Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
เสียมเรียบ นครวัด นครธม 2549 ตอนแรก



เฮ้อ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่เขมร

ทริปนี้เกิดจากความอยากท้าทายตัวเอง แบบประสาทๆ คือว่า อยากเที่ยวต่างประเทศ(อันนี้เป็นความกระแดะส่วนบุคคล ห้ามลอกเลียนแบบนะจ๊ะ) แต่ไม่มีตังค์ เลยต้องหาที่ไปที่ถูก ๆ ประหยัด ๆ โดยตั้ง Target กะตัวเองไว้ว่าไม่เกิน 5,000 บาท ไปเขมรดีกว่า ถูกดี

แล้วเราก็เริ่มต้นหาข้อมูล ทีนี้เหงื่อตกละสิ ก็มันไม่ถูกอย่างที่คิดซะแร้ว ค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายแน่ะ ๆ เลยก็คือ
- ค่าวีซ่าเข้าเขมร ราคา 20เหรียญสหรัฐ ก็ตกที่ 760 บาท
- ค่าบัตรเข้านครวัด – นครธม จะเอาแบบ 3 วัน ก็ 40 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,520 บาท

แค่นี้ก็ 2,280 บาท เหงื่อตกแล้ว ปาเข้าไปเกือบครึ่งของงบเลยนะนี่ จะถอยก็ไม่ได้ เพราะไปหลอกเหยื่อร่วมขบวนการมาแล้ว ก็น้องชาย Buddy เจ้าเก่า แล้วยังไปหลอกเพื่อนมาร่วมด้วยอีก 2 คน อิ อิ เอาไว้หารค่ารถแคมรี (แต่ชะรอยเพื่อนจะไหวตัวทัน เลยมีธุระช่วงนั้นพอดี ขอถอนตัวไป เสียดายจัง)

เราไปกัน 4 วัน 3 คืน ช่วงระหว่างวันที่ 3 – 6 พ.ย. 59 ดีนะ ตอนแรกกะว่าจะไปตอนวันปิยะมหาราช ดีว่าน้องชายไม่สบายซะก่อน ไม่งั้นคงทุลักทุเลกว่านี้แน่ ๆ เพราะเป็นช่วงที่ถนนไปเสียมเรียบน้ำท่วม ทางขาด ต้องนั่งเรือแทนรถเป็นบางช่วง ตอนที่เราไปก็น้ำลดแล้ว แต่ก็มีทางบางช่วงที่เสียหายไปบ้าง ก็ทุลักทุเลนิดหน่อย

การขอวีซ่า
การเตรียมตัวก่อนไป ก็ต้องไปขอวีซ่าซะก่อนสิคะ ค่าวีซ่า(ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลช่วงเดือน กันยายน 2549) คนละ 20 USD ถ้าจ่ายเป็นเงินไทยก็ 1,000 บาทรวด ไม่มีลดแบบค่าเงินเลย
สถานทูตเขมรตั้งอยู่ที่
185 ถนนราชดำริ ซึ่งขณะนี้ย้ายไปอยู่ใกล้ ๆ กับสถานทูตลาวแล้ว
- เวลาทำการ ขอ visa 9:00-14:00
- ค่าใช้จ่าย 1,000 บาท หรือ 20 US$
- หลักฐานที่ใช้ Passport, รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว
- ตอนรับเล่ม ควรตรวจชื่อและนามสกุลให้เรียบร้อยด้วย เพราะของเราเขียนนามสกุลผิด เจ้าหน้าที่แก้ไขโดยเอาลิควิดป้าย แล้วเขียนทับ

