จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 

ถนนนี้...มีความรัก ( THE ROAD TO TAKUAPA )



ห่างไกล ไม่ห่างกัน ของ โดม วุฒิชัย ปกพิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคมนี้







สำหรับเพลง “ของขวัญจากฝน” จากการแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง และขับร้องโดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ผู้มีน้ำเสียงอันไพเราะชวนให้หลงใหลถึงขั้นทำให้หัวใจละลายได้

- ขอมอบแด่ทุกคนที่มีความฝันและรักฝนครับ -

ทั้งนี้และทั้งนั้นขอได้รับความขอบคุณจากคุณตะเบบูญ่าที่เอื้อเฟื้อเพลงนี้และคุณสเลเตจัดทำโค้ดเพลงให้



----------------------------------------------------------






ถนนจากบขส.(ตำบลบางนายสี)ไปตลาดเก่า (ตะกั่วป่า)






ซอยเล็กแยกจากถนนใหญ่ มีเพื่อนบ้านที่ยังไม่ได้รู้จักกันรออยู่ก่อนแล้ว




สุดซอยขวามือคือบริเวณที่ต้องการมาสร้างบ้านปลูกฝันเมื่อยามชรา





นอกจากได้มะพร้าวหนึ่งต้นแล้วยังมีภูเขาเล็กๆแถมให้อีกหนึ่งลูก
ชอบใจมากที่สุดคือของแถมนี่แหละ






ที่บริเวณนี้อยู่เยื้องๆกับองค์การโทรศัพท์ตะกั่วป่า





ถนนนี้…มีความรัก (THE ROAD TO TAKUAPA)





มีถนนหลายสายที่เราได้เดินข้ามและผ่านพ้น

แต่จะมีถนนสักกี่สายที่อยู่ในหัวใจของเราตลอดไป

มีผู้คนหลายคนที่เราได้พานพบและรู้จัก

แต่จะมีสักคนไหมที่เรารักและได้อยู่ร่วมกันตลอดกาล



คุณมีถนนสักหนึ่งสายอยู่ในหัวใจบ้างไหม ? เมื่อได้เดินทางหรือผ่านไปบนถนนสายนั้นแล้วคุณรู้สึกมีความสุข อาจเป็นเส้นทางจากบ้านไปที่ทำงาน หรือเป็นถนนสายที่นำเรากลับบ้านในชนบท หรือบางทีอาจเป็นแค่ถนนเล็กๆสายหนึ่งเท่านั้น…

ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสได้เดินทางมาบนถนนสายนี้ ผมมีความสุขที่ได้มองเห็นภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ผมชอบมองซ้ายมองขวาไปตามความคดโค้งของถนน ผมยังจำความรู้สึกที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในรถประจำทาสายกรุงเทพฯ – พังงา เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งอยู่สองข้างทาง ผมรู้สึกประทับใจถนนสายนี้ตั้งแต่แรกเห็นในวันนั้น จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 22 ปีผ่านมาแล้ว…

การเดินทางครั้งนั้นผมขอติดตามหญิงสาวคนหนึ่ง โดยอ้างว่าจะมาหาข้อมูลเรื่องเหมืองแร่ที่หมู่บ้านน้ำเค็มเอาไปเขียนสารคดีขาย ทั้งที่ตอนนั้นตลาดแร่โรยราหมดแล้ว แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของผมก็คือ ต้องการที่จะสานความสัมพันธ์แรกเริ่มรู้จักกับหญิงสาวที่ถูกชะตาคนนั้น เพราะบ้านของเธออยู่ที่ตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่าแห่งนี้


บ้านหลังนั้นเป็นห้องแถวไม้เก่าแก่ เป็นร้านขายกาแฟ ขนมจีบ ซาละเปา ป๋าทั่งโก๋ และโจ๊ก พ่อของเธอเป็นคนขายกาแฟแล้วส่งลูกๆมาเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงทำให้เรามีโอกาสได้พบกัน สำหรับผมแล้วบ้านไม้เก่าแก่หลังนั้นเป็นความทรงจำไม่มีวันลืม เพราะเป็นบ้านที่ผมได้เข้าไปสัมผัสน้ำใจของคนตะกั่วป่าเป็นครั้งแรก และหลังจากครั้งแรกจนถึงวันนี้ผมได้กลับมาเที่ยวที่บ้านหลังนั้นจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

ปัจจุบันครอบครัวของเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบางนายสี เหลือครอบครัวน้องชายของเธอที่ยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น ทุกครั้งเมื่อผมได้มาเยี่ยมเยียนครอบครัวของเธอ เมื่อมีโอกาสผมจะต้องคว้าจักรยานเสือภูเขาปั่นไปยังบ้านหลังนั้นที่ตลาดเก่าเสมอ

ผมหวนระลึกถึงวันที่มาสู่ขอเธอด้วยตัวเองโดยไม่มีผู้ใหญ่ ไม่มีแม้สินสอดทองหมั้นให้พ่อแม่ของเธอเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ผมบอกว่ามีแต่ “ความรัก” และ “ความจริงใจ” เท่านั้น ผมยังจำคำพูดของแม่เธอในตอนนั้นได้อย่างแม่นยำว่า

“คนจนน่ะแม่ไม่รังเกียจหรอก ขอให้รักกันจริงเข้าใจกัน ช่วยกันทำมาหากิน ก็ดูพ่อเขาสิ แต่ก่อนเขาก็จนไม่มีอะไรมาก่อน แต่ต่อมาเขาก็รู้จักเก็บรู้จักทำรู้จักใช้ ก็เลี้ยงลูกเลี้ยงแม่มาอย่างที่เห็นนี่แหละ เรื่องความจนน่ะแม่ไม่รังเกียจหรอก แต่อย่าจนนานนักก็แล้วกัน”

เมื่อนึกถึงคำพูดของแม่ยายขึ้นมาทีไรแล้วผมยังอดยิ้มในใจไม่ได้ และถึงตอนนี้ผมอยากจะบอกกับแม่ว่า “แม่ครับ !เดี๋ยวนี้เรารวยแล้วครับ! อีกสักพักเราค่อยมีเงินกัน”

ถนนสายที่ผมกำลังหมายถึงอยู่นี้คือถนนสายจากตลาดสดบขส.(บางนายสี)ไปยังตลาดเก่า (ทั้งสองชุมชนอยู่ในเขตของ อ.ตะกั่วป่า) ระยะทางเพียง 7 – 8 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เป็นเส้นทางแห่งความงามและอยู่ในความทรงจำสำหรับผมตลอดมา

เมื่อผมมายืนอยู่ตรงที่มองเห็นจุดโค้งของถนน ผมกะจะถ่ายรูปตรงช่วงโค้งของถนน ผมต้องการให้ถนนดูเด่น ถ้าเป็นไปได้ผมไม่ต้องการเสาไฟฟ้าระเกะระกะนั่นหรอก แต่ไม่ว่าจะเลือกมุมกล้องอย่างไรก็ไม่สามารถหลีกพ้นเสาไฟฟ้าและสายไฟระโยงระยางได้ ผมใช้เล็นส์ซูม 35-105 มม. ในการถ่ายรูป

ภาพที่มองเห็นแล้วอยากบันทึกไว้ก็คือ ตู้ไปรษณีย์สีแดงริมถนนที่มีฉากหลังเป็นภูเขา ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า ดอกไม้ป่านานาชนิด ขุมเหมืองเก่าที่มีน้ำขังอยู่ตามข้างทาง ศาลาเฟื่องฟ้าริมทางเชื้อเชิญให้นั่งพักเหนื่อย ดอกโคลงเคลงและต้นเฟิร์นยิ้มต้อนรับอย่างเริงร่า ยามเมื่อผมจ่อเล็นส์มารโคเข้าไปใกล้ๆ แสงแดดยามสายกำลังสวยเมื่อส่องมากระทบกับพื้นถนนและต้นไม้ใบหญ้า

“สิ่งที่เขาใช้ถ่ายภาพคือแสง ไม่ใช่วัตถุ เพราะวัตถุเป็นเพียงสื่อสะท้อนแสง ถ้าแสงดีการถ่ายภาพย่อมดีด้วย”

ผมนึกถึงบางประโยคที่บรรยายการถ่ายภาพของ โรเบิร์ต คินเคน ตัวละครตัวเอกที่เป็นช่างภาพ ในนวนิยายเรื่อง THE BRIDGS OF MADISON COUNTY (เขียนโดย โรเบิร์ต เจมส์ วอลเล่อร์ แปลโดย เสรี ปิยะฉัตร) เป็นเรื่องรักโรแมนติคของคนที่มีครอบครัวแล้ว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้กลับมาเยี่ยมที่เมืองแห่งนี้เป็นระยะๆ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงข้างถนนมีบ้านเรือนเพิ่มขึ้น มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้น มีถนนสีแดงสายใหม่ตัดแยกเชื่อมเพิ่มขึ้น แต่ถึงกระนั้นถนนสายนี้ก็ยังนำผู้คนในชุมชนสองแห่งไปมาหาสู่กัน และเป็นทางผ่านของใครต่อใครเดินทางไปที่อื่นๆอีกมากมาย และสำหรับผมแล้วมันเป็นมากกว่าถนนสายหนึ่งเท่านั้น…

ระหว่างการเดินทางบนถนนชีวิตของผมที่ผ่านมา ใช่ว่าจะราบเรียบและสวยงามไปเสียทุกอย่าง บางคราวก็พลัดตกลงไปข้างทางโดยประมาท มีหลายครั้งหลายคราวที่แวะชมข้างทางเพลิดเพลินไปหน่อย อาจทำให้ถึงที่จุดหมายปลายทางล่าช้าไปบ้าง

ถึงวันนี้ผมได้พบว่า…เป้าหมายของชีวิตที่จะไปถึงนั้นก็ไม่ได้สำคัญกว่าวิธีการเดินทางมากนัก ทำให้ผมนึกถึงคำคมที่ถูกใจ แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าเป็นคำพูดของใครที่กล่าวไว้ว่า : “ทางไปสู่ความสุขหามีไม่ ความสุขนั่นแหละคือทาง”



---------------------------




หมายเหตุ :

ผมเขียนเรื่องนี้ลงในคอลัมน์ "ริมรั้วหัวใจ" ในนิตยสารขวัญเรือน เมื่อราว 3-4 ปีที่ผ่านมา และได้นำมารวมเล่มในหนังสือชื่อเดียวกับคอลัมน์เมื่อเดือนมีนาคม ปีพ.ศ.2549

ก่อนฤดูหนาวที่ผ่านมาผมกลับไปเที่ยวตะกั่วป่า เพื่อหาซื้อที่ดินปลูกฝันสักแปลง เกือบจะตกลงกับที่อื่นอยู่แล้ว แต่ก็เกิดเหตุได้มาพบที่แปลงเล็กๆแปลงนี้อย่างไม่คาดฝัน ไว้มีเวลาว่างแล้วจะมาเล่าให้ฟังว่า ผมได้พบที่แห่งนี้และได้มาอย่างไม่คาดฝันได้อย่างไร

เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะมาได้ที่ริมถนนที่ผมเขียนถึงในเรื่องนี้

ปัจจุบันห้องแถวเก่าแก่ห้องนั้นเพิ่งถูกรื้อแล้วสร้างอาคารสองชั้นสองคูหาขนาดใหญ่ทับบริเวณเดิม สีสันสดใสและที่ยังเหมือนเดิมอยู่ก็คือขายกาแฟและขนมจีบซาละเปา

ร้านนั้นคือน้องชายของภรรยาผมเองครับ หากใครผ่านไปตลาดเก่าลองแวะชิมกาแฟและขนมจีบซาละเปา รับรองฝีมือไม่แพ้ "ป๊า" ที่จากไปแล้ว


ต้องขอโทษถ้าหากใครเคยอ่านเรื่องนี้แล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เคยอ่านก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ (ไม่ว่าเรื่องไหนจะเคยพิมพ์มาแล้ว แต่ใหม่เสมอสำหรับผู้ยังไม่เคยอ่าน- ใช่ไหมครับ ?)

เพราะช่วงนี้มีงานที่จะต้องทำรออยู่หลายอย่าง จึงเอาเรื่องเก่ามาอัพบล็อกใหม่โดยแก้ปีพ.ศ.ในเรื่องให้ตรงตามความจริงในปัจจุบัน - ขออภัยสำหรับผู้ที่เคยอ่านแล้วนะครับ





 

Create Date : 06 สิงหาคม 2550
81 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 23:01:56 น.
Counter : 2997 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ

อ่านห่างไกลไม่ห่างกันจบแล้วมารายงานตัวนะคะ

โดยรวม ชอบค่ะ อ่านเพลินดี เราทึ่งกับผู้ชายที่อ่อนโยนกับลูกเสมอค่ะ

จริงๆ เราไม่ค่อยชอบอ่านจดหมายหรือบันทึกของคนอื่นเท่าไหร่ (ยกเว้นนิยายจริงๆ ที่ใช้กลวิธีการเขียนอย่างนี้แทนน่ะนะคะ) ก็เลยรู้สึกเขินๆ นิดหน่อยที่ต้องอ่านอะไรอย่างนี้น่ะนะคะ แหะๆ

ชอบที่มีการแทรกธรรมะเข้าไปด้วยค่ะ มีข้อคิดหลายๆ อย่างแทรกด้วย ทำให้อ่านแล้วพลอยครุ่นคิดตามไปด้วยในหลายๆ เรื่อง

แต่ที่ไม่ชอบก็เรื่องการพิสูจน์อักษรค่ะ ยังหละหลวมเยอะจัง แหะๆ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 6 สิงหาคม 2550 22:32:27 น.  

 

เห็นวันก่อนถามถึงบล็อกของการะเกดเอามาฝากนะโดม

//kakade.blogspot.com/

 

โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.140 6 สิงหาคม 2550 23:00:34 น.  

 

สวัสดีค่ะอาโดม

สำหรับถนนสายที่นาชอบคือถนนแห่งการเรียนรู้ และได้มาเขียนอะไรอย่างที่ใจต้องการ มันอาจไม่ใช่ถนนที่ใช้สัญจรไปมา แต่ทว่ามันคือถนนแห่งความคิดและจิตนาการของนา ทุกครั้งที่ได้ขีดเขียนแม้บางครั้งบางคราเรื่องที่ถ่ายทอดออกมามันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำหรือทำให้มีความสุขแต่ก็ทำให้นามีความสุขทุกครั้งที่เขียน

การเดินตามถนนสายที่เราฝันบางครั้งมันก็ยาวไกลจนไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน แล้วเราจะเดินทางไปถึงหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่รู้คือ มีความสุขที่ได้ทำ "ทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ" แล้วมันทำให้เราสุขใจค่ะ

นามาบ่นอะไรนี่เยอะแยะเลย แต่ถนนสายนี้มันสุขใจจริงๆนะค่ะ

 

โดย: มัยดีนาห์ 6 สิงหาคม 2550 23:28:02 น.  

 

วันนี้นอนดึกผิดปกติ....

เพราะมัวแต่เดินหลงอยู่บนถนนสายแห่งรักสายนี้

แต่เดินกันคนละ พศ. (ใจจะบอกน่ะ...ว่เดินช้ากว่าน๊านนนนนน...นาน)

ยังค่ะ...ความรักไม่เคยเฒ่าชราจริงไหมละเออ..
ภูเขาน่ะเขาไม่ได้แถม...แต่เป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนรักขุนเขาในสายฝนจ้า....

...................ถนน คนละสาย
.....................ที่หมายแตกต่างกัน
ปูพื้นกลับไม่ต่าง............
ถมด้วยรัก..........ราดยางด้วยความผูกพัน





เอาถนนบ้านปลายฟ้ามาเข้าประกวด...หลังจากประกวดประชันบรรยากาศในห้องทำงานกันไปแล้ว

พ่อพเยียยังจำได้...สักหมายจำไหมหนอ....

 

โดย: ปลายแปรง (ปลายแปรง ) 6 สิงหาคม 2550 23:45:04 น.  

 

สวัสดีค่ะพ่อพเยีย

ไม่นึกว่าจะเอาเรื่องนี้มาลงบล็อกค่ะ
เพราะโดยส่วนตัวตอนอยู่ในขวัญเรือนก็ชอบ พอมารวมเล่มริมรั้วหัวใจก็ชอบค่ะ

อาจเพราะแต่เดิมเคยชอบ THE BRIDGS OF MADISON COUNTY (เขียนโดย โรเบิร์ต เจมส์ วอลเล่อร์ แปลโดย เสรี ปิยะฉัตร) "เจสสิกา" ในหนังสือเป็นผู้หญิงที่งดงามมาก อ่านในหนังสือจะได้รายละเอียดมากกว่าดูภาพยนตร์ค่ะ

แต่เป็นภาพยนตร์ก็ชอบเหมือนกัน แต่ชอบน้อยกว่าในหนัสือ เพราะหนังสือให้เราใช้จินตนาการได้กว้างไกลกว่าค่ะ

ความฝันอย่างหนึ่งของหนอนฯ ก็คือ ในวันข้างหน้าอยากมีโอกาสไปเยือนตะกั่วป่า ไปกินขนมจีบซาละเปาฝีมือน้องชายของแม่พเยียค่ะ และอยากไปเห็น "ฝั่งฝัน" ของพ่อ-แม่น้องพเยียในภาพของความเป็นจริงด้วยค่ะ

ที่สำคัญที่สุดก็คืออยากไปเห็นถนนนี้...มีความรัก อย่างที่เห็นในหนังสือน่ะค่ะ (โรแมนติกสุด ๆ...คิดแทนค่ะ )

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.177.122 6 สิงหาคม 2550 23:46:49 น.  

 

ประทับใจจังค่ะ
เป็นเรื่องรักประทับใจไว้เล่าให้ลูกให้หลานฟัง

ถนนสายเล็กๆหน้าบ้านนี่แหล่ะค่ะ
เวลาขับรถกลับจากข้างนอก
เลี้ยวลงถนนสายนี้ปั๊บ
จะมองเห็นต้นไม้สูงเป็นแนวไปหยุดอยู่ที่ต้นโอ้คสูงใหญ่ที่หน้าบ้าน
สิ่งแรกที่ทำคืออดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
เพราะมันดูเขียวขจี เงียบสงบ
และมันนำทางไปสู่บ้านของเรา

(แต่พอเข้าบ้านแล้วจะเจอสวนสัตว์ค่ะ
ความสุขสงบจะหายไปทันที)


THE BRIDGES OF MADISON COUNTY เนื่อเรื่องดูธรรมดา การเขียนก็ไม่ได้
ถึงขนาดเป็นคลาสสิค แต่พออ่านและ อ่านจนจบแล้วรู้สึกว่า เป็นหนังสือที่ประทับใจมากที่สุดในชีวิตเล่มนึง
คนเขียนช่างเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงและความรักอย่างแท้จริง


ส่วนตัวนะคะ คิดว่า การที่คนอเมริกัน เปรียบเทียบหนังสือเรื่องนี้ว่าเป็นโรมิโอกะจูเลียตยุคใหม่
เพราะคนในสังคมอเมริกันทุกวันนี้ ถูกสอนมาให้ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง

เป็นค่านิยมที่ดีนะคะ ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
แต่ถ้าไม่ดูดีๆอาจจะมองไม่เห็นเงาจางๆของความเห็นแก่ตัวที่ติดตามมาด้วย

คนบางคนจึงไม่รู้จักคำว่าเสียสละ หรืออุทิศตน

คนบางคนจึงพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อไปหาสิ่งใหม่ที่เค้าคิดว่าใช่

คนบางคนจึงไม่เข้าใจว่าเราจะทนไปทำไมถ้าเราไม่มีความสุข

สุดท้ายที่สุดถนนสายนั้นก็เป็นทางแยก ที่ต่างคนต่างเดิน


...............
ตกใจตัวเอง
ไม่เคยเขียนเมนท์ยาวขนาดนี้
ไม่ว่ากันนะคะ
นานน๊านน มาเยี่ยมที

ขอให้มีความสุขค่ะ



 

โดย: เพลงเสือโคร่ง 7 สิงหาคม 2550 0:13:40 น.  

