Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
อยู่ดี ๆ ก็ไปทรมานสังขารที่ตุรกี สงกรานต์ปี 2554 - วันที่ 1 การเดินทางที่ยาวนาน



วันที่ 1 – 6 เม.ย. 2554 วันเดินทาง – Istanbul-Cappadocia

ออกบินด้วยสายการบินอียิปต์แอร์เวลา 02.45 น. กว่าจะขึ้นเครื่องง่วงแทบจะหลับคาที่นั่งแล้ว อียิปต์แอร์ ค่อนข้างเข้มงวดในการตรวจผู้โดยสาร สังเกตุว่าเหมือนมีคนของสายการบิน บินมาจากอียิปต์มาคอยดูแล้วด้วย เครื่องบินสภาพดี มีจอทีวีด้วย แต่รายการไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่ เป็นเพราะง่วงด้วย ขึ้นเครื่องได้ ก็หลับเลย ตึ่นขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนกินข้าว เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดของขาไปเลย เพราะออกจากครัวการบินไทย แต่ก็กินไม่หมด เพราะง่วงมาก กินไปหน้าก็จะจิ้มไปในกล่องข้าวเลยทีเดียว แล้วก็นอนต่อรอเวลาตื่นขึ้นมากินข้าวเช้าอีกมื้อ ซื่งแห้งแล้งมาก เป็นไข่เจียวกับเห็ดและไส้กรอก ไม่มีให้เลือก ไม่มีผักเลย ผลไม้เราก็ไม่กิน นึกเสียดายอาหารเมื่อคืนขึ้นมา




ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง เราก็มาถึงสนามบินเมืองไคโร ต้องอยู่ที่นี่ถึง 3 ชั่วโมง เพื่อรอขึ้นเครื่องไปต่อที่ Istanbul อีก ระหว่างรอต่อเครื่องนี้ เรามีภารกิจต้องไปหาบริษัททัวร์ เพื่อติดต่าเรื่อง transit tour ในวันกลับ เพราะต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลากว่า 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว ต้องหากิจกรรมทำ แต่เดินจนทั่วแล้วก็ยังคงหาไม่เจอ เลยถอดใจ ขากลับคงต้องเอาหนังสือ และสมุดบันทึกมาอ่านมาเขียนฆ่าเวลากันไป ส่วน Duty Free ที่นี่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ เดินแป๊บเดียวก็หมดแล้ว

แล้วเราก็บินไปสู่เมือง Istanbul ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง ถึงสนามบิน Ataturk เวลา 13.00 น. ทรหดน่าดู เราใช้เวลาเดินทางถึง 14ชั่วโมงครึ่ง พร้อมกับอาหาร 3 มื้อ เมื่อไปถึง เรามีภารกิจต้องทอหลายอย่าง อย่างแรกคือต้องแลกเงินก่อน เพื่อเดินทางเข้าเมือง และไปที่สถานีรถ เพื่อซื้อตั๋วรถโดยสารไป Cappadocia โดยเราจะพักที่เมือง Goreme แล้วก็ไปติดต่อขอจองห้องพักเพิ่มอีก 1 คืน เนื่องจากเพิ่มวันเที่ยวอีก 1 วัน เอาหละ ด่านแรกก็ไม่ผ่านแล้ว ตอนแลกเงิน เลือกร้านที่ให้ rate ดีที่สุด แต่ดันโดนโกงไป 4 TL เนื่องจากได้เหรียญมาแล้วนึกว่าเหรียญละ 2TL มารู้อีกทีก็ตอนไปหยอดเหรียญซื้อตั๋วโดยสาร เพราะหยอดไปแล้วเครื่องมันบอกว่าเราหยอดไป 1 TL ตอนแรกงง ทะเลาะกะเครื่องตั้งนาน

เอาหละ เข้าเมืองกันดีกว่า เราเข้าเมืองโดยใช้บริการของ Metro ค่าโดยสาร 1.75 TL(Turkish Lilar) ซึ่งค่าเงิน 1 TL เทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 20 บาท เลขกลม ๆ จำง่าย ๆ ค่ารถที่นี่ ราคาเดียวตลอดสาย ขึ้นกี่ป้ายก็เท่านี้ เวลาซื้อตั๋ว จะได้เหรียญมา 1 อัน เรียก Token เวลาเข้าก็หยอดเหรียญเข้าเครื่องที่ประตูไป แล้วจะไปลงที่ไหนก็ตามใจ ถ้าต้องไปต่อ tram หรือ Funicular ก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ ราคา 1.75 TL ถ้านั่งไม่ไกลก็แพงพอดู