การเดินทาง
เราไปอย่างประหยัดสุด ๆ ก็เลยเลือกที่จะไปขึ้นรถที่จะพาคนไปเล่นคาสิโนที่ปอยเปต เสียค่ารถ 100 บาท (ต้องมี Passport ถึงได้ราคานี้) โดยโทรนัดแนะที่ขึ้นรถกัน โดยเราไปรอที่ป้ายรถเมล์หน้านิด้า เวลามีรถบัสขับชลอ ๆ ผ่านมา ก็ยืน ๆ ชะเง้อ หน่อย ถ้าใช่ เค้าก็จะจอดรับ ช่วงปอยเปต-เสียมเรียบ จะมีให้เลือกทั้งรถบัสโดยสาร และรถแท๊กซี่ โดยเมื่อเราเดินผ่านตม.มาแล้ว เดินไปทางขวาของวงเวียน จะมีรถบัสขับพาเราไปที่คิวรถอีกทีหนึ่ง

ที่พัก

หาไปก่อนก็ดี แต่เราก็หาแต่ข้อมูลแล้วไปเดินดูเอา เผื่อไม่ถูกใจห้องกะทำเล และเผื่อต่อรองราคา ส่วนเราพักที่ Maekhong Palace Hotel ตั้งอยู่บนถนน Sivathaแต่ห่างออกมาจากย่าน Pub street ราว ๆ 300 เมตร คืนละ 20 เหรียญ โรงแรมมีสระว่ายน้ำด้วย ห้องก็กว้าง สะอาดดีมาก แนะนำเลยค่ะ (อิ อิ ได้ค่าโฆษณามาด้วย เพราะราคาตอนแรก คือ 25 เหรียญ แต่เจ้าหน้าที่โรงแรมเค้าลดให้ เพื่อให้มาประชาสัมพันธ์โรงแรมให้เค้าค่ะ) เอาละ โม้มาซะเยอะ มาเริ่มออกเดินทางกันดีกว่า

วันที่ 1 ศุกร์ที่ 3 พ.ย 2549

นัดกะรถทัวร์ไว้ตอนตี 4 ครึ่ง ตรงป้ายรถเมล์หน้านิด้า ไม่มีคนเลย รอซักพัก พอได้เวลารถทัวร์ก็โฉบมารับ แล้วก็จอดที่ป้ายรถเมล์ป้ายถัดไป ก็เลยรู้ว่า เรารอกันผิดป้ายนั่นเอง เพราะมีคนขึ้นที่ป้ายนี้หลายคนอยู่ นั่งไปวักพัก ก็มีบริการเครื่องดื่มร้อน ๆ พร้อมปลาท่องโก๋ที่เจ้าหน้าที่แวะลงไปซื้อแถว ๆ หมู่บ้านสหกรณ์หรือแถวสวนสยามนี่แหละ พอดีตอนนั้นยังเมาขี้ตาอยู่ ตอนนี้ผู้โดยสารเต็มรถแล้ว ตอนนี้รถวิ่งยาวรวดเดียวถึงด่านอรัญประเทสเลย ลูกทัวร์ก็หลับสบายไปตลอดทาง มีตื่นบางช่วง คือช่วงเก็บ passport กะค่ารถ 100 บาท พอตอนส่งคืน ได้คูปองอาหารมาคนละใบ ประหยัดไปอีกมื้อนึง

พอรถทัวร์ปล่อยลงแถว ๆ หน้าด่าน ก็ยังเป๋อเหลออยู่ จะเดินตามคณะที่มาด้วยกัน เค้าก็เดินหายกันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็เลยเดินงม ๆ ทางไปจนผ่านด่านมาได้ ก็เลยแวะไปกินข้าวเช้าในคาสิโนตุนไว้ก่อน แล้วก็โทรศัพท์สั่งเสียกะที่ทำงานให้เรียบร้อย เพราะถ้าข้ามฝั่งไปแล้ว ห้ามโทร เพราะมันแพง
พอออกจากโรงแรมที่ไปแวะกินข้าวฟรีมา ก็ได้เวลาเข้าประเทศเขมรซะที เพราะเราอยู่ตรงส่วนคาสิโน เป็นส่วนที่ออกจากเขตประเทศไทยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตีตราประทับเข้าประเทศเขมร ก็เลยต้องไปประทับตรารูปปราสาทนครวัดเพื่อเข้าประเทศ เราสามารถไปทำวีซ่าที่ด่านก็ได้ เดี๋ยวนี้มีบริการ E-Visa แล้ว ราคา 20 เหรียญเท่ากับที่ทำที่กรุงเทพฯเลย