 

หวัดดีค่ะคุณโดม
ปรายแปลงโชว์ถนนไปก่อนหน้าแล้ว อย่าว่ากันเด้อถนนเข้าบ้านบุญสิตา สพานก็หักไปแล้วที่รัฐมินิโชต้า สพานที่หักก่อนนั้นเมื่อยี่สิบจ็ดปีก่อนออกจากบ้านบุญสิตาสามกิโลเมตร พรุ่งนี้คอยชมนะค่ะ ยานาอ่านที่บล็อกเขียนตามประสาคนบ้า บ่อนะ

 

โดย: บุญสิตา IP: 67.9.4.204 7 สิงหาคม 2550 7:28:56 น.  

 



ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ เจ้าของเสียงเพลงไพเราะในบล็อกนี้




ขณะอยู่บนเวที ทั้งอ่านบทกวีและร้องเพลง





ซ้ายหนอนเมืองกรุง ขวาตะเบบูญ่ากับลูกสาว



ตั้งใจจะเขียนเล่าบรรยากาศเมื่อวานให้ฟังสักเล็กน้อย เขียนจบ..โห..ยาวเยื้อยเลย
เป็นคนช่างพูด ก็พูดเก่ง เล่าเก่งอย่าถือสาเลยค่ะ
และเกิดความคิดว่า เก็บไว้เป็นบันทึกด้วยเลยดีกว่า
วันหน้าได้นำมาอ่าน หวนระลึกถึงเรื่องราวดีๆในวันหนึ่งของชีวิต
มีเวลาว่างค่อยอ่านเรื่องเล่าข้างล่างนี้ก็ได้ค่ะ

เพลงโปรดของหนูที่พี่โดมบอกว่าจะแปะลงบล็อกให้นั้นชื่อเพลง หว่านความรัก (track 02)ค่ะ

............................................................................................................

สวัสดีค่ะพี่โดม...

แซวจังนะเรื่องคุณศักดิ์สิรินี่น่ะ...แต่ก็ชื่นชอบเขามากจริงๆค่ะ

จะเล่าให้ฟังว่า...หนูน่ะอ่านหนังสือของเขามาก่อน รู้ว่าดีแต่ไม่ได้ปิ๊งขนาดเป็นหนังสือในดวงใจจนได้ฟังเพลงของเขานั่นแหละค่ะ ถึงตกหลุมรัก..คงเพราะหนูเข้าถึงเพลงได้มากกว่าหนังสือหายากมากเพลงที่จะงามพร้อมทั้งเนื้อร้อง ความหมาย ดนตรีและเสียงร้องเรียกว่า ถูกจริตหนูน่ะค่ะ..

เมื่อวานต้องนับว่าโชคดี..

โชคดีนี้เริ่มตั้งแต่ โชคดีที่ได้เจอน้องเมี่ยงที่ศูนย์สิริกิติ์ ต้องถือว่าพี่โดมเป็นคนนำโชคมา ขอบคุณค่ะ

โชคดีที่เมี่ยงชวนไปงานแสดงภาพที่เกษตรฯ ทำให้มีการต่อยอดไปถึงการโทรหาคุณศักดิ์สิริในที่สุดและทราบว่า มีการแสดงที่ป๋วยเสวนาคารเมื่อวานนี้

โชคดีที่พี่หนอนฯเป็นคนแถวนั้น บอกทางและไปเป็นเพื่อน ไม่งั้นหนูคงไม่สะดวกทั้งไปและกลับ

โชคดีที่เบนนี่เริ่มเรียนพิเศษทักษะชีวิตเมื่อวานพอดี
ไม่งั้นเมื่อวานหนูไม่มีทางอยู่ได้สบายๆจนจบงาน อาจได้ฟังเพียงแค่เพลงเดียวก็เป็นได้

โชคดีที่จินนี่ไม่งอแง นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ข้างๆ บางครั้งก็ร่วมแจมด้วยเพราะเธอก็รู้จักและชอบเพลง
เหล่านั้นเช่นกัน

โชคดีที่เมื่อวานมีกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายจากรรเทพลีลา มาสัมภาษณ์คุณศักดิ์สิริเป็นเวลาชั่วโมงกว่าๆทำให้หนูได้นั่งฟังคำถามคำตอบเหล่านั้นไปด้วย

คำถามธรรมดาๆของเด็กๆ แต่คุณศักดิ์สิริตอบแบบกวี ตอบแบบคนมีปัญญา ไม่ว่าจะพยายามตอบให้ง่าย พยายามย่อยให้เด็กเข้าใจอย่างไรหนูว่าก็ยังลึกและต้องคิดตามหลายชั้นอยู่ดี (ถามพี่หนอนฯดูสิ..)

บางคำตอบดูธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในความหมาย
ตลอดเวลาชั่วโมงเศษที่ได้ฟังคุณศักดิ์สิริพูดไม่ต่างอะไรกับการได้อ่านหนังสือดีๆนี่จึงเป็นอีกหนึ่งโชคดีเมื่อวานนี้ ถ้าไม่มีการสัมภาษณ์ หนูก็คงไม่ได้ฟังอะไรเช่นนั้นหรอกค่ะ หนูจดย่อคำพูดดีๆมาด้วย เช่น

นร.ถามว่า...งานเขียนเล่มไหนที่คุณอาชอบมากที่สุด
คุณอาตอบว่า...อย่าไปถามพ่อแม่ว่า รักลูกคนไหนมากที่สุด ไม่มีใครตอบหรอก พ่อแม่ก็จะตอบว่ารักเท่ากัน แต่ความจริงมันต้องมีบ้าง ลูกคนไหนที่เชื่อฟัง ไม่เกเร พ่อแม่ก็จะรักคนนั้นมากหน่อยเป็นธรรมดา (แล้วคุณอาก็ล้วงมือไปในย่ามหยิบหนังสือ ก็พอใจ อยากจะรัก ให้นักหนา ออกมา)

ถ้าถามว่าชอบเล่มไหนที่สุด ก็คงจะเล่มนี้เพราะ มีความสุขที่สุดในการเขียนเขียนด้วยความเบิกบาน ลื่นไหลออกมาเอง........(คุณอาเล่าต่ออีกเยอะค่ะ)

นร.ถามว่า...ที่เขียน เรไร ไลลานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า
คุณอาตอบ.. คืองี้นะ ความจริงมีอยู่ 2 อย่าง คือ จริงเพราะมีอยู่จริงเป็นจริงกับจริงเพราะคิดว่าจริง..( คำตอบนี้โดนใจจ๊อดจังน่ะ แล้วคุณอาก็เชื่อมโยงความจริงกับจินตนาการที่เสมือนจริงจนออกมางานเขียน ด้วยสำนวนและลีลาลื่นไหลแบบกวี

เด็กๆนั่งตาโต ปากหวอ งงเต้ก!!! หนูยังตามแทบไม่ทันและแอบขำ แล้วคุณอาก็จบด้วยแววตาละห้อยเสียงอ่อยๆว่า เข้าใจกันไหมเนี่ย...ก็แหงล่ะ..ท่าทางเด็กอึ้งกิมกี่ออกขนาดนั้น คุณอาเห็นก็รู้คำตอบแล้ว..)

นร.ถามว่า..อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเขียน
คุณอาตอบ...ทำงานเขียนใหม่ๆด้วยแรงบันดาลใจ แต่พอทำไปทำไป "ใจบันดาลแรง"คือ ใจมันแรงมาก อยากเขียนอยากถ่ายทอด ทุกอย่างออกมาจากใจที่มันบันดาลแรงอยู่ข้างใน (สำนวนคุณอา..เหลือรับจริงๆ)

นร.ถามว่า..ในการเขียนเคยท้อแท้บ้างไหมคุณอาตอบ(ทันควันหนักแน่น)...ไม่เคย!! (อธิบายต่อว่า) ไม่เคยรู้สึกท้อแท้เพราะ งานเขียนคือชีวิตเขียนเพราะมันเป็นชีวิตของเรา ไม่ได้เขียนเพราะเป็นอาชีพ ถ้างานเขียนเป็นอาชีพอย่างบางคน อาจมีความท้อแท้บ้างที่ต้องเร่งงานส่งให้ทัน แต่อาทำแบบสบายๆ เขียนเพราะอยากเขียนไม่มีอะไรมากดดัน

นร.ถามว่า...คุณอาคิดว่า ความรักคืออะไร (โฮะๆๆๆ ถามใครไม่ถาม)คุณอาตอบ..สำหรับอานะ ความรักคือ การเข้าถึงความดี (จากนั้นก็มีการสนทนาอธิบายกันยาว

ในหลายแง่มุม หนูชอบคำจำกัดความของความรักอันนี้ หนูคิดว่าหนูเข้าใจ และเชื่อว่าพี่โดมก็เข้าใจในความหมายนี้ของคุณศักดิ์สิริด้วย)

นร.ถามว่า..จะเป็นนักเขียนได้อย่างไร คุณอาตอบ.. อยากเขียนอะไรก็เขียนไป เขียนเก็บไว้อ่านเอง เขียนไปเรื่อยๆ แล้วไม่ต้องส่งไปให้ใครอ่านมากนัก ไม่งั้นเราจะขาดวินัยในการเขียน (แล้วก็หยุดคิดนิดนึง)

ไม่ต้องอยากเป็นนักเขียนหรอก คุณจุ้ยบอกว่า ขอให้เป็นนักอยากเขียน ให้ได้ก็แล้วกัน

นร.ถามว่า..อะไรเกี่ยวกับประสบความสำเร็จเนี่ยค่ะ หนูไม่ทันฟัง หันไปดูลูก(แต่คำตอบ..เด็ด!!)คุณอาตอบ..สำหรับอา การทำเสร็จคือ ความสำเร็จ วันนี้เขียนกลอนได้หนึ่งบท ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เขียนเรื่องสั้นหนึ่งเรื่อง เพลงหนึ่งเพลง ทำได้เสร็จก็คือ ความสำเร็จ เพราะฉะนั้นอาประสบความสำเร็จทุกวันแหละ

คำตอบทั้งมวลหนูย่อมาสั้นๆ จริงๆแล้วตอบยาวมาก อธิบายยาว ฟังเพลิน...เชียวค่ะ

นอกจากนี้ยังบอกเด็กๆและครูที่พามา(ท่าทางจะเป็นเพื่อนกันเห็นเรียกพี่ไวท์)ว่า อย่าอ่านหนังสือมากนักหนังสือบางเล่มเสียเวลาอ่านเปล่า เวลาอ่านหนังสือให้อ่านสิ่งที่อยู่ข้างหลังตัวหนังสือเหล่านั้น และอ่านทุกๆอย่างรอบตัว เห็นแมลงปอบินมาโดนตั๊กแตนกัด ก็ให้อ่าน เห็นเหตุการณ์อะไรอ่านให้หมด ให้เข้าใจความหมายในนั้นให้ได้ (ปรัชญาสุดๆ)

ยังเล่าให้ฟังว่า ตอนเขียนหนังสือใหม่ๆ ก็กู้เงินสหกรณ์ครูมาพิมพ์เอง สองหมื่นกว่าบาท ใช้คำว่า "แจ้งเกิดเอง ทำคลอดตัวเอง" (หนูล่ะขำ)คุณศักดิ์สิริเล่าให้ฟังเรื่องบรรยากาศที่บ้านนครสวรรค์ บอกเด็กๆว่า ชอบอยู่อย่างนั้นเพราะ ชอบความเงียบ ความเงียบทำให้เราพบคำตอบ ความเงียบทำให้เราได้ยินเสียงของตัวเองความเงียบทำให้เกิดปัญญา ความเงียบเป็นเพื่อนที่ดีของเรา

กรุงเทพฯเคยเงียบไหม กรุงเทพฯเคยมืดไหม มืดแบบยกมือขึ้นตรงหน้าตัวเองแล้วมองไม่เห็นน่ะ....เป็นคนชอบนอนเปลมาก ผูกเปลไว้เยอะ และไม่ทำงานมาก ไม่สนใจหาเงิน ไม่อยากรวยชอบนอนเป็นที่สุด วันนึงทำงานได้ชิ้นเดียวพอแล้ว ยังบอกเด็กว่า อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะ
แต่หนูเข้าใจ.. เด็กๆอาจจะยังไม่เข้าใจความต่างของ ความขี้เกียจกับความพอเพียง คุณศักดิ์สิริเลยต้องพูดดักไปอย่างนั้น

ยังพยายามสอนเด็กๆเกี่ยวกับเรื่องการรักตัวเองให้เป็น
"คนเราอยากมีชื่อเสียงเพราะ ขาดการยอมรับตัวเอง ไม่ค้นพบว่า ตัวเองมีอะไรจึงอยากให้คนอื่นมานับถือก่อน คนสมัยนี้จึงอยากเป็นดารา เป็นนักร้องกันมาก
เพื่อให้คนอื่นมายอมรับมานับถือ....."

ยังเล่าเรื่อง หอศิลป์(อ่านว่า) ลือสาย (สะกดด้วยตัวลือ ภ สำเภาหางยาว สระอาหางยาว
แต่ในแป้นพิมพ์ไม่มีตัวลือนี้ค่ะ) ที่อ.ไพสาลี จ.นครสวรรค์ ว่าตอนนี้มีภาพเขียนของศิลปินกว่า 57 ภาพ ของคุณศักดิ์สิริเองมี 2 ภาพ ภาพเหล่านั้นได้มาจากการ "ขอ" ทั้งสิ้น

เริ่มจากคุณชวน หลีกภัย (หา...คุณชวนวาดภาพด้วยเหรอ) แล้วก็ได้ภาพจากการบอกต่อๆกันไป มีเพื่อนหลายคนรออยู่ถามมาว่า "เมื่อไรมึงจะขอภาพกูสักที" (ฮา...)ยังมีภาพของเด็กอนุบาล เด็กประถมร่วมแสดงด้วยเพื่อเด็กๆจะได้ภูมิใจ ตัวคุณศักดิ์สิริเองก็มาสอนศิลปะเด็กๆที่นั่น

ในการแสดงยังมีเล่าที่มาของเพลงที่นำมาร้องด้วย ก็ได้ฟัง ได้ทราบ และได้ซาบซึ้งกับตัวตนของคุณศักดิ์สิริในแง่มุมอื่นๆด้วย

ร้องทั้งหมด 5 เพลง เสียงจริงเพราะมาก เพราะกว่าในซีดีเสียอีกหนูยังบอกเธอเช่นนั้น เธอก็ได้แต่อมยิ้ม...

อ้อ..มือนั้นสีขาวพิมพ์ครั้งที่ห้า มากับมอไซต์บึ้นมาส่งถึงมือคนเขียนตอนบ่ายโมงกว่า
หนูเลยได้มา 1 เล่มพร้อมลายเซ็นสดและสวย หนูยิ้มจนแก้มปริ...

แน่นอนว่ามีภาพถ่ายค่ะ แต่ไม่มีแบบสองต่อสองนะ เนื่องจากยายลูกสาวเห็นกล้องเป็นต้องกระโดดเข้าร่วมเสมอ จะส่งให้พี่โดมทางเมล์ค่ะฉบับนี้ส่งไม่ทัน รอสักวันสองวันนะคะ (ต้องให้คุณหมอเป็นคนโหลดจากกล้องเข้าเครื่อง หนูทำไม่เป็นค่ะ..อิอิ)

ขอบคุณพี่โดมสำหรับทุกอย่างค่ะ

ด้วยความเคารพ

ตะเบบูญ่า..ค่ะ


รูปและจดหมายฉบับนี้ตะเบบูญ่าเธอส่งมาทางอีเมล์ เธอบอกยินดีให้นำมาลงบล็อกด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ และเห็นว่าในจดหมายไม่ได้มีความลับอะไร และคิดว่าคำพูดบางประโยคของคุณศักดิ์สิริ อาจมีประโยชน์มีแง่คิดกับผู้ที่ได้ฟังหรือได้อ่านบ้าง - ต้องขอขอบคุณตะเบบูญ่าที่เก็บของดีๆมาฝาก

 

โดย: พ่อพเยีย 7 สิงหาคม 2550 7:59:05 น.  

 

คุณโดมคะ...

ครั้งหนึ่งคุณโดมเคยบอกหนูว่า อยากให้หนูเล่าเรื่องหมาน้อยที่น่ารักของหนูให้คุณโดมฟัง..

หมาน้อยที่น่ารักของหนูชื่อ ฟาง ฟาง เป็นหมาพันธุ์ชินสุผสม ขนที่หูมีสามสี ดำ น้ำตาล ขาว มียี่สิบนิ้ว ซึ่งเป็นหมาที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะหมาส่วนมากจะมีแค่ 18 นิ้วเท่านั้น
ฟาง ฟาง จึงนับว่าเป็นหมาที่มีคุณสมบัติพิเศษตัวหนึ่ง....

ตั้งแต่เลี้ยงเขามา หนูฝึกเขาให้ทำธุระกิจส่วนตัวให้เป็นที่เป็นทาง..ซึ่งเขาก็เรียนรู้ได้เร็วมาก..ไม่เคยเพิ่มภาระให้หนูเลย..

เรามีกันและกันเท่านั้น..หนูให้ความรักความเอาใจใส่ดูแลเขาอย่างเต็มที่..กอด หอม กันทุกวัน ซึ่งในความรู้สึกหนู
คิดว่าเขาคงรับรู้หมด เพียงแต่เขาพูดไม่ได้เท่านั้น...
ทุกเช้า..เขามีหน้าที่ปลุกหนูตื่น..โดยการมากหอมแก้ม
มาเบียดเนื้อตัวเรา ให้รับรู้ว่าเช้าแล้วนะ..ตื่นได้แล้ว..

เขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตหนู...ยามใดที่หนูร้องไห้..โดยสัญชาตญาณ เขาจะมาอยู่ข้างๆตัวหนูทันที..

แต่เช้าวันนี้..หนูตื่นขึ้นมาโดยไม่มี ฟาง ฟาง ปลุกให้ตื่น
เหมือนเช่นเคย...เป็นเช้าที่เงียบเหงา..เช้าที่โศกเศร้า...
เพราะหมาน้อยที่น่ารัก ของหนูได้จากหนูไปแล้ว..

เมื่อคืนในขณะที่กำลังจะปิดร้าน เขาออกไปเดินเล่นซึ่งก็เป็นปกติของเขา..แต่ถ้าเขาได้ยินเสียงประตูปิดเมื่อใด
เขาจะวิ่งกลับมาบ้านทันที..แต่การวิ่งกลับบ้านของเขาเมื่อคืนเป็นการวิ่งครั้งสุดท้ายของเขา...

รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วได้พุ่งชนร่างอันน่าทนุถนอม นั้นทันทีโดยไม่มีเสียงร้องใดๆทั้งสิ้น!!

วินาทีนั้นใจหนูแทบขาดตามลูกน้อยที่น่ารักของหนูทันที..นับแต่นี้ต่อไปไม่มีแล้ว....ความสุขที่ฟาง ฟาง มอบให้หนู
ร่างที่น่ารักของเขาได้ถูกฝังไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้

ร่างนั้นได้ห่อหุ้มด้วยเสื้อที่หนูสวมใส่กับเขาในวันสุดท้ายของเขา...ถึงเขาไม่มีชีวิตและวิญญาณแล้วก็ตามหนูอยากให้ร่างของเขาได้รับรู้ว่า เสื้อที่ห่อหุ้มร่างน้อยๆของเขานั้น
เปรียบเสมือนว่า เขาได้หลับอยู่ในอ้อมอกของหนูทุกเวลา
นาที...
" หลับเถิดหนาคนดี..ขอให้เจ้าหลับอย่างมีความสุข..
แม่จะจดจำความน่ารัก..น่าเอ็นดูของหนูไปชั่วชีวิต
ไม่มีวันลืม..."ฟาง ฟาง น้อยของแม่...

 

โดย: แม่ ฟาง ฟาง IP: 61.7.173.223 7 สิงหาคม 2550 8:01:41 น.  

 

ปลายแปลง เอาถนนมาโชว์ เราก็เอามาบ้าง (ทั้งนี้เพราะเพิ่งเอารูปขึ้นเองได้ เป็นความสามารถ ขอบคุณพ่อพเยียที่แนะนำ สีน้ำฟ้าเคยบอกครั้งแล้วแต่บอกแค่วิธีสลับรูป เช่นเอารูปไปไว้ตรงกลางได้อย่างไร ความจริงมันเป็นวิธีเดียวกัน

ดูความสามารถเรื่องเทคโนโลยี่แล้วกัน ว่าแล้วก็จะเล่าให้ฟังว่า หลังจากหยุดทำงานมาพักหนึ่งคือช่วงแรกทำงานโดยใช้เครื่องพิมพ์ดีด ทำอาร์ทกันแบบตัดปะ และหยุดชีวิตการทำงานกองข่าว ต่อมาช่วงหนึ่งถูกชวนไปนั่งทำงานใหม่เป็นรีไรเตอร์ข่าว กลับเข้าไปใหม่คราวนี้ต้องใช้คอมแล้ว และต้องส่งงานเข้าไปโดยไม่ต้องเดินเข้าไปหาคนทำ
อาร์ท

โอ...ชีวิตลำบากสุด ๆ เกือบถอดใจแล้ว แค่ลากเม้าเอาไอ้กระดูกเข้าไปเพื่อเขียนก็ยากแล้ว มีเรื่องขำเรารู้สึกว่าโต๊ะเรามันแคบไป ลากมาสุดโต๊ะแล้วมันก็ยังไม่ได้ ในที่สุดก็ทำได้ แค่แก้ข่าวเขียนข่าวแล้วส่ง ต่อมาเขามีการสร้างกระทะข่าว แบบว่าเป็นศูนย์ข่าวต้องเข้าไปค้นข่าวทุกวัน พระเจ้า ชีวิตข้าอันนี้ข้าไม่ทำแล้ว น้อง ๆ ช่วยค้นมาให้เถอะ อะไรที่ศูนย์ข่าวต่างจังหวัดส่งมาแล้วใกล้เคียงกับที่เราต้องการ
เอาล่ะมาดูความสามารถในการส่งรูปถนนครั้งนี้




ถนนสายออกจากบ้าน และกำแพงโรงเรียน ภาพนี้เป็นช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา หลานสาวแอบถ่าย ในขณะที่เรา
ขี่จักรยานไปจ่ายกับข้าว

วันนี้พิเศษ หลานสาวจากเมืองหลวงมาเยี่ยม และเพื่อนจากชายฝั่งทะเลตะวันออกมาเยี่ยมสองคนโดยไม่ได้นัดหมาย เขามาธุระที่อื่นและแวะมาหา มาแบบถามเส้นทางชาวบ้านมาเรื่อย ๆ
ชาวบ้านจะถามกลับว่า อ้ายคนเล่นดนตรีใช่ก่ะ
ถ้าถามถึงคนเขียนหนังสือไม่มีใครรู้จัก

 

โดย: แพรจารุ 7 สิงหาคม 2550 8:46:56 น.  

 

ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ร่วมเหตุการณ์วันที่คุณศักดิ์สิริมาแสดงดนตรีในงาน ป๋วยเสวนาคาร เมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2550

ต้องบอกว่า...ชื่นชมคุณศักดิ์สิริมากเช่นกัน

ที่มากกว่าความหมายในงานแสดงวันนั้น ก็คือโอกาสที่ได้ฟังความคิดเห็นของคุณศักดิ์สิริในแง่มุมต่าง ๆ ค่ะ ชอบหลายบทหลายตอนดังที่ตะเบบูญ่ารายงานข่าวสดไปแล้ว

ได้เห็นความคิดคำจำกัดความของคำหลายคำ เช่น คำว่า "ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม" หมายถึงการดำเนินชีวิตไปตามปกติ เขาเชื่อว่าถ้าคนเราดำเนินชีวิตไปตามยถากรรมในความหมายดั่งว่า ก็จะประสบความสำเร็จได้ ทั้งนี้คำว่าความสำเร็จนั้นตีความว่า "เสร็จ" เท่านั้น

ชอบวิธีคิดประกอบคำว่าตามยถากรรมที่ว่า ดำเนินชีวิตปกติคือการทำงานของตนไปทุก ๆ วัน ไม่ต้องทำมากมาย ในกรณีของคุณศักดิ์สิริ คือการเขียนบทกวีวันละ 1 บท 1 สัปดาห์ได้ 7 บท 1 เดือน ได้ 30 บท 1 ปี ได้ 365 บท ใน 365 บทจะไม่มีผลงานดี ๆ เกิดขึ้นเลยล่ะหรือ

นอกจากบทสนทนาระหว่างเขากับนักเรียน และมีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยส่วนตัวบ้างแล้ว การแสดงดนตรีของคุณศักดิ์สิริน่าสนใจค่ะ ตรึงผู้ชมให้มีใจจดจ่อรอฟังเรื่องราวที่เขาถ่ายทอดประกอบบทเพลง ทุก ๆ เรื่องและทุก ๆ ความคิดน่าสนใจ

แต่สำหรับหนอนฯ ชอบเรื่องราวเบื้องหลังบทเพลง "ชิงช้าคนช่างฝัน" (ชื่อนี้ถูกหรือผิดไม่รู้ล่ะ - แต่ชอบเพลงนี้มาก) ถ้าเล่าก็จะยาว แม้เคยฟังมาแล้วก็ยังอยากฟังอีก

หลังเลิกจากการแสดงดนตรี ก็ได้คุยกัน คุณศักดิ์สิริถามหนอนฯ ว่า ฟังเรื่องเบื้องหลังเพลงนี้มาหลายหน ไม่เบื่อบ้างหรือ แล้วที่เล่าวันนี้เหมือนวันก่อน ๆ หรือเปล่า หนอนฯ บอกไปว่า เล่ากี่หนก็ไม่เบื่อฟัง กระทั่งวันนี้แม้เรื่องราวจะเป็นเรื่องเดิม ๆ แต่ก็มีรายละเอียดที่มากกว่า

ถามคุณศักดิ์สิริว่าระหว่างเรื่องสั้นและบทกวี ในใจจริง ๆ แล้วอยากจะทำอะไร เขาตอบว่าอยากเขียนเรื่องสั้น งานเขียนเรื่องเป็นงานที่อยากทำมากกว่า แต่ในความรู้สึกเห็นว่ามันยากกว่าการเขียนบทกวี (ก็เป็นมือกวีซีไรท์นี่นา - นี่หนอนฯ คิดในใจ แต่ละคนมีที่ทางที่ลงตัวเป็นของตนเอง)

ระหว่างทุกคนรอรถแท๊กซี่เพื่อเดินทางกลับ ได้พูดคุยกันอีกหลายอย่าง มีเมี่ยงคนคุยเก่งมาสมทบบนบาทวิถีนั้นพอดิบพอดีด้วย (เกือบมาไม่ทันเพราะพวกเรากำลังจะกลับ) การคุยจึงยิ่งออกรสเพราะคุณเมี่ยงคุยเก่งมาก

หนอนฯ ส่งคุณตะเบบูญ่าและลูกสาวขึ้นรถเป็นรายแรก ตามด้วยคุณศักดิ์สิริ และคุณเมี่ยงกับเพื่อน สำหรับหนอนฯ เดินเท้ากลับบ้านด้วยใจที่อิ่มสุขไม่แพ้คุณตะเบบูญ่า เป็นบ่ายวันเสาร์ที่งดงามอีกวันหนึ่งในความรู้สึกค่ะ

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 202.28.180.201 7 สิงหาคม 2550 10:33:38 น.  

 

สวัดดีค่ะลุงโดม
ช่วงนี้งานยุ้งใช่ไหมค่ะ
หนูเองก็เรียนหนักเหมือนกัน
มีสอบเยอะมากเพราะใก้ลจะปิดเทอมแล้ว
ประมาณตุลาค่ะ ปิดประมาณ 15 วัน
ถึงจะเรียนหนักอย่างไรก็ยังอยากทำบล็อกอยู่
พอวันนี้อาจารย์ไม่เข้าสอนเลยมีโอกาสดี
มีเวลาพอทำในสิ่งที่อยากทำได้แต่ก็ไม่มากพอ
เลยเอาเรื่องที่เคยให้ลุงโดมอ่านแล้วมาลงก่อน
ไม่ว่ากันนะคะ ก็หนูใจร้อนอยากเห็นบล็อกของตัวเองไวๆ
บันทึกใหม่ก็มีค่ะแต่ยังไม่ได้พิมพ์เลย
ว่าจะพิมพ์ตอนกลางคืน คอมที่หอพักก็เสีย
ตอนกลางวันก็มีเรียนแทบจะทั้งวัน
หากวันนี้มีเวลาก็จะรีบทำเลยค่ะ
//lifeandleran.bloggang.com
ชื่อบล็อกของหนูค่ะลุงโดม
เอาเป็นว่าเวลาที่เเหลือนี้หนูจะรีบพิมพ์
แล้วลุงโดมและคุณผู้อ่านหลายๆท่านจะได้
ช่วยแนะนำหนูเพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป
ด้วยความเคารพ







 

โดย: yellyjam (lukkongpoka ) 7 สิงหาคม 2550 10:58:45 น.  

 

เส้นทางบ้านเราเอง


ดีใจได้เห็นคุณตะเบบูญ่าตัวจริง เห็นชื่อเสียงเรียงนามมาพอสมควร

เอาเป็นว่าหลังวันแม่จะนัดหมายกันสักทีนะ
เพราะช่วงวันแม่ จะกลับไปบนเส้นทางถนนประทับใจของพี่โดมนั่นแล

 

โดย: J IP: 203.154.114.253 7 สิงหาคม 2550 11:36:06 น.  

 

ทำงานๆนะพี่โดม
เรื่องเขียนบล็อกที่ไม่ได้ตังค์เนี่ย ขยันจัง
(อันนี้พี่โดมพูดเล่นตัวเองนะ!!)
เรื่องนี้ถึงอ่านแล้ว แต่ก็ลืมตัวอ่านไปอีกรอบแล้วล่ะจ้ะ
นึกถึงหนังThe road Home ขึ้นมาเลย
ถนนสายที่พาพระเอกนางเอกมารักกัน
เรื่องนั้นอาจดูเศร้า แต่เรื่องถนนสายตะกั่วป่า
พี่โดมแฮปบี้เอนดิ้ง
ตอนจบได้น้องเยียมาหนึ่งคน แฮ่ๆ

โอว ได้เห็นโฉมมิตรรักในบล็อกพี่โดมแล้ว เย้ๆ

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 7 สิงหาคม 2550 11:48:16 น.  

 

อ่านแล้ว ประทับใจ ซาบซึ้ง ความรักทำให้เรามีความอดทน มีเหตุมีผล มีศัทธา ทำให้ผ่านพ้นมาทุกเรื่องราว ดีร้าย สุดท้ายก็ แฮบปี้เอ็นดิ้ง พ่อหลวงบรรยายได้ซาบซึ้งกินใจ เพราะที่ผ่านมาเราไม่มีความอดทนเลย

 

โดย: p tim IP: 124.157.162.240 7 สิงหาคม 2550 13:26:40 น.  

 

สวัสดีจ๊ะคุณโดมและมิตรรักทุกท่าน

เข้ามาอ่านทุกวันแต่ไม่ได้เม๊นท์ คงไม่ว่ากันนะจ๊ะ
ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายมาก ญาติๆของอลันมาเยี่ยมจากออสเตรเลีย และฉันก็กำลังเตรียมตัวสอบวีซ่าถาวร
เขานัดสอบ 30 ส.ค. นี้
อยากจะฝากบอกยานาว่า อย่าโศรกเศร้าไปมากนักเลย
ชีวิตก็แบบนี้แหละ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ของทุกชีวิต
ไม่ว่าคน หรือสัตว์
กลับบ้านเรา รักรออยู่ .....

 

โดย: ป้าชุ IP: 172.201.249.72 7 สิงหาคม 2550 14:06:14 น.  

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน


วันนี้ได้ทำงานผ่านไปชิ้นหนึ่งก็ค่อยโปร่งโล่งใจ
แวะมาคุยที่บล็อกดีกว่า...

สวัสดีครับคุณสาวไกด์ใจซื่อ

รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่ยอดอภิมหานักอ่านอย่างคุณ
อ่านเรื่องที่ผมเขียนจบแล้ว

เรื่องพิสูจน์อักษร วันก่อนคนเขียนคำนำเธอก็บ่นไปหลายกระบุง
ผมบอกสำนักพิมพ์ไปแล้ว
ตอนพิมพ์ครั้งที่สองก็ยังไม่ได้แก้ไข เพราะรีบมาก

หากเกิดปาฏิหารย์จากบล็อกแก๊งมีจริง ได้พิมพ์ครั้งที่สามขึ้นมา(เหอะ เหอะ)ผมจะขอพิสูจน์อักษรเองเลย
เพราะผมมือพิสูจน์อักษรเก่าอยู่แล้ว


สวัสดีจ้ะหนูมัยดีนาห์


อย่างที่หลานพูดว่า "สำหรับถนนสายที่นาชอบคือถนนแห่งการเรียนรู้ และได้มาเขียนอะไรอย่างที่ใจต้องการ"

ก็ถนนสายนี้แหละที่ทำให้อากับหลานได้โคจรมาพบกันไง

แต่ละก้าวที่เดินไปคือความสำเร็จทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องรอจนถึงปลายทางหรอกจ๊ะ ขอให้มีความสุขระหว่างที่ทำก็พอแล้ว


สวัสดีจ้ะปลายแปลง


ถนนสายนี้สวยจัง ไม่มีเสาไฟฟ้าด้วย ตรงไหนนะเนี่ยะ จำไม่ได้เลย สงสัยตรงที่วันนุพาขับรถอ้อมวันนั้นใช่ไหม ?



สวัสดีครับคุณเพลงเสือโคร่ง

ด้วยความยินดีครับที่เข้ามาคอมเม้นท์

ตอนคุณอ่านนิยายเรื่อง THE BRIDGES OF MADISON COUNTY จากหนังสือภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยครับ ?

เรื่องนี้ผมดูหนังก่อนแล้วได้มาอ่านหนังสือลดราคาทีหลัง ก็ไม่ถึงกับชอบมาก แต่ก็มีอะไรให้ได้รู้สึกและได้คิดบ้าง สังเกตดูผู้หญิงจะชอบทั้งหนังและนิยายเรื่องนี้กันมากกว่าผู้ชาย ภรรยาเพื่อนผมคนหนึ่งเธอก็ชอบหนังเรื่องนี้มาก


ผมขอแสดงความเห็นนิดนึงนะครับ เรื่องความเห็นแก่ตัว
ผมว่าคนที่ชอบเห็นแก่ตัวน่ะเขาไม่รู้มากกว่า
ไม่รู้ว่า "ความเห็นแก่ตัว" นั้นไม่ดี

ถึงวันนี้ผมอยากพูดว่า "ความเห็นแก่ตัว" ไม่ใช่เป็นความสุขที่แท้จริง ถึงแม้จะดูเหมือนว่าผู้เห็นแก่ตัวจะได้เปรียบอะไรทุกอย่างจากคนรอบข้าง หรือคนที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องด้วยก็ตาม แต่ทุกครั้งที่เห็นแก่ตัวก็ทำให้จิตใจคับแคบขึ้น เมื่อจิตใจแคบขึ้น จะไปหาความสุขสบายใจได้ที่ไหน ?

เรื่องแบบนี้คุณเพลงเสือโคร่งย่อมรู้ดีอยู่แล้ว เพราะถ้าผมจำไม่ผิดคุณเพลงเสือโคร่งกับพี่ๆน้องเป็นนักฏิบัติธรรมด้วยใช่ไหมครับ ? ผมจำผิดหรือเปล่านะ ?



สวัสดีครับคุณบุญสิตา

จะรอดูถนนในต่างประเทศบ้าง ว่าจะสวยขนาดไหน โดยเฉพาะถนนหน้าบ้านคุณบุญสิตา
แล้วคนไข้ไปหลงรักหมอ ได้อย่างไรกันนะ ช่วงนี้ผมยังไม่ว่างไปอ่านที่บล้อกคุณเลย


สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่า

เห็นรูปและเรื่องที่เก็บมาฝากแล้ว ก็พลอยมีความสุขไปด้วย วันนั้นก็อยากไปเหมือนกัน แต่พอดีไม่ว่าง เพราะกับคุณศักดิ์สิริก็รู้สึกเป็นมิตรสนิทใจกัน

ครั้งก่อนที่ตัดสินใจไปเที่ยวพม่าก็เพราะเขาเป็นคนชวนนี่แหละ เขาเป็นคนน่ารักอัธยาศัยใจคอดี และมีความสามารถอีกต่างหาก

เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครพบคุณศักดิ์สิริแล้วจะตกหลุมรัก เพราะพ่อพเยียเองขนาดไม่ได้เป็นเกย์ก็ยังประทับใจหลายๆอย่างในตัวเขาเลย

ในระหว่างการเดินทางด้วยกันที่ไปประเทศพม่ามีหลายอย่างที่ยังเก็บอยู่ในความทรงจำ เล่าเรื่องหนึ่งให้ฟังก็แล้วกัน ก็นั่งเครื่องบินที่โฆษณาคาราบาวอยู่ข้างลำนั่นแหละ ขาไปศักดิ์สิริกับภรรยาเขาก็นั่งริมหน้าต่าง ขากลับพ่อพเยียก็อยากนั่งริมหน้าต่างบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง ชะรอยเขาคงจะรู้ว่าพ่อพเยียอยากมองก้อนเมฆ เพราะนานๆจะได้นั่งเครื่องบินสักครั้ง

เขาก็ขอสลับสับเปลี่ยนให้พ่อพเยียไปนั่งริมหน้าต่างสมปรารถนา โดยที่พ่อพเยียไม่เคยเอ่ยปากขอนี่แค่เพียงหนึ่งตัวอย่างเท่านั้นนะ


เห็นคนชื่นชมกันแล้วมีความสุขก็พลอยอิ่มใจไปด้วย


สวัสดีแม่ฟางฟาง

ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของลูกหมาที่รักด้วย
เศร้าโศกได้ แต่อย่านานนักนะครับ
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้สองพันกว่าปีแล้วว่า"การพลัดพรากจากสิ่งที่รักย่อมเกิดทุกข์"

ก็ขอให้เรียนรู้จากความทุกข์ในครั้งนี้เพื่อที่จะได้ทุกข์น้อยลงหากได้ประสบกับการจากพรากอีกในคราวหน้า

เพราะในชีวิตคนเราหนีการจากพรากไปไม่พ้นหรอก ตราบใดที่ยังมีการพบก็ย่อมมีการจาก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่มีเว้นว่าเป็นใครก็ตาม

ผมบอกคุณขณะเดียวกันผมก็บอกตัวเองด้วย


สวัสดีจ้ะ แพร จารุ

ถนนนี้เราเคยผ่านแล้ว..
ตอนเช้าวันที่ไปนอนที่กระท่อมทุ่งเสี้ยว แล้วตื่นเต่เช้าเพื่อไปตลาดตอนเช้า ใช่ไหมล่ะ เราต้องเดินผ่านตรงนี้ใช่ไหมล่ะ ?

