ถนนนี้...มีความรัก ( THE ROAD TO TAKUAPA )
ห่างไกล ไม่ห่างกัน ของ โดม วุฒิชัย ปกพิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคมนี้ สำหรับเพลง ของขวัญจากฝน จากการแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง และขับร้องโดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ผู้มีน้ำเสียงอันไพเราะชวนให้หลงใหลถึงขั้นทำให้หัวใจละลายได้ - ขอมอบแด่ทุกคนที่มีความฝันและรักฝนครับ - ทั้งนี้และทั้งนั้นขอได้รับความขอบคุณจากคุณตะเบบูญ่าที่เอื้อเฟื้อเพลงนี้และคุณสเลเตจัดทำโค้ดเพลงให้ ---------------------------------------------------------- ถนนจากบขส.(ตำบลบางนายสี)ไปตลาดเก่า (ตะกั่วป่า) ซอยเล็กแยกจากถนนใหญ่ มีเพื่อนบ้านที่ยังไม่ได้รู้จักกันรออยู่ก่อนแล้ว สุดซอยขวามือคือบริเวณที่ต้องการมาสร้างบ้านปลูกฝันเมื่อยามชรา นอกจากได้มะพร้าวหนึ่งต้นแล้วยังมีภูเขาเล็กๆแถมให้อีกหนึ่งลูก ชอบใจมากที่สุดคือของแถมนี่แหละ ที่บริเวณนี้อยู่เยื้องๆกับองค์การโทรศัพท์ตะกั่วป่า ถนนนี้
มีความรัก (THE ROAD TO TAKUAPA) มีถนนหลายสายที่เราได้เดินข้ามและผ่านพ้น แต่จะมีถนนสักกี่สายที่อยู่ในหัวใจของเราตลอดไป มีผู้คนหลายคนที่เราได้พานพบและรู้จัก แต่จะมีสักคนไหมที่เรารักและได้อยู่ร่วมกันตลอดกาล คุณมีถนนสักหนึ่งสายอยู่ในหัวใจบ้างไหม ? เมื่อได้เดินทางหรือผ่านไปบนถนนสายนั้นแล้วคุณรู้สึกมีความสุข อาจเป็นเส้นทางจากบ้านไปที่ทำงาน หรือเป็นถนนสายที่นำเรากลับบ้านในชนบท หรือบางทีอาจเป็นแค่ถนนเล็กๆสายหนึ่งเท่านั้น
ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้เดินทางมาบนถนนสายนี้ ผมมีความสุขที่ได้มองเห็นภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ผมชอบมองซ้ายมองขวาไปตามความคดโค้งของถนน ผมยังจำความรู้สึกที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในรถประจำทาสายกรุงเทพฯ พังงา เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งอยู่สองข้างทาง ผมรู้สึกประทับใจถนนสายนี้ตั้งแต่แรกเห็นในวันนั้น จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 22 ปีผ่านมาแล้ว
การเดินทางครั้งนั้นผมขอติดตามหญิงสาวคนหนึ่ง โดยอ้างว่าจะมาหาข้อมูลเรื่องเหมืองแร่ที่หมู่บ้านน้ำเค็มเอาไปเขียนสารคดีขาย ทั้งที่ตอนนั้นตลาดแร่โรยราหมดแล้ว แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของผมก็คือ ต้องการที่จะสานความสัมพันธ์แรกเริ่มรู้จักกับหญิงสาวที่ถูกชะตาคนนั้น เพราะบ้านของเธออยู่ที่ตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่าแห่งนี้ บ้านหลังนั้นเป็นห้องแถวไม้เก่าแก่ เป็นร้านขายกาแฟ ขนมจีบ ซาละเปา ป๋าทั่งโก๋ และโจ๊ก พ่อของเธอเป็นคนขายกาแฟแล้วส่งลูกๆมาเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงทำให้เรามีโอกาสได้พบกัน สำหรับผมแล้วบ้านไม้เก่าแก่หลังนั้นเป็นความทรงจำไม่มีวันลืม เพราะเป็นบ้านที่ผมได้เข้าไปสัมผัสน้ำใจของคนตะกั่วป่าเป็นครั้งแรก