-= The Buddha's Warrior =-
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
5 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

5-12: ดูจิตแบบ "ปลงๆ"

ตั้งแต่กลับมาจากวัดเมื่อวันเสาร์แล้ว... รู้สึกว่า จิตมันดิ้นๆ ดื้อๆ ยังไงไม่รู้... แม้จะทำตามปกติ แค่รู้ลงปัจจุบัน แต่เหมือนกับ มันไม่ยอมรู้เฉยๆ มันเหมือนมีล็อกแข็งอยู่ ไม่อาจจะรู้สึกตัวอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างเคย ลองสุ่มๆ ดูว่า น่าจะขาดสมถะ ก็ทำสมาธิเพิ่มหน่อย ก็เหมือนเดิม... เพิ่มอีก ทั้งเช้าทั้งเย็น โอ ทีนี้แข็งเป๊ก ขับรถไปทำงานนี้ ยังกะหุ่นยนต์ ไม่เป็นไร เครียดก็รู้ทัน ยังเครียด ยังแน่อยู่อีก ก็รู้ต่อไปเรื่อย... สงสัยติดอยากดี อยากทำ ต้องดี ต้องทำ ต้องได้มรรคผล อยู่ละมั้ง เพราะที่ผ่านมา เหมือนเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ... เฮ้อ :{


เมื่อคืน ทำโน่นทำนี้ ก็รู้ตัวไปเรื่อย จะแข็งก็ให้มันแข็ง จะรู้น้อยบ้างก็ชั่ง ได้แค่นี้ก็แค่นี้... เฮ้อ เหนื่อยจริง จนดึกๆ ก่อนนอน ก็อาบน้ำอาบท่าตามปกติ ซักพัก ก็เริ่มนึกๆ ว่า เฮ้อ... ดูอย่างนี้ ไปไม่ถึงไหนเลย เลยรู้สึกตัวแบบ "ปลงๆ" ช่างมันเถอะ เป็นไงก็ช่างมัน เท่านั้นเอง... สว่างขึ้นมา วาบนึงเลย โห...รู้แล้ว เหมือนที่พระอาจารย์เคยว่า สู้เท่าไร่ก็ไม่ชนะ พอยอมยืนหลังชนฝา ให้เค้าชกฝ่ายเดียว ก็หลุดออกมาเฉยๆ...

แต่ทั้งหมดนั่นนะ รู้ไม่ทันความสว่างวาบนั้น มัวแต่คิดฟุ้งซ่านต่อ... 555


เอาล่ะ ลุยต่อ
แต่หน้าอย่างนี้ ไม่เอาแล้วนะ

เอาอย่างนี้ แล้วกัน (หาอันตรงๆ ใจ ไม่ค่อยจะมีเลยแฮะ)




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2551
25 comments
Last Update : 5 ธันวาคม 2551 10:22:00 น.
Counter : 396 Pageviews.

 

ทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้วค่ะ

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 5 ธันวาคม 2551 11:21:34 น.  

 

ธรรมะสวัสดีค่ะคุณหมอ

แหม...ขอบอกว่า แอบติดตาม เหมือนคอยดูซีรี่ส์หนังชุดว่า ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรมาตลอดนะคะเนี่ย

วันก่อนคุณปู ที่อยู่ที่อเมริกาส่งไฟล์มาไฟล์นึงที่มีคุณป้าเก็บผักไปส่งการบ้านกับลพ. โห...ฟังแล้วบอกต่อว่า คุณหมอคะ อย่าพยายาม อย่าอยากจะได้มรรคผลนะคะ ยิ่งอยากมันยิ่งห่าง ยิ่งรู้ว่าใกล้แล้ว ยิ่งห่างเลย คุณป้าคนนั้นแก แทบจะไม่ทำอะไรเลย ฟังแล้ว แกสบายมากๆ ทำโน่นทำนี่ไป เก็บผักไป ดูจิตไป นั่งสมาธิไม่เป็นเดินจงกรมไม่เป็น แต่ส่งการบ้านที หนาววววว.....

ตัวดิฉันตอนนี้มีสภาวะใหม่ที่เกิดขึ้นมาให้รู้จักคือ สภาวะหดหู่ เศร้าซึม เมตตา สงสาร ไม่เคยเห็นก็ได้เห็น เล่นงานหนักมาสองวันติดๆ กัน ขนาดรู้มันก็ยังคงสภาวะไม่ได้หายไปไหน มันมีอาการอยากจะร้องไห้ ก็เลยปล่อยเลยค่ะ มีเสียงหลวงพ่อในหัวว่า สุขก็เป็นของชั่วคราว ทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว เลยให้ได้เห็นอนิจจังเต็มๆ ว่า ทุกอย่างมันเป็นของชั่วคราว

ตอนที่เกิดสภาวะแบบนี้นะคะ ทุ๊กข์ ทุกข์ เออ...อยากคุยกับคุณหมอนะคะ แหม...โชคดีคุณหมอเขียนบล๊อกพอดี

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 5 ธันวาคม 2551 15:14:27 น.  

 




 

โดย: Pormaid 5 ธันวาคม 2551 23:31:52 น.  

 

"อย่าพยายาม อย่าอยากจะได้มรรคผลนะคะ ยิ่งอยากมันยิ่งห่าง ยิ่งรู้ว่าใกล้แล้ว ยิ่งห่างเลย"

ขอบคุณมากเลยครับ... โดนเต็มๆ มาอย่างแนบเนียน ไม่ให้ซุ้มให้เสียงซะด้วย... ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยตักเตือน


เอ่อ ที่คุณแม่ชีติดอยู่นี่... ผมเคยลองแก้ปัญหา นอกแนวทางการเจริญสตินิดหน่อย คือ เจริญพรหมวิหาร๔ ให้มาก... คือเริ่มที่เมตตา จบที่อุเบกขา ก็คอนข้างได้ผลนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้เกี่ยวกับผมโดยตรง...

แต่เรื่องประเทศชาตินี่ อุเบกขายากอยู่เหมือนกันครับ ได้แต่รู้ทันไปเรื่อยว่ากำลังทุกข์ กำลังโกรธ กำลังเกลียด... จริงๆ ก็ได้ผลบ้างนะครับ แต่ก็ยังมีส่วนเล็กส่วนน้อยที่รู้ไม่ทัน นั่นก็ทำให้ผมไม่ทุกข์เท่าคนอื่นเค้า แต่ก็ยังมีอยู่แหละครับ ผมก็รู้สึกว่า จิตร้องไห้กับปัญหาขอคนในชาติ 2-3 ครั้งนี่แหละครับ อาการเค้นคล้ายๆ ร้องจริงๆ เลย แต่พอมีสติรู้ทัน มันก็ร้องอยู่ในอกพักนึง แล้วก็หายไป

สำหรับในกรณีของคุณแม่ชี... ผมว่า ลองแยกแยะดูอีกหน่อยมั้ยครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นนะ เป็นสภาวะธรรมหรือวิบาก... ถ้าเป็นสภาวะธรรมเช่น เมตตา สงสาร หรือเสียใจ ก็น่าจะรู้ทันได้อยู่นะครับ แต่ถ้าเป็นหดหู่หรือ ซึมเศร้าเนี่ย ถ้าเป็นวิบากของจิตที่เสียใจ คือ เสียใจแล้วซึมเศร้า... รู้ทันแล้ว วิบากก็ยังคงส่งผลอยู่อีกซักพักนะครับ ผมว่า...

