BlogGang.com : : นู๋Poopy : พาคนแก่เที่ยวสวิส-เยอรมัน วันที่4 Schilthorn

พาคนแก่เที่ยวสวิส-เยอรมัน วันที่4 Schilthorn – Golden Pass - Brig

วันที่ 4 9 เม.ย. 2007 Schilthorn – Golden Pass - Brig

วันนี้ตื่นเช้า ลากกระเป๋าออกจากที่พักแต่มืดมาฝากไว้ที่สถานีรถไฟ ตู้ Locker ที่นี่ใหญ่ดีมาก เราสามารถยัดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ๆ 3 ใบไว้ในตู้เดียวกันได้เลย (เล่าด้วยความภูมิใจ เพราะกว่าจะยัดให้มันเข้าไปหมดทั้ง 3 ใบได้นี่ ต้องคิดวิธีวางตั้งหลายแบบ เพราะมันพอดีมาก ๆถ้าไม่มีฝีมือ + ความงกเนี่ย ยัดไม่ได้ง่าย ๆ หรอก )

เสียค่าเช่า Locker ไป 5 ฟรังส์ ประหยัดไปหลาย เพราะครั้งแรกนึกว่าได้ตู้ละใบ

เสร็จเรื่องกระเป๋าแล้วเราก็นั้งรถไฟขบวนเดียวกะเมื่อวาน แต่วันนี้ต้องเลือกไปลงที่ Lauterbrunnen เมื่อไปถึง เราสามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทาง คือ
1. นั่งกระเช้าขึ้นไปทาง Murren หรือ
2. นั่งรถเมล์เพื่อไปขึ้นกระเช้าที่ Stechellberg
ซึ่งเราเลือกที่จะนั่งรถเมล์ เพราะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า อันนี้คิดเอาเอง ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกหรือไม่ เพราะถ้าเราไปโดยรถเมล์ เราสามารถใช้สวิสพาสได้จนถึงที่สถานี Murren แต่ถ้าเราเลือกนั่งกระเช้าไปเลย เราก็จะต้องเสียค่าขึ้นตั้งแต่ตรง Lauterbrunnen (ไม่ได้ถามใคร คิดเอาเอง เพราะตอนขึ้นไม่กล้าเสี่ยง เลยนั่งรถเมลไป แต่พอขากลับ พยายามจะนั่งกระเช้ากลับจาก Murren ปรากฏว่าต้องซื้อตั๋ว ใช้สวิสพาสไม่ได้ เลยกลับทางเก่าดีกว่า)

ค่าขึ้น Schilthorn เมื่อใช้สวิสพาส ได้ลดราคา 50% ค่าตั๋วคือ 34.7 ฟรังส์ ช่วงที่ไปเป็นฤดูกาลเล่นสกี เพราะเราเจอกับกองทัพนักสกีฝูงใหญ่ตลอดทางที่เราขึ้นกระเช้าไปยังยอด Schilthorn ขาขึ้นนี้ เราโดนอัดเป็นปลากระป๋องตลอดทางที่ขึ้นไป มองไม่เห็นวิวอะไรเลย เพราะกระเช้าที่ขึ้นไป เป็นกระเช้าขนาดใหญ่ สามาถจุคนได้ถึง 60 คนเลยทีเดียว

สถานีแรกที่ขึ้นกระเช้า(อาจจะเรียงสถานีไม่ค่อยถูก ต้องขออภัยดัวย เพราะเอารูปทั้งขาไปและขากลับมาผสมกัน)
//i101.photobucket.com/albums/m80/poopy007/72.jpg

วิวเสียว ๆ ข้างล่าง สถานีนี้จะเสียวสุด เพราะสูงจากพื้นมาก แต่คณะทัวร์ของเราชอบมาก ๆ

(ทัวร์โรคจิตชอบที่สูง)

สถานีต่อมา Murren สามารถขึ้นกระเช้าจากสถานีรถไฟมาเจอกันที่สถานีนี้ได้ แต่ต้องเสียเงินเพิ่ม และต้องเดินนิดหน่อย เลยไม่เอาดีกว่า

