Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 

ยุโรปครั้งแรกในชีวิต : วันที่ 11-12 เชินบรุนส์ แล้วก็กลับบ้านแระ

วันที่11 16 เม.ย. 2549 เวียนนา



วันนี้เริ่มต้นช่วงเช้าด้วยการไปเที่ยวพระราชวังเชินบรุนส์ โดยวังนี้จะอยู่นอกใจกลางเมืองเวียนนาออกไป นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปซักพัก รถก็วิ่งขึ้นบนดิน



เราลงที่สถานี Schloss Schonbrunn แล้วต้องเดินต่อไปอีกซักประมาณ 500 เมตรเลียบริมรั้วของพระราชวังเพื่อเข้าไปชม ช่วงที่ไปตรงกับเทศกาล Easter จึงมีร้านมาตั้งขายของเป็นตลาดนัด แต่เราไปเช้ามากประมาณ 9โมง ตลาดเลยยังไม่เปิด และคนที่เข้าไปชมวังยังน้อยอยู่ ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว เข้าไปถึงก็ซื้อเข้าไปได้เลย เราเลือกซื้อตั๋วแบบ Classic Pass ราคาคนละ 14.9 ยูโรวึ่งจะได้เข้าชม
- Grand Tour
- The Private Garden
- The Maze & The Labylinth
- The Gloriette Viewing Terrace
- The Royal Bakery (รายการนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซื้อบัตรนี้ เพราะเค้ามี Apple Strudel ให้ชิมด้วย)

เดินเข้าประตูมาก็เจอเลย


ในส่วนของการชมวัง เราได้ชมครบทุกห้องที่เขาเปิดให้เข้า ไม่สามารถถ่ายรูปภายในได้ จบออกมาก็เป็นส่วนของสวน ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี โดยมีส่วนที่ต้องเสียเงินคือ ส่วนของ The Privy Garden ตอนที่ไป ต้นไม้ยังขึ้นไม่ครบเท่าไหร่ วิธีการจัดสวนสวยดี ขึ้นไปถ่ายรูปจากจุดที่สร้างให้ขึ้นไปชมวิวลงมาที่สวน มองเห็นสนามเหมือนพรมสวย ๆ ผืนหนึ่งที่ปูอยู่บนพื้นหน้าวังเลย





เมื่อมองจากส่วนพระราชวังไปบนเนินจะเห็น The Gloriette ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ในเขตวัง เห็นระยะทางแล้วก็คงเดินแฮ่กเหมือนกัน แต่มาถึงแล้วก็คงต้องเดินไปซะหน่อย เดี๋ยวไม่คุ้มค่าตั๋ว เราเดินผ่านสวนซึ่งตอนนี้มีคนเข้ามาเที่ยวเยอะ ส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์หลาย ๆ ชาติ เป็นคนไทยก็เยอะ ซึ่งทัวร์ไทย(ในวันที่เราเจอ)พามาดูแต่สวน ถ้าอยากเข้าไปดูข้างในวังหรือส่วนที่ต้องจ่ายเงิน ทางคนเที่ยวก็ต้องซื้อตั๋วเองค่ะ(อิ อิ ไปแอบฟังเค้าคุยกันค่ะ เลยรู้) ที่นี่เหมือนเป็นจุดชมวิว เพราะเราขึ้นมาอยู่บนเนินเขา มองออกไปเห็นวิวของเมืองเวียนนาได้ไกลจังเลย ระหว่างเดินขึ้นไป ฝนก็ตกลงมาพรำ ๆ ทำให้เราได้แต่วิวแบบมัว ๆ



ใกล้เข้ามาแระ เหนื่อยจัง

//i101.photobucket.com/albums/m80/poopy007/v36.jpg

หันหลังมองกลับไปเห็นวิวมัว ๆ แบบนี้



พอชมวิวเสร็จเราก็เดินลงจากเนินนี้อีกทางหนึ่ง เพื่อไปดูสวนเด็กเล่นของพวกไฮโซสมัยก่อนกันที่ The Maze & The Labylinth

เดินไปก็คิดไปว่า มันสนุกกว่าเขาวงกตในสมุดเล่นเกมส์ตั้งเยอะ เพราะเดาอย่างเดียว แถมยังโดนพวกที่เดินหลงด้วยกันกะพวกที่หลุดไปแล้ว ขึ้นไปอยู่ส่วนชมวิวหลอกอีก ก็เลยแก้แค้นคนต่อ ๆ ไปด้วยการบอกทางผิดๆ ไป จะได้หลงเป็นเพื่อนเราด้วย อิ อิ