เราเดินมาหารถที่จะพาเราไปที่คิวรถแท๊กซี่ แค่ 2 คนเค้าก็ออกรถแล้ว ใจดีจนหวั่นใจยังไงมะรู้จิ แล้วพอมาถึงคิวรถแท๊กซี่ ตรูว่าแล้ว ก่อนไปก็อ่านไปแล้ว ข้อมูลแน่นปึ้ก ว่ารถทีกซี่เค้าจะรอ 4 คน เดี๋ยวเราหา อีก 2 คนมาหารค่ารถดีกว่าแต่ไปจริง ๆ มันไม่มีใครมาให้เราหารเลย แล้วรออยู่ครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีใครมาเลยสงสัยว่าคนเค้าไปกันหมดแล้ว เพราะเราเสียเวลากินอาหารเช้ากันนานมาก ก็เลยตัดใจไปกันแค่ 2 คน (หงิง ๆ เกินงบที่ตั้งไว้ไปไกลเลย) ที่คิวรถนี้ใครว่าราคายุติธรรมกันเนี่ย เจ้าหน้าที่โก่งราคาซะเองเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนนี้ถนนไม่ดีเป็นช่วง ๆ ราคานี้ที่เค้าคิดเราเนี่ย มันเป็นราคาที่รวมค่าบริการทุก ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป้นค่ารถสามล้อที่จะต้องถีบพาเราลุยน้ำไปบางช่วง หรือค่าเรือ ค่าคนช่วยเข็นรถเวลาติดหล่ม กะลังจะถอดใจ เที่ยวคาสิโนแล้วกลับบ้านดีกว่า ดูลำบากเหลือเกิน ไอ้เจ้าหน้าที่มันก็บอกว่ามันไม่แย่ถึงขนาดน้าน แค่ช่วงสั้น ๆ นิดเดียวเอง ก็เลยมองหน้ากันไปมา แล้วก็ เอาวะ ไหน ๆ ก็มาถึงนี้แล้วนี่ ค่าวีซ่าก็เสียไปแล้ว ก็ต้องไปต่อแหละ ในที่สุด เราสองคนก็นั่งชูคอเป็นคุณนายไปเสียมเรียบกันโดยเสียค่าแท๊กซีไป 2,500 บาท แง๊ แค่ตอนแรกอ่านมาว่าคันละ 1,600 ยังเสียดายเลย นี่ตั้ง 2,500 เลย เศร้า

ระหว่างทางไปเสียมเรียบ




น้องคนขับรถแคมรีทีเรานั่งไป เป็นชายหนุ่มหน้าตาเขมรแท้ ๆ เลย เคยออกทีวีด้วยนะคะ เมื่อหลายเดือนก่อนน้องเราเห็นเค้าออกรายการกบนอกกะลาด้วย เธอเป็นสไตล์พูดน้อยตีนหนักค่ะ(ขออนุญาตเขียนไม่สุภาพ เดี๋ยวนึกภาพไม่ออก) เพราะเธอเหยียบคันเร่งทีประหนึ่งว่า เรากำลังนั่งอยู่บนรถแข่ง Formula 1 ผสมกะรถแข่งวิบาก ปารีส-ดักการ์ ยังไงอย่างงั้นเลย เราใช้เวลาเดินทางไปถึงเสียมเรียบไม่ถึง 3 ชั่วโมงดีเลย ทำลายสถิติทุก ๆ ตำราที่อ่านมาเลยค่ะ พร้อม ๆ กะใจที่ตก ๆ หาย ๆ ไปตลอดการเดินทาง คนขับรถเงียบมาก ไม่คุยอะไรเลย จนเราก็ไม่กล้าคุยด้วย เกรงว่าพี่ท่านจะเสียสมาธิ เพราะแค่ขับรถอย่างตั้งใจไปเงียบ ๆ เรายังรู้สึกหวาดเสียวได้ทุกวินาทีเลยเชียว