อีกอย่าง ถ้าเป็นวิบากจริงๆ แล้วรู้ไม่ทันว่าเป็นวิบาก เข้าใจว่ามันต้องหาย ระวังมันจะมีตัวอื่นมาแทรกนะครับ เช่น อยากให้หาย หรือฟุ้งซ่านว่า ทำไมมันไม่หายซะที... แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่พ้นที่พอจ.ว่า "รู้ลูกเดียว" พอไม่หายแล้วอยากหายก็รู้ ฟุ้งซ่านก็รู้... จะว่าไป รู้เฉยๆ ไม่ต้องไปพิจารณาว่า เป็นสภาวะธรรม หรือวิบาก น่าจะง่ายกว่านะครับ

 

โดย: Pormaid 6 ธันวาคม 2551 0:34:58 น.  

 

สาธุค่ะคุณหมอ

ตอนแรก ก็พิจารณาเหมือนกันค่ะ ว่ามันเป็นแค่สภาวะที่เสียใจ สงสาร หรือว่า สิ่งที่มันค้างๆ เหลืออยู่มันเป็นวิบาก หรือยังเป็นสภาวะที่เราดูทันก็จริง แต่มันยังคงอยู่

เพราะว่า ตอนที่เห็นว่า เราทุกข์เพราะเมตตา มากๆ สงสารมากๆ เราก็รู้ตัว ว่า ใจมันทุกข์ไปแล้ว มันเป็นความสงสาร แต่อาการทางกายมันยังอยู่ บางทีมองเห็นมันร้องไห้ไปเฉยเลย สงสัยว่าตรงนี้มันน่าจะเป็นวิบาก

แต่ก็จริงอย่างคุณหมอว่า "ให้รู้ลงไปในปัจจุบัน" ไปเลยว่า กายมันกำลังเป็นยังไง ใจมันกำลังเป็นยังไง ไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นสภาวะ หรือว่ามันเป็นวิบาก อย่างนั้นเลยใช่ไหมคะ หรือสงสัย ก็ให้รู้ว่า กำลังสงสัย

โอเค


งั้น .... มาลุยดูจิตกันใหม่ เริ่มนับหนึ่งใหม่ ....
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆๆ

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 6 ธันวาคม 2551 11:24:01 น.  

 

ทุกข์ทุกย่างก้าว

 

โดย: อัสติสะ 6 ธันวาคม 2551 14:21:35 น.  

 

แวะมาเยี่ยมคุณหมอค่ะ

นึกว่าหายไปไหน ไม่ได้แวะมาหน้านี้ เลยไม่รู้ว่ามาอัพบล็อกอยู่ตรงนี้อ่ะค่ะ

ตอนที่เริ่มภาวนา ดูจิตเป็นใหม่ ๆ (เมื่อปีที่แล้วนี่เอง)
ลพ.ท่านเตือนพี่หลายครั้ง ดูเป็นแล้ว
"อย่ารีบร้อน ให้นับหนึ่งทุกวัน"
"คนที่เขาเป็นเร็ว เขาเคยลำบากมาก่อนเรา" ...
"กรุงโรม ไม่ได้สร้างในวันเดียว"
อันนี้คือคำที่ลพ.เตือนพี่หลายครั้ง ติดต่อกันค่ะ

วันพ่อ วันที่ 5 ธ.ค ได้ไปส่งการบ้านลพ. มา จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรจะส่งแล้ว ได้แต่ตามรู้ ตามดูตามที่มันเป็น ไม่ดัดแปลงแก้ไขไร จิตเป็นอย่างไร ก็รู้ไปอย่างนั้น ...ทุกวันนี้ภาวนา เหมือนไม่ได้ภาวนา แต่ก็คอยหมั่นสังเกตุตัวเองอยู่เสมอ ๆ เวลาฟังซีดีของลพ. ก็มีคำตอบสำหรับตัวเองอยู่แล้ว

แต่ด้วยความที่ไม่ได้ส่งการบ้านนานแล้ว กลัวจะตกถนน (แห่งสติ) ไปโดยไม่รู้ตัว เลยยกมือส่งการบ้านบ้าง ...ได้คำตอบยืนยันมาว่า ยังอยู่บนถนนแห่งการรู้ตัวอยู่ เฮ้อออ... โล่งใจ

ส่วนคุณป้าเก็บผัก ... ส่งการบ้านครั้งนั้น พอได้รับคำชมจากหลวงพ่อแล้ว หลังจากนั้นก็เป๋เลยค่ะ กลายเป็นจงใจภาวนาไปแล้ว เมื่อวานก็เจอ แต่แกไม่ได้ส่งการบ้านค่ะ

เอ้า ...หน้าเดิน (ต่อไป) ... เป็นกำลังใจให้คุณหมอ และแม่ชีนะคะ ... นับหนึ่งค่ะ นับหนึ่งทุกวัน

 

โดย: สาวิกา 6 ธันวาคม 2551 18:55:48 น.  

 

ส่วนตัวผม บางครั้งนะครับ ผมว่า การมีความทุกข์มากระทบจิตใจ ก็เป็นเรื่องดีทีเดียวนะครับ ภาวนาตอนสุขไม่ยากเท่ากับตอนที่มันทุกข์มากๆ บางครั้งความทุกข์มันหายไปตามเวลาที่ผ่านไป แล้วไม่ทันได้เอามาภาวนา คือแบบ ทุกข์อยู่กับมันจนมันหายไปเอง... ผมก็แอบเสียดายนะครับ

...ไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรมนะครับ คุณอัสติสะ

อนุโมทนาด้วยนะครับ คุณแม่ชีครับ พี่สาวิกาครับ

...รู้สึกอบอุ่นดีจริงครับ มีเพื่อนร่วมทางแบบนี้ ผมเคยอ่านดูจิตหนึ่งพรรษา ของอาจารย์ประเสริฐ(ท่านปัญญาวโรภิกขุ) ปกหลัง ท่านว่าไว้ ประมานว่า คนที่อยู่เหนือน้ำ(บรรลุมรรคผลแล้ว) ย่อมพูดคุยกันได้ชัดเจนกับคนที่อยู่เหนือน้ำด้วยกัน คนที่เดินทวนน้ำ ก็พอจะได้ยินอยู่ คนที่ฝืนกระแสน้ำ ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ก็พอได้ยินบ้าง แต่คนที่ปล่อยตัวไหลไปตามกระแสน้ำนั้น คงไม่ได้ยินเลย... ผมรู้สึกว่า ผมได้ยินคุณแม่ชี กับพี่สาวิกา ชัดแจ๋วเลยครับ ...