บรรยากาศภายในรถ Metro


จากสนามบิน นั่ง Metro รวดเดียวมาลงที่สถานีรถโดยสารเลย ที่นี่เรียกว่า Otogar เดินออกมาจากสถานีแบบงง ๆ มีนายหน้ามาติดต่อหลายคน แต่ก็พยายามปัดออกไป ในที่สุดก็มาซื้อตั๋วรถกับ บริษัท Metro bus ดูน่าเชื่อถือดี เพราะเคยเข้าไปดูในเวปไซด์ของบริษัทนี้มาแล้ว เราได้ตั๋วรถรอบ 22.30 น. ทางบริษัทแจ้งว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ทันรอบทัวร์ที่ Cappadocia แต่จากที่อ่านมา ส่วนใหญ่บอกว่าใช้เวลาเดินทางแค่ 10 ชั่วโมง มองโลกในแง่ดี ว่า บริษัทเขาคงบอกเผื่อไว้มั๊ง และที่บริษัทนี้ มีที่ฝากกระเป๋าด้วย ดีจังเลย สบายตัวแล้ว เราก็เดินตัวเปล่าฉลุยเข้าเมืองกันไปต่อ โดยนั่ง metro มาจนสุดสายที่สถานี Aksaray แล้วก็เดินตามป้ายที่มักหายตอนเราเริ่มหลงทาง ไปซักพัก เพื่อไปต่อ tram ที่สถานี Yusufpasa นั่งไปที่สถานี Cemberlitas เป็นสถานีที่เป็นที่พักของเราใน Istanbul คือ Hotel California สถานีถัดไปจากสถานีนี้คือ Sultanahmet ที่ทุกคนรู้จักกันดี การเดินทางเส้นทางนี้ ทำให้เราต้องปรับแผนการเดินทางในวันที่กลับเข้ามา Istanbul อีกครั้งแล้ว เพราะไม่สะดวกอย่างมากสำหรับคนที่ต้องลากกระเป๋าเดินทางเลย เพราะต้องลงบันได ขึ้นบันได และข้ามถนน ถ้ามีประเป๋าใหญ่ ๆ คงแย่ ต้องไปอีกทางหนึ่งที่ดูจากแผนที่แล้วน่าจะเดินสะดวกกว่า เราคงจะไปทดลองทางนี้ในช่วงที่จะกลับไปขึ้นรถโดยสารคืนนี้กัน

รถ Tram ที่วิ่งกันในเมืองเก่า



กลับมาเรื่องปัจจุบันกันต่อ โรงแรมที่เราจะพักนั้นหาไม่ยาก เดินแค่ 100 เมตรจากสถานี Tram โรงแรมจัดได้น่ารักและสะอาดมาก แต่น่าเศร้าตรงที่ห้องพักที่จะจองเพิ่มเต็ม ต้องรอใกล้ ๆ อีกครั้งหนึ่ง ว่ามีใครยกเลิกการจองหรือไม่ ก็เลยแจ้ง reception ให้ช่วยจองไว้ให้หน่อยแล้วกัน จากนั้นก็เดินไปยังย่าน Sultanahmet เพื่อเริ่มเที่ยวกันระหว่างรอขึ้นรถคืนนี้ ใช้เดิน เพราะเสียดายค่ารถ 1.75 TL ซึ่งก็ไม่ไกลมาก ระหว่างทางมีร้านขายขนมหวานอยู่หลายร้าน แต่ละร้านจัดขนมได้น่ากิน ต้องลองซะหน่อย แล้วก็ซื้อ Turkish Delight, Baclava , ขนมก้อนกลม ๆ โปะด้วยอัลมอนด์และขนมรังนกไส้ถั่วพิทาชิโอมากิน โอ้ว ขนมกล่องนี้ราคาถึง 17 TL(340 บาทเลยทีเดียว) รสชาติหวานแสบคอมาก ทำให้เข็ดขยาด ไม่กล้าซื้อกินอีกแล้ว เพราะแต่ละเจ้า เห็นหน้าแล้ว หวานมาก ขอลาก่อน



เสียตังค์เสร็จแล้ว เดินต่อไปเที่ยวกันเลย ที่แรกที่แวะเที่ยวคือ Basilica Cistern



ซึ่งเป็นซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำในสมัยโบราณสร้างในสมัย Byzantine เพื่อส่งน้ำให้กับพระราชวังที่อยู่แถวนั้น ที่นี่ให้แสงสวยมาก



จุดเด่นของที่นี่อยู่ด้านในสุดของตัวอุโมงค์ ที่เอารูปสลักเหัวเมดูซ่ามาเสริมตัวเสา มีทั้งแบบกลับหัว



และหัวตะแคง



สถานที่นี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เนื่องจากชาวบ้านเจอปลาอาศัยอยู่ด้วย ในน้ำที่ตักจากรูใต้ดิน จึงได้ไปแจ้งกับทางการแล้วก็มีการขุดค้นพบขึ้นมา