ตลอดทางที่ไปก็เป็นหนองน้ำและนาข้าว มีคนเขมรออกมาหาปลากันทุกหนอง เส้นทางที่ไปเป็นดินลูกรัง แต่ว่าตอนนี้เห็นมีรถบดถนน และมี site งานก่อสร้างของบริษัทเกาหลีตั้งอยู่ รู้สึกว่าจะได้รับสัมปทานในการสร้างทาง ต่อไปคงสบายแล้ว (แต่ถ้าขับรถสไตล์เขมรเหมือนอย่างที่เราไปเห็นมา ก็คงน่าหวาดเสียวเหมือนเดิม หรือสงสัยจะยิ่งกว่าเดิมอีก เพราะถนนดีขึ้น รถก็จะวิ่งเร็วขึ้น)

หยุดแวะเติมแก๊สระหว่างทาง วิธีการเติมก็คือ เอาหัวแก๊สหุงต้มที่เราใช้ในครัว มาเสียบกะหัวของถังแก๊สหลังรถ แล้วก็กะ ๆ เอาว่า มันคงเต็มแล้ว (พยายามมองแล้ว แต่ไม่เห็นมิเตอร์อะไรเลย ก้เลยเดาเอาเองว่าเค้าคงกะเอาได้(อันนี้ข้อมูลคิดเอาเอง ไม่ควรเชื่อมากนะ) แต่ระหว่างเติม น้องเราก็บอกว่าให้ออกมาเดินเล่นนอกรถ คือเค้ากะว่าถ้ามันระเบิดขึ้นมาเราจะได้วิ่งหนีทันไงคะ รอบคอบมั่ก ๆ คุณน้อง


อ้า เสร็จแระ ขึ้นรถไฟเหาะ เอ้ย รถไปเสียมเรียบกันต่อ หวาดเสียวไปตามรายทางกันต่อ คุณคนขับแกไม่ชะลอความเร็วรถเลย แม้ว่าจะแล่นผ่านฝูงนักเรียนที่ปั่นจักรยานอยูเกือบเต็มถนน แกใช้วิธีบีบแตรไล่เอา แต่ก็เก่งนะ ไม่มีอุบัติเหตุแฮะ ไม่น่าเชื่อเลย ที่เราไปทั้งหมด 4 วันนั้น เห็นอุบัติเหตุแค่ครั้งเดียว ต่อยกันด้วย รถเลยติดยาวเลย เพราะทุกคนจอดรถมาดูคนต่อยกันจนรถเต็มถนน คันอื่นไปไม่ได้

อ้อ เราได้เจอกะสภาพถนนขาดกะเค้าด้วยหนึ่งครั้ง มีรถบรรทุกจอดแช่น้ำตายอยู่กลางถนน และต้องมีคนคอยโบกรถไม่ให้ตกหล่มด้วย เฮ้อ ตรงนี้แหละคือค่ารถที่ต้องเสียเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งพัน เพื่อมานั่งแรลลี่วิบากที่เขมรนี่แหละ การท่องเที่ยวเขมรน่าจะไปจัดแข่งกะ Dune Safari แถว ๆ อาหรับนะ อิ อิ Shot นี้ขอชื่นชมคนขับรถ ขับเก่งมั่ก ๆ ต้องใช้ฝีมือและสมาธิมาก ๆ เลยในการขับผ่านหล่มอันนี้ ขอปรบมือให้จริง ๆ