เฮ้อ... อยู่กับโลกนี่ เบื่อจริงๆ ตะโกนใส่หูใคร ก็ไม่ค่อยจะมีใครสนใจ ยังจะบ่นอีกว่า "เฮ้ยเบียร์ แกก็หัดมีกิเลสบ้างซิวะ ชีวิตจะได้แช่มชื่น"... ธรรมดาผมไม่ค่อยจะเถียงกับคนที่ไหลไปตามกระแสน้ำเท่าไร เหมือนยังไม่ถึงเวลาของเค้า พูดไป มีแต่จะมาปรามาสพระพุทธศาสนาเปล่าๆ... แต่คราวนี้ไม่ไหว ละดิครับ กิเลส เก็บมันมาทำไมให้ทุกข์แล้วทุกข์อีก ไม่มีกิเลสก็แช่มชื่นเบิกบานได้ เถียงเป็นชุดจนพี่เค้ายอมเลยครับ

ผมก็พึ่งมานึกออก ตอนพิมพ์คราวก่อนนี่แหละครับ คุณแม่ชี...


สงสาร - ทุกข์
สงสาร - รู้ทัน - ทุกข์ก็ดับ


หรือถ้า..

สงสาร - ทุกข์ - เศร้า - อยากหายเศร้า...
สงสาร - ทุกข์ - เศร้า - อยากหายเศร้า - รู้ทัน - อยากก็ดับ


หรือถ้า..

สงสาร - ทุกข์ - เศร้า - สงสัยว่าเป็นสภาวะธรรมหรือวิบาก...
สงสาร - ทุกข์ - เศร้า - สงสัยว่าเป็นสภาวะธรรมหรือวิบาก - รู้ทันว่าสงสัย - สงสัยก็ดับ


นั่นนะครับ มาคิดๆ ดู รู้ทันไว้ ยังไงก็ขาด อยู่ที่สติไวแค่ไหน ไม่ไวเท่าไรก็ซักพัก จิตเกิดหลายดวงหน่อย ไวมาก แวบเดียวก็ขาด


พี่สาวิกาครับ... ก็ลองอ่านหน้าแรกดู(Editor talk) ผมคงจะลงเสมอๆ ว่า มี blog ไหน update บ้าง... เริ่มมี blog เยอะ เดี๋ยวจะงงๆ กันน่ะครับ

ผมก็ว่าท่านประเมินได้ ว่าคนๆ หนึ่ง ควรจะได้รับคำชมหรือไม่ ในเวลานั้นๆ... หลายครั้งนะครับ ผมแอบอธิษฐานว่า ถ้าหลวงพ่อเห็นว่าผมควรส่ง ก็กรุณาเรียกหน่อยนะครับ แล้วก็ยกมือ... แฮะๆ ท่านพูดออกไมค์เลยว่า เบอร์อื่นเอาไว้ก่อนนะ... แฮะๆ

 

โดย: Pormaid 6 ธันวาคม 2551 23:56:27 น.  

 

สาธุ ๆๆ

อบอุ่นเหมือนนั่งผิงเตาไฟ สาธุกับคุณหมอและพี่ไก่ สาวิกาด้วยค่ะ

อนุโมทนากับพี่ไก่ด้วยนะคะ ตั้งแต่ได้ไปเจอพี่ไก่ครั้งสุดท้าย รู้สึกว่า นี่ละ คนภาวนา สุขาปฏิปทา ต้องอย่างพี่ไก่นี่ละ สนุกสนานร่าเริงในธรรมได้เสมอ

ก่อนหน้านี้ได้รับซีดีจากน้องกอบ และก็ที่ได้จากที่สวนสันติธรรม ตะลุยฟังทุกแผ่น จนมาจับเคล็ดได้ว่า เข้าใจแผ่นไหนมากที่สุด ก็ฟังมันแผ่นนั้นแหละ ฟังบ่อยๆ ซ้ำๆ

วิหารธรรมมันไม่รู้จะเอาอะไรน่ะค่ะ พุทโธๆก็ไม่อยู่ เลยเอา ซีดีลพ.นี่แหละเป็นเครื่องอยู่แทน เริ่มๆ จะเข้าเป้า ฟังไป ถักหมวกไหมพรมไป เผลอไปคิด ก็จะไม่ค่อยได้ยินเสียงในซีดี หลง เหม่อ ก็ฟังไม่รู้เรื่อง บางทีเริ่มจับได้ว่า หนีไปคิดตาม

ขอบคุณคุณหมอมากเลยค่ะ บางครั้งก็ดูไม่ทัน บางทีมันมีความอยากหยุดเศร้า หยุดสงสาร ตรงนี้แหละที่ยังตามไม่ทัน พอคุณหมอแนะมาแบบนี้...อ๋อ ใช่เลย เราไม่ได้ตามทันตรงนี้แหละ ขอบคุณๆๆ

โห...พี่ไก่คะ คุณป้าเก็บผัก คนนั้นเป๋ไปแล้วเหรอ ไม่เป็นไร มือใหม่ๆ เริ่มนับหนึ่งใหม่...

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 7 ธันวาคม 2551 11:09:04 น.  

 

ปล.ๆ อีกรอบ

อีกหน่อยจะต้องย้ายไปอยู่อีกวัด คงไม่มีโอกาสมาสนทนาธรรมด้วยนะคะ แต่คงจะได้ซีดีลพ.ฟังอยู่เรื่อย ถ้าเป็นแผ่นใหม่ๆ

เพราะฉะนั้น เวลาส่งการบ้าน ส่งปุ๊บ บอกชื่อด้วยนะคะ แม่ชีจะได้จำได้ว่า เป็นพี่ไก่ เป็นคุณหมอเบียร์ 555 จะรอฟังค่ะ

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 7 ธันวาคม 2551 11:11:20 น.  