สวัสดีจ้ะหนอนเมืองกรุง

วันก่อนที่พบตะเบบูญ่าที่ศูนย์สิริกิติ์ หลายคน มีคุณติ๋ม คุณเล็ก คุณสเลเต ฯลฯ วันนั้นดูตะเบบูญ่ายังไม่สวยผุดผ่องขนาดนี้เลยนะ เอ...สงสัยจะได้ครีมดีไปใช้แน่เลย จึงดูหน้าใสขึ้น

หรือจะเป็นเพราะว่าหนอนมาอยู่ในภาพด้วย จึงทำให้ตะเบบูญ่าสวยขึ้นผิดหูผิดตากว่าวันก่อน ?

หรือสารแห่งความสุขหลั่งไหลไปทั่วร่างกันแน่นะ ?


สวัสดีจะหลาน yellyjam

แบ่งเวลาเรียนเวลาเขียนบล็อกให้พอดีนะหนู
เดี๋ยวลุงจะแอ็ดมาไว้ที่บล้อกของลุง ว่าแต่ชื่อบล็อกของหนูที่เขียนว่า lukkunpoka นี่อ่านว่าอะไรเนี่ยะ ลุงอ่านไม่ออกจ้า ช่วยเฉลยหน่อย


สวัสดีคุณ J

นี่ยังจำได้ไหมวันหนึ่งที่ผมเดินทางไปกับคุณจากตะกั่วป่าไปท้ายเหมืองน่ะ

จริงๆแล้วสวนของคุณก็อยู่ไม่ไกลจากนี้มากใช่ไหม บ้านของชิด ชยากรก็ไม่ไกลจากนี้มาก แต่ตอนนี้ชิดเขาอยู่ภูเก็ต เขาคงไม่กลับมาอยู่ที่บ้านตะกั่วป่าแล้ว

สวัสดีจ้ะยิปซีสีน้ำเงิน

ก็ชอบเรื่อง The road Home ของจางอี้โหมวใช่ไหม ?
ชอบนางเอกคนนี้อยู่แล้วด้วย

แล้วเมื่อไรยิปซีฯจะเผยใบหน้าให้เห็นบ้างล่ะ
ส่งรูปมาโชว์กันหน่อยไม่ได้หรือ ?



สวัสดีจ้ะคุณ p tim

ไม่สบายน่ะ หายแล้วหรือยัง บางทีอาจมีสาเหตุมาจากการอยู่คนเดียวนานเกินไปก็เป็นได้นะ ต้องรีบแต่งงานด่วน (ฮา) หมอเขาตรวจสุขภาพแล้วเขาว่าอย่างไรหรือเปล่าล่ะ ขอให้หายเร็วๆนะครับ

ทุกคนมีความอดทนด้วยกันทั้งนั้นแหละ แต่อาจจะอดทนกันไปคนละอย่าง คนละด้าน

แต่สำหรับผมที่รักอยู่กันด้วยกันทุกวันนี้ ผมไม่เคยต้องอดทนอะไรเลยนะ แต่อาจจะเป็นเธอนั่นแหละที่ต้องอดทนอยู่กับผม (5 5 5)


สวัสดีครับป้าชุ

หายหน้าหายตาไปเลยนะครับ

ไม่ว่ากันอยู่แล้ว บล็อกนี้ตามสบายเหมือนเดิม
เม้นท์ก็ได้ อ่านเฉยๆก็ยินดี ไม่อ่านก็ไม่เป็นไร เพราะคนเขียนยังสนุกที่จะเขียนต่อไปจนกว่าจะเบื่อนั่นแหละครับ

 

โดย: พ่อพเยีย 7 สิงหาคม 2550 17:10:06 น.  

 

สวัสดีค่ะลุงโดม
แวะเข้ามาก่อนจะเข้าค่าย
เดียวพรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแต่เช้าไปเข้าค่าย
กลับมาอีกทีก็ตอนเย็นวันศุกร์ค่ะ
เฉลยน่ะค่ะ lukkongpoka(อ่านว่า "ลูกของพ่อค่ะ")
ไม่รู้ว่าสะกดถูกต้องตามหลักไวยากรณ์หรือเปล่า
แต่ตั้งใจให้อ่านว่าอย่างนั้นค่ะ
ด้วยความเครพค่ะ

 

โดย: yellyjam IP: 61.7.231.130 7 สิงหาคม 2550 19:09:31 น.  

 

มะ มะ มะด้ายหรอกพี่โดม!!!
ขืนโชว์รูปมีหวังเรตติ้งตกแน่ๆ
ให้คนอ่านเค้าจินตนาการ
ว่าเป็นยิปซีสาวไปเรื่อยๆ ดีกว่า...

ปล.พี่โดม ถ้าตาไม่พลาด ไม่เห็นคอลัมน์โลกในเม็ดทราย
ฉบับนี้เลยนะ ใช่ไหมคะ เกิดไรขึ้นเปล่าคะ
ถ้าหายจากที่นี่ แล้วไปโผล่ที่อื่นก็ยินดีด้วยนะคะ

 

โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน 7 สิงหาคม 2550 19:29:57 น.  

 

สวัสดีทุกคนค่ะ

ถนนนี้..มีความรัก อ่านกี่ทีก็ยังซาบซึ้งในการเริ่มต้นชีวิตของครอบครัวของพ่อพเยีย
มีความหมายน่าประทับใจมากค่ะ
แต่ชอบของแถมจัง หนูต้องทำยังไง ถึงจะได้ของแถมแบบนี้บ้าง
ทำเลดี น่าอยู่มากจริงๆ พ่อพเยียไปอยู่ก่อนนะ หนูแก่เมื่อไรจะขอตามไปด้วย (ตอนนี้ยังไม่แก่)

ขอบคุณพี่หนอนฯที่ช่วยเก็บเรื่องราวอื่นๆในวันนั้นมาเพิ่มเติม
อ่านแล้วก็จำได้ว่าคุณศักดิ์สิริพูดเช่นนั้นจริงๆ
แต่โห...มีแอบสัมภาษณ์ส่วนตัวตอนจบงานด้วย
พิเศษ พิเศษ....

คุณ J
กลับบ้านเดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ
หวังว่า เมื่อกลับมาจะได้ทานกาแฟด้วยกันพร้อมพี่หนอนฯพี่โดมเสียที

ขอให้มิตรบล๊อกพ่อพเยียทุกท่านมีความสุขกันถ้วนหน้าค่ะ

 

โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.60.151 7 สิงหาคม 2550 19:51:37 น.  

 

พ่อพเยีย

ประทับใจใน"ถนนสายแห่งรัก" ของครอบครัวพ่อพเยียนะคะ น่ารักมากค่ะ พอนกอ่านแล้ว อยากให้พ่อของนกเล่าเรื่องถนนของครอบครัวบ้าง กลับบ้านที่จันท์สัปดาห์นี้สงสัยต้องอ้อนแล้วล่ะ อิอิ ดูสิ ตอนจบที่แฮปปี้เอนดิ้งจนมีหทัยขนกคนนี้มีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร

คุณตะเบบูญ่าเล่ารายละเอียดของการไปชมและฟังบทกวี เพลง ได้ละเอียด จนเหมือนกับได้ไปเองเลย เป็นนกคง กรี๊ดดดด ถ้าได้ไปชมศิลปินที่ตัวเองโปรดปราณเช่นกันนะคะ เข้าใจคุณตะเบบูญ่ากับพี่หนอนเมืองกรุงเลยล่ะค่ะ ต้องขอบคุณทั้ง 2 ท่านนะคะ ที่ทำให้ได้อ่านเรื่องราวดีดี โดยเฉพาะคำตอบที่เป็นปรัชญา น่าสนใจมากทีเดียวค่ะ

กล้องยังไม่เรียบร้อยค่ะ ภาพในบล็อกถ่ายก่อนกล้องจะเสียนะคะ พ่อพเยีย เสร็จเมื่อไหร่จะอวดห้องแคบ โต๊ะรกค่ะ เอ! มีโหวตมั้ยคะเนี่ย ผู้เข้าชมบล็อกชอบมุมทำงานของใครมากที่สุด น่าจะได้รางวัลจากพ่อพเยีย(เจ้าของบล็อกห้ามส่งประกวดนะคะ เดี๋ยวคนอื่น ๆ จะอดได้รางวัล อิอิ)

ส่งความสุขกลับไปให้คุณตะเบบูญ่า (ขออนุญาตเรียกพี่ได้มั้ยคะเนี่ย) และมวลมิตรในบล็อกพ่อพเยียเช่นกันค่ะ

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 7 สิงหาคม 2550 21:35:22 น.  

 

ตอบคำถามพ่อพเยีย

ที่จริงหนูตะเบบูญ่าเธอก็สวยของเธออย่างนั้นมาตั้งแต่แรกเจอะแล้วล่ะ

แต่ที่ดูตะเบบูญ่างดงามขึ้นผิดหูผิดตานั้น ไม่ต้องคิดมากหนอนฯ ว่า เป็นเพราะมีหนอนฯ อยู่ในภาพด้วยแน่นอน

ฟันธง !!!

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.174.30 7 สิงหาคม 2550 22:24:02 น.  

 

มาเยือนครับ

 

โดย: พันธกานท์ ตฤณราษฎร์ IP: 203.113.77.100 7 สิงหาคม 2550 22:49:36 น.  

 

สวัสดีโดม
เกิดอะไรขึ้น...ไม่เห็นคอลัมน์นะ

มาใช้เน็ทบ้านเพื่อนรุ่นน้อง ไม่ค่อยถนัด แต่ก็สงบดี
อ่านมาตลอดนะ เป็นผู้อ่านนี่ได้ความรู้เยอะ เรื่องนี้อ่านสามแห่งอารมณ์ต่างกันนะ เป็นไปได้ไหมงานเขียนก็ต้องการระยะห่างที่เหมาะสม เช่นเดียวกับมิตรภาพ

มีภูเขาอยู่หลังบ้าน ดีจังจำได้ว่าเคยบอกครั้งหนึ่ง ใช่ที่เดียวกันรึเปล่า ของปลายแปรงก็สวยนะ รวมทั้งความเปรียบท้ายคอมเม้นท์

หนอนเปลี่ยนไปเยอะเลย(ผิดกับตอนที่เจอร้านนายอินทร์งานภาพฝันในเสียงเพลง ?)
ป๋วยเสวนาคารนี่เราไขว้เขวกับสถาบันปรีดี ฯ ตลอด ฝากขอบคุณตาเบบูญ่า เก็บเรื่องนี้มาเล่าได้ประโยชน์มาก ศักดิ์สิริเป็นคนดีที่มีดี

ไว้ค่อยโทรคุยกันต่อนะ ขอตัวนอนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องใช้พลังเยอะ

 

โดย: สัญจร ดาวส่องทาง 8 สิงหาคม 2550 0:33:04 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดม
ตามหลังพี่ปอนมา โอยย.. ตามอ่านไม่ทันค่ะ
มิตรรักแฟนคลับเยอะจัง
นี่ล่ะคนมีเสน่ห์
เสน่ห์ของพี่โดม คือการเปลือยความรู้สึกนึกคิดออกมาให้เป็นเรื่องธรรมดาที่หญิงสามัญอย่างนกแสงตะวันรับรู้ได้
รับรู้ในความง่ายงามและมั่นคง

มีความสุขเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาค่ะ



 

โดย: นกแสงตะวัน IP: 125.24.108.211 8 สิงหาคม 2550 1:23:52 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่โดม และทุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่าน

(ไม่ทราบว่าไม้ยมก ครบทุกท่านไหม เพราะเมาแล้วค่ะ...
เมาง่วงค่ะ อย่าคิดลึก...)

แต่ขอทักทายทุกคน จริงๆ จากใจจริง เพราะอ่านของทุกคน จนตาลาย ต้องเข้าห้องน้ำไปถอดคอนแท็คเลนส์...

ไม่ได้ไปงานวันเปิดตัวหนังสือ คนรักแม่ เพราะยุ่งมาก

ไม่ได้มาทักทาย คนที่นี่ เพราะ วุ่นวายกับงานรัดตัว
แต่คิดถึงทุกคนเสมอ.....

และขอย้ำ ว่าอ่านของทุกคนค่ะ

เอ้อ....พี่โดมคะ... ดอกไม้ปลายปืน เปิดตัวแล้วว่าเป็นฮอลล์ ค่ะ เชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ไปแจมนะคะ

จะไปบ่น ไปติ ไปชม ไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ เพราะบล็อกนี้เปิดมาเพื่อบ่นค่ะ....

//weblog.manager.co.th/publichome/pijika/

เชิญชวนไปชมกันค่ะ....

ปล. อยู่ที่ Mblog ของผู้จัดการออนไลน์ ค่ะ

 

โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.136.34 8 สิงหาคม 2550 4:49:36 น.  

 

น่าประทับใจจังเลยค่ะ สำหรับ "ถนนนี้...มีความรัก" แถมที่เห็นที่ทางสำหรับความฝันเล็กๆ ของคุณพ่อพเยีย มีต้นมะพร้าว มีภูเขา เป็นทัศนียภาพที่งดงาม ...เห็นเอาดินไปถมที่อีก สงสัยพื้นเก่าคงต่ำไปหน่อย ขอบคุณสำหรับคำทักทาย "สบายดีกาน่า" นะคะ รู้สึกอืม...ใช่เลย ทำให้คิดถึงคำทักทายกับพี่น้องชาวลาวค่ะ ตอนแรกๆที่มาอยู่ที่นี่มีเพื่อนคนลาว แต่หนีไปตั้งครรค์ที่บ้านแล้วค่ะ

ตอนนี้อารมณ์ดีไม่ค่อยมีเลย คงต้องใช้เวลากับตัวเองสักพัก แล้วก็มานั่งเขียนบล็อกเยี่ยมเพื่อนก่อนดีกว่าค่ะ ช่วงนี้ แย่จริงๆ นี่ขนาดอากาศที่กาน่าดีนะคะ ไม่ร้อน เย็นสบายค่ะ
สบายดีกาน่าค่ะ

 

โดย: shin chan (alei ) 8 สิงหาคม 2550 6:15:54 น.  

 

อะแฮ้ม แต่ความรักนั้นเป็นใหญ่ ไม่เข้าใจ........

 

โดย: p tim IP: 124.157.162.240 8 สิงหาคม 2550 9:38:35 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณโดม

กลับมาจากโอเรก้อนแล้วค่ะ เหนื่อยซะเข็ด
เห็นรูปพี่หนอนฯ พี่ตะเบบูญ่า..ไม่เปลี่ยนแปลง
แม้จะไม่ได้เจอกันสองปี รักษารูปร่างได้ดีมากค่ะพี่ๆ

เปลี่ยนแต่จินนี่คนเดียวนิ..หนูโตขึ้นเยอะเลย

อ่านเมื่อไหร่ก็ยิ้มเมื่อนั้นค่ะ กับคำว่า อย่าจนนานนักก็แล้วกัน..คุณยายคำคมจริงๆ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.135.236 8 สิงหาคม 2550 9:58:01 น.  

 

ถนนนี้..มีความรัก
และมีความฝัน..

อ่านทีไรก็มีความสุขค่ะ


 

โดย: ภูเพยีย 8 สิงหาคม 2550 11:38:43 น.  

 

สวัสดีจ้ะหลานyellyjam

ลุงเข้าไปอ่านที่หนูเขียนที่บล็อก "ลูกของพ่อค่ะ" แล้ว
ลุงก็สะกดในใจไว้ประมาณนี้เหมือนกัน แต่ตอนตั้งคำถามลุงพิมพ์ชื่อบล็อกของหนูผิด ลุงเอามาแอ็ดไว้ที่บล็อกของลุงเรียบร้อยแล้ว

ลุงอยากบอกหลานนิดนึงว่า เวลาเขียนบล็อกน่ะ มีความตั้งใจให้แน่วแน่ ว่าจะมีคนเม้นท์หรือไม่เม้นท์ก็ไม่เป็นไร เราตั้งใจเขียนสิ่งที่เราตั้งใจเขียนออกไป ขอให้ห้เรามีความสุขกับการเขียนก่อนก็แล้วกัน อย่างอื่นๆจะตามมา และขอให้จัดการเว้นวรรค เว้นบรรทัดให้สวยงาม อ่านง่ายก่อนในอันดับแรก

กลับมาจากค่ายแล้วค่อยคุยกันนะ

สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่า

มาอ่านคอมเม้นท์พี่หนอนยืนยันฟันธงความสวยของตะเบบูญ่าอีกทีนะ


ในโลกปัจจุบัน ในสังคม ในเรื่องของแฟชั่น ในเรื่องของสินค้า ในโลกของที.วี. ล้วนแต่มีที่ทางว่างเว้นให้กับคนสวย คนหล่อ คนรูปร่างหน้าตาดีเสียเป็นส่วนใหญ่

โดยเฉพาะผู้หญิงสวยมักมีโอกาสได้เข้าไปสู่ในโลกของละคร ภาพยนตร์ ที.วี. เป็นนักแสดง โฆษณาสินค้า และสินค้าต่างๆของผู้หญิงก็มักชักชวนให้คนมาสวยกันทั้งนั้น
แต่ในชีวิตจริงล่ะ คนทั้งโลกไม่ได้สวยกันหมด ทุกคน

ในชีวิตประจำวัน เราได้พบพานกับคนที่สวยอย่างหนังละครเป็นประจำบ้างหรือเปล่า อาจจะเริ่มจากบ้าน ที่ทำงาน หรือบนถนน ฯลฯ

เวลาคุณเห็นคนสวยคนหล่อคุณนึกถึงอะไร ?