ตลอดทางที่หลับบ้าง เสียวบ้าง นินทาคนขับบ้าง ในที่สุดเราก็มาถึงเสียมเรียบจนได้ พอถึงในเมือง คนขับก็เฉลยออกมาว่าเค้าพูดกะฟังภาษาไทยได้นะ เพราะเค้าถามเราว่าจะให้ไปส่งที่ไหน โอย ตาย ต๊าย ตาย ๆๆๆๆ นินทามาซะตลอดทาง แง๊ แต่เค้าคงทำกรรมร่วมกะเราเยอะ เพราะในวันกลับ เราก็ได้เจอกันอีก โดยเราก็นั่งรถเค้ากลับเมืองไทยโดยบังเอิญ(มั๊ง)

คราวนี้เราไปแบบไม่จองที่พักล่วงหน้า อยากจะไปดูก่อนว่าตรงไหนที่เดินสะดวกจริง ๆ พอถูกปล่อยลงตรงถนนกลางเมือง เพราะเราก็เลียบเคียงถามคนขับรถแล้ว เค้าไม่ค่อยรู้เรื่องที่พัก ก็เลยต้องพึ่งตัวเอง แล้วเวลานั้น ไกด์ของเราก็โผล่ขึ้นมาเหมือนขอมดำดิน เข้ามาอาสาพาเราไปหาที่พัก โดยเราตั้งใจจะไปพักที่Rasamechantra Hotel แต่ตานี่บอกว่าเค้ามีที่พักที่ดีกว่านั้น ก็คือ Temple GHซื่งมันอยู่เข้าไปในซอย แต่สภาพที่พัก+ราคาน่าสนใจมากเลย ที่พักสะอาด ราคาไม่แพง แต่มันเต็ม ลองมาถามโรงแรมที่หมายตาเอาไว้ ปรากฎว่าได้พักแค่คืนเดียว คืนอื่น ๆ ไม่ว่าง (เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ช่วงที่เราไปนั้น เป็นช่วงวันลอยกระทง แหะ แหะ ลืมไปเรย) ก็เลยหาไปเรื่อย ๆ ตามทาง จะไปเจอที่เหมาะใจคือ Maekhong Palace Hotel ห้องสะอาด กว้าง มีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ หน้าโรงแรมด้วย ราคาคืนละ 25 USD

สระว่ายน้ำ


ภายในห้อง





ห้องน้ำสะอาดมาก


พอได้ที่นอนเรียบร้อย ตาคนนี้(ไกด์ของเรา จำชื่อไม่ได้ เรียกว่าตานี่ละกัน) ก็เสนอแพ็คเกจทัวร์ทันที โดยช่วงบ่ายนี้ ถ้าเราจะไปนครวัด เค้าคิดราคากันเองคือ 8 USD เราก็เลยขี้เกียจหาเจ้าอื่น เอาคนนี้แล้วกัน จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว ในช่วงบ่ายถึงเย็นก็เลยไปเที่ยวปราสาทนครวัดเลย โดยซื้อตั๋วแบบ 3 วัน ราคา 40 USD บัตร 3 วันนี้จะต้องติดรูปถ่ายของเราด้วย ถ้าใครจะซื้อตั๋วแบบ 3 วันก็อย่าลืมพกรูปถ่ายสวย ๆ ไปนะ ขนาดที่กำลังดีคือขนาด 1 นิ้ว จะติดได้พอดีช่องเลย เป็นรูปถ่ายเล่น ๆ ก็ได้ เวลาเก็บบัตรไว้เป็นที่ระลึกจะได้สวย ๆ

เราเข้าซื้อบัตรเข้านครวัดในช่วงบ่าย ๆ เลยไม่ค่อยมีคน สบาย ไม่ต้องรอเลย พรุ่งนี้ก็สบายแล้ว มีบัตร ก็ลัดคิวรถที่ต่อแถวเข้าไปได้เลย ไม่ต้องมาออกันที่ช่องขายตั๋ว