 

สวัสดีค่ะ แม่ชีกุ้ง หมอเบียร์ และทุกท่าน

เคยนั่งคิดอยู่นาน ว่าจะบันทึกเรื่องการภาวนาของตัวเองไว้บ้าง แต่นึกไม่ค่อยออกแล้วค่ะว่า ก่อนที่จะหลวงพ่อท่านจะบอกว่า "ภาวนาเป็นแล้ว" นั้น ล้มลุกคลุกคลานอยู่นานแค่ไหนอ่ะ

แต่จะว่าล้มลุกคลุกคลานก็ไม่เชิงนะคะ เป็นสุขาปฏิปทาอย่างแม่ชีบอกค่ะ ลูกชายยังบอก ทำไมแม่ภาวนาง่ายจัง ลัลล้าอยู่เรื่อยเลยเชียว ... ยิ่งตอนช่วงเข้าพรรษา ช่วงนั้นจิตใจ ร่าเริง เบิกบาน ภาวนาสนุกมาก ... ร่าเริงทั้งวัน คุยกับใครก็เม้าท์ ๆๆๆๆๆๆ ... แนะนำใครต่อใครได้เข้าเป้ามาก

ถ้าหลวงพ่อไม่แตะเบรค คงไม่ได้สังเกตุตัวเอง ... ส่งการบ้านพูด ๆๆๆ เล่าสภาวะ ...หลวงพ่อหัวเราะขำแบบกึ่งเอ็นดู กึ่งหมั่นไส้ (อันนี้คิดเอาเองนะคะ) แล้วก็บอกว่า ไอ้ที่พูดมาน่ะ มันผ่านไปแล้ว ...รู้ตัวมั๊ยตอนนี้กำลังสนุกสนานกับจิตที่เดินปัญญาอยู่ ... โห เหมือนถูกเหยียบเบรคเลยอ่ะ ... สะดุดกึก แล้วรู้สึกตัวขึ้นมาบัดเดี๋ยวนั้น หลวงพ่ออมยิ้ม และพูดว่า "ดีแล้วที่รู้เท่าทัน"

หลังจากนั้นจึงได้หมั่นสังเกตุตัวเองอยู่ตลอดค่ะ ... ถ้าแม่ชีได้เจอกันช่วงเข้าพรรษา แม่ชีจะเห็นว่าพี่จะร่าเริง เบิกบาน คุยจ้อกว่าวันนั้นอีกนะคะ ... มีแต่คนทักทั้งนั้นอ่ะค่ะ

ซีดีแผ่นต่อจากนี้ คงมีเสียงพี่น้อยลงแล้วละค่ะ เพราะช่วงหลังส่งการบ้านหลวงพ่อน้อยค่ะ

เดี๋ยวนี้หลวงพ่อท่านจำชื่อพี่ได้แล้ว ยกมือทีไร หลวงพ่อก็จะเรียกชื่อทุกครั้ง ...และท่านก็จะรอจังหวะที่พี่เผลอ ลงขวานประจำ ... 555 ชอบค่ะ หลวงพ่อเคยบอก พี่เป็นคนที่ทนได้กับการโดนประจาน ลงขวาน ลงดาบ ...ท่านบอกใครทนได้ ก็จะได้แก่น ...หลัง ๆ เลยโดนเกือบทุกครั้ง ... หลวงพ่อเรียกชื่อ "ไก่" ทีไร พรรคพวกขาประจำ เตรียมได้ฮากันทุกทีค่ะ

ส่วนคุณป้าเก็บผักอ่ะ ถ้าจะเป๋ คงเป๋ไม่นาน ...คนที่ได้รับคำชมใหม่ ๆ มักเป็นแบบนี้อ่ะ ...อยากทำให้ได้แบบเดิม ก็จะกลายเป็นจงใจมากขึ้น ...แต่สักพักเดี๋ยวก็กลับเข้าฝักค่ะ ...ถ้าได้ไปส่งการบ้านบ่อย ๆ จะเป๋ไม่นานค่ะ ... ไปเจอแกหลายหนแล้ว

ขออนุญาตแนะนำวิธีการฟังซีดีแล้วได้ประโยชน์ อย่างที่พี่เคยทำนะคะ ...เคยส่งการบ้านหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าดีแล้ว

- เวลาที่นั่งทำงานนาน ๆ พี่จะเสียบเครื่องเล่นเอ็มพี 3 ที่หู ...ฟังไปด้วย ทำงานไปด้วย ... ถ้าจะฟังให้เข้าใจ ก็จะนั่งตั้งใจฟัง ...พอมีงานหรือเผลอ เหม่อ เสียงหลวงพ่ออยู่จริง แต่จะฟังไม่รู้เรื่อง ก็กลับมาตั้งใจฟังใหม่ให้รู้เรื่อง ฟังแล้วเผลอ แล้วกลับมารู้ค่ะ

- บางทีนั่งนาน เริ่มซึม ก็ลุกขึ้นเดินไปกวาดใบไม้ หรือเดินไปดูความเรียบร้อยอย่างอื่น ฟังเสียงหลวงพ่อไปด้วย ดูก้าวย่างที่เดินไป สลับกับ ตามองไปที่อื่น ก็ทำความรู้ตัวไป ตามแต่ว่าจิตจะไปจดจ้องในเรื่องอะไรค่ะ

- ตอนเย็น เคยเดินจ๊อกกิ้งรอบหมู่บ้าน เดินไป รู้ย่างก้าวบ้าง รู้ที่แขนยกขึ้นกวัดแกว่งออกกำลังกาย ... รู้ที่เสียงหลวงพ่อบ้าง ... แล้วแต่จะรู้อะไรเด่นชัด ...เคยทำแบบนี้ติดต่อกันทุกวัน จิตจะว่องไวมาก (แถมได้ร่างกายแข็งแรง) ด้วย ไปส่งการบ้านหลวงพ่อ ท่านบอกว่าดีค่ะ จิตจะไปรู้อะไร ก็รู้ไปอย่างนั้น จะรู้ที่กาย หรือจะรู้ที่ใจก็ได้

โอ้ ... เขียนเล่าเสียยาว ...ไว้มีโอกาสจะแวะมาเล่าเรื่องราวใหม่นะคะ

ขออนุโมทนากับแม่ชี คุณหมอ และทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ

 

โดย: สาวิกา 7 ธันวาคม 2551 21:08:00 น.  

 

อนุโมทนากับพี่ไก่ด้วยนะครับ(ขออนุญาตินะครับ )

โห... สุขาปฏิปทาจริงๆ ด้วยครับ อนุโมทนาด้วยนะครับ ผมน่ะ มีปกติเพ่งน่ะครับ จะ "ทำ" อยู่ตลอดเวลา แต่จะน้อยลงเรื่อยๆ ครับ ปัจจุบันก็มีนิดหน่อย

เวลาเดินจงกรม เพ่งก็เพ่ง เพ่งก็รู้ แล้วก็เดินต่อ ตามพอจ.ว่า รู้ว่าเพ่งก็ใช้ได้แล้ว แต่วิบากจากการเพ่งจะคงค้างซักพักทีเดียว ซึ่งถ้าวันไหน สติน้อย ไอ้กระแสวิบากที่เพ่งนั้น จะเป็นสื่อชักนำให้เผลอเพ่งอีก... เพราะงั้น ผมจะเดินจงกรมเป็นชั่วโมงเลยครับ เพราะกว่า 50% ของเวลาเดิน จะเป็นพื้นที่ของการเพ่ง แฮะๆ เดินจนเดี้ยงหลายทีแล้วครับ

