดหมาย’
‘ด้วยความยินดี’ เนติเอ่ย ก่อนคำนับอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้อง มุ่งหน้านำความกราบบังคมทูลเจ้าฟ้าชาย
ณ ภาษกรรังสิมันต์ราชนิเวศน์

ร่างเพรียวของเนติมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องที่ประทับของเจ้าฟ้าชายมกุฎราชมุการแห่งอรินทรารัฐ แม้เป็นเวลากลางวันเต็มที่แต่ทางเดินยาวในพระตำหนักสู่ห้องประทับส่วนพระองค์กลับอบอุ่นและร่มเย็นไปพร้อมกัน ด้วยความที่มีเพียงหน้าต่างกระจกแก้วบานเล็ก ถึงจะแคบและทอดตัวจากพื้นสู่เพดานสูงของตัวพระตำหนัก แต่ผ้าม่านหนาสีแดงเข้มรวบเกลียวไว้ด้วยไหมดิ้นทองเป็นมันระยับและผ้าลูกไม้โปร่งบางทาทับบานกระจกแก้วฉลุลวดลายดวงสุริยากลับทำให้แสงตะวันมิอาจสาดส่องเข้ามาคลอเคลียพรมสีแดงเลือดหมูทอยกลายกระบัษรประจำพระองค์มกุฎราชกุมารได้เต็มที่ บรรยากาศจึงดูสง่าเคร่งขรึมแบบบุรุษมากกว่าสดใสอ่อนหวาน เนติหยุดยืนพอหน้าห้องที่ประทับ เมื่อภาพที่เห็นเป็นวรองค์สูงโปร่งขององค์เจ้าฟ้าชายประทับทอดพระเนตรออกนอกพระบัญชรโค้งภายใต้โดมใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ประจำพระตำหนัก พระดำริของเจ้าฟ้าชายดูเหมือนจะล่องลอยไปตามสายลมที่พัดเข้ามา เห็นได้จากผ้าลูกไม้โปร่งบางข้างพระวรกายสะบัดพลิ้วไหวเบาๆ กลิ่นดอกไม้ประจำฤดูอบอวล เสียงน้ำพุกระเซ็นกระสายและเสียงน้ำตกลอยเข้ามาถึงพระตำหนักที่ประทับ พระกรสองข้างเกาะขอบรั้วระเบียงสำริดฉลุลายละเอียดดุจลูกไม้ พระวิสูตรหนาปิดทับพระบัญชรอื่นทำให้ทั้งห้องดูมืดสลัว แต่แสงตะวันที่ส่องเข้ามา ณ พระบัญชรที่ประทับเป็นลำแสงสีทองทับพระวรองค์ปรากฏเงาเฉิดฉาย ขับให้เห็นบุคลิกสง่างามอันเต็มไปด้วยพระราชศักดิ์และอำนาจ
สมกับที่มีคำร่ำลือว่า เจ้าฟ้าชายพระองค์นี้นอกจากทรงพระปรีชาสามารถด้านการปกครองแล้ว ยังทรงอุดมไปด้วยพระรูปอย่างหาที่เปรียบได้ยากยิ่ง