ผู้หญิงก็ชอบความสวยงามของตัวเองอีกความรู้สึกหนึ่ง

ผู้ชายก็ชอบความสวยงามของผู้หญิงอีกความรู้สึกหนึ่ง
เคยถามตัวเองกันบ้างไหมว่า...

สำหรับผู้หญิง...เราชอบให้รูปร่างตัวเราเองสวยไปเพื่ออะไร ?

และผู้ชายส่วนใหญ่...เคยถามตัวเองไหมว่าชอบ(มองหรือดู)ผู้หญิงสวยไปเพื่ออะไร ? (ไม่ว่าจะในหนังหรือในหนังสือหรือมีชีวิตจริง ยามที่เดินผ่านไปมา)

ถามเล่นๆไม่ซีเรียส
คนตั้งคำถามนั้นก็ยังไม่มีคำตอบเหมือนกัน

แต่ถึงที่สุดคนตั้งคำถามก็จะให้ความสำคัญกับความงามทางด้านจิตใจมากกว่า แต่ถ้าจิตใจงามแล้วรูปงามด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษ

แต่เรื่องพิเศษนั่นหมายความว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา ใช่ไหมครับ ?

สวัสดีจะยิปซีสาวโสด (เติมให้เอง)

ตาไม่พลาดหรอกจ้ะที่มองไม่เห็นคอลัมน์
ก็ไม่มีอะไรหรอก
คิดว่ามันก็ "สมควรแก่เวลา"แล้ว
เหมือนชื่อหนังสือเล่มหนึ่งของศักดิ์สิรินั่นแหละ

(แล้วค่อยคุยกันทางโทรศัพท์ก็แล้วกันนะ)

สวัสดีครับพี่ปอน

ถึงไม่ได้คุยกันบ่อยๆ แต่ก็ยังเหมือนเดิมเสมอ
อาจจะรู้สึกดีกว่าตอนวัยหนุ่มด้วยซ้ำ

อาจเป็นเพราะมองชีวิตรอบด้านขึ้น
มองเห็นตัวเองมากขึ้น
มองเห็นคนอื่นมากขึ้น

ยังรักและนับถือพี่ปอนอยู่เสมอ

ที่แปลงนี้แหละที่ผมฟุ้งไว้ว่า จะได้ปลูกบ้านใกล้ภูเขา
ภูเขาลูกเล็กหน่อยก็ไม่เป็นไร สำหรับผมสถานที่แห่งนี้ร้อยกว่าตารางวา ก็หรูสุดแล้วสำหรับครอบครัวเล็กๆอย่างผม

แต่ทว่าสิ่งที่แน่นอนคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ที่นี่ตรงนี้คือความฝันที่อยู่ต่อหน้าในขณะนี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกผันประเภท 360 องศา ก็หวังว่าจะเป็นไปตามฝัน - แม้ไม่เป็นไปตามฝันก็ไม่เป็นไรอีกนั่นแหละครับ !



สวัสดีครับคุณนกแสงตะวัน

มาติดๆกันกับพี่ปอนเลย มาด้วยกันหรือเปล่าครับ?

พ่อพเยียก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ตรงไปตรงมา เปิดเผย

จริงใจ แต่ไม่มั่นคงเท่าไรหรอกครับ

เป็นใครๆก็รู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก นอกเสียจากเขาเห็นเรื่องื่นสำคัญกว่า ถนนสายนี้ไปครั้งแรกก็ตามเธอไป แล้วชอบมาก เคยตื่นขึ้นมารในรถประจำทางแล้วเห็นหมอกจับเป็นฝ้าข้างบานหน้าต่างไหมครับ ?

ความรู้สึกนี้ยังย้อนไปได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้น (เพราะความความรู้สึกไม่ต้องใช้เวลาในการเดินทางไง) แต่หันมามองกระจกดูหน้าตัวเองและคนใกล้ตัวสิ เอ...นี่ผ่านไป 22 ปีแล้วเหรอนี่ ?

แล้วการมาได้เป็นเจ้าของที่แปลงนี้อย่างไม่คาดฝันก็นับว่าเป็นจริงยิ่งกว่าฝัน ลองเทียบความรู้สึกดูเถอะ ขนาดของวัตถุมันอาจจะไม่มากเท่ากับของคนอื่นหรอก แต่ขนาดของความรู้สึกสิ ลองนึกเทียบเคียงดูสิว่า เวลาอะไรที่เราได้มาเกินคาดน่ะ

เพราะตอนแรกคิดว่าที่ตรงไหนก็ได้ขอให้อยู่ในเขตอำเภอตะกั่วป่าก็แล้วกัน ไม่ได้คาดว่าจะมาได้ที่ริมถนนสายนี้หรอก

เอารูปและเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อปลุกความฝันของตัวเองให้ตื่นอีกครั้ง เพราะในฝันนี้ยังมีคนอื่นร่วมด้วย ไม่ใช่เพียงลำพัง เพราะฉะนั้นผมเป็นคนมีหน้าที่จุดไฟฝันให้บรรเจิดครับ อันดับแรกจุดที่ของตัวเองก่อน

ยินดีที่คุณมีความสุขที่ผ่านมา
ไม่อยากเล่นสำนวนยอกย้อนเลยว่า "ทุกครั้งที่คุณผ่านมาก็คือความสุขของผมเช่นกัน"


สวัสดีจ้ะฮอลล์

เป็นไงบ้างทำงานมากเหลือเกินนะจ๊ะ
จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนนักหนา ลูกเต้าก็ไม่มี
วันนั้นคนมากเหมือนกัน มีแต่ดารา และกล้องทีวี

แต่คนที่นักข่าวรอคอยคือ ตั๊ก บงกช ไม่มา
แล้วจะแวะไปเยี่ยมที่บล็อกนะครับ

ลิงค์ไว้เรียบร้อยแล้วจ้า "ดอกไม้ปลายปืน"

สวัสดีครับคุณชิน

น่ารักจังเนาะ...
คุณไม่พูดว่าอารมณ์เสีย แต่พูดว่า "อารมณ์ดีไม่มีเลย"
ที่จริงอารมณ์สองชนิดนี้มันอยู่ใกล้ๆกันนั่นแหละครับ เพียงแต่อยู่คนละด้านกันเท่านั้นเอง

หวังว่าพอคุณเขียนคอมเม้นท์เสร็จอารมณ์ดีจะปรากฏแก่คุณทันที เพราะพื้นฐานคุณเป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว เท่าที่อ่านจากตัวหนังสือของคุณน่ะครับ
เพราะนั้นอารมณ์ดีไม่มีเลยของคุณนั้นคงเป็นชั่วขณะสั้นๆเท่านั้นเองครับ


สวัสดีครับคุณ p tim

ถ้อยคำนี้ที่ว่า "แต่ว่าความรักนั้นเป็นใหญ่" ที่คุณไปเก็บตกมาจากคอมเม้นท์ผมที่บล็อกของคุณแพร จารุผมจำได้ไม่ละเอียด แต่ถ้อยคำประโยคนี้ผมจำได้มาตั้งแต่สมัยผมไปโบสถ์คริสเตียน ซึ่งชีวิตมนุษย์เรานั้นประกอบด้วยความรู้สึกใหญ่ๆเช่นความเชื่อ ความหวัง และความรัก แต่ความรักนั้นยิ่งใหญ่สูงสุด (สำคัญที่สุด)


ผมเกรงว่าผมจะอธิบายไม่ถูกหรือผิดความหมายไป ก็ต้องขอโทษพี่น้องคริสเตียนด้วย ผมว่าเรื่องนี้คุณปะการังน่าจะอธิบายได้ดีกว่าผมนะ

สวัสดีครับแม่น้องนิก

แม่น้องนิกรู้ไหมว่า กว่าจะตะเบบูญ่าจะหุ่นอย่างนี้น่ะ
เธอเล่นแบดมินตันทุกเย็น

เพราะฉะนั้นสองปีที่ผ่านมานั้นยังไม่เพรียวขนาดนี้นะแม่น้องนิก นี่ข่าวจากคุณหนอนรายงานมานะ เพราะไม่ได้สังเกตตะเบบูญ่าจริงๆจังซักที

 

โดย: พ่อพเยีย 8 สิงหาคม 2550 11:41:36 น.  

 

พ่อพเยียคะ
ข่าวคลาดเคลื่อนนิดจ้า
หนูตะเบบูญ่าเธอเล่นแบตมินเกือบทุกวัน (ตอนสาย ๆ นี่ล่ะ)
เพราะตอนเย็นไม่มีเวลาค่ะ (ไปรับลูก ๆ)

กับประโยคที่ว่า
"แต่ถึงที่สุดคนตั้งคำถามก็จะให้ความสำคัญกับความงามทางด้านจิตใจมากกว่า แต่ถ้าจิตใจงามแล้วรูปงามด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องพิเศษ"
นั้น...แน่นอนที่สุด เพราะเท่ากับมีของดีถึงสองอย่าง ย่อมดีกว่ามีของดีเพียงอย่างเดียว และใคร ๆ ก็คงปรารถนาเช่นนั้นค่ะ

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 202.28.180.201 8 สิงหาคม 2550 11:59:36 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่โดม
มิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
-----------------------------------------------------
คำถาม "คุณมีถนนสักหนึ่งสายอยู่ในหัวใจบ้างไหม ?"

คิดได้ไม่ลังเล "ถนนมิตรภาพ" ค่ะ
เป็นถนนที่ใช้เดินทางบ่อยที่สุด ในชีวิต
ระหว่างขอนแก่น-กรุงเทพ
เพราะต้องไปตามภาระหน้าที่ คือ ประชุม
เยี่ยมญาติ ท่องเที่ยวตามข้างทาง อะคึ่ ๆ

"มิตรภาพ" เป็นชื่อที่ชื่นชอบมาก ด้วยความหมาย
เราได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ จากผู้คน สถานที่
บน "ถนนสายมิตรภาพ"
ซึ่งเกิดขึ้นสม่ำเสมอ ตลอดเส้นทางของชีวิตค่ะ

ปล. "ริมรั้วหัวใจ" สาวฯ ได้หนังสือพร้อมลายเซ็นจากพี่โดม
......ส่งทางไปรษณีย์ (งานมหกรรมฯ) ถึงบ้านเชียวนะค๊า
......เป็นปลื้มม๊ากกกก ขอบอก อะคึ่ ๆ

 

โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น 8 สิงหาคม 2550 12:01:19 น.  

 

พ่อพเยียคะ...
แหม..รู้ตัวอยู่หรอก จะบอกว่าไม่สวยก็ไม่โกรธนะ
แต่ถ้าบอกว่าเป็นคนไม่ดีนี่สิ คงชีช้ำระกำใจ ต้องไปปรับปรุง

ที่เล่นแบดอยู่เกือบทุกวันเพราะ ต้องการทำชีวิตให้แข็งแรงไว้เลี้ยงลูกได้นานๆค่ะ
ไม่ได้สนใจเรื่องหุ่นงามอะไรหรอก ได้เล่นกีฬาหนักๆสนุกดีค่ะ

แล้วที่ว่า..."ไม่ได้สังเกตตะเบบูญ่าจริงๆจังซักที"
โฮะ โฮะ...ก็มัวไปสังเกตคนอื่นเพลิน...ล่ะสิ มองข้ามหนูไปหลายช่อต!!! ตั้งนานแล้ว....

พี่หนอนฯจ๊ะ แม่น้องนิกจ๋า..
พรุ่งนี้จะมีงานวันแม่ที่รร.จินนี่ หนูมีบทบาทต้องขึ้นเวทีด้วย
ผ่่านพ้นไปแล้วจะมาคุยยาวนะ


 

โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.60.38 8 สิงหาคม 2550 12:37:47 น.  

 

ซ้าธุ....ขอให้รวยๆๆๆๆๆๆ สมพรปากพี่โดม ซะทีเหอะ
รออยู่ค่ะ

 

โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.143.127 8 สิงหาคม 2550 15:23:54 น.  

 

พ่อพเยีย

"แต่ว่าความรักนั้นเป็นใหญ่" หรือความรักนั้นสำคัญที่สุด ที่คุณอธิบายเข้าใจได้ดีค่ะ เราเคยอ่านพบเหมือนกันคะ

และจะบอกว่า ถนนสายที่เหมือนชนกำแพงโรงเรียน เป็นถนนที่คุณเคยเดิน ตอนเราออกมาหาของกินที่ตลาดก่อนใกล้สว่างนั่นแหละ จำได้ว่าวันนั้นเราซื้อดอกไม้หนึ่งกำมือ

พี่หนอมฝากความคิดถึงด้วยค่ะ

 

โดย: แพรจารุ 8 สิงหาคม 2550 19:06:25 น.  

 

สวัสดีจ้ะสาวนางบ้านนอก


หนังสือเล่มที่ว่าได้เปิดอ่านไหม ?
ได้คุยกับคนที่ส่งไปให้บ้างหรือเปล่า
ได้ข่าวว่าเธอกำลังซุ่มซ้อมไปเรียนเขียนเรื่องสั้นอยู่นะ

ต้องขอบคุณสาวนางที่สั่งหนังสืองานนั้น
ทำให้พ่อพเยียได้รู้จักเพื่อนนักอ่านอีกคนหนึ่ง
ไม่เห็นเธอเข้ามาส่งเสียงแถวนี้บ้าง...



สวัสดีจ้ะหนอนเมืองกรุงและตะเบบูญ่า

สุภาษิตอังกฤษ : ผู้หญิงสวยถูกต้องเสมอ

สุภาษิตพ่อพเยีย : จงระมัดระวังเสมอเมื่อพูดถึงความสวยงามของผู้หญิง


ขอต่อเรื่องความสวยงามอีกนิดหน่อย ขอยกเอาคำพูดของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ที่ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร GM มาให้อ่านอีกแง่มุมหนึ่งดีกว่า

"เยาวชนคนหนุ่มสาว ไม่มีความสามารถสร้างความงามเป็นขอตัวเองได้ เพราะเขาบริโภคความงามสำเร็จรูปจนชิน และจินตนาการสำเร็จรูปนั้นๆก็ล้วนมีเลสนัยการค้าสูงมาก จึงเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง

ผมคิดว่าตลกมากที่ผู้ค้าถุงยางอนามัยสำรวจและค้นหาผู้หญิงที่เซ้กซี่ที่สุด และคุณลูกเกด เมทินี กิ่งโพยมได้ตำแหน่งนี้ติดกันสองสามปี ทำไมแย่ขนาดนี้ ความงามต้องมีหลากหลาย คนเราสามารถชอบผู้หญิงตัวเล็กๆดำๆดั้งหักได้ เป็นความงามได้

ทำไมคุณต้องจินตนาการถึงคุณลูกเกดเท่านั้น ผมว่าตลกมาก ตลกร้าย ตลกเจ็บ ที่เราไม่สามารถมีความงามที่เหมาะสมและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงเชิงกายภาพได้ สุดท้ายเก็เป็นเหยื่อการค้าและค่านิยมจอมปลอม


ถ้ามีคนบอกว่าผู้หญิงขาวเท่านั้นที่สวย ผมอยากบอกว่าผู้หญิงผิวคล้ำที่ภาคใต้บ้านผมก็สวยเหมือนกัน อย่ามารังเกียจ ผู้หญิงอีสานดั้งหักก็สวย แฟนผมเป็นคนอีสานผมว่าก็สวยเหมือนกัน คุณอย่ามาระราน ข่มเหง หรือสรุปว่าความงามมีแบบเดียว" (ประมวล เพ็งจันทร์ ผู้เขียน "เดินสูอิสรภาพ")



สำหรับหนอนกับตะเบบูญ่านั้นสวยคนละแบบ แต่ที่งดงามไม่แพ้กันก็คือหัวใจไงล่ะ ? พูดจริงๆ ไม่ได้มาแกล้งชมกันออกอากาศนะจ๊ะ

เรื่องสวยๆงามนี่พูดไปพูดมาเดี๋ยวเข้าเนื้อคนที่บ้านอีก (ฮา)



สวัสดีจ้ะฮอลล์

ได้ข่าวว่าบล็อกดอกไม้ปลายปืนที่บล็อกผู้จัดการดังกระหึ่มเลยเหรอ ?


ทำงานทั้งวันทั้งคืน เวิร์คกิ้ง วู้แม่นตัวจริง
ขอให้มีความสุขกับการงานทุกขั้นตอนนะครับสวัสดีจ้ะฮอลล์

 

โดย: พ่อพเยีย 8 สิงหาคม 2550 19:22:30 น.  

 

สวัสดีครับคุณภูเพยีย

ขอโทษครับ เกือบข้ามไป เพราะจังหวะ

ขอบคุณมากสำหรับรีวิวหนังสือเรื่อง "คาบโลกย์คาบธรรม" ของผมไว้ที่บล็อกอย่างละเอียด อ่านแล้วชื่นใจ และรู้สึกเป็นกำลังใจครับ


สวัสดีจ้ะแพร จารุ


เราโพสต์เวลาใกล้เคียงกันพอดีเลยนะ

ยังประทับใจฤดูหนาวคืนนั้น ตื่นแต่เช้าไปดูตลาดเช้า

มีโอกาสจะไปขอนอนอีกจ้า !

 

โดย: พ่อพเยีย 8 สิงหาคม 2550 19:28:06 น.  

 


พี่ไม่ได้ซื้อนิตยสารที่ว่านั้นทุกเล่ม จึง
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้ แต่พอมาได้อ่านวันนี้ โอ้โห... โดมเอ๋ย...

นึกถึงตะกั่วป่า บ้านพักครู ร้านกาแฟ โรงเรียนกลางทุ่ง(วัดควรนิยม) และอดีตห้องเช่าที่เคยเช่านั่งวาดรูปขาย...
โรงรำวงที่พี่เคยไปสมัครเป็นกองเชียร์ และร้องเพลงชายเมืองสิงห์...

ได้มาเขียนไว้ในนวนิยายยาว ๕๑๐ หน้า ชื่อ "นักเลงเพลงลูกทุ่ง" แต่ไม่รู้จะส่งที่ไหน(ส่งที่นิตยสารบางกอกไม่ผ่าน แพรวก็ไม่ผ่าน)

ถ้า ถามว่าตัวเองชอบงานชิ้นนี้ไหม คำตอบคือชอบมาก แต่ถ้า บก.ไม่ชอบด้วย คำตอบคือ "เขียนไว้อ่านเอง" เถอะ

เมืองที่พี่มีวาสนาได้มาสร้างกรรมดีใหม่ และชดใช้กรรมดีเก่า เพียงแค่ ๑๖ ปี ก็หมดกรรม ซึ่งจำจากลาไปอย่างอาลัยอาวรณ์ หากถามใจในวันนี้ว่า "ระหว่างนครศรีธรรมราช กับตะกั่วป่า รักที่ไหน" คำตอบคือยังรักตะกั่วป่ามาก ๆ ยังมองเห็นภาพเก่า ๆ ทุกแง่ทุกมุม

เป็นครูสอนมีศิษย์หามากมาย แต่ไม่มีศษย์ที่ไหนดีเท่าศิษย์ที่ตะกั่วป่า เช่น กำนันสุข เกาะคอเขา เป็นต้น เคยสอนเมื่อสี่สิบห้าปี(ตอนไปเยี่ยม)เขายังไม่ลืม คนที่อื่นแบบนี้มีไหม ไม่เคยเจอ...