และหลังจากครั้งแรกจนถึงวันนี้ผมได้กลับมาเที่ยวที่บ้านหลังนั้นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ปัจจุบันครอบครัวของเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบางนายสี เหลือครอบครัวน้องชายของเธอที่ยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น ทุกครั้งเมื่อผมได้มาเยี่ยมเยียนครอบครัวของเธอ เมื่อมีโอกาสผมจะต้องคว้าจักรยานเสือภูเขาปั่นไปยังบ้านหลังนั้นที่ตลาดเก่าเสมอ ผมหวนระลึกถึงวันที่มาสู่ขอเธอด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ ไม่มีแม้สินสอดทองหมั้นให้พ่อแม่ของเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ผมบอกว่ามีแต่ ความรัก และ ความจริงใจ เท่านั้น ผมยังจำคำพูดของแม่เธอในตอนนั้นได้อย่างแม่นยำว่า คนจนน่ะแม่ไม่รังเกียจหรอก ขอให้รักกันจริงเข้าใจกัน ช่วยกันทำมาหากิน ก็ดูพ่อเขาสิ แต่ก่อนเขาก็จนไม่มีอะไรมาก่อน แต่ต่อมาเขาก็รู้จักเก็บรู้จักทำรู้จักใช้ ก็เลี้ยงลูกเลี้ยงแม่มาอย่างที่เห็นนี่แหละ เรื่องความจนน่ะแม่ไม่รังเกียจหรอก แต่อย่าจนนานนักก็แล้วกัน เมื่อนึกถึงคำพูดของแม่ยายขึ้นมาทีไรแล้วผมยังอดยิ้มในใจไม่ได้ และถึงตอนนี้ผมอยากจะบอกกับแม่ว่า แม่ครับ !เดี๋ยวนี้เรารวยแล้วครับ! อีกสักพักเราค่อยมีเงินกัน ถนนสายที่ผมกำลังหมายถึงอยู่นี้คือถนนสายจากตลาดสดบขส.(บางนายสี)ไปยังตลาดเก่า (ทั้งสองชุมชนอยู่ในเขตของ อ.ตะกั่วป่า) ระยะทางเพียง 7 8 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เป็นเส้นทางแห่งความงามและอยู่ในความทรงจำสำหรับผมตลอดมา เมื่อผมมายืนอยู่ตรงที่มองเห็นจุดโค้งของถนน ผมกะจะถ่ายรูปตรงช่วงโค้งของถนน ผมต้องการให้ถนนดูเด่น ถ้าเป็นไปได้ผมไม่ต้องการเสาไฟฟ้าระเกะระกะนั่นหรอก แต่ไม่ว่าจะเลือกมุมกล้องอย่างไรก็ไม่สามารถหลีกพ้นเสาไฟฟ้าและสายไฟระโยงระยางได้ ผมใช้เล็นส์ซูม 35-105 มม. ในการถ่ายรูป ภาพที่มองเห็นแล้วอยากบันทึกไว้ก็คือ ตู้ไปรษณีย์สีแดงริมถนนที่มีฉากหลังเป็นภูเขา ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า ดอกไม้ป่านานาชนิด ขุมเหมืองเก่าที่มีน้ำขังอยู่ตามข้างทาง ศาลาเฟื่องฟ้าริมทางเชื้อเชิญให้นั่งพักเหนื่อย ดอกโคลงเคลงและต้นเฟิร์นยิ้มต้อนรับอย่างเริงร่า ยามเมื่อผมจ่อเล็นส์มารโคเข้าไปใกล้ๆ แสงแดดยามสายกำลังสวยเมื่อส่องมากระทบกับพื้นถนนและต้นไม้ใบหญ้าสิ่งที่เขาใช้ถ่ายภาพคือแสง ไม่ใช่วัตถุ เพราะวัตถุเป็นเพียงสื่อสะท้อนแสง ถ้าแสงดีการถ่ายภาพย่อมดีด้วย ผมนึกถึงบางประโยคที่บรรยายการถ่ายภาพของ โรเบิร์ต คินเคน ตัวละครตัวเอกที่เป็นช่างภาพ ในนวนิยายเรื่อง THE BRIDGS OF MADISON COUNTY (เขียนโดย โรเบิร์ต เจมส์ วอลเล่อร์ แปลโดย เสรี ปิยะฉัตร) เป็นเรื่องรักโรแมนติคของคนที่มีครอบครัวแล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้กลับมาเยี่ยมที่เมืองแห่งนี้เป็นระยะๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงข้างถนนมีบ้านเรือนเพิ่มขึ้น มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น มีถนนสีแดงสายใหม่ตัดแยกเชื่อมเพิ่มขึ้น แต่ถึงกระนั้นถนนสายนี้ก็ยังนำผู้คนในชุมชนสองแห่งไปมาหาสู่กัน และเป็นทางผ่านของใครต่อใครเดินทางไปที่อื่นๆอีกมากมาย และสำหรับผมแล้วมันเป็นมากกว่าถนนสายหนึ่งเท่านั้น