วรองค์สูงเพรียวหันกลับมา ราวกับทรงรับรู้ว่าผู้ที่เป็นทั้งสหายสนิทรู้พระทัยและราชองครักษ์ประจำพระองค์ก้าวมาถึงพอดี แสงแดดอ่อนๆเผยให้เห็นพระพักตร์คมเข้มเหนือพระศอระหง พระขนงดำขลับพาดเฉียง พระนาสิกโด่งรับกับริมฝีพระโอตถ์หยักได้รูปสวยสีแดงระเรื่อ แต่ที่ดูโดดเด่นที่สุดบนพระพักตร์เยาว์วัยราวกับรูปปั้นหินอ่อนสีขาวสลักลายนั้นคือพระเนตรสีน้ำตาลเข้มแฝงด้วยแววตาคมกริบดูน่าเกรงขามทรงราชศักดิ์ยิ่งนัก มกุฎราชกุมารภาษกรวิศวานุวัตธาดาแย้มพระสรวลเล็กน้อย ขับดวงพักตร์อันเปี่ยมไปเกียรติศักดิ์ให้เปลี่ยนเป็นสดใส่อ่อนวัยลงอย่างน่าจับตา ก่อนทรงเอื้อยเอ่ยทักพระสหายสนิทด้วยพระสุรเสียงทุ้มห้าว เงียบขรึมแต่แต้มไว้ด้วยความอ่อนโยน
‘เป็นอย่างไรบ้างเนติ ธุระที่ให้จัดการน่ะ’
‘เป็นไปด้วยดีเกล้ากระหม่อม อีกไม่เกินสองเพลาเอกอัครราชทูตคนใหม่ชาวรังสิภาณุรัฐประจำอรินทรารัฐจะมาเข้าเฝ้าเจ้าชายพะย่ะค่ะ’
‘ดี’ เจ้าฟ้าชายภาษกรทรงตอบรับคำสั้นๆ ก่อนหันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรสวนสวยอีกครา
‘แต่ขอเดชะ ฝ่าพระบาท เจ้าหลวงทรงมีพระบัญชาให้เข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ’
‘ตอนนี้น่ะหรือ ได้ งั้นเราไปด้วยกัน’
ทรงหันกลับมา ก่อนย่างพระบาทตามเฉลียงยาวที่เนติเดินมาเข้าเฝ้า
‘เจ้าคิดว่าทูลหม่อมพ่อจะรับสั่งอะไรกับเรา’
‘ไม่ทราบด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ แต่เดาจากพระสุรเสียงคงเป็นเรื่องเครียดอยู่’ พระสหายทราบดีว่า ณ ตอนนี้ยังเป็นที่รโหฐานอยู่ จึงไม่ต้องมีพิธีรีตองกับเจ้าฟ้าชายมากเกินไปนัก ไม่เช่นนั้นอาจถูกกริ้วได้ง่ายๆ ทรงเป็นเช่นนี้เสมอ เจ้าฟ้าชายภาษกรผู้ทรงเชี่ยวชาญด้านการทูต แต่โปรดความไม่เป็นทางการอย่างน่าพิศวง
‘คราวที่แล้วให้เราไปเยือนแคว้นทางตะวันตก คราวนี้คงไม่พ้นให้เราไปธุระทางตะวันออกกระมัง’
‘ เอ หรืออาจจะเป็นเรื่องอื่นพะย่ะค่ะ’ เนติคาดการณ์ เนื่องจากตอนนี้พระโอรสพระองค์เดียวในพระองค์และเจ้านางหลวงทรงสำเร็จการศึกษาจากประเทศทางตะวันตกมาหลายปีแล้ว มิหนำซ้ำยังทรงพระปรีชาด้านการปกครองและการต่างประเทศยิ่ง แต่ด้วยพระชันษายี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้าชันษากลับทรงไม่มี ‘บางเรื่อง’ ผิดไปจากพระเชษฐาและพระอนุชาต่างพระมารดาพระองค์อื่น
‘เรารู้ว่าเจ้าหมายถึงเรื่องอะไร’
‘ถ้าหม่อมฉันบังอาจทูลถามว่าทรงมีพระดำริเรื่องนี้อย่างไรล่ะพะย่ะค่ะ’
‘เจ้ารู้นิสัยเราดี เจ้าก็คงรู้คำตอบแล้วล่ะ’
‘แต่พระคู่หมั้นคู่หมายนั้น เจ้าหลวงก็คงทรงเลือกไว้แล้วว่าเป็นเจ้าหญิงที่ดี เหมาะสมและคู่ควรกับพระองค์ที่สุดแล้ว’
‘เรายังไม่เคยเจอผู้หญิงที่ต้องใจสักที มั่นใจว่านางต้องอยู่สักที่ ใกล้หรือไกลไม่สำคัญ แต่ขอแค่ให้เรารักกันที่เป็นตัวเรา ไม่ใช่เพราะอิศริยยศอะไรนั่น ความรัก สำหรับเราต้องใช้เวลาเติบโค ไม่ใช่ถูกจับคู่ให้แต่งงานแล้วอยู่ไปก็รักกันเอง ไม่ใช่เพียงแค่แรกเห็นก็รักเสียแล้ว อย่างนั่นเรียกว่าหลง ไม่ใช่รัก’
‘แล้วถ้าทั้งรักทั้งหลงล่ะพะย่ะค่ะ’ พระสหายหนุ่มเย้า สะกดกลั้นอารมณ์ขันไว้เต็มที่
เจ้าฟ้าชายภาษกรทรงหันมาทอดพระเนตรพระสหายรู้พระทัย ก่อนแย้มพระสรวลจนเห็นพระทนต์ขาวเรียบอย่างทรงพระสำราญ
‘ยังไม่เคยคิดว่าจะมีสาวไหนมาทำให้เราทั้งรักทั้งลุ่มหลงได้หัวหักหัวปำขนาดนั้นหรอกเนติ ราชการแผ่นดินมาก่อนเสมอ’
‘แล้วถ้าทั้งรักทั้งหลงทั้งราชการมาพร้อมๆกันเล่าพะย่ะค่ะ เอ กระหม่อมก็คงได้เห็นสินะ ว่าบัลลังก์หัวใจของฝ่าพระบาทอยู่ในกำมือของใคร’
คราวนี้ทั้งเจ้าฟ้าชายและราชองครักษ์ระเบิดหัวเราะออกมาทั้งคู่ ก่อนจะทรงพระดำเนินนำสหายคู่พระทัยออกจากพระตำหนัก ไปสู่ราชนิเวศน์ที่ประทับของเจ้าหลวงและเจ้านางหลวงแห่งอรินทรารัฐ

***********



Create Date : 27 ตุลาคม 2550
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 3:31:11 น. 0 comments
Counter : 518 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PPpIRCU
Location :
LonDoN~ United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




LSEist '11

( ^^)爻(^^ )

~ขอสงวนลิขสิทธิ์ในภาพถ่ายและบทความทุกชิ้น~
Piang Phanprasit

Créez votre badge
Photobucket

Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
Friends' blogs
[Add PPpIRCU's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.