จึงยังนึกถึงตะกั่วป่า รักคนตะกั่วป่า เพื่อน ๆ อแกหลายคน ไม่แน่ชาติหน้าพี่อาจจะมาเกิดใหม่เป็นคนตะกั่วป่า ส่วนชาตินี้มีกรรมในบั้นปลายชีวิต ที่ทำให้ต้องไปชดใช้กรรมเก่าต่อที่ชุมพร

 

โดย: lungboon (pantamuang ) 8 สิงหาคม 2550 20:09:56 น.  

 

เพลงเพราะจังค่ะ

ฟังเพลงก่อนแล้วค่อยอ่านบลอก

 

โดย: filmgus IP: 58.147.81.216 8 สิงหาคม 2550 22:04:05 น.  

 

สวัสดีอีกรอบค่ะ พ่อพเยีย

มาแจ้งว่า เราอ่านคาบโลกย์คาบธรรมจบแล้วนะคะ

สิ่งหนึ่งที่หนังสือทั้งสองเล่มของคุณมีผลกับเราคือ เราอยากไปหาหนังสือของคุณน้ำผึ้งมาอ่าน แล้วก็เราคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่งของคุณ ณรงค์ พัว ประพนธ์พันธุ์ ที่เราเคยซื้อมาจากร้านตักสุรา (แต่หายไปแล้ว) ล่ะค่ะ

คือทำให้คิดถึงหนังสือเล่มอื่นๆ ด้วยน่ะค่ะ



คาบโลกย์คาบธรรม - เป็นการเขียนธรรมะที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ จริงๆ คุณน่าจะเขียนอย่างจริงๆ จังๆ ไปเลยนะคะ เราว่าเป็นการเอาทางธรรมเชื่อมกับทางโลกที่ดี อ่านง่าย เข้าใจง่าย แล้วก็เข้าถึงง่ายด้วยค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 8 สิงหาคม 2550 22:18:34 น.  

 

ถนนสายระยองของคุณ filmgus คล้ายเส้นปลวกแดงเนอะ...ไม่รูเหมือนกัน แต่สิบกว่าปีแล้วที่ไประยอง ไปครั้งเดียว...จำเส้นทางไม่ได้มาก

ตอนแรกเห็นยังคิดว่าเป็นแถวพังงาเล้ย....
ภูเขาใกล้ทะเลมักคล้ายกัน

พ่อพเยียพูดถึงความสวยของผู้หญิง..แล้วเอาคำจำกักความของอ.ประมวลมาเสริม

อกยืดขึ้นเป็น คัพดีเลยล่ะ....
ฉันน่ะสวยสุดยอดในปฐพี...
อย่างน้อย...ฉันก็หาซะมีได้คนหนึ่งละว๊า...

อ้อ..ไม่ได้หมายความว่า ถ้าดูดีกว่านี้แล้วจะหาได้หลายคนนะ
เอ...ถ้ามีหลายคนจะเข้าท่ากว่านี้ไหมหว่า..
ไม่มีประสบการณ์เสียด้วย...

ท่าทางพ่อมัคทายกคงไม่เห็นด้วย...
เก็บไว้พิจารณาทีหลังดีกว่ามั้งญํตตินี้..

นอนดึกอีกละ.เริ่มป่วนอย่างไร้จริยธรรม
ไปนอนดีกว่า

 

โดย: ปลายแปรง IP: 203.113.17.148 8 สิงหาคม 2550 23:00:38 น.  

 

แหม...เห็นพูดถึงเรื่อง "ความสวย" ของผู้หญิง ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ อันว่าความงามหรือความสวยของสตรี มีความลื่นไหวต่างสถานที่และ ต่างเวลา แต่สตรีก็ยังหลงคิดว่าความงามที่บุรุษมอง คือความงามของตน ความงามบางที่แฝงไว้ด้วยเล่ห์กลของบุรุษที่ต้องการจองจำผู้หญิงไว้ด้วยเช่นกัน

สตรีโบราณที่จีน ถูกพันธะนาการด้วยการรัดเท้าให้เล็กและบอกว่านี่ล่ะคือว่าเซ็กซี่ พ่อแม่ก็แห่พาลูกสาวไปทำ

สตรีแถบแอฟริกาบางเผ่า ต้องเจาะปากแล้วเอาถ้วยคาบไว้ นี่คือความงามของเขาล่ะ

สตรีบางศาสนาต้องปกปิดร่างกายให้มิดชิด เพื่อบุรุษคนแรกที่เลือกเธอแต่งงาน

ดิฉันชอบความงามแบบเก่าสมัยก่อนที่สตรีต้องแข็งแรง มีสุขภาพดีค่ะ ยิ่งกาน่าที่ดิฉันอยู่ด้วยแล้ว สตรีรูปร่างใหญ่ๆ นั้น..สวยงาม ที่ชอบไปกว่านั้น สตรีที่นี่แข็งแรงมากกว่า หรือเท่าบุรุษ สถิติการทำร้ายร่างกาย หรือข่มขืนจึงมีน้อย

แต่ทุนนิยมเริ่มเข้ามา ไม่ว่าอาหารเสริม เสื้อผ้าตัวเล็กๆ ตุ๊กตาเด็กเล่น มีนัยยะแฝงที่หล่อหลอมให้เราเข้าใจกันว่า สวย ต้องผอม มีหน้าอกใหญ่ๆ ท้ายสุด...เราเลือกที่จะมีความงามในแบบที่เราเป็น หรือเราจะเลือกมีความงามในแบบที่ "เขา" ผู้ชาย อยากให้เป็น คะ

อ่ะเพิ่งกลับถึงบ้านก็อะไรกันนี่ ขอไปหาอาหารเย็นทานก่อนค่ะ ....สบายดีกาน่า ค่ะ

 

โดย: shin chan (alei ) 9 สิงหาคม 2550 0:32:23 น.  

 

เพิ่งมีโอกาสเข้ามาอ่านครั้งแรก

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

 

โดย: ฟ้าดิน 9 สิงหาคม 2550 6:44:07 น.  

 

สวัสดีจ้าพ่อพเยีย

แม่เป็นคนอ่านบลอคก่อนใครเลย บอกว่าพ่อพเยียเขียนบลอคใหม่แล้ว เรื่องถนนนี้มีความรัก เรื่องบ้านเรา

ไม่ได้แล้ว ต้องมาดูหน่อยซิ
ก็เลยเอาภาพ ที่บ้านมาให้ดู ไม่รู้ภาพจะโชว์ได้ไหม



ภาพแรก เป็นร้านกาแฟของพ่อ เป็นบ้านไม้ เห็นภาพทีไร อยากกลับไปบ้านนั้นจัง



 

โดย: วีดวาด IP: 222.123.148.24 9 สิงหาคม 2550 6:54:04 น.  

 

อะ มีถนนระยองมาพาดผ่านอะ..อิอิ

ต่อค่ะ


ร้านกาแฟพี่ชายที่รับกิจการต่อจากพ่อค่ะ



ร้านกาแฟ 2 เวอร์ชั่นค่ะ


อาคารเก่าๆ ในตะกั่วป่า มองแล้วคิดถึงความรุ่งเรืองในอดีตนะ

 

โดย: วีดวาด IP: 222.123.148.24 9 สิงหาคม 2550 6:58:05 น.  

 







ถนนกลับจากระยอง ภาพโดย filmgus






ตอนแรกภาพนี้ใหญ่ อันที่จริงสวยดี เพียงแต่ขนาดของภาพ ทำให้ขนาดของบล็อกรวนเรไปนิด เมื่อย่อภาพของคุณ Filmgus ให้เล็กลง จึงทำให้ภาพที่สวยงามลดความงามลงไปบ้าง ขอบคุณครับ ที่ส่งภาพถนนสวยงามมาให้ชม

 

โดย: พ่อพเยีย 9 สิงหาคม 2550 7:05:12 น.  

 

บลอกเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยสบายตาหน่อยค่ะ

 

โดย: filmgus IP: 58.147.80.150 9 สิงหาคม 2550 7:10:58 น.  

 

รับทราบค่ะพ่อพเยีย..วันนึงโทรหาคุณพี่เธอ
คุยกันอยู่พอประมาณ..ได้ยินเสียงเธอตะโกนว่า
เดี๋ยวค่ะๆคุยกับเพื่อนอยู่ค่ะ..

แล้วเธอก็บอกแม่น้องนิกว่า..ครูสอนแบดพี่เรียกแล้ว
ครูสอนไม่คิดตังด้วย เกรงใจ..พี่ไปก่อนล่ะนะ
พี่ตะเบบูญ่าอย่าบอกนะว่า..เผากันกลางอากาศ

วินัยเธอดีมากค่ะพ่อพเยีย ถ้าให้แม่น้องนิกตีแบด
ขอเดินไปส่งลูกไปเรียนดีกว่า คราวนี้เดินวันที่สี่เที่ยว
เลยนะคะ เพราะหนูน้อยคนที่พ่อพเยียเห็นครั้งสุดท้าย
เธอจะเข้าเรียนแล้วค่ะ แม่ไม่ผอมก็ให้มันรู้ไปสิ

พ่อพเยียพูดถึงความสวยของผู้หญิง..แหม..ได้ใจค่ะ
งั้นแสดงว่าแม่น้องนิกก็สวย ในแบบของคุณสามีสิเนาะ
สวยของผม ไม่สวยของใครก็ช่างมัน..เธอว่างี้อ่ะ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.139 9 สิงหาคม 2550 7:31:35 น.  

 

ชอบจัง ภาพร้านกาแฟ
และอ่านที่ทุกคนคุยกัน น่ารักมากเลยค่ะ

 

โดย: การ์เกด IP: 61.91.93.227 9 สิงหาคม 2550 10:03:11 น.  

 

สวัสดีทุกๆคน...

มัวไปท่องโลกที่อื่นจนเพลิน...มาอีกทีคนเต็มบ้านแล้ว...ถนนสายความรัก...ถนนบ้านเราเอง และผู้ชายที่อยู่หน้าร้านกาแฟก็คือ พ่อผู้ซึ่งงดงามในดวงใจของลูกทุกๆคน

น้องวีดวาดมาใส่รูป...2 รุ่น...2 เวอร์ชั่น ก็ไม่เห็นจะบรรยายอะไรเลย....ของดีมีอีกมากในตะกั่วป่า

ไปแล้วนะ...กำลังเห่อคลับใหม่อยุ่ ไปร่วมแจมกับเพื่อนฝูงก่อน

 

โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.24.103.56 9 สิงหาคม 2550 10:36:48 น.  

 

เข้ามาบ้านพ่อพเยียอีกครั้ง เพราะช่วงนี้ไม่ออกไปไหน ตั้งใจจะอยู่บ้าน พี่ถนอมแกเขาเพิ่งเริ่มเขียนเรื่องสั้นได้หนึ่งเรื่องและทำท่าเหมือนกับว่า จะสามารถเขียนเรื่องได้อีก จึงไม่อยากไปสะดุดที่ไหน เราก็เลยอยู่เป็นเพื่อนให้เกะกะสายตา

เข้ามาบ้านพ่อพเยียได้พบผู้คนหลากหลายดี อ่านความคิดสนุก ๆ และอยากคุยผ่านวีวาดว่าชอบร้านกาแฟของพ่อเธอจัง ร้านแบบนี้หาได้ที่สามชุก ตลาดร้อยปี สุพรรณบุรีค่ะ

คุยกับเจ้าของบ้านเสียหน่อย ยินดี่เป็นอย่างยิ่งมาเมื่อไหร่ก็ได้เลยจ๊ะ เออ...ไว้วันหลังจะมาคุยเรื่อง ที่ค้างไว้ ฤดูหนาวนางเอกของเมืองเหนือ ที่คุณกล่าวไว้

 

โดย: แพรจารุ IP: 203.113.50.14 9 สิงหาคม 2550 10:44:04 น.  

 

วีดวาด & แม่ปันปอง จ๊ะ

หนอนฯ เห็นร้านกาแฟ...ชาย (เจเนอเรชั่นต่อจากร้านกาแฟโกมิ่ง) และบรรยากาศโดยรวมแล้ว
ยิ่งนึกฝันว่าจะได้มีโอกาสไปกินขนมจีบซาละเปาและจิบกาแฟ ไกลถึงตะกั่วป่าโน่นแน่ะ

ในความเห็นของหนอนฯ นอกจากคุณพ่อจะเป็น "พ่อผู้ซึ่งงดงามในดวงใจของลูกทุกๆคน" อย่างแม่ปัน-ปองว่าแล้ว หนอนฯ อยากจะบอกว่า พวกคุณทุกคนมีแม่ที่น่ารักยิ่งค่ะ ยืนยันได้จากเรื่องเล่า "ถนนนี้...มีความรัก" ของพ่อพเยียข้างต้น

และที่แน่นอนกว่านั้น ก็คือ หนอนฯ ได้มีโอกาสพบและเดินทางร่วมกับคุณแม่ผู้น่ารักมาแล้ว เอ้อ...ประมาณสองทริปนะ ถ้าจำไม่ผิด คุณแม่เป็นคนใจดีมีเมตตามาก ๆ ค่ะ ทำให้นึกถึงคุณแม่ของตัวเองค่ะ (ท่านเสียไปนานแล้ว) ยังคิดว่า...ถ้าเป็นไปได้ คงได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนคุณแม่ถึงตะกั่วป่าโน่น... (ฝันแบบนักเดินทางน่ะค่ะ)

ฝากความระลึกถึงคุณแม่ด้วยนะคะ

คุณ filmgus คะ
ภาพถนนที่ระยองสวยจังค่ะ
เห็นถนนแบบนี้
คิดถึงน้องชายที่อยู่ระยองค่ะและคิดถึงแม่ด้วย
ตอนแม่มีชีวิตอยู่
เราเดินทางไประยองบ่อยมาก
ไปเยี่ยมน้องชายที่ตั้งรกรากอยู่ที่ระยองค่ะ

วันนี้เข้ามาเห็นรูปภาพและเรื่องราว
ประกอบกับใกล้ถึงวันแม่แล้ว
ทำให้รู้สึกคิดถึงแม่ที่จากไป...อย่างจับจิตจับใจค่ะ
คิดถึงตัวเอง...
ว่าเป็นแม่ของลูกเล็ก ๆ สามคน
แล้วในวันข้างหน้า...ลูก ๆ ทั้งสามคนจะรู้สึกกับแม่คนนี้อย่างไร ?

 

โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 202.28.180.201 9 สิงหาคม 2550 12:54:22 น.  

 

แว๊บ..เอาถนนที่เดินประจำที่อัคครา(ชื่อเมืองหลวงของกาน่า) มาให้ชมค่ะ นี่ขนาดเมืองหลวงของประเทศ ต้นไม้เยอะดีจัง



 

โดย: shin chan (alei ) 9 สิงหาคม 2550 15:30:20 น.  

 

สวัสดีพี่หนอน

ขอบคุณพี่หนอนมากๆ ที่ยังระลึกถึงแม่...ไม่ต้องเล่าให้แม่ฟัง แม่เข้าบล็อกบ้านนี้ทุกวัน แต่วันละกี่ครั้งไม่เคยถาม
แม่ก็นั่งอ่านบล็อกที่บ้านแม่...

ลูกๆ ก็อ่านบล็อกที่ทำงาน (ที่ร้าน)

ยินดีต้อนรับพี่หนอนสู่ถนนแห่งความรัก (ตะกั่วป่า) มีโอกาสเราคงได้กินกาแฟ ขนมจีบ ซาลาเปาด้วยกัน

 

โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.24.103.56 9 สิงหาคม 2550 16:36:47 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณหนอน
ถนนแถวนั้นสวยจริงๆค่ะ

มีภาพวิวถ่ายจากบนรถมาฝากอีกค่ะ
แถวๆทางไปถ้ำพระยานคร
เพชรบุรี

 

โดย: filmgus 9 สิงหาคม 2550 16:38:24 น.  

 

พ่อพเยีย

มือใหม่หัดใส่รูป แย่เลย ทำบ้านพ่อพเยียเลอะเทอะ ช่วยลบออกให้ทีนะคะ แล้วจะลองใหม่ค่ะ



ถนนสุขุมวิทค่ะ ออกจากตัวเมืองระยองมาประมาณ 10 กิโลเมตร ตรงนี้เรียกสี่แยกตะพง ถ้าจะไปเที่ยวหาดแม่รำพึงให้เลี้ยวขวาค่ะ



พอเลี้ยวขวาจากสี่แยกตะพงมาแล้ว ตรงมาประมาณ 2 กิโลเมตร จะเป็นถนนหักศอกนะคะ เป็นถนนที่เลียบชาดหาดแม่รำพึง



ออกจากที่พักไปจะมองเห็นทะเลแม่รำพึงค่ะ


มาบ้านนี้ทีไร คนมาเยี่ยเยอะมากๆ แสดงว่า เจ้าของบ้านอัธยาศัยดี และเป็นที่รักของเหล่ามวลมิตรค่ะ (นกเชื่อว่ามีคนสนับสนุนคำพูดนี้มากมาย)

 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 9 สิงหาคม 2550 17:23:15 น.  

 

สวัสดีครับพี่บูลย์


พี่บูลย์นี่จอมขยันจริงๆ มีนิยายขนาดห้าร้อยกว่าหน้าอยู่ในมืออย่างนี้ ไม่ธรรมดา ลองเสนอค่ายทำละครทีวีเสียเลยสิ
เพราะมีเพลงลูกทุ่งด้วย เข้ากับยุคสมัยเปี๊ยบเลย


ถ้ารำลึกถึงตะกั่วป่าแล้วละก็ผมมีเรื่องเล่าไม่รู้จบหรอก
เพราะผมอยากไปอยู่ที่นั่นจริงๆ
ทั้งที่ตอนแรกรู้จักจากเรื่องสั้นของพี่อาจินต์ก่อน
อ่าน "ฟ้าเมืองไทย" อ่านเรื่องเหมืองแร่ ฉากร้านโกปี๊ ฝนตก ฯลฯ อ่านไปอ่านมาไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาได้เมียตะกั่วป่า แล้วต่อมาความคิดจะมาอยู่ก็ค่อยๆตามมาทีหลัง

ส่วนสมปรารถนาหรือไม่ก็ค่อยว่ากันต่อไป...ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวว่า

"ความปรารถนาของคนเรายังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แล้วอะไรจะมาแน่นอนตามความปรารถนาของเราได้"


สวัสดีครับสาวไกด์ใจซื่อ


โอ้โฮ...คุณเคยไปนั่งที่ร้านตักสุราด้วยหรือ คุณรู้จักกับณรงค์ พัวด้วยหรือเปล่าครับ ?


สมัยที่ผมยังมึนเมาอยู่ ร้านนั้นผมก็ไปเป็นขาประจำเลย เพราะผมกับณรงค์ พัวก็เป็นเพื่อนกัน ช่วงผมแย่ๆพัวเขาก็ช่วยเหลือผมไว้หลายอย่าง ไม่เคยลืมน้ำใจของเขาเลย

เดี๋ยวนี้พอผมเลิกดื่มก็ห่างไกลกันโดยปริยาย

ขอบคุณสำหรับคำชมและคำแนะนำเรื่องการเขียนหนังสือ แต่ส่วนใหญ่ก็เขียนไปตามหัวใจบงการครับ


สวัสดีจ้ะปลายแปรง

ปลายแปรงน่ะสวยระดับตำบล
ส่วนคุณนายมังคุดน่ะเธอระดับอำเภอ
เพราะเธอเป็นอดีตนางงามตะกั่วป่าไม่ใช่หรือ ?