ชอบจริงครับ... สนุกสนานกับจิตที่เดินปัญญาอยู่

ผมเองโชคดีที่เป็นพวกบ้า diary... เลยรู้ชัดเลยว่า เริ่มเข้าที่เข้าทางเมื่อไร่ เป็นปีอยู่นะครับนั่น


คุณแม่ชีครับ ผมเองไม่เคยบอกชื่อตอนส่งการบ้านเลย... ว่าจะๆ หลายเที่ยวจนตอนนี้รู้สึกไม่กล้าไปซะแล้ว... เอางี้นะครับ ถ้าจำเสียงได้ ลองดูครับ เป็นแผ่นที่ 23 track 3 ( 510101)เวลา 32.15 น่าจะปีใหม่พอดี จริงๆ มีหลังจากนี้อีกเยอะ แต่บางคร้งก็ไม่ออกเป็น CD น่ะครับ

รู้สึกใจหาย และก็เสียดายอยู่ทีเดียว... แต่ก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับ... ขอให้มีสติบ่อยๆ นะครับคุณแม่ชี


อยากคุยต่อ แต่ต้องไปทำงานแล้ว...
อนุโมทนาด้วยนะครับ ทั้ง 2 ท่าน

 

โดย: Pormaid 8 ธันวาคม 2551 9:50:45 น.  

 

สวัสดีค่ะ ... คุณหมอ แม่ชี และทุกท่าน

ถือโอกาสแลกเปลี่ยน เล่าประสบการณ์ให้ฟังค่ะ

ช่วงเข้าพรรษา ที่หลวงพ่อทักว่ากำลังสนุกกับการที่จิตเดินปัญญานั้น ... ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รู้สึกตัวได้ดีมากอ่ะค่ะ ... เห็นการเกิด - ดับชัด เห็นจิตที่ดิ่งเข้าสมาธิ มีภวังค์คั่น เห็นจิตที่ขึ้นมารับรู้อารมณ์ใหม่ ... เห็นได้ว่องไวมาก แล้วก็มีเซ้นต์ที่แม่นยำมาก

ตอนกลางคืนที่นอน ... เหมือนหลับ แต่เห็นความคิดตัวเองทั้งคืน มีอยู่คืนนึงยังถามตัวเอง (ที่เป็นคนดู) ว่า "เฮ้ย ...ทำไมคิดเยอะแบบนี้ (ฟะ)" ... มีความสุขอยู่ภายในเยอะมาก ... อธิบายไม่ถูกนะ ไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ ใครที่รู้สึกตัวดี จิตใจจะกระโดดมาก ต้องคอยเอามือตบหน้าอก ตรงหัวใจอยู่บ่อย ๆ ...(คริ คริ อาการหนักอ่ะ แต่มีความสุข ยิ้มง่าย หัวเราะบ่อย หน้าตาบานมากอ่ะ) มองกระจกทีไร จะเห็นตาของตัวเอง ไหวยิบยับ ๆๆ อยู่ตลอด เห็นได้ชัดค่ะ ว่าเป็นคนที่มีความสุข

สำหรับพี่ มีปกติเป็นสมถะยานิก รู้อะไรจะรู้นิ่ม ๆ และรู้เห็นชัด แต่ช่วงนั้นใจไหววับ ๆๆ ตลอด ...บางวันรู้สึกเหนื่อย พอรู้สึกเหนื่อย จิตใจเขาจะแว่บเข้าไปพัก (สมถะ) ทันที ... ตรงนี้ค่ะ ที่หลวงพ่อท่านทักว่า "รู้เท่าทัน" ... (อันนี้เป็นการวิเคราะห์เอง หลังจากส่งการบ้านลพ.แล้ว)

คืองี้ค่ะ คุณหมอ แม่ชี ...เวลาที่พี่ส่งการบ้านหลวงพ่อแล้ว พี่จะอัดเสียงกลับมาฟังซ้ำ ๆ ทุกครั้ง ฟังแล้วย้อนระลึก (ได้) ว่าขณะนั้น จิตของเราทำไรอยู่ พอฟังคำอธิบายของลพ.ซ้ำ จะค่อย ๆ เข้าใจ

ตอนกลางปีที่แล้ว (ที่ยังไม่ใช้วิธีการยกมือ) พี่ไปกราบลพ. บ่อย และต่อเนื่อง ตอนนั้นได้ส่งการบ้านทุกครั้งที่ไป (เพราะใช้วิธีเรียงตามลำดับ) พี่ได้ประโยชน์จากตอนนั้นเยอะมาก เพราะนำไฟล์เสียงแต่ละครั้งมาฟังต่อ ๆ กัน ...(ตัดเฉพาะช่วงที่พี่ส่งการบ้าน)

พอมาฟังแต่ละวัน ต่อกัน (ตามวันที่ไป) จึงได้สังเกตุเห็นว่า ลพ.สอนพี่ไล่เรียงตามลำดับ เป็นขั้น เป็นตอนให้พี่มาโดยตลอดค่ะ ...

หากคุณหมอต้องการฟังย้อนทบทวนแบบนี้บ้าง แต่ไม่ได้อัดเสียงไว้ ... บอกพี่มาได้นะ วันไหนที่คุณหมอไปกราบลพ. และได้ส่งการบ้าน แต่ไม่มีในซีดีที่แจกค่ะ (อิอิ ...อันนี้กระซิบนะคะ พี่มีค่ะ)

ขอบคุณคุณหมอนะคะ ...ที่ให้พื้นที่ในการแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ

 

โดย: สาวิกา 8 ธันวาคม 2551 12:28:08 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณหมอ สวัสดีค่ะพี่ไก่

ดีใจจังค่ะ ที่ได้สนทนาธรรมกันแบบนี้ อ่านไปด้วยสังเกตใจไปด้วย ได้เคล็ดลับพี่ไก่ กับของคุณหมอละ ตรงที่เวลาอ่าน จิตมันก็ไหลไปทางตา ไหลไปทางใจ เริ่มเห็นละค่ะ แต่ไม่กล้ารู้ตัวมากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเพ่ง ..