และเราต้องมาซื้อตั๋วที่สถานีนี้ค่ะ โชว์ตั๋วหน่อย

วิวของหมู่บ้าน Murren

สถานีที่3 ที่นี่มีจุดพักชมวิว แล้วก็จุดลงเล่นสกีด้วย คนเลยน้อยลงนิดนึง

วิวระหว่างทาง

มาแล้ว เห็น Pitz Gloria อยู่ลิบ ๆ

ถึงแล้ว ถึงซะที

ในที่สุด พวกเราทำตัวเป็นปลากระป๋องอดทนจนขึ้นไปถึง Pitz Gloria ซึ่งเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Jame’s Bond ซึ่งมีห้องฉาย Multimedia ของหนังในตอนที่มาถ่ายทำด้วย โดยคนที่เข้ามาดู จะต้องจัดการกดปุ่มฉายหนังเอาเอง ก็สะดวกดี พอกดปุ่มปั๊บ ม่านหน้าต่างก็จะกางออกมาปิดไม่ให้แสงสว่างเข้ามาในห้อง แล้ว จอหนังก็จะคลี่ตัวลงมา จัดการแปลงตัวเองจากห้องชมวิวไปเป็นโรงหนังโดยอัตโนมัติ แต่เราดันกดผิด ไปกดอีกเรื่องหนึ่ง ซื่งเป็นเรื่องของวิวในเมืองต่าง ๆ ของสวิส ก็เลยอดดูเลย พราะเล่นไปแล้ว หยุดไม่ได้ เลยทนดูไปได้ 10 นาทีก็เผ่นออกมาดีกว่า เศร้าจัง

บน Pitz Gloria มีภัตตาคารแบบ Panorama หมุน 360 องศา ซึ่งมีบริการอาหารเช้าแบบ Buffet ราคาไม่แพง(สำหรับฝรั่ง) คือประมาณ ไม่เกิน 20 ฟรังส์ จำราคาไม่ได้ แต่สรุปว่า เราไม่ได้กิน เพราะคิดยังไงก็กินไม่คุ้ม มือนึงตก 500 บาทต่อคนเนี่ยก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลยสั่งแต่เครื่องดื่มร้อนมากินแก้หนาว แล้วก็ไปหามุมสงบกินอาหารเช้าที่ติดตัวมา

วิวบนยอด Schilthorn

พอได้เวลากระเช้ามา เราก็ตัดสินใจว่าลงเลยดีกว่า เพราะจุดประสงค์ของเราที่มา คืออยากนั่งกระเช้า ขาลงนี้ แทบไม่มีคนเลย เพราะทุกคนตั้งใจขึ้นมาเล่นสกีกัน แล้วก็ไถลลงข้างล่างเอง เราเลยครองกระเช้าอยู่กลุ่มเดียว ได้ถ่ายรูปซะที จากที่ขาขึ้นไม่มีโอกาสถ่ายเลย (รูปข้างบนคือการถ่ายย้อนเวลา จากสถานีข้างบนสุดลงล่างสุด)

รูปจุดเริ่มต้นของการนั่งกระเช้าวันนี้

พอลงมาแล้ว ต้องรอรถอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ เสียเวลาจัง จะให้ไปเดินเล่น ก็ไม่กล้าไปไกล เพราะกลัวจะตกรถ พอรถเมล์มา เราก็รีบขึ้นเลย ถึงแม้ว่ารถจะยังไม่สุดสายก็ตาม ดีกว่านั่งอยู่แถวนี้นั่งรถไปเที่ยวจนสุดสายดีกว่า