ระหว่างการเดินทางบนถนนชีวิตของผมที่ผ่านมา ใช่ว่าจะราบเรียบและสวยงามไปเสียทุกอย่าง บางคราวก็พลัดตกลงไปข้างทางโดยประมาท มีหลายครั้งหลายคราวที่แวะชมข้างทางเพลิดเพลินไปหน่อย อาจทำให้ถึงที่จุดหมายปลายทางล่าช้าไปบ้าง ถึงวันนี้ผมได้พบว่า
เป้าหมายของชีวิตที่จะไปถึงนั้นก็ไม่ได้สำคัญกว่าวิธีการเดินทางมากนัก ทำให้ผมนึกถึงคำคมที่ถูกใจ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นคำพูดของใครที่กล่าวไว้ว่า : ทางไปสู่ความสุขหามีไม่ ความสุขนั่นแหละคือทาง
--------------------------- หมายเหตุ : ผมเขียนเรื่องนี้ลงในคอลัมน์ "ริมรั้วหัวใจ" ในนิตยสารขวัญเรือน เมื่อราว 3-4 ปีที่ผ่านมา และได้นำมารวมเล่มในหนังสือชื่อเดียวกับคอลัมน์เมื่อเดือนมีนาคม ปีพ.ศ.2549 ก่อนฤดูหนาวที่ผ่านมาผมกลับไปเที่ยวตะกั่วป่า เพื่อหาซื้อที่ดินปลูกฝันสักแปลง เกือบจะตกลงกับที่อื่นอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเหตุได้มาพบที่แปลงเล็กๆแปลงนี้อย่างไม่คาดฝัน ไว้มีเวลาว่างแล้วจะมาเล่าให้ฟังว่า ผมได้พบที่แห่งนี้และได้มาอย่างไม่คาดฝันได้อย่างไร เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะมาได้ที่ริมถนนที่ผมเขียนถึงในเรื่องนี้ ปัจจุบันห้องแถวเก่าแก่ห้องนั้นเพิ่งถูกรื้อแล้วสร้างอาคารสองชั้นสองคูหาขนาดใหญ่ทับบริเวณเดิม สีสันสดใสและที่ยังเหมือนเดิมอยู่ก็คือขายกาแฟและขนมจีบซาละเปา ร้านนั้นคือน้องชายของภรรยาผมเองครับ หากใครผ่านไปตลาดเก่าลองแวะชิมกาแฟและขนมจีบซาละเปา รับรองฝีมือไม่แพ้ "ป๊า" ที่จากไปแล้ว ต้องขอโทษถ้าหากใครเคยอ่านเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เคยอ่านก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ (ไม่ว่าเรื่องไหนจะเคยพิมพ์มาแล้ว แต่ใหม่เสมอสำหรับผู้ยังไม่เคยอ่าน- ใช่ไหมครับ ?) เพราะช่วงนี้มีงานที่จะต้องทำรออยู่หลายอย่าง จึงเอาเรื่องเก่ามาอัพบล็อกใหม่โดยแก้ปีพ.ศ.ในเรื่องให้ตรงตามความจริงในปัจจุบัน - ขออภัยสำหรับผู้ที่เคยอ่านแล้วนะครับ
Create Date : 06 สิงหาคม 2550
81 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 23:01:56 น.
Counter : 2997 Pageviews.
อ่านห่างไกลไม่ห่างกันจบแล้วมารายงานตัวนะคะ
โดยรวม ชอบค่ะ อ่านเพลินดี เราทึ่งกับผู้ชายที่อ่อนโยนกับลูกเสมอค่ะ
จริงๆ เราไม่ค่อยชอบอ่านจดหมายหรือบันทึกของคนอื่นเท่าไหร่ (ยกเว้นนิยายจริงๆ ที่ใช้กลวิธีการเขียนอย่างนี้แทนน่ะนะคะ) ก็เลยรู้สึกเขินๆ นิดหน่อยที่ต้องอ่านอะไรอย่างนี้น่ะนะคะ แหะๆ
ชอบที่มีการแทรกธรรมะเข้าไปด้วยค่ะ มีข้อคิดหลายๆ อย่างแทรกด้วย ทำให้อ่านแล้วพลอยครุ่นคิดตามไปด้วยในหลายๆ เรื่อง
แต่ที่ไม่ชอบก็เรื่องการพิสูจน์อักษรค่ะ ยังหละหลวมเยอะจัง แหะๆ