แม่ชีก็ฟังที่พี่ไก่ส่งไฟล์มาให้แล้วค่ะ ฟังแล้วรู้เลย เข้าใจว่าจิตตอนนั้นเป็นยังไง แล้วทำไมเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ก็เลยจับได้ว่า อ๋อ ตอนนี้เป็นไง ก็ให้รู้ไปอย่างนั้น แต่ถ้าหลง ก็หลงนานเหมือนกัน

เดี๋ยวจะกลับไปฟังแผ่นที่ 23 ค่ะ แม่ชีชอบฟังแผ่นที่ 24 ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก

วันนี้เห็นสภาวะบางอย่าง ...............
ตอนสายๆ เพลียๆ เหมือนจะไม่สบาย ก็เลยล้มตัวลงนอน แล้วมีอาการง่วง แต่จิตกลับไม่รู้สึกง่วงนะคะ

อันนี้เลยเห็นว่า กายมันต้องการพัก ก็ลงนอนตะแคง รู้สึกว่า มันจะหลับไปช่วงสั้นๆ แต่จิตมันไม่หลับ แล้วก็เห็นว่าเหมือนซากอะไรสักอย่างมันนอน พอลืมตาตื่น ตัวความคิดทั้งหลายก็เริ่มทำงาน แต่กายมันก็แยกอยู่ต่างหาก แล้วตัวที่ไปรู้ก็แยกอยู่ต่างหาก รู้สึกแปลกๆกับสภาวะตรงนี้น่ะค่ะ

มานั่งฟังซีดีลพ. ท่านบอกว่า เริ่มเห็นขันธ์มันแยกกันหรือยัง อันนี้ใช่อย่างที่ท่านว่าหรือเปล่าคะ

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 8 ธันวาคม 2551 19:12:47 น.  

 

เย้ ตามมาแอบอ่านค่ะ ทั้งคุณหมอ แม่ชี พี่ไก่ใจดีของปู
บุญรักษาค่ะ
ปู

 

โดย: benyapa IP: 68.183.100.195 9 ธันวาคม 2551 9:51:33 น.  

 

ปกติไม่ค่อยได้เล่าสภาวะของตัวเองออกมาเป็นตัวอักษรเท่าไหร่ ... เวลาคุยกับเพื่อน ๆ ที่เจริญสติด้วยกัน ก็ไม่ค่อยได้คุยเรื่องสภาวะนัก เพราะแต่ละคน จะเห็นสภาวะแตกต่างกันไปอ่ะค่ะ

มีญาติธรรมอยู่ท่านนึง ...สภาวะของเขาเดินได้เหมือนของพี่มาก เวลาเขาส่งการบ้านอะไร พี่จะเข้าใจสภาวะของเขาเหมือนเป็นสภาวะของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ...

มีอยู่ครั้งนึง จิตกำลังเดินอยู่ในสภาวะที่เห็นเกิด ดับ เกิด ดับ ถี่มาก แล้วไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร พอคนคนนี้ส่งการบ้าน คำพูดของเขาแทงเข้าทะลุใจพี่ทันทีอ่ะ ทำไมสภาวะที่เขาอธิบาย มันเหมือนคำพูดที่เราถามตัวเราเองเลยอ่ะ ...พอได้ยินคำตอบของลพ.ที่ตอบเขานะ โห...เก็ตปิ๊งเลย ...หลุดจากความสงสัย หลุดจากสภาวะนั้น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ มหัศจรรย์มาก

คุยให้น้องคนนึง ที่ไปพักที่วัดหนองเลงเป็นประจำด้วยกันบ่อย ๆ ... พูดถึงญาติธรรมคนนี้ ว่าทำไมจิตเขาถึงได้เดินเหมือนพี่เปี๊ยบเลย

น้องคนนี้หัวเราะขำ และบอกว่า ... มีที่แตกต่าง และตรงกันข้ามก็คือ ญาติธรรมคนนี้เป็นผู้ชาย แต่ท่าทาง กิริยา คำพูดของเขา เหมือนผู้หญิง ... ในขณะที่พี่เป็นผู้หญิง แต่กิริยา ท่าทาง นิสัย ดันเป็นผู้ชายซ้านี่ ...

เล่าให้ฟังขำ ๆ ค่ะ

 

โดย: สาวิกา 9 ธันวาคม 2551 14:13:44 น.  

 

คุณปู ไม่แบ่งปันประสบการณ์บ้างล่ะคะ

 

โดย: สาวิกา 9 ธันวาคม 2551 14:14:34 น.  

 

เอ๊ะ นี่เราเอาบล๊อคคุณหมอมาเป็นที่สนทนากันหรือเปล่าคะ ขออนุญาตคุณหมอด้วยนะคะ ถ้าหากว่าบล๊อคจะรก...555

พี่ไก่คะ บางสภาวนะนี่ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อว่ามันคืออะไร ขอให้เรารู้ว่วา มันกำลังมีอะไรเกิดขึ้น แค่นั้นก็พอแล้วใช่ไหมคะ

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 9 ธันวาคม 2551 19:33:59 น.  

 

อิอิ ...ขออนุญาตเจ้าของบ้านด้วยนะคะ

ถูกแล้วค่ะ แม่ชี ...แค่รู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น อะไรบางอย่างดับไป ไม่ต้องไปใส่บัญญัติ หรือให้คำจำกัดความใด ๆ ค่ะ

และดูลงไปอีกชั้นนึงก็คือ เมื่อเห็นสภาวะบางอย่างที่เกิดขึ้นนั้น (แม้จะไม่รู้ชื่อว่าเป็นอะไร) ดูต่อว่า เราพอใจ ไม่พอใจ หรือสงสัยหรือป่าว หรือพอเห็นแล้วคิดต่อ ... สรุปรวบยอดคำเดียวเลยว่า กำลังฟุ้งซ่านอยู่ ..ไม่ต้องดูทีละตัว

รู้ได้แค่นั้น เอาแค่นั้นก่อนค่ะ

 

โดย: สาวิกา IP: 124.120.110.251 9 ธันวาคม 2551 20:04:24 น.  

 

สวัสดีครับทุกคน...

เชิญเลยคร๊าบบ เต็มใจอย่างยิ่งเลยครับ

โอ๊ะๆ คุณพี่ปู สวัสดีครับ... ที่ติดอยากอยู่ หายรึยังครับ... สู้ๆ นะครับ

เห็นด้วยกับพี่ไก่ครับคุณแม่ชี... เวลาผมเจอสภาวะเกิดขึ้นถี่ๆ แล้วจิตมันเผลอใส่บัญญัติแล้วไม่รู้ทันว่าเผลอใส่(คือ มันใส่บัญัติ แล้วก็ยังไปให้ค่ามันต่อ หรือ พิจารณามันต่อ) เพ่งหนึบเลยครับ แฮะๆ

บางครั้งนะครับ, คุณแม่ชี บางครั้งที่สติไวมากๆ เพียงอาการของจิตที่เริ่มจะเคลื่อนไหว ยังไม่ทันเป็นเจตสิกซะทีเดียว ก็ขาดแล้ว แบบ... จะพูดไงดี คือ อย่างเช่น พอแสงสว่างแหย่ตา โดยปกติจิตจะเกิดที่ตา แล้วปรุงเป็นเจตสิกหรืออาการของจิต คือ รำคาญ นี่ก็เป็นบัญญัติถูกมั้ยครับ รู้ว่ารำคาญก็ดับไป แต่บางที จิตอาจจะไวขนาดที่ไปรู้ว่า มีอะไรขยุกๆ ผุดขึ้นมาตอนแสงมาแหย่ตา แล้วก็ดับไปก็ได้ อันนี้ก็เป็นเจตสิก แต่ไม่มีบัญญัติแล้ว ถ้าสติไวยิ่งขึ้นไปอีก อาจจะเห็นถึง อาการที่ตัวจิตเองเริ่มเคลื่อนไหว ก่อนมันจะขยุกๆ แล้วดับไปเลยก็ได้นะครับ แล้วแต่กำลังของจิตน่ะครับ ดูอย่างไหนก็ถูกหมด คนที่เคยเห็นอาการของจิตเริ่มขยับวันนี้ พรุ่งนี้อาจต้องรอถึงขนาดเมื่อยมือที่เอามาบังแสงไม่ให้กระทบตา แล้วถึงรู้ว่าเมื่อยเลยก็ได้นะครับ แบบ แสงแหย่ตา - ขยุกๆ - รำคาญ - ยกมือมาบัง - เมื่อยมือที่ยก - รู้ว่าเมื่อย ...เจริญได้ก็เสื่อมได้ครับ...