รักหนึ่งกองทุกข์หนึ่งกอง
รักสองกองทุกข์สองกอง

สามีหนึ่งคนก็ทุกข์หนึ่งกอง
สามีหลายคนก็ทุกข์หลายกอง

ยกตัวอย่างไปอย่างนั้นแหละ ต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
มีหลายคนจะทุกข์ได้อย่างไร ใช่ไหม ?

สวัสดีครับคุณชิน

ทัศนะเรื่องสวยๆงามๆปัจจุบันนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
ทำไมผู้หญิงต้องผอมจนไหปลาร้าขึ้นจึงจะสวย
ทำไมผู้หญิงต้องรักแร้ขาวด้วย (โฆษณาครีม)
ทำไมผู้หญิงต้องผิวขาวจึงจะสวย

ฯลฯ

โชคดีนะที่ผู้ชายแต่ละคนมองเห็นความสวยต่างกัน
ไม่งั้นโลกคงยุ่งกว่านี้แน่


สวัสดีครับคุณฟ้าดิน

ไม่ต้องฝากเนื้อฝากตัวหรอกครับ ตามสบาย

ไปเห็นบล็อกคุณแล้ว เห็นเป็นแฟนสีสันเหมือนกัน

ที่บ้านผมก็เป็นสมาชิกสีสันครับ

แล้วคงได้คุยกันอีกนะครับ

คุณชอบ 5 ชอบ กับ 5 ไม่ชอบของนักวิจารณ์คนไหนล่ะ ?


สวัสดีจ้ะวีดวาด

ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารักมาก ที่เอารูปแห่งความหลังมาให้ดูหลายๆรูป พ่อพเยียเคยมีรูปเด็ดอยู่รูปที่ถนนอุดมธารา คือถ่ายรูปเรือกำลังแล่นอยู่คู่กับป้ายถนนที่ชื่ออุดมธารา ไม่รู้รูปอยู่ไหน วันหลังจะเอามาอวด

ขอให้มีความสุขกับการงานทุกๆวันนะ สุขไปทีละวันก็แล้วกันไม่ต้องสุขล่วงหน้าหรอกนะ


สวัสดีครับคุณ filmgus

ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆนะครับ ภาพหลังสุดก็สวยอีก สีสันต่างกันกับที่ผมถ่ายเลย ขอบคุณที่ทำให้บล็อกนี้มีสันขึ้นด้วยภาพสวยๆ


สวัสดีครับแม่น้องนิก

เรื่องความสวยของผู้หญิง ผมต้องยกเอาของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์มาอ้างจะได้เป็นกลางๆหน่อย


หายเหนื่อยจากการเดินทางหรือยังครับ ?


การ์เกด

เข้าไปบล็อกกวีของการ์เกด แล้วคอมเม้นท์ตรงไหนก็ไม่รู้ ดูไม่ค่อยคุ้นเข้าไม่ค่อยเป็น ของ 'ปราย พันแสงก็เหมือนกัน แรกๆก็เข้าไปคอมเม้นท์อยู่เหมือนกัน แต่เวลาจะคอมเม้นท์ยากเหลือเกินเลยถอดใจไปเลย


สวัสดีจ้ะแม่ปันปอง

ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้คึกคัก(ใจน่ะ)น่าดูเลยใช่ไหมล่ะ
ดีแล้วคนเราก็ต้องมีของเล่นทางใจกันบ้างใช่ไหมล่ะ
ว่าแต่คุณรังสรรค์เขาชอบเล่นอะไรบ้างหรือเปล่า หรือทำงานอย่างเดียวเลย

สวัสดีจะแพร จารุ

มั่นใจนะว่าคิดถูกว่า ถ้าอยู่บ้านแล้วจะทำให้พี่ถนอมเขียนเรื่องส้นได้ บางทีออกจากบ้านอาจทำให้พี่ถนอมเขียนเรื่องสั้นลื่นไหลก็ได้นะ (ฮา)



สวัสดีจ้ะหนอน

วันหนึ่งต้องได้ไปเที่ยวตะกั่วป่าแน่
ชวนน้องแป้งไปด้วย
ตะกั่วป่าพีน้องคนจีนก็เยอะ
รับรองไปถึงแล้วไม่กลายเป็นคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน

 

โดย: พ่อพเยีย 9 สิงหาคม 2550 17:29:58 น.  

 

สวัสดีครับคุณทหัยชนก

ขอบคุณสำหรับเอารูปสวยๆมาฝากให้ดูกัน ได้เห็นบรรยากาศแตกต่างกันไป และทำให้เกิดจินตนาการเวลาอ่านบล็อกของคุณหทัยชนกเขียนกลอน


สงสัยเราคงจะออนไลน์พร้อมๆกัน นะครับ

 

โดย: พ่อพเยีย 9 สิงหาคม 2550 17:34:57 น.  

 

ร้านกาแฟในรูป

ตอนอยู่ประถม บุกเข้าไปถึงด้านในของร้าน เข้าไปซื้อ
"ซือล้องออซึ้ง" (ภาษาจีนฮกเกี้ยนแถวพังงา-ภูเก็ตแปลว่าชาดำเย็นใส่น้ำแข็ง) ยังจำภาพโกมิงยืนชง เราตัวเล็กๆ ยืนแหงนศีรษะมองโกมิงยกถุงชงเทไปเทมา

ตอนนั้นมีขนมเค้กขายด้วย หน้าตาแบบเค้กคุกมิ่งเมืองตรังทุกวันนี้ ซื้อมาปักเทียนฉลองวันเกิด

พี่หนอน ฯ หวังว่าวันหนึ่งผมคงได้พาเที่ยวบ้านเกิดผมสักที

สวัสดีครับอาบูลย์ ความทรงจำกับตะกั่วป่าไม่เคยเลือนหายนะครับ

พี่โดม กลับบ้านวันแม่ จะแวะไปสวน ปีก่อนไปปลูกมังคุดไว้ 2 ต้น มาอยู่เมืองเสียนาน กลับไปขุดดินขุดทราย ทำเอาหอบเหมือนกัน

หวัดดีทุก ๆ คน

ถึงทุกคนที่เป็นแม่ พอดีวันนี้อ่านข่าวเจอ เขาว่า แม่ดีเด่นคือแม่ที่สอนให้ลูกรัก "ธรรมชาติ"

จบข่าว

 

โดย: J IP: 203.154.114.253 9 สิงหาคม 2550 17:54:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ พี่โดม

โห...เอาข่าวลือมาปล่อยอีกแล้ว พี่โดม ว่าแต่ว่าพี่โดมอ่าน เมาไม่ขับ ชนไม่จับ ครบทุกตอนหรือยังคะ...

เข้ามาอ่าขของทุกๆ คนเลยนะคะ เพราะคิดถึง แม่น้องนิก ปันปอง หนอน (2หนอน) โอ๊ะ!!!...เยอะแยะ มาก ฯลฯ (ขอโทษที่เอ่ยนามไม่ครบ) เหมือนเป็นเพื่อนกันมานานเลยค่ะ

ได้ดูร้านกาแฟ 2 เวอร์ชันด้วย ดีจังแฮะ...อ่านแล้วอยากไปตะกั่วป่า แต่...
เคยไปตะกั่วป่าครั้งแรก ตอนไปตามหาศพน้องที่หายไปกับสึนามิ...ยังขนลุกไม่หาย กับภาพและกลิ่น...
ตะกั่วป่าในความทรงจำของฮอลล์นี่ บรื๋อววววว์....
(เขียนอยู่นี่ยังขนลุกซู่อยู่เลยค่ะ ดีนะที่มาตอนเย็น)

ไปดีก่า...ว่าจะดูดฝุ่น ทำความสะอาดบ้าน แทนการไปฟิตเนสแพงๆ...
เศรษฐกิจพอเพียงค่ะ ประหยัดสองต่อ
ค่าฟิตเนสไม่ต้องจ่าย
ค่าสาวใช้ไม่ต้องควัก
รับมันเองหมดทุกหน้าที่...(ฮ่า)



 

โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.141.200 9 สิงหาคม 2550 19:08:47 น.  

 

โดม ที่คิดถึง

ผมแวะมาเยี่ยมเพื่อจะฝากบล็อก //www.oknation.net/blog/sangkom
เผื่อท่านโดมหรือเพื่อนมิตรคนอื่น ๆ อยากเข้าไปเยี่ยมยามถามข่าว
สังคม เภสัชมาลา

 

โดย: สังคม IP: 203.146.63.182 10 สิงหาคม 2550 7:06:34 น.  

 

สวัสดีแควน ๆ บล็อกพ่อพเยียทุก ๆ คนค่ะ (เอ่ยชื่อทีละคนไม่ครบคนแน่ ๆ เลย เหมาโหลอย่างงี้ดีกว่าค่ะ)

เฮ้อ...อบอุ่นจังเลยนะบ้านนี้

ฝันไว้ว่าถ้าหลงทางในตะกั่วป่า ต้องไม่อดตายแน่เลย
ที่สำคัญ แถวนั้น เขาคงไม่ขอตรวจบัตรประชาชนหรอกนะ

นิวาสสถานอยู่แถวเยาวราช เจอะตำรวจสายตรวจขี่มอเตอร์ไซค์สวนมาทีไร เป็นขอมาตรวจบัตรประชาชนอยู่นั่นแล้ว ขอตรวจกระเป๋าเอกสารด้วยนะเออ ตีความกันเองก็แล้วกันจ้าว่ามันหมายความว่าไง

คุณฟิล์มกัสและคุณหทัยชนก
เอาภาพถ่ายมาลงสวยจังเลย
ทำให้อยากเดินทางไปไหนมาไหนเสียแล้วสิ

ข้อความต่อไปนี้สำหรับพ่อพเยียโดยเฉพาะค่ะ

"...และความตื่นรู้ในปัจจุบันขณะย่อมนำมาซึ่งความรู้ ความรู้ที่จะพัฒนาตัวศิลปะแห่งกระบวนการนั้นให้เยี่ยมยอดขึ้นไปอีก และความรู้ที่ได้เป็นความรู้จากประสบการณ์จริง ที่เปิดมิติแห่งการคิดใคร่ครวญอย่างละเอียดอ่อนด้วย อันเป็นที่มาของโยนิโสมนสิการ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในทุก ๆ ขณะจิต อันเป็นเม็ดทรายของจักรวาลแห่งกาลเวลา ในเม็ดทรายแต่ละเม็ดบรรจุกาลเวลาทั้งมวลเอาไว้ที่เรียกว่านิรันดร ในเม็ดทรายนั้น บรรจุเรื่องราวทั้งหมดแห่งข่ายใยเอาไว้ เรื่องราวทั้งหมด เวลาทั้งหมด ถูกนำมากองไว้ในเม็ดทรายนี้แล้ว การเรียนรู้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่นี่เป้าหมายที่จะบรรลุทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่นี่ หนึ่งคือทั้งหมด ทั้งหมดคือหนึ่ง การย่างก้าวคือการบรรลุถึงเป้าหมาย กระบวนการก็คือเนื้อหา นี่คือมนตราอันมีเสน่ห์แห่งการดำรงอยู่และกระทำการให้ปัจจุบันเป็นเวลาอันประเสริฐสุด..."

ความตอนนี้คัดมาจากหัวข้อเรื่อง "พื้นที่แห่งพฤติกรรม" ในหนังสือ "มณฑลแห่งพลัง" ของ วิศิษฐ์ วังวิญญู สนพ.สวนเงินมีมา

ไม่มีอะไรหรอกค่ะ นอกจากอยากยกมาให้พ่อพเยียดู เพราะอ่านความตอนนี้แล้ว หนอนฯ จะคิดต่อไปถึงชื่อคอลัมน์ว่า "โลกในเม็ดทราย" ที่เราเคยถกกันในเรื่องชื่อคอลัมน์น่ะค่ะ เป็นความบังเอิญอย่างยิ่ง ที่ส่วนหนึ่งของความคิดของพ่อพเยียมันมาพ้องกับความตอนนี้ที่กำลังอ่านอยู่พอดีค่ะ

หนังสือเล่มนี้มีดีค่ะ หนอนฯ เลยต้องเมล์ขอบคุณคุณศุ บุญเลี้ยง ที่กรุณาแนะนำหนังสือดีมาให้อ่าน (วันนี้เขาก็แนะนำมาอีกเล่ม) เป็นปลื้มนิด ๆ ที่ศิลปินคนหนึ่งระลึกถึงการอ่านหนังสือของเราค่ะ

และก็ต้องขอบคุณพ่อพเยียด้วยเช่นกัน ที่แนะนำหนังสือดี ๆ ให้อ่าน (แบบย้ำบ่อย ๆ) หนอนฯ ก็กำลังอ่านหนังสือหนึ่งในสามเล่มที่คุณพ่อพเยียแนะนำอยู่เช่นกันค่ะ นี่ก็เป็นปลื้มนิด ๆ ที่นักเขียนแนะนำคนอ่านหนังสือให้อ่านค่ะ

ตอนนี้ เลยไม่รู้จะอ่านอะไรก่อนหลัง เพราะมีหนังสือน่าอ่านอยู่ในมือทั้งหมดหลายเล่มมากเลย เลยอ่านสลับไปสลับมา ก็ต้องระวังเพราะมันจะคอยปะปนกันอยู่เรื่อยค่ะ

อ่านมาก ๆ ก็ทำให้คิดถึงถ้อยคำของคุณศักดิ์สิริที่ว่า อ่านหนังสือ ไม่ใช่อ่านตัวหนังสือ ต้องอ่านเบื้องหลังตัวหนังสือนั้น แต่ที่สำคัญต้องหัดอ่านตัวเอง รู้จักและเข้าใจตัวเอง ตลอดจนอ่านสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราด้วย

แวะมาบอกเท่านี้ ไปทำงานและอ่านหนังสือต่อ...นะคะ

 

โดย: หนอนเมืองกรุง IP: 124.121.18.113 10 สิงหาคม 2550 7:34:11 น.  

 

อ่านแล้วกินใจดีค่ะ...ตัวเองเดินทางก็เยอะนะคะแต่จุดหมายแท้จริงมันก็คือความสุขจริงๆนั่นแหล่ะ หาได้ที่ใจนะคะ ถึงจะไปกี่ที่กี่ที่แต่ใจไม่มีความสุข มันก็คงไม่มีประโยชน์นะคะ....ขอแวะมาบ่อยๆนะคะ...อยู่ไกลบ้าน คิดถึงเมืองไทยจังค่ะ โดยเฉพาะเวลาฟังเพลงนี้

 

โดย: aey_tara 10 สิงหาคม 2550 7:40:09 น.  

 

สวัสดีครับทุกๆท่าน เป็นกิจวัตรประจำวันเสียแล้วที่ต้องเข้ามาบล็อกก่อนที่จะไปทำงานอย่างอื่น ไม่รู้ว่าคนอื่นๆเป็นอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่า แต่เคยโทรศัพท์หาเพื่อนเวลานี้ ส่วนใหญ่เขาออกไปทำงานกัน หรือไม่ก็อยู่ในรถบนถนน


สวัสดีรคับคุณ J


ขอยกสุภาษิตอังกฤษมาฝากก็แล้วกัน...

"ผู้ที่ปลูกต้นไม้ย่อมมีจิตใจรักผู้อื่นนอกจากตนเอง"


สวัสดีจ้ะฮอลล์

ยังอ่านบล็อกของฮอลล์ไม่ครบเลย
เพราะกำลังติดพันหนังสือเรื่อง "เกิดเพราะกรรมหรือ..."ของทันตแพทย์สม สุจีรา อ่านไปละเลียดไปพร้อมกับย้อนมองดูกรรมและวิบากกรรมของตัวเองไปด้วย

เล่มนี้อ่านรวดเดียวไม่ได้ เพราะสติปัญญาระดับพ่อพเยีย ต้องคิดนานหน่อย กว่าจะเข้าใจ เพราะมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์บางอย่างที่ยังไม่รู้มาก่อน


สวัสดีครับคุณสังคม

ยินดีที่มาส่งข่าว เดี๋ยวจะแว้บเข้าไปดูนะครับ

แต่ที่เนชั่นรู้สึกว่า ถ้าต้องการคอมเม้นท์ ต้องเป็นสมาชิกด้วยใช่ไหมครับ แต่ผมเป็นสมาชิกไว้สำหรับคอมเม้นท์ เวลาต้องการคอมเม้นท์ แต่ไม่ได้ทำบล็อกที่นั่น


สวัสดีจ้ะหนอน

คงแปลกใจที่ขยับคอมเม้นท์ของหนอนมาไว้ตรงนี้
ไม่มีอะไรหรอก เซ็นเซ่อร์บางคำออกไปเท่านั้นเอง
ต้องขอบคุณที่ยกข้อความดีๆมาให้อ่านและขบคิด หนังสือเล่มนี้ของพ่อพเยียก็มี รู้สึกว่าต้องค่อยๆอ่านเพราะอ่านอย่างเดียวไม่ได้ต้องขบคิดไปด้วย

อีกเล่มหนึ่งก็คือ"สุนทรียสนทนา" เล่มนี้ก็ชอบ อย่างที่เขียนบล็อกอย่างนี้เรียกว่าสนทนากันหรือเปล่านะ เพราะอ่านของผู้เขียนท่านนี้ รู้สึกเหมือนจะเป็นการนั่งล้อมวงสนทนากัน


งานของวิศิษฎ์ วังวิญญู เป็นการงานแห่งปัญญาแท้จริง อ่านแล้วได้ประโยชน์ในแง่ของการขบคิดและใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น

ส่วนที่พ่อพเยียตั้งชื่อคอลัมน์ว่า"โลกในเม็ดทราย" นั้นไม่ได้ลุ่มลึกและซับซ้อนอะไรมากหรอก เพียงแต่คิดเอาว่า ถ้าเม็ดทรายอยู่ในโลกนั้นก็ไม่น่าสนใจ แต่ถ้าสิ่งใหญ่ๆไปอยู่ในสิ่งเล็กๆก็น่าจะฉงนใจบ้าง

เพราะโดยส่วนตัวแล้วก็มีความคิดว่า เรื่องของชีวิตนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กๆหลายๆเรื่องรวมกัน หรือเรื่องราวเล็กๆที่จะเขียนก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจได้บ้าง

เพราะฉะนั้นโลกในเม็ดทรายของพ่อพเยียก็ค่อนข้างทื่อๆตรงๆ แต่อยากบอกว่าว่าชื่อหนังสือ "จักรวาลในเปลือกลูกนัท" เป็นที่มาของชื่อคอลัมน์นี้

และตอนนี้กำลังรวบรวมเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เขียนไว้จะรวมเล่มชื่อ "โลกในเม็ดทราย" ยังไม่รู้ว่าจะมีสำนักพิมพ์ไหนสนใจหรือเปล่า ?


สวัสดีครับคุณ aey_tara

ยินดีที่เข้ามาอ่านครับ

เชิญเข้ามาอ่านอีกนะครับ

แล้วผมจะแวะไปที่บล็อกคุยกับคุณนะครับ

 

โดย: พ่อพเยีย 10 สิงหาคม 2550 8:20:42 น.  