จากนั้นไปต่อกันที่ HippoDrome ซึ่งเป็นทางผ่านไปยัง Blue Mosque


Blue Mosque




วิวข้าง ๆ Blue Mosque


Blue Mosque เดินไปดูแค่ภายนอกอาคารแล้วก็ไปต่อกันที่ Grand Bazaar กัน เพราะจะหาที่แลกเงินด้วย ก็เลยเดินย้อนกลับขี้นไปตามทาง Tram ไป 2 สถานี เพราะเดินหาร้านแลกตังค์ไปตามทาง ไปสุดที่นี่พอดี ทางเข้า Grand Bazaar จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจกระเป๋าผู้ที่จะเข้าไปทุกคน เพื่อรักษาความปลอดภัย ภายในมีซอกซอยต่าง ๆ มากมาย ไม่กล้าเดินไปไกลมาก กลัวกลับมาทางเก่าไม่ถูก เนื่องจากเริ่มเย็นแล้ว เพื่อความปลอดภัย ควรไปที่สถานีรถดีกว่า เพราะคงต้องไปกินข้าว และจัดการตัวเองก่อนขึ้นรถด้วย ในขากลับนี้เราจะลองเส้นทางใหม่ดู โดยจะนั่ง tram ไปสุดสายที่สถานี Zeytinburnu แล้วต่อ metro ไปสถานีรถโดยสาร (ซึ่งก็ที่เดียวกับต่อไปสนามบิน แค่คนละด้านเท่านั้น) เราพบว่า ครั้งหน้าที่จะเข้า Istanbul เราคงจะใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปที่พัก เพราะสะดวก สถานีต่อกันพอดี มีลิฟท์ และบันไดเลื่อนด้วย สะดวกมากสำหรับผู้ที่มีสัมภาระเยอะและหนัก

อาหารเย็นวันนี้เล็งร้านแถวสถานีรถเอาไว้ เป็นร้านข้าวแกงบ้าน ๆ เราเลือกสั่งซุปมากินกันคนละถ้วยแก้หนาว แล้วก็ข้าวผัด อาหารร้านนี้เค็มมาก บนโต๊ะมีขนมปังใส่กล่องใบใหญ่ตั้งอยู่ ทางร้านบอกว่ากินตามชอบเลย ก็เลยเอามากินดับเค็มกันไป ตบท้ายด้วยชาพื้นเมือง ก็อิ่ม สบายท้อง



พอตอนคิดเงิน ก็เพิ่งรู้ว่า เรานี้เป็นที่สนใจของคนในร้านกัน เพราะเขาถกกันอยู่ ว่านังหน้าประหลาด 2 คนนี้มาจากที่ใด เพราะไม่ค่อยมีหน้าจีน ๆ ดำ ไม่คุ้นเคยหลุดไปแถวนั้นเท่าไหร่มั๊ง เพราะเค้าถามว่าเป็นคนจีนหรือเปล่า พอบอกว่ามาจากประเทศไทย หืย รีบตะโกนบอกต่อไปถึงในครัวกันเลยทีเดียว เหมือนกับตอบปัญหาคาใจอย่างไงอย่างงั้น แต่ส่วนใหญ่ก็รู้จักประเทศไทยกันนะ จากนั้นก็ย้ายก้นไปนั่งที่ cafeteria ของ Metro bus ต่อ เพื่อเข้าห้องน้ำและจัดการตัวเองก่อนขึ้นรถ รถออกเวลา 22.30 ตรงเวลา



พอรถออกได้ซักพัก ก็มีพนักงานมาเสิร์ฟน้ำและขนมด้วยพนักงานคนนี้จะทำหน้าที่เสิร์ฟ และดูแลเช็คผู้โดยสารครบหรือไม่และยังช่วยเหลือยกกระเป๋าด้วย กะว่ารถจะต้องแล่นผ่านสะพานข้ามฟากช่องแคบ Bosphorus ไปยังฝั่งเอเชียแน่นอน เลยตั้งใจว่าจะคอยชมวิวช่องแคบ และเมืองทางฝั่งเอเชียซะหน่อย แต่ไหง ตึ่นขึ้นมาอีกที มาอยู่ที่จุดพักรถที่ไหนซักแห่งที่เป็นจุดแวะแห่งที่ 2 แล้วด้วย เมืองอะไรก็ไม่รู้ ที่ตื่นขึ้นมาเพราะเพื่อนจะเข้าห้องน้ำ เลยปลุก อิอิ ไม่ได้ดูวิวเลยหละ เสียดายจัง

รถโดยสารของที่นี่ถือว่าดีมากเลย ทุกที่นั่งมีจอทีวีส่วนตัว และมีห้องน้ำด้วย แต่หาไม่เจอ เลยไม่รู้ว่ามีจริง ๆ หรือเปล่า เห็นแต่สัญลักษณ์ห้องน้ำเท่านั้น
ห้องน้ำที่นี่เสียค่าเข้าคนละ 1 TL หรือ 20 บาทต่อครั้ง โดยจ่ายหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว สภาพห้องน้ำก็พอรับได้ แต่ราคา 20 บาท ถือว่าแย่ เสียตังค์ก็ไม่น้อย ควรต้องสะอาดกว่านี้นะ
วันรุ่งขึ้นเราจะได้ไปเยือนถิ่นม้างาม Cappadocia กันแล้วค่ะ


Create Date : 20 พฤษภาคม 2554
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 21:25:34 น. 1 comments
Counter : 1265 Pageviews.

 
คุณนู๋Poopy เมานอน


โดย: ishi_imp วันที่: 26 พฤษภาคม 2555 เวลา:13:36:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.