เมื่อนั่งรถเข้าไป วินาทีแรกที่เห็นปราสาทนครวัดนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเท่ารูปที่หลาย ๆ คนถ่ายมา แต่ก็ยังคงให้รู้สึกที่ตื่นตากับความยิ่งใหญ่อลังการของคนขอมจริง ๆ สภาพจริงถึงแม้ว่าจะทรุดโทรมไปมาก มีหินหัก ลงมากองอยู่เยอะแยะไปหมด แต่ส่วนที่ยังสมบูรณ์ยังคงความงามอยู่ โดยเฉพาะภาพหินสลักตามผนังต่าง ๆ เราก็เดินดูกันเพลินพร้อมกับกางหนังสือเป็นไกด์ประกอบไปด้วย

รูปปราสาทนครวัดจากบึงอีกข้างหนึ่ง เงาสะท้อนไม่ชัดเหมือนภาพแรก เพราะมีดอกบัวอยู่ในสระ




จะเดินเข้าปราสาทแล้ว


กองหินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา


นางอัปสรทั้งหลาย



ยืนเรียงหน้ากระดานประชันความงาม



แล้วก็มาถึงตอนที่ต้องปีนขึ้นไปบนตัวปราสาทชั้นใน ซึ่งเราถึอว่าเป็นไคล์แมกซ์ของการเที่ยววันนี้เลย เนื่องจากก่อนจะขึ้นเนี่ย ก็ดูคนปีนขึ้นไปกันเยอะ แต่ที่สมัครใจนั่งลุ้นมีเยอะกว่า ก็คิดอยู่ว่าจะปีนดี หรือนั่งลุ้นดี เพราะภาพที่เห็นคนปีนขึ้นไปดูหวาดเสียว ถ้าพลาดหล่นลงมาคงคอหัก หรือหลังหักนะเนี่ย พอดีช่วงที่เพื่อนเมาเที่ยวนั้น มีนักท่องเที่ยวตกลงมาจากบันไดนี้ คอเคลื่อน ต้องนำขึ้นเครื่องบินส่งไปรักษาด่วน ก็เลยเสียว ๆ แต่เห็นคนที่ปีนแล้วก็เกิดฮึด เรพามีอาม่า อายุประมาณ 70 ขึ้นไป ยังปีนขึ้นไปได้เลย เราอายุแค่เนี้ย ต้องได้สิ แต่พอตัดสินใจขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว มันโล่งไปหมดเลย ความกลัวหายไป เหมือนเราทำอะไรซักอย่างสำเร็จ (ขึ้นมาถึงยอดโดยสวัสดิภาพ ไม่คอหักไปซะก่อน)


ภาพข้างบปราสาทที่เราอุตส่าห์ไต่ขึ้นมา


ทีนี้มาตอนขาลง มองไปเห็นคนต่อแถวลงตรงด้านที่มีราวให้เกาะแล้ว ไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ตกแล้ว เราจะได้ลงหรือเปล่า พอดีเหลือบไปทางซ้าย (หันหน้าเข้าหาด้านที่มีราว มองไปทางซ้าย) เห็นคนเดินลงหลายคน ก็เลยมานั่งสังเกตุการณ์ ก็เห็นฝรั่งลงทางนี้กันเยอะ โดยเฉพาะมีผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่ง ใส่กระโปรงบานด้วย ยังเดินลงแบบทะแยงๆได้ เลย ไม่ต้องไต่ลง ก็เลยตัดสินใจไต่ลงทางนี้เลยละกัน

อืม เสียวเนอะ แล้วก็เจอกะกรุ๊ปคุณป้าคนไทยที่ส่งเสียงเตือนว่าอย่าลงเลยลุก เดี๋ยวตก เลยต้องกลับไปทำใจใหม่อีกรอบ


