|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
ที่มา - ที่ไป
หลังจากที่ผมเริ่มเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน หันเข้าหาธรรมะ จาก pocket book คุณดังตฤนเมื่อ เดือนเมษา 2550 และตื่นจากการหลับไหลอันยาวนาน ด้วยบุญคุณของพอจ.ปราโมทย์ จนถึงวันนี้ ร่วม 2 ปีแล้ว แม้ว่าผมจะยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจธรรม แต่ผมก็พบควาเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ไม่รู้ว่าใครเห็นเป็นไง มากน้อยแคไหน แต่ผมว่า ก็เปลี่ยนประมาณนึง สุขนี่ไม่รู้ เพราะรู้แล้วก็ขาด แต่ทุกข์นี่ชัดมาก มันจะไม่ขาดง่ายๆ แต่เบาบางลงหลายเท่าทีเดียว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคะนี่หดหายไปมาก อาจเพราะเดินบารมีทางนี้มากเป็นพิเศษ ตั้งแต่อ่านกรรมพยากรณ์ของคุณดังตฤน ก็ถึงศีล ๘ วันพระมาตลอด กว่า 2 ปี พยายามให้บริสุทธิ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในโลกของฆราวาส ซึ่งก็ยากเย็นเหลือเกิน แต่นั่นก็ทำให้เนขัมมะบารมี หรือความดำริออกจากกามเข้มแข็งมากขึ้นกว่าการละกิเลสตัวอื่น...
อย่างไรก็ตาม ผมพบว่า ที่ผ่านมา ความรู้ความเข้าใจในอตีดนั้น เริ่มพร่าเลือนไปมาก ตอนนี้ พอจ.รบรองว่าสันตะติขาดแล้ว และผมเองก็เข้าใจว่า รู้เห็นธรรมมากขึ้นกว่าที่ พอจ รับรองประมาณนึง ตามความก้าวหน้าของการปฏิบัติ แต่พอนึกย้อนไปดูว่า ก่อนเราตื่นขึ้นมานั้น เป็นอย่างไร เริ่มตื่นเป็นอย่างไร พอนึกออกคร่าวๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จำความรู้สึกเหล่านั้นแทบไม่ได้แล้ว
จริงๆ ก็ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าท่าน ว่าให้มีสติรู้เฉพาะหน้า อดีตอนาคตไม่ต้องสนใจ มันก็ขาดหายไปจริงๆ สำหรับผมแล้ว มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรอีก...
แต่มีอยู่วันนึง ได้ตอบปัญหากัลยาณมิตรท่านนึง ว่าด้วยสภาวะจิตขณะผ่านนิพพิทาญาณ ซึ่งผมเองพึ่งผ่านไปได้ไม่นานนัก รู้และเข้าใจเลยว่า เกิดอะไรขึ้น ต้องการให้ชี้ทางไหน ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ เพราะนึกถึงอารมณ์ความรู้สึกขณะนั้นได้ชัดเจนราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน... แต่พอนึกย้อนกลับไปอดีต ว่า ตอนตื่น ตื่นขึ้นมาได้อย่างไร ตอนติดเพ่งเป็นไง... เอ ชักจะพร่าเลือนไปมากแล้ว
เพราะงั้น แม้จะไม่ได้เป็นประโยน์ใดๆ กับผมอีก แต่อาจจะเป็นประโยชน์ยิ่ง กับผู้ที่หาหนทางแสวงหาทางพ้นทุกข์ ในอนาคต.. จึงคิดสร้าง blog นี้ขึ้นมาเพื่ออธิบายรายละเอียดระหว่างทาง และแน่นอน ว่าผมไม่ได้เป็นอริยสาวก ณ ตอนนี้ เพราะงั้น ต้องมีมั่วแน่ๆ มีบางส่วนไม่ตรงกับหลักการปฏิบัติแน่ๆ แต่ผมก็หลบหลีก แถไถ ผ่านมาจนได้ เคยคิดเหมือนกันว่า น่าจะรอให้รู้ธรรมเห็นธรรมซักพักก่อน ค่อยเริ่มมาขีดเขียน แต่ถึงตอนนั้น อาจจะลืมความรู้สึกไปหมดแล้ว อาจจะถ่ายทอดไม่ได้ถึงอกถึงใจ ไม่ได้เข้าใจผู้ที่เดินตามๆ กันมา เหมือนกับวันที่พึ่งเดินผ่านไปได้หยกๆ... มันมีทั้งข้อดีข้อเสีย เอาเป็นว่ารู้ธรรม เห็นธรรม เข้าใจธรรมมากขึ้นเท่าไร จะทยอยมาแก้ไข ให้ถูกต้องมากขึ้นตามลำดับนะครับ
ตอนนี้ เอาว่าดูๆ เป็นแนวๆ ไว้ อย่าพึ่งเชื่อซะ 100% อ่านๆ ดู เทียบกับตำหรับตำรา ครูบาอาจารย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทียบกับหลักคำสอนของพระศาสดา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านว่า ตรงกันหรือไม่ บิดเบี้ยวแค่ไหน อย่างไร แล้วค่อยน้อมนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับ
อนุโมทนาครับทุกท่าน เจริญในธรรมนะครับ
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2552 8:33:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 263 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แก้ว IP: 125.24.32.206 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:56:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
---กราบแทบเท้าอาจารย์ ผู้บอกทางที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ดีแล้ว ว่ามีอยู่จริง ไปได้จริง ไม่ยากเกินมนุษย์คนหนึ่งจะทำได้... ท่านหนึ่งเป็นฆราวาส ท่านหนึ่งเป็นพระภิกษุ และมีอีกหลายท่านที่ไม่มีวาสนาบารมีพอจะได้รับคำสอนจากท่านเหล่านั้น... กราบนมัสการด้วยเศียรเกล้าครับ _/l\_---
ใครที่ผ่านเข้ามาอ่านก็คงจะงงๆ หน่อยนะครับ ส่วนหนึ่ง ผมตั้งใจจะเขียน blog นี้เพื่อเป็นบันทึกในการปฏิบัติธรรมตามมหาสติปัฏฐานสูตร เอาไว้อ้างอิงสำหรับตนเองเพื่อปรับปรุงแก้ไข และสำหรับท่านผู้สนใจ เส้นทางการปฏิบัติที่ผมเดินผ่านมาในอดีต...
อีกส่วนหนึ่ง เป็นความคิด และมุมมองทางโลก ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างก้าวร้าวซักหน่อย แต่เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนที่จะหันหน้าเข้าทางธรรม อีกนัยหนึ่ง มุมมองทางโลก อาจจะผลักดันให้ผมหันหน้าหาธรรมะก็ได้
เหมือนผมจะมี 2 บุคลิกนะครับ
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|
สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยคนค่ะ
จะมาติดตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ
ช่วงนี้แก้วรู้สึกจิตมันฟุ้ง มากเลยค่ะ
แต่ก็พยายามค่อยๆ ดูมันไปเอาเท่าที่รู้ (แต่ส่วนใหญ่หลง)
ขอให้เจริญยิ่งๆ ในธรรมนะคะ