ไปเที่ยวกันไหม?..จะไปก็รีบไป(South Korea) ตอนที่ 1
เริ่มมาจากอีเพื่อนตัวดี อย้ากกกกอยากจะไปเที่ยวกัน ตอนแรกคิดว่าจะไปญี่ปุ่น แต่พอสะระตะมาลงเอยเป็นเกาหลี เพราะหลายปากบอกว่าถูกกว่าเยอะ แถมสะดวกสบายเหมือนญี่ปุ่น ผม และ เพื่อนอีก2คนคือพี่โต๋และพี่ดม เลยตัดสินใจเบนเข็มไปเกาหลีใต้กันแทน(ก็แน่ล่ะสิใครจะไปเกาหลีเหนือ!)เราแพลนกันล่วงหน้าตั้งแต่เดือนตุลา-พฤศจิกา ปี54แหน่ะครับ กว่าจะได้ไปจริงก็กุมภาฯปี55 ตื่นเต้นจัง เพราะเรา3คนไม่มีใครเคยไปเกาหลีกันเลยทริปนี้เป็นทริป5วัน3คืนครับ เนื่องจากผมและเพื่อนๆใช้สิทธิ์ตั๋วพนักงาน เลยต้องเสียเวลาบินไปกลับอย่างละวัน!! โอ้ ก๊อด ของถูก(หรอ??)ก็งี้แหละ ทำใจรูทบินผมจะเป็น กทม-นาริตะ(ญี่ปุ่น)-โซล(เกาหลี) ครับ..บินออกจากไทย7โมงเช้ากว่าๆ ไปถึงเกาหลีเกือบสี่ทุ่ม..โอ้ มายยย(อธิบาย) เนื่องจากตามที่แจ้งว่าผมใช้สิทธิ์พนักงานในการบิน ผมเลยต้องนั่งเครื่องบินของตัวเองไปลงที่ญี่ปุ่นก่อนครับ(6hrs)และพอไปถึงญี่ปุ่นก็รอต่อเครื่อง(Layover)อีกเกือบ4ชม. แล้วต่อไฟลท์ไปเกาหลี(3hrs)..โถ่ ถัง ถ้าบินตรงแค่5-6ชม....เอานะ เพื่อความประหยัดพูดมากจัง ขึ้นเครื่องเถอะ!!ออกจากกรุงเทพด้วยเอคโคโนมี่คลาสครับ อาหารก็ข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่ ตามยถากรรมถึงญี่ปุ่นประมาณบ่าย3ครับ..ก็หาเดินเล่นกันไปเรื่อยเปื่อยแหมมมมม มาถึงญี่ปุ่นสักที แบ๊วหน่อย..น่อ ร๊อคคค อ่าบนเครื่องเสิรฟ์แค่มื้อเดียวครับ เราเลยมาหากินซึชิต้นตำรับดีกว่าก็เบาๆนะ...กินสามคนหมดไป65เหรียญยูเอส......กรี๊ดดดดด(ในใจ) อีห่า กินคนละ4-5คำหมดไป1800 ตอนอยู่ไทยนะบุฟเฟต์โรงแรม500บอกไม่กิน แพงงงง...แต่ก็นะ..อร่อยดีๆๆๆ ก็ขำๆกันไปใกล้เครื่องออกและครับ..ผมเลยขออีกแชะ ก่อนที่เราจะไปนั่งรอหน้าเกทกันแหน่...น่าจะมีคนจำน้องหมีผมได้ ถ้าใครอ่านบล็อกซานฟรานครังที่แล้ว(ที่ยังเขียนไม่เสร็จ!)ได้ ก็จะเห็นว่าผมนำน้องหมีไปด้วย แต่รอบนี้มีช้างเพิ่มมาอีกสิ..ดูดัดจริตนะ แต่ก็ใส่ๆกระเป๋ามาเถอะอาหารบนเครื่องครับ..ช่วงจากพอร์ต นาริตะ ไป โซล จะบินแค่3ชม.เองครับ แถมวันนั้นบินไวอีก ใช้เวลาบินแค่2:30hrsเอง อาหารก็เสิร์ฟมื้อเดียว ออกแนวของกินรองท้องเบาๆมากกว่าครับ...อ่อ ช่วงนี้ผมได้บิสสิเนสคลาส อาหารเลยดูเริ่ดนิดนึงระหว่างเดินไปขึ้นรถไฟ..