อันนี้ก็เขาวงกตแบบเด็ก ๆ เพราะพอเดินไปแล้ว มีแต่เด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบทั้งนั้นเลย แต่เราก็จะเล่นต่อไป เพราะมันรวมอยู่ในบัตร เดี๋ยวไม่คุ้ม



อันนี้เป็นของเล่นอีกอย่าง โยกไปแล้วน้ำพุจะพุ่งขึ้นมา รูปนี้ได้มาด้วยความอดทนต่อคิวร่วมกะเด็ก 10 ขวบกว่าจะได้โยกกะเค้า 3 หนเอง โยกนานไม่ได้เด็กต่ออยู่หลายคน ต้องแบ่ง ๆ กันไป แถมยังได้รูปมาตอนที่น้ำไม่พุ่งอีก เศร้าจัง



เดินกันจนพอใจแล้วเราก็ไปที่ที่เราเก็บทีเด็ดไว้ที่สุดท้ายดีกว่า ก็ส่วนของ Bakery ไง แต่น่าเสียดายว่า เรามาช้าไป เค้ากำลังทำอยู่ แล้วก็คนเข้าดูเยอะแล้ว เลยไม่ค่อยเห็นอะไร แต่ตอนเข้าไปเค้าจะมี Apple Strudel แจกให้คนละ 1 ชิ้น โอ้โห อร่อยสุด ๆ แป้งบางกรอบ ไส้แอปเปิ้ลอุ่น ๆ ทะลักทลาย หอมกลิ่นอบเชย คุ้มที่สุดเลย ทำให้เราอยากจะกินชิ้นใหญ่ ๆ ที่เค้าทำขายจริงต่อ ก็เลยไปถามราคาดู หายอยากเลยค่ะ ก็มันชิ้นละ 20 ยูโร (คิดง่าย ๆ ก็เอา 50คูณซะ ก็พันนึงอ่ะค่ะ หายอยากเลย) พอจบจากการชิมขนมอร่อยแล้ว เราก็ออกมาฉุยฉายเดินตลาดกันต่อ พอดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาล Easter ก็เลยมีตลาด Easter ขึ้นที่บริเวณหน้าพระราชวัง ก็ขายขนม ของว่าง แล้วก็ของที่ระลึก(ราคาแพง สงวนไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ) เราก็เลยเดินดูนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็กลับเข้าเมืองต่อเพื่อไปหาของกิน แบบสบายกระเป๋ากัน แล้วก็ตามสไตล์ทัวร์คนแก่ค่ะ ไม่รู้จะไปไหนดีหลังจากเดินจนเมื่อยขาแล้ว เราก็เลยนั่งรถรางสายใหม่ ๆ ที่ไม่เคยขึ้น นั่งไปจนสุดสาย แล้วก็นั่งกลับ อยากลงป้ายไหนก็กระโดดลงไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารถ เพราะเราซื้อตั๋วแบบเหมาแล้ว วันอาทิตย์อย่างนี้ห้างสวนใหญ่ปิด โดยเฉพาะห้าง Billa ห้างประจำของเรา จะมีบางสาขาใหญ่ ๆ เท่านั้นที่เปิด อย่างสาขาแถวสถานีรถไฟ Franc Josef

อ้อ เกือบลืมไป ไปเที่ยวพระราชวัง เบลวิแดร์มาด้วย วังนี้อยู่ไม่ห่างจาก Sudbahnhof มากนัก เพราะเรานั่งรถรางจากย่านใจกลางเมืองเก่า สายที่ไปสุดทางที่ Sudbahnhof แล้วลงก่อนสุดสายนิดเดียวเอง เราเดินเดินแต่ข้างนอก ไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปดูงานศิลปะ

รูปนี้มีคนเคยมา Post ไว้สวยมั่ก ๆ เค้าถ่ายตอนน้ำในสระนิ่ง ๆ รูปออกมาเลยมีภาพสะท้อนของวังด้วย แต่ตอนเราไป ลมแรง แสงไม่มี เพราะเย็นแล้ว รูปเลยออกมาแบบนี้แหละ (อิ อิ ถ่ายไม่ดี โทษบรรยากาศ)