ตอนนี้ผมเอง 2-3 วันนี้ไม่ตั้งมั่นเอาซะเลย มันไปอยู่นอกๆ แล้วไปแช่อยู่นอกๆ หลงๆ เหม่อๆ ซัก 45 นาที - 1 ชม.จะรู้ตัวซะที... เฮ้อ ตื่นได้ก็หลับได้นะครับ ได้แต่คอยรู้ไปเท่าที่รู้ได้ กลับบ้านมาเดินจงกรม นั่งสมาไปเรื่อย ก็ดีขึ้นบ้างอะนะครับ

 

โดย: Pormaid 10 ธันวาคม 2551 10:19:27 น.  

 

สนุกจังเลยค่ะ ดีใจมากๆ ที่ได้สนทนาธรรม

ขอบคุณพี่ไก่และคุณหมอที่ช่วยชี้แนะค่ะ

แม่ชีก็คิดว่าถ้ามัวแต่เอ๊ะสภาวะที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไรนะ มันช้าไปแล้ว มันกลายเป็นสภาวะตัวใหม่ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่สนใจว่ามันจะชื่ออะไร ขอให้รู้ว่าเกิดขึ้น

อืมม์ แสดงว่า จิตนี่มันทั้งเจริญและเสื่อมได้เสมอเลยนะคะ เพราะฉะนั้นลพ.ถึงพยายามสอนว่า จิตมันก็เป็นของบังคับไม่ได้เหมือนกัน

บางทีอย่างที่คุณหมอว่า แม่ชีน่ะหลงไปควานหาจิตว่า มันกำลังเกิดสภาวะอะไรเนี่ย ควานอยู่จนหลงไปเลยค่ะ แล้วก็มารู้ตัวว่า อ้อ กำลังควานหา 555

รอให้คุณปูมาสนทนาอีกคนนึงท่าทางจะสนุก

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 10 ธันวาคม 2551 11:06:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ...คุณหมอ แม่ชี คุณปู และทุกท่าน (ที่ร่วมสนทนา)

อืมม์ ... ปกติก็ไม่ค่อยได้เล่าสภาวะให้ใครฟังเท่าไหร่นะคะ เพราะเรื่องของสภาวะเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน ซึ่งจะเข้าไปเห็น ไปประจักษ์กับสภาวะแตกต่างกันไป

ที่สำคัญ คือ ต้องจับหลักไว้ให้แม่น ๆ ค่ะเมื่อหลักแม่นแล้ว สภาวะไรจะเกิด ก็ให้ตามรู้ ตามดู ตามนั้นไป แรก ๆ ต้องเรียนให้รู้จักสภาวะให้ได้ก่อน

ตัวของพี่เอง ... กว่าจะเรียนรู้ กว่าจะเข้าใจสภาวะ จนใจยอมรับได้ว่า จริง ๆ แล้วมีแค่ "รู้" นั้น ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะตัวเราก็หาความรู้ ความเข้าใจไปด้วย

มาถึงตอนนี้ เพิ่งเริ่มเข้าใจว่า การรู้ด้วยความเป็นกลางนั้น ฟังดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่ายเลย ถ้าจะว่ายาก ก็ไม่ได้ยากอีก เพียงแค่ "จิต" เรามันดื้อเองอ่ะเนอะ

ลพ. ยังเคยบอกเลยนะคะ ... คนที่ได้มาจนถึงตรงนี้ เคยทำ (ภาวนา) กันมาแล้วทั้งนั้น เคยเห็นสภาวะกันมาแล้ว อย่าง ไก่ ...เก่ย เนี่ยะ แก่แล้ว (อิอิ...ลพ.พูดตรงนี้ คนก็ฮากันอีก) ลพ.อมยิ้มแล้วบอกว่า ที่ว่าแก่ ไม่ได้หมายถึงสังขาร (อายุ) แต่หมายถึงบารมีที่สั่งสมมา เคยทำ เคยเห็นมาแล้ว ... แต่มัวไปเถลไถลที่อื่นซะนาน ...

วันนี้ได้ไปกราบลพ.มาค่ะ ... ตอนนี้ยังมีโอกาสเลยพยายามไปบ่อยเท่าที่จะไปได้ ...บางคนไม่เข้าใจ มักจะพูดเข้าหูอยู่เสมอว่า "อย่าติดครูบาอาจารย์" ...แต่ก่อนได้ยินยังมีอธิบายให้ฟังบ้าง ว่าทำไมถึงไปบ่อย ปัจจุบันยิ้มรับอย่างเดียวแล้ว

เจอคุณป้าเก็บผักด้วยค่ะ ...การไฟฟ้าอนุเคราะห์ให้ป้าเขาเข้าร่วมคอร์สภาวนาร่วมกับพนง.การไฟฟ้าจากแม่เมาะด้วย ... คือไปเข้าพักที่การไฟฟ้า บางปะกง ตอนเช้าก็ไปฟังธรรมกับลพ. บ่ายมีเข้ากลุ่มกับทีมอาสาบ้านอารีย์ หลังจากนั้นก็ภาวนากันตามอัธยาศัย โปรแกรม 4 วัน วันนี้เป็นวันแรก ... คนเลยเต็มศาลาเลยค่ะ

วันนี้คุณป้าส่งการบ้านด้วย ... คนที่รู้จักคุณป้า ก็จะตั้งใจฟังการส่งการบ้านของแก ลพ.ท่านก็เมตตา ให้คุณป้าส่งการบ้านเต็มที่ คือ ให้พูดได้ตามอัธยาศัย เพราะคุณป้าภาวนาดี (บางคนลพ.ก็ไม่ให้พูดเยอะ อันนี้แล้วแต่ท่านพิจารณาค่ะ)

อืมม์ ...และมีผู้ชายคนนึง คิดว่าตนเองได้ธรรมะแล้ว เลยไปกราบลพ. ให้พิจารณาว่าจะเลี้ยงไว้ หรือฆาตกรรม ... ลพ. ค่อย ๆ ชี้ให้เขาเห็นว่า สภาวะที่เขาเห็นคืออะไร ใช่หรือไม่ใช่ สรุปว่าโดนฆาตกรรมค่ะ ...แต่เขาก็ภาวนาจนถึง (เกือบ) ปลายทางแล้วอ่ะ ซึ่งตรงนี้เขาขอคำคอนเฟิร์มว่าถูกทางแล้ว ลพ.คอนเฟิร์มค่ะ ...