 

พี่โดมครับ...

ถนนสายนี้ใช่มั้ย...
ที่ทำให้เราออกไปท่องโลกกว้าง...

ผมชอบถนนบ้านเกิดครับ...
ผูกพัน
ทั้งวันออกเดินทาง
และวันหวนกลับ

 

โดย: pu_chiangdao 10 สิงหาคม 2550 9:42:20 น.  

 

พ่อพเยียคะ

นกไม่ได้รอกล้องของตัวเองที่เอาไปซ่อมนะคะ ขอยืมเพื่อนดีกว่า กลัวว่าถ้ารอนานไปจะตก "เทรนด์" ในการโชว์โต๊ะทำงานค่ะ อิอิ ภาพที่ถ่ายมาเลยต้องถ่ายกลางคืน ใช้แฟลชแล้วภาพออกมาไม่สวยเลย เอาแค่ดูได้นะคะ

ห้องค่อนข้างแคบนะคะ หมุนไปหมุนมาอยู่แค่นี้แหละ เลยนำมาให้ชมได้แค่ 2 ภาพค่ะ



โต๊ะทำงาน 2 มุม ที่หมุนตัวทำงานเอาค่ะ



เก้าอี้นั่งเล่น อ่านหนังสือ




 

โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) 10 สิงหาคม 2550 11:41:55 น.  

 

พี่โดม.....

ตกลง...ถ้าจะไม่มีทุกข์สักกอง ก็ต้องไม่มีใช่ไหม...

เลิก....เลิก.....เลิก....ตานุ..เราเลิกกัน...พี่โดมบอกจะได้ไม่มีทุกข์

อย่าดีกว่าแฮะ...กว่าจะหาได้สักคน....ดีกว่านอนเกาสะดือเล่นคนเดียวเสียอีก อย่างน้อยก็มีคนให้ถอนหงอกแก้เหงาล่ะว๊า.....

สองวันนี้ลมแรงมาก...เหมือนมีชุมทางรถไฟอยู่ในปลายวา...สะใจจริงๆ...
อยากไปดูคลื่นมันจะต้องแรงสุดใจ....ชวนป้าพิศนางงามอำเภอ ไปลงเรือกลางเลว่าลมแบบนี้มันจะขนาดไหน...
แกว่าเอาสิ....อยาก...วกแตก....วก...แตนก็ไป

เดี๋ยวจะหารูปหมอกหน้าฝนไปฝากนะคะ....ต้องไปซุ่มซ่อน พรางตัว ไม่งั้นมันไม่ออกมาให้เห็น

เห็นภาพร้านกาแฟของโกมิ่ง.....ขับรถผ่านเสียววูบเลยว่าแกยังยืนอยู่แถวนี้กวักมือเรียกเราเข้าไปไหม....เคยเห็นภาพเก่าตะกั่วป่าน้ำท่วมสมัยก่อน
เดี๋ยวเจ้าบ้านเขามาก่อนจะไปขอยืมมาเก็บไว้เสียหน่อย...ของเก่าๆหายาก ดูแล้วอิน...ชวนให้ระลึกชาติจริงๆ

อ้อ...พี่โดมถึงจะสวยระดับตำบลก็ยังดีกว่าสวยรอบลองไฟล่ะน่า

ถนนสายนี้ยาวละเนอะ..ปั่นจักรยานน่องปูดแล้ว...

 

โดย: ปลายแปรง 10 สิงหาคม 2550 12:32:37 น.  

 

เอาภาพความสุข หรือ กิจกรรมที่ชอบทำของคุณรังสรรค์มาฝาก ...เพราะเราคู่กัน แต่ความสุขทางใจของเราต่างกัน

เธอชอบต้นไม้...ชอบตัดหญ้า ทำสวน ตอนนี้ก็ปลูกมังคุด และสะตอเพิ่มเข้าไปอีก...

เธอชอบไปสวนตามลำพังบ้าง...ที่เป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันอาทิตย์

เอารูปลองกอง และทุเรียนมาอวด ลืมถ่ายรูปเงาะที่แดงเต็มต้น








 

โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.25.213.227 10 สิงหาคม 2550 13:17:48 น.  

 

สวัสดีค่ะพ่อพเยีย

คึกคักอบอุ่นไม่เปลี่ยนเลยนะคะบ้านนี้น่ะ
หัวกระไดไม่แห้งสักที ๕๕+

ได้แต่ดูภาพของคนอื่น

รอไว้สักวัน เมื่อข้าน้อยวรยุทธกล้าแข็งจะแปะภาพที่ถ่ายเองได้บ้าง
ตอนนี้ทำได้แค่ขั้นเด็ก ๆ แหะ แหะ






 

โดย: หนอนบ้านนอก 10 สิงหาคม 2550 21:58:57 น.  

 

นั่น แย่แล้ว ๆ ภาพไม่ขึ้น

ขออภัยเจ้าบ้านอย่างแรงค่ะ
ถ้าภาพไม่ขึ้น ลบได้นะคะ T_T"

 

โดย: หนอนบ้านนอก 10 สิงหาคม 2550 22:15:15 น.  

 

THE BRIDGS OF MADISON COUNTY เคยอ่านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว จำได้ว่าตอนจบน่ะน้ำตาหยดแหมะๆ
เพราะสงสารนางเอก มันบีบคั้นหัวใจมากเลยที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไป

เห็นถนนหลายสายในนี้ แล้วคิดถึงถนนสายหนึ่ง
ที่ซึ่งมีภูเขาเขียวเข้มเป็นฉากหลัง
เป็นถนนสายที่มุ่งสู่บ้านสักทุ่ง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
ถนนสายนั้นมีสะพานข้ามลำน้ำอิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ
และมีทุ่งดอกเลาสีขาว ล้อลมไสว

ฉันเคยผ่านไปบนเส้นทางสายนั้นเมื่อสิบสี่ปีก่อน
เป็นเวลาเย็นย่ำ ที่ผู้คนกำลังกลับจากทุ่ง กลับบ้าน
ควันไฟลอยเป็นสาย และลมหนาวเริ่มพัดมา
ป่านนี้ ไม่รู้ที่นั่นจะเป็นอย่างไรบ้าง
เนิ่นนานมาแล้ว...แต่ก็ยังอยู่ในรอยทรงจำ

อาจไม่ได้เข้ามาเยี่ยมบ่อยนัก
เพราะจำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก
แล้วจะแวะมาใหม่ค่ะ



 

โดย: บอนหวาน 10 สิงหาคม 2550 22:57:14 น.  

 

สวัสดีภู เชียงดาว


ถนนหลายสายพาเราไปรู้จักเรื่องราวต่างของชีวิตมากมาย

แต่คงต้องมีอยู่สายหนึ่งซึ่งเราจะต้องใช้มันอยู่เป็นประจำ

ไม่ว่าจะออกไปไหน หรือไปไหนมาแล้วก็กลับบ้าน

ใช่แล้วหละ !


สวัสดีครับคุณหทัยชนก

ต้องขอบคุณมากที่ีนำมุมห้องส่วนตัวมาให้ได้เห็นกัน

โคมไฟบนโต๊ะ ที่เป็นหลอดนีออนน่ะ ที่บ้านผมมีอันนึง

แต่อยู่อีกห้อง

ดูบรรยากาศเรียบง่าย สบายๆ น่านอนอ่านหนังสือตรงเก้าอี้ตัวนั้นจัง


สวัสดีจ้ะแม่ปัน-ปอง


ซื้อสวนปีเดียวมีผลไม้เต็มสวนแล้วนะ ดีจริงๆ

เดี๋ยวกลับไปตะกั่วป่าจะไปเที่ยวสวนนี้บ้าง

พี่ต๋อยสบายเลยสิ มีต้นไม้ให้เล่นอย่างนี้


สวัสดีจ้ะหนอนบ้านนอก

ขอบคุณครับที่ส่งรูปมาให้ดู

เรื่องแปะภาพ เรียนรู้นิดหน่อยก็เป็นแล้ว

ขนาดผมไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพ์หรอก ยังพอทำได้เลย

จะรอนะครับ เพราะรูปที่ถ่ายเองนี่จะมีความสด



สวัสดีครับคุณบอนหวาน

ยินดีที่เข้ามาคอมเม้นท์ที่บล็อกนี้ครับ

ถนนที่คุณพูดถึงเมื่อ 14 ปีผ่านมาแล้ว

ผมเพิ่งผ่านมาเมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมานี้เอง

แต่สภาพคงแตกต่างจากเดิมไปมากแล้ว

แต่ถึงอย่างไรถนนสายเหนือก็ยังงดงามเสมอ

ขอให้พักผ่อนให้สบายนะครับ

 

โดย: พ่อพเยีย 11 สิงหาคม 2550 0:09:28 น.  

 

โธ่...คุณพ่อพเยียค่ะ ชมแบบนี้เขิลแย่เลย wild Gecko เป็นร้านที่มีชื่อมากค่ะ เสียดาย ไปก็ไม่ได้ซื้ออะไร...

วันก่อนมีพี่ที่สำนักพิมพ์หนึ่ง เมล์มาหาชิน บอกว่า เขียนเรื่องลงบล็อกมีแต่เรื่องเล่นๆ เกินไป อยากได้เป็นเนื้อหา โธ่.........ก็เนื้อหามีแค่นั้น คิดว่าเขียนเป็นอนุสรณ์เมื่อจากกาน่า จะได้จำได้เท่านั้น พี่เขาดันคิดจริงจังจะไปทำหนังสือ กลุ้มเลยค่ะ ....

 

โดย: shin chan (alei ) 11 สิงหาคม 2550 3:11:44 น.  

 

ยังไม่หายเหนื่อยเลยค่ะ หลับนอนผิดเวลามาหลายวัน
คิดถึงคุณโดมและพี่ๆอยู่เสมอนะคะ
ถึงจะหายไปบ้าง เพราะหน้าที่รัดตัว แต่ก็ไม่เคยลืม
กันแน่นอนค่ะ ตอนนี้ลูกๆใกล้เปิดเทอม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่นิก
ที่จะเรียน แต่พ่วงหนูน้อยไปเรียนด้วย ต้องลุยเป็นสองเท่าเลยคราวนี้

แค่คิดก็เหนื่อยแล้วน่ะคุณโดม กลัวผอม
แต่เพื่อลูกนะ ตายก็ยอม เผื่อจอห์นจะเห็นใจรักเมียมากขึ้นกว่าเดิมเนาะคุณโดมเนาะ

 

โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.138.46 11 สิงหาคม 2550 10:13:51 น.  

 

สวัสดีค่ะ ก็เป็นสมาชิกใหม่อีกคนก็แล้วกัน เนื่องจากได้อ่าน ห่างไกล...ไม่ห่างกัน เป็นหนังสือที่ได้อ่านแล้วเต็มไปด้วยความรู้สึก......มากมาย อ่านสบาย สบาย แต่ที่อดปลื้มไม่ได้ ก็ยังอ่านไม่ทันจบ ลูกสาวก็ถามว่าคุณอ่านหนังสืออะไรอยู่ หนูขอเอาไปอ่านก่อนก็แล้วกัน วันนี้....
งานไม่ยุ่งมากนัก......ก็หยิบมาอ่านต่อ..จบ ทำให้ได้รู้ว่าลูกคงได้...อะไรไปบ้างในข้อคิดสอดแทรกไปบ้าง (แอบหวังว่า..) แล้วจะติดตามผลงานชิ้นต่อไป

 

โดย: pet 23 pall IP: 222.123.47.67 11 สิงหาคม 2550 13:09:19 น.  

 


สวัสดีครับคุณชิน

ผมพูดเรื่องจริงครับ ไม่ต้องเขิลล์

อย่าว่าแต่พี่ที่สำนักพิมพ์เลยครับ ผมยังแอบคิดเลยว่าเรื่องของคุณน่าสนใจนะครับ แต่ไม่กล้าแนะนำ
คุณมีอารมณ์ขันในตัวหนังสือ และมีวัตถุดิบที่แตกต่างจากคนอื่น

ส่วนจะทำออกมาอย่างไร บรรณาธิการสำนักพิมพ์คงช่วยแนะคุณได้

เชียร์ครับ !!

สวัสดีครับแม่น้องนิก

กลัวผมอมเหรือครับ ?

กลัวเหมือนพี่หนอนเลย

ทุกวันนี้เธอก็กลัวผอม
เะกลัวมาจนไม่ผอมเลย 555


สวัสดีครับคุณ pet 23 pall


ยินดีมากเลยครับ ที่อ่าน "ห่างไกล ไม่ห่างกัน"

แล้วยังเข้ามาทักทายที่บล็อกอีกครับ

ถ้าไม่หวงความเป็นส่วนตัวเกินไป ผมก็อยากรู้จัก
ว่าคุณทำอะไรอยู่ที่ไหน ผมจะได้รู้ว่าคนอ่าน "ห่างไกล ไม่ห่างกัน" ที่ผมเขียนนั้นทำอะไรหรืออยู่ที่ไหนบ้าง ?

แต่ถ้าต้องการปิดลับก็เป็นไร

ขอบคุณครับ

 

โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.20.254 11 สิงหาคม 2550 13:44:37 น.  

 

สวัสดีคุณโดม

เพิ่งทราบเช่นกันว่า บล็อกนี้เป็นของคุณโดม

เพิ่งอ่าน ริมรั้วหัวใจ....ห้องหนังสือของคนโง่ จบไปเมื่อสักครู่ ก่อนหน้านี้ก็ซื้ออ่าน ห่างไกลไม่ห่างกัน คุณเขียนได้ดีมาก โดยเฉพาะการแทรกธรรมะเล็ๆ น้อยๆ ดิฉันมีลูกสาวคนโตอายุ 15 จะแก่หรืออ่อนกว่าหนูพเยียก็ไม่ทราบ ดิฉันกับลูกอยู่ไกลกันเหมือนกันค่ะ ส่วนใหญ่เราจะโทรศัพท์ถึงกันมากกว่า พออ่านหนังสือคุณแล้ว อยากเขียนอะไรถึงลูกลงในบล็อกนะคะ แต่ยังไม่ได้เริ่มเลย

ยินดีที่ได้มาทำความรู้จักกับคุณในบล็อกแกงค์ อ้อ คุณโดมคงจะมีอายุมากกว่าดิฉัน ปีนี้ดิฉัน 45 ค่ะ คุณโดมเป็นพี่หรือน้องคะ

(ดิฉันคอมเม้นท์ไปที่หน้าห่างไกลไม่ห่างกันก่อนหน้านี้ ขอนำมายกไว้ที่นี่อีกค่ะ)

 

โดย: พธู 11 สิงหาคม 2550 14:18:00 น.  

 

สวัดดีค่ะลุงโดม
มารายงานตัวค่ะว่าออกมาจายค่ายแล้ว
ตั้งแต่เย็นวันที่ 10 สิงหาคมค่ะ

อ่านรอบที่สามแล้วค่ะกลอนบทนี้

มีถนนหลายสายที่เราได้เดินข้ามและผ่านพ้น
แต่จะมีถนนสักกี่สายที่อยู่ในหัวใจของเราตลอดไป
มีผู้คนหลายคนที่เราได้พานพบและรู้จัก
แต่จะมีสักคนไหมที่เรารักและได้อยู่ร่วมกันตลอดกาล

กลอนเพราะดี
คำถามตอนท้ายนี้น่าคิดนะค่ะ
หนูเอาไปให้เพื่อนอ่าน
รู้สึกว่าแต่ละคนจะคิดหนักเมื่ออ่านจบลง
เราต่างก็ยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้
เพราะทางที่เราเดินมามันยังน้อยนัก
เมื่อเทียบกับระยะการเดินทางของลุงโดม
ของคุณพ่อคุณแม่ของพวกเราที่ค้นหาคำตอบเจอแล้ว

และเป็นที่รู้กันว่าวิชาชีพที่เรากำลังเรียน
อาจจะประสบควาสำเร็จในด้านการงารสูง
แต่มักล้มเหลวทางด้านชีวิตรัก
มักมีเรื่องเล่าว่า คนที่อยู่ที่นี้จะไม่มีแฟน
ส่วนที่มีก็มักจะเลิก
มีหลายคนเชื่อเรื่องนี้
เพราะเลิกกับแฟนหลังจากมาอยู่ที่นี้

สำหรับหนูไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
แต่คิดว่ากรณีของเพื่อนหนู
น่าจะเป็นเพราะว่า ใจคนเปลี่ยนโดยมี ระยะทางและเวลา
เข้ามาเกี่ยว "ทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เทียง ไม่มีอะไรเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของโลกค่ะ"(พระอาจารย์ที่ค่ายสอนค่ะ)เพราะเมื่อก่อนเราอยู่ในโลกที่ไม่ได้กว้างขวางนัก แต่พอเราออกไปสู่โลกที่กว้างกว่า ที่ๆเราไม่เคยอยู่
ได้เจอกับคนมากมาย เหตุการหลายเหตุการ มันเลยทำให้เราและเขาได้รู้ใจตัวเอง
แต่สำหรับพากเรา ที่ใหม่ที่มาอยู่จะไมเอื้อต่อเรื่องเหล่านี้
จึงทำให้คนที่จบจากที่นี้ยังโสดและก็เลือกที่จะโสดต่อไปเพราะหลังจากจบแล้วก็ไม่ค่อยจะได้เดินทางไปบนถนนสายอื่นอีก และถนนสายที่เราเดินนั้นก็นานๆจึงจะมีโอกาสเจอทางแยก

แต่ก็เป็นบทกลอนที่ให้ข้อคิดดีๆมากมาย
หากว่าเราอ่านแล้วพิจรณา
ไม่ใช่อ่านเพียงผ่านๆ
หนู่ว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กที่คิดที่จะหยุดชีวิตวัยรุ่นของตัวเองไว้ที่ใครสักคนในขณะที่อายุยังน้อย

ด้ายความเครพ

 

โดย: yellyjam (lukkongpoka ) 11 สิงหาคม 2550 14:36:09 น.  

 

สวัสดีครับคุณพธู


ขอบคุณในคำชมและแวะมาทักทายที่บล็อกนี้
ลูกสาวผมอายุ 17 ปี แก่กว่าลูกสาวคุณสองปี
ก็ถือว่าไล่เลี่ยกัน ก็เรียกว่ารุ่นราวคราวเดียวกันก็ได้ครับ


แต่คุณอ่อนกว่าผมครับ ผม พฤศจิกานี้ก็ 49 ปีเต็ม
และต่อจากนี้ก็จะไม่พูดถึงตัวเลขอายุอีกแล้ว


สวัสดีจ้ะหนูyellyjam


ลุงดีใจทุกครั้งที่เห็นตัวหนังสืของหนู
หนูรู้จักคิด

หนูรู้จักเขียน
แล้วต้องอ่านหนังสือด้วยนะ

แล้วลุงจะแวะไปเยี่ยมที่บล็อก

 

โดย: พ่อพเยีย 11 สิงหาคม 2550 16:22:06 น.  

 



แวะมาทักทายค่ะ ว่าตามอ่านอยู่นะ...ทุกท่านนนนน....

 

โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.141.16 12 สิงหาคม 2550 19:04:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.