ลำธารแถว ๆ ที่รอรถเมล์

เงยหน้าขึ้นไป เห็นหน้าผา มีกระเช้าที่เราเพิ่งขึ้นมาติ่งอยู่เล็ก ๆ เสียว ๆ ดี

วิวสุดสายรถเมล์

แล้วเราก็นั่งรถกลับมาขึ้นรถไฟที่ Lauterbrunnen กลับมาที่ Interlaken Ost. แล้วก็ต้องต่อรถไฟในเส้นทางสาย Golden Pass เพื่อไปเมือง Montreux โดยไปต่อรถที่เมือง Sweisimmen โดยเราเลือกนั่งรถไฟหวานเย็นไป เพราะไม่อยากรออยู่ที่ Interlaken Ost. นานนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันอาทิตย์ซึ่งร้านค้าส่วนใหญ่ปิด แล้วห้าง Co-op ก็หยุดในช่วงนี้ด้วย ไม่มีที่เดินเล่น เลยนั่งรถไฟไปต่อเลยดีกว่า รถที่เรานั่งจาก Interlaken Ost ไป Sweisimmen เป็นรถหวานเย็น จอดมันทุกสถานี แทบไม่มีคนนั่งเลย อย่างโบกี้ที่เรานั่งก็มีแต่พวกเรากันเอง 3 คน

วิวระหว่างทาง

ว่าง ๆ เลยเอาแบงค์สวิสมาถ่ายเก็บเป็นที่ระลึก จะเก็บของจริงก็ไม่ไหว ใบนึงมันหลายตังค์อยู่

ในที่สุดก็นั่งตื่น ๆ หลับ ๆ ชมวิวมาจนถึง Sweisimmen ซึ่งมีรถไฟสาย Golden pass Panoramic Train อีกขบวนจอดอยู่ ข้อดีของการนั่งรถหวานเย็นก็คือ เรามาถึงก่อนขบวน Golden pass Panoramic ประมาณ 10 นาที (แต่ออกเดินทางมาก่อนเกือบครึ่งชั่วโมง) ทำให้เราสามารถเลือกที่นั่งได้ก่อนขบวนหลัง ขบวนนี้คนค่อนข้างเยอะ เต็มเกือบทุกโบกี้ ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ ทัวร์ของเราเลยดูกลมกลืนนิดนึง แล้ววันนี้ก็ท้องฟ้าแจ่มใส แดดดี ฝรั่งคงชอบ แต่คนไทยอย่างเรา รู้สึกเหมือนถูกตากแห้งเลย

โชว์รถไฟสีทองหน่อย

ภายในตู้ตากกล้วย เอ้ย รถไฟ

ชมวิวกันต่อ

วิวจากในรถไฟ + คนแก่

ถึง Montreux แล้ว

เมือง Montreux เป็นเมืองที่สวยมาก ตั้งอยู่ริมทะเลสาปเจนีวา เมืองนี้มีกลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศสอยู่มากมาย รู้สึกได้แม้ว่าจะไม่ได้ลงไปเดินเที่ยว ได้แต่นั่งมองจากหน้าต่างรถไฟเท่านั้น ลักษณะเมืองตั้งอยู่ตามแนวเขาเป็นคั่นบันได แต่ก็เห็นมีบันไดเลื่อนช่วยอำนวยความสะดวกอยู่หลายจุด เสียดายมาก ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ลงไปเที่ยว เพราะเรามาถึงบ่ายมากแล้ว แล้วก็ไปเสียเวลารอรถอยู่ที่ Stechellberg นานไปมากโข แล้วเรายังนั่งเป็นกล้วยตากแห้งมาตลอดทาง สังขารของลูกทัวร์คงไปเดินไม่ไหว เพราะแดดจ้ามาก ไมเกรนขึ้นกันเป็นแถว เลยนั่งรถไฟต่อไป Brig ต่อเลย ระหว่างทางที่จะไป Brig ก็มองปราสาท Chillon ที่อยู่ริมทางรถไฟตาละห้อย เพราะถ้าแวะเที่ยว Montreux ก็คงไม่มีปัญญาไปถึงปราสาท Chillon แน่ ๆ เพราะต้องเดินไปไกลอยู่ กลางแดดร้อน ๆ ด้วย