ตอนที่เขาได้ยินว่า "ยังไม่ใช่" นะ...บรรยากาศในห้องนะ เงียบ สงัด สงบลงไปเลย เรียกว่าถ้ามีอะไรตกสักอย่าง คงจะสะดุ้งกันไปหมดทั้งห้องอ่ะ...จิตใจของเขาหดหู่ลงเลยลพ.ต้องปลอบให้กำลังใจ ดีแต่ว่า จิตใจเขาเข็มแข็งดี และเตรียมความพร้อมของใจมาแล้วด้วย ...

เฮ้ออออ ...ฟังแล้ว ใจของพี่นะรู้สึก ยินดี และอนุโมทนากับเขาเลยอ่ะ ปีติงี้ขี้นเลย

คิคิ ... พี่มาทีไร มีเรื่องเล่ายาวทู้กที อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า

 

โดย: สาวิกา 10 ธันวาคม 2551 18:27:09 น.  

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ เวลาที่บอกว่าได้ไปกราบลพ.ทีไรนะคะ เมื่อก่อนนะ มันมีแอบอิจฉาเล็กๆ ด้วยนะคะ แต่เดี๋ยวนี้นะ ปีติมันเกิดขึ้นแทน อิอิ ดีใจแทน

ไม่รู้เป็นไงนะคะ พอได้เห็นว่ามีคนไปส่งการบ้านภาวนากันดีดีทั้งนั้นเลย จะรู้สึกยินดี๊ ยินดี หรือเราเริ่มจะมีมุทิตาขึ้นจริงๆ แล้วล่ะค่ะ ยิ่งพอเขาบอกสภาวะเหมือนๆ ว่าจะถึงปลายทางนะ แล้วลพ.บอกยังไม่ใช่ยังไม่ถึง เช่นตอนนั้นฟังหมอพีร์อ่ะค่ะ โห เสียดายแทนเนอะ...แต่ก็เก่งมากเลยล่ะ

รอความสำเร็จของทุกๆท่านอยู่นะคะ

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 11 ธันวาคม 2551 11:49:40 น.  

 

เฮ้อ... แอบใจหายไปด้วยทุกที เวลาที่ใครว่าน่าจะใช่ แต่ไม่ใช่... สงสารน่ะครับ


ช่วงนี้กาย-ใจหายยย ไปหมดเลยครับ มึนงง ยุ่งอยู่กับงานทางโลก แค่ก็รู้ไปเรื่อยนะครับ มีสติ ก็เห็นชัดว่ากายไม่ใช่เรา แต่ตนี่ ส่วนมากเห็นเพียงมันเกิดดับ ต้องมีสติมากๆ จึงจะเห็นมันผ่านไป ไม่เข้ามาข้องแวะกับเรา เหมือนมันอยู่นอกๆ ห่างๆ...

เฮ้อ... ฆราวาสเป็นทางแคบ เป็นที่มาของฝุ่นละออง จริงๆ นะครับ

 

โดย: Pormaid 16 ธันวาคม 2551 0:15:16 น.  

 

ฆราวาส ก็ไม่เป็นทางแคบมากหรอกค่ะคุณหมอ

ลพ.ยังบอกว่า ดูจิตเหมาะสำหรับคนเมือง แม่ชียังว่า คนเมืองได้เปรียบตรงเห็นสภาวะได้หลากหลายมากกว่า คนอยู่วัด งือๆ

ได้ฟังในซีดี เวลาลพ.บอกว่า เดี๋ยวนี้คนเห็นกายไม่ใช่เรา เป็นร้อยเป็นพัน อู้หู...คิดดูสิคะ อะไรมันจะมากมายปานนี้ เป็นสมัยก่อนไม่มีลพ.เราน่ะค่ะ คิดดูว่าต้องคลำทางกันมากแค่ไหน เชื่อว่านักปฏิบัติต้องติดอยู่กับโลกสมถะกันมากมาย

ตอนนี้ถึงได้เคารพ ศรัทธาลพ.มากๆ เลยเนอะ

เป็นแม่ชีนี่มันก็ได้เปรียบกว่าพระอยู่นิดนึงตรงที่ว่า ได้กระทบกับสิ่งต่างๆ มากกว่าพระ เช่นได้กระทบกับโยมอยู่ ส่วนพระท่านก็อยู่ภาวนาเงียบๆ ของท่าน ก็เหมาะอยู่น่ะค่ะที่ท่านจะฝึกแบบพระป่า คือทำฌานไปก่อน ส่วนตัวเองน่ะค่ะ ทำฌานไม่เป็น ทำสมาธิไม่ได้ เลยคิดว่า ฝึกแบบดูจิตจะเข้าท่ากว่า

 

โดย: คนที่เก้า IP: 118.175.202.109 17 ธันวาคม 2551 3:38:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Pormaid
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




---กราบแทบเท้าอาจารย์ ผู้บอกทางที่พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ดีแล้ว ว่ามีอยู่จริง ไปได้จริง ไม่ยากเกินมนุษย์คนหนึ่งจะทำได้... ท่านหนึ่งเป็นฆราวาส ท่านหนึ่งเป็นพระภิกษุ และมีอีกหลายท่านที่ไม่มีวาสนาบารมีพอจะได้รับคำสอนจากท่านเหล่านั้น... กราบนมัสการด้วยเศียรเกล้าครับ _/l\_---


ใครที่ผ่านเข้ามาอ่านก็คงจะงงๆ หน่อยนะครับ ส่วนหนึ่ง ผมตั้งใจจะเขียน blog นี้เพื่อเป็นบันทึกในการปฏิบัติธรรมตามมหาสติปัฏฐานสูตร เอาไว้อ้างอิงสำหรับตนเองเพื่อปรับปรุงแก้ไข และสำหรับท่านผู้สนใจ เส้นทางการปฏิบัติที่ผมเดินผ่านมาในอดีต...

อีกส่วนหนึ่ง เป็นความคิด และมุมมองทางโลก ซึ่งส่วนใหญ่ค่อนข้างก้าวร้าวซักหน่อย แต่เกือบทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนที่จะหันหน้าเข้าทางธรรม อีกนัยหนึ่ง มุมมองทางโลก อาจจะผลักดันให้ผมหันหน้าหาธรรมะก็ได้

เหมือนผมจะมี 2 บุคลิกนะครับ
Friends' blogs
[Add Pormaid's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.