เอาวะ ลงทางนี้แหละ อืม มันก็ไม่ชันเท่าไหร่เนอะ ไต่ง่ายกว่าด้านมหาชนที่เราขึ้นมาอีก รู้งี้ไต่ขึ้นทางนี้แต่แรกดีกว่า...เอ คิดอีกทีมุมมหาชนน่านแหละดีแล้ว เดี๋ยวเวลาคนถามแล้วตอบไม่ถูก ไม่ได้อารมณ์หวาดเสียว


วันนี้ก็จบการชมปราสาทเพียงเท่านี้ จะขึ้นพนมบาเค็งก็ช้าเกินไปแล้ว เพราะเราดูประอาทิตย์ตกดินที่นครวัดแล้ว (อันที่จริงไม่ค่อยสนใจจะดูพระอาทิตย์ตกดินเท่าไหร่ ไปรอดูทีไรผิดหวัง พระอาทิตย์หลบเข้าก้อนเมฆทุกที เลยขี้เกียจ) กลับเข้าเมืองกินข้าวดีกว่า ส่วนคนขี่รถของเราก็ได้ทีเสนอขาย Package อาหารเย็นทันที เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติพร้อมรำแบบเขมรที่สวยงามมาก(อันนี้แหละที่ทำให้ตัดสินใจได้เลย คือไม่เอา) ถ้าตัดสินใจตอนนี้ จะแถมฟรีรถรับ-ส่งจากร้านกลับที่พักตอนกินเสร็จด้วย ราคาหัวละ 13 เหรียญ ราคาพิเศษสุด ๆ สำหรับเพื่อนจากเมืองไทย(สงกะสัยว่าจะฟัน แพงเป็นพิเศษ) เรามองหน้ากันแล้วก็รู้ใจทันทีว่า มีรำสวย ๆ เนี่ย ไม่กินดีกว่า ไม่ชอบดูเล้ย ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อย่าเห็นแก่ของลดราคากะของแถมเลย เปลืองงบ เลยตัดสินใจไปหากินเอาแถว ๆ Pub street ดีกว่า ร้านเก๋ดี อร่อยหรือเปล่าอีกเรื่องนึง

อาบน้ำและดูละครน้ำเน่าจากประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เราก็เฉิดฉายออกมาลุยฝุ่นไปย่าน Pub Street กัน ระหว่างทางฝุ่นเยอะมาก ขนาดคนไม่ชอบอาบน้ำอย่างเรายังต้องกลับไปอาบน้ำก่อนนอนอีกรอบเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่ากำลังทำถนนหรือมีฝุ่นเยอะเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะ 4 วันที่ไปอยู่ เจอฝุ่นตั้งแต่นั่งรถแคมรีเข้าเสียมเรียบขนาดว่ารถวิ่งผ่านคนขี่จักรยานไปแล้ว ทิ้งฝุ่นตลบไว้จนกลัวว่าคนที่อยู่ลางกองฝุ่นจะถูกรถคันถัดไปชน เพราะมองไม่เห็น ฝุ่นคลุ้งบังจนมิด เราเองก็มีอาการแพ้อากาศ น้ำมูกไหลและะจามทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นภูมิแพ้ เฮ้อ บ่นเรื่องฝุ่นแล้วก็เข้าเรื่องต่อ เราก็เดินผ่านร้านต่าง ๆ มาจนถึง ถนน Pub street ก็อยากกินหรูบ้าง ชดเชยกะอาหารบุฟเฟต์พร้อมดูโชว์ที่ปฏิเสธมา เมื่อเราเดินศึกษาเมนูมาตลอดทางปรากฎว่า ทุกร้านบนถนนสายนี้ใช้เมนูชุดเดียวกันหมดเลย รูปถ่ายอาหารเนี่ย รูปเดียวกันเลย ก็เลยเลือกร้านที่คนนั่งเยอะ ๆ กะมี happy hour drink ละกัน อาหารวันนี้ก็เลยลอง set อาหารเขมร (รูปอาหาร set นี้ มีทุกร้าน) แล้วก็ซุปปลา (อร่อยสุด ๆ อร่อยทุกเจ้า ทั้ง ๆ ที่รสชาดแต่ละร้านก็ปรุงตำรับของตัวเอง) แล้วก็สารพัด cocktail drink หลากสี ของคุณน้องชาย ส่วนคุณพี่สาวซดเบียร์ (มันสลับ ๆ อะไรกันอยู่มั๊ยเนี่ย) จัดรายการ ซื้อ 1 ดริ๊งค์ ฟรี 1 ดริ๊งค์ ก็เลยซัดกันทุกวัน อิ อิ