ปราสาท Chillon ที่เรามีโอกาสได้เห็นแค่นี้เอง

เรามาถึง Brig ประมาณ 5 โมงกว่า ๆ แดดยังส่องสว่างจ้าเลย ที่เมืองนี้ เราพักที่ Hotel Europe ที่ต้องระเห็จมาพักที่นี่ เพราะตั้งใจแต่แรกว่าจะไปพักที่ Zermatt แต่ไม่สามารถจองที่พักได้ เพราะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของเมืองนี้ ที่พักที่นี่จึงรับจองเป็นอาทิตย์ ไม่รับแค่คืนเดียว เราเลยต้องระเห็จมานอนที่เมืองใกล้ ๆ ที่สามารถนั่งรถไฟไป Zermatt ได้ เลยมาลงตัวที่เมือง Brig

Brig เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ เมื่อเราไปถึงเป็นช่วงเย็นของวันจันทร์ แทบไม่มีคนเดินถนนให้เห็นเลย ร้านค้าปิดหมด เปิดแค่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารที่จตุรัสกลางเมือง โรงแรมอยู่ใกล้ ๆ กับสถานีรถไฟหาง่ายมาก เพราะนั่งรถไฟผ่านหน้าโรงแรมพอดี โรงแรมที่สวิสไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานเยอะเลย ที่ผ่าน ๆ มาเราเห็นแต่ละโรงแรมมีพนักงานอยู่แค่คนเดียว (ไม่รู้เป็นพนักงานทำความสะอาดด้วยหรือเปล่า เพราะไม่เห็นคนอื่นเลย) โรงแรมที่เราพักในวันนี้ด้วยเช่นกัน เราต้องไปกดกริ่งเรียกหน้าโรงแรมก่อน จากนั้น คุณนายบ้านข้าง ๆ ที่เล่นกับหมาอยู่ตอนที่เราเดินผ่านก็แปลงร่างออกมาเป็นพนักงานต้อนรับของโรงแรมในทันใด ที่นี่มีอาหารเช้าให้ด้วย และเนื่องจากเราต้องออกจากโรงแรมแต่เช้าตรู่ ก่อนเวลาอาหารเช้า เราเลยขอร้องให้ทางโรงแรมจัดอาหารเช้าให้ พนักงานต้อนรับจึงต้องแปลงกายไปเป็นแม่ครัวทำแซนด์วิชให้เรากินพรุ่งนี้เช้า โดยเราไปหาซื้อผักมาเพิ่มนิดหน่อย ก็ได้อาหารเช้าและอาหารกลางวันสำหรับวันพรุ่งนี้แล้ว เย็นวันนี้เดินเล่นเมือง Brig อันแสนสงบก่อนเข้านอน

บรรยากาศแถว ๆ จตุรัสกลางเมือง

ป้ายร้านอาหารเก๋ ๆ (แต่ไม่มีคนเลยแม้กระทั่งคนขาย)

ห้องนอนของเราคืนนี้

เนื่องจากเมืองนี้ไม่มีอะไรให้เดินเลย(มันเงียบ ไม่กล้าเดินตอนมืด ๆ ไม่มีใครเดินเป็นเพื่อน) เราเลยติดสินใจนอน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตึ่นแต่เช้าไป Zermatt

Create Date : 04 สิงหาคม 2550

Last Update : 4 สิงหาคม 2550 17:25:16 น.

5 comments

Counter : 2769 Pageviews.

น่าไปจัง

โดย: boatboat

วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:14:06:47 น.

งดงามมากครับ รูปใหญ่สะใจดีจัง

ประเทศนี้ก็อยู่ในดวงใจผมครับ..

โดย: pompier

วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:1:24:47 น.

มาแวะดูครับสวยดีครับ

โดย: boatboat

วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:3:54:04 น.

สวย

โดย: 555 IP: 58.9.53.155 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:18:02 น.

พักโรงแรมหรือ hostel อะไรที่เมือง Brig คะ
รบกวนขอ link ค่ะ
กลัวจองที่พักใน Zermett ไม่ได้เหมือนกัน
ลอง search ดูไม่เจอ hostel ในเมือง Brig เลยค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

โดย: dsine IP: 117.47.164.245 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:52:35 น.