จะบอกว่า สนามบินที่โซลปัจจุบันเขาจะมี2อาคารครับ พอเราลงแล้วต้องเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ซึ่งจะนำเราไปสู่อาคารอีกอาคารที่มีอิมมิเกรชั่นขาเข้าหลังจากผ่านตรวจคนเข้าเมือง(Immigration)มา..รับกระเป๋า พวกผมก็มารอรถไปโรงแรมกันที่หน้าอาคารครับ หันหลังกลับไปถ่ายรูปอาคารหน่อย สวยยังกะห้างแหน่ะ สนามบินไรก็ไม่รู้ดูชุดจัดเต็มขนาดนี้ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะแค่ตอนเราลงเครื่องที่ญี่ปุ่น เดินตรงสะพานเทียบเครื่องบิน(Jet Bridge)ก็ควันออกปากมากและ...อุณหภูมิวันไปถึงประมาณ-11ครับ...สะเบิ้บบบบรอรถสาย6015เพื่อจะเข้าเมืองครับ..ที่พักผมจองไว้แถวๆมยองดงเลย อยู่ฝั่งตรงกันข้าม เขาจะมีตารางรถเวลาบอกชัดเจน ไม่เลทครับ มาตรฐานญี่ปุ่นเลย..ไม่เหมือนไทย..Oops!หลังจากลงรถบัส ลากสังขารเดินขึ้น-ลงบันได เพราะต้องมุดใต้ดินไปโผล่อีกฝั่งครับ(อ่อ..เขาไม่มีลิฟต์นะจ๊ะ หรือมีก็คงไว้สำหรับคนพิการ แต่ผมหาไม่เจอเลย ฉะนั้นใครแบกกระเป๋าแบบจัดเต็มไปก็...หึหึหึ)..ก็เดินตามแผนที่ที่ทางโรงแรมให้มาพร้อมกันหนังสือคู่มือการเดินทางประกอบ ก็มาถึงจนได้...พวกผมพักกันที่ ZaZa Backpacker Hostel ครับ..เป็นโรงแรมในเครือบานาน่า แบคแพคเกอร์ชื่อดังนั่นเอง ที่นี่เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่แค่ปี2ปีเลยตัดสินใจจองครับ..รูปเบลออย่าถือสาเพราะมือสั่น เหนื่อยบ้างอะไรบ้างงงงง(แอบมีหิมะปรอยเบาๆแบบรังแคด้วยอ่ะ...วินเท่อเลิฟซองมากก)มาดูบรรยากาศภายในห้องกันครับ..จะบอกว่าห้องค่อนข้างเล็กนะ แต่พวกผมโอเคอยู่แล้วเนื่องจากมาเที่ยวแบบประหยัดกัน จะมีเตียงสองชั่นให้ และที่นอนทำเป็นชั้นลอยอยู่บนขื่อด้านบนครับแน่นอน..ผมตัวยังกะยักษ์แบบนี้ เลยขอเพื่อนนอนคนเดียวด้านบนครับ เพื่อนก็เออออ(เรื่องของเมิง..มันว่างี้) เห็นว่ารับน้ำหนักได้150โล..ยังอีกไกล แหะๆ//www.facebook.com/#!/zazabackpackershostel...แอบแนะนำ เพราะชอบนะ ผมว่ามันสะดวก เดินจากสถานีรถไฟใต้ดินนิดหน่อย ประมาณ2นาที เดินลอดใต้ดินไปโผล่อีกฝั่งก็มยองดงเลย(เหมือนสยามบ้านเรา) ราคาก็ย่อมเยา ผมพักกันตกคนละ700ต่อคืน แอบเห็นมีสาขาสองด้วย ...เราก็รีบอาบน้ำนอนครับ เพราะเที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ว่าจะออกไปท่องโลกแต่เช้ากัน...เย้!!!
อะไรทำไมไม่เจอเฟสพี่ง่า งั้นเด๋วพี่ส่งชื่อล็อกอินเต็มๆ ให้เสิร์ช ไปทางหลังไมค์นะคร้าบ