Set อาหารเขมร ออกมาตามรูถ่ายที่โชว์ไว้ทุกประการ ถ้าทุกร้านทำได้ตามรูปถ่ายเป๊ะ ก็หน้าตาอย่างงี้แหละค่ะ รสชาดก็เหมือนอาหารไทยเลย ไม่แตกต่าง จะลองซักหนก็ดีนะ


ซุปปลาแสนอร่อย ภูมใจนำเสนอมากค่ะ


สรุปรวมค่าอาหาร+ดริ๊งค์ ของสองคนรวมกัน 11 เหรียญ ประหยัดดีจัง อิ่มพุงกางเลย ก่อนกลับไปดูทีวีต่อก็เดินไปซื้อเสบียงสำหรับพรุ่งนี้ เพราะเราจะไปลุยปราสาทนครธม และปราสาทอื่น ๆ แถว ๆ นั้น ที่ร้าน Blue Pumpkin เค้าลด 50% ช่วง 2 ทุ่มเป็นต้นไป(เวลาไม่แน่ใจ เพราะแวะเข้าไปตอน 2 ทุ่ม เค้าลดแล้ว ก็เลยซื้ออาหารสะสมซะเลย)

ขากลับเดินผ่านร้านขายอาหารตามสั่ง คนกินกันแน่นทั้ง 2 ร้าน แต่เราอิ่มแล้ว ขอผ่านก่อนวันนี้ดีกว่า ไว้วันหน้ามากินใหม่ วันนี้ขอกลับไปนอนก่อนดีกว่า แต่ก็ไม่ได้เข้าโรงแรมซะที ดันไปเจอ Boutique Hotel ซะก่อน คือ De La Prix Hotel อยู่ตรงหัวมุมสี่แยก ที่มีปั๊มน้ำมันพอดี เลยเข้าไปเดินเล่นถามราคาซะหน่อย ข้างใน hip มาก ๆ ที่ Lobby ทำเก๋ เป็นหลุม ๆ ลงไปแล้วมี Sofa bed ให้นั่ง นอนแบบสบายอารมณ์ ไม่ต้องมีพิธีการมาก แล้วตรง Café มีแซนด์วิซแบบต่าง ๆ ขายด้วย ราคาก็หรูสมกะสถานที่เลย เลยซื้อมาลองซะหน่อยในวันที่เราไปเที่ยวพนมกุเลน



Create Date : 09 มีนาคม 2551
Last Update : 9 มีนาคม 2551 10:22:05 น. 3 comments
Counter : 1164 Pageviews.

 
สรุปว่า..ทริปนี้ จ่ายไปเท่าไหร่ค่ะ.....
น่าสนุกจัง....

เราเคยไปเที่ยวนะ....แต่ไปแบบทัวร์ ก็สนุกดี แต่ไม่ได้อารมณ์...แบ๊คแพ็กอะ.....


โดย: NuHring วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:11:49:31 น.  

 
น่าไปจังเลยค่ะ อยากไปเที่ยวจัง


โดย: A Princess วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:12:10:05 น.  

 
อยากไปจัง


โดย: น้องนู๋_หมูหวาน วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:12:10:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.