รูปสิงห์หน้าวัง



เสารูปยักษ์ดีไซน์สวย เหมือนยักษ์กำลังแบกโครงสร้างตึกเอาไว้


//i101.photobucket.com/albums/m80/poopy007/v43.jpg

กลับมาสั่งลา St. Stephen Cathedral ภาคกลางคืนอีกที



ตอนนี้เริ่มเบื่อเที่ยวแล้ว อยากกลับบ้านพรุ่งนี้มากกว่า แล้วก็รู้สึกว่า จากเมืองทั้งหมดที่เที่ยวผ่านมาในครั้งนี้ เวียนนาเป็นเมืองที่ประทับใจเป็นอันดับสุดท้ายเลย เพราะขี้เกียจเที่ยว อยากกลับบ้านแล้ว แล้วเมืองนี้ก็ค่อนข้างสกปรกจากกองขี้หมาและก้นบุหรี่ มีพวกจิ๊กโก๋ตามสถานีรถไฟ ที่คอยแซวสาว ๆ กะขย่มขวัญคนที่เดินไปมา ดูแล้วน่ากลัวจัง เลยมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยได้เที่ยวที่เมืองนี้เท่าใดนัก พลาดที่เที่ยวไปหลาย ๆ ที่ อย่าง Naschmarkt ก็ไม่ได้ไป กะว่าจะไปวันจันทน์ก่อนกลับบ้านซะหน่อย เค้าก็ไม่เปิด (หรือเราไปผิดที่ก็ไม่รู้ )

วันที่12 17 เม.ย. 2549 เวียนนา

วันนี้เราก็จะกลับบ้านแล้ว ดีใจจังเลย เรามีเวลาเที่ยวอีกนิดหน่อยก่อนที่จะมาขี้นรถไปสนามบินตอน 10โมงเช้า เพราะต้องขึ้นเครื่องตอน 13.30 ก็ขึ้นรถ Airport bus เหมือนตอนขามา โดยลากกระเป๋าจากที่พักไปรอรถที่หน้าสถานีรถไฟ Wien Westbahnhof รถจะออกทุกครึ่งชั่วโมง(มั๊ง ถ้าผิดก็ทุก ๆ 1 ชั่วโมง) ไปดูตารางจากเสาที่รอรถ
แต่ก่อนจะกลับบ้านก็ยังไม่วายขอนั่งรถเล่นอีก 1 รอบ เนื่องจากเรายังมีตั๋วเหลืออยู่อีก 2 ช่อง แล้วอีกช่องหนึ่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า เพราะนั่งแค่รออบเดียวเอง แต่คนแก่ที่นั่งมาด้วยเครียดมากเลย เนื่องจากกลัวโดนตรวจ (มันก็ไม่ค่อยจะดีหรอก แต่เราออกมาแต่เช้าตรู่ ตั้งใจจะซื้อตั๋วอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เจอเจ้าหน้าที่ หยอดเหรียญเองก็อ่านไม่ออก)

เรานั่งรถรางแค่นิดหน่อยเอง เพราะนั่งไปเครียดไป ไม่สนุกเลย แล้วพอดีรถที่เรานั่งมั่ว ๆ ไปนั้น มันดันมาสุดสายที่ wien Westbahnhof พอดี โชคดีจัง ก็เลยกินฮอทด๊อกสั่งลาเวียนนาตรงสถานีรถไฟ แล้วก็เดินกลับมาเอากระเป๋า แล้วก็รอรถ โดยรถจะมาจอดที่นี่เป็นที่แรก แล้วก็ไปรับผู้โดยสารจุดที่สองคือ Wien Sudbahnhof แล้วก็ตรงดิ่งไปส่งเราที่สนามบินเลย สะดวกดี แล้วเราก็บินตรงกลับประเทศไทยในเวลา 13.30 ถึงกทม.เวลาประมาณ 05.30 น. กลับมาก็อาบน้ำแล้วก็ไปทำงานต่ออย่างเซื่อง ๆ ก็มันง่วงอ่ะค่ะ พยายามนอนมาตลอดทางแล้ว ถึงบ้านจะได้สดชื่น เพราะต้องมาทำงานเลย ลามาหลายวันอยู่

และแล้ว Review หมักหมมชิ้นนี้ก็จบลงโดยใช้เวลาประมาณ 1 ปี (อิ อิ จนจะไปเที่ยวรอบใหญ่อีกหนแล้ว ถึงจะคลอดออกมาเสร็จซะที)

พบกันใหม่ในทริปหน้า สวิส - เยอรมัน 6 - 16 เม.ย. 2550




 

Create Date : 14 มีนาคม 2550
2 comments
Last Update : 15 มีนาคม 2550 7:27:32 น.
Counter : 1342 Pageviews.

 

โอ้โหวววว

สุดยอดอลังการ น่าเที่ยวม่างจัง

ยังอ่านไม่ละเอียด แต่จะกลับมาอ่านอีก

ขอแอดไว้หน่อยคับ

 

โดย: แบทแมนน้อย (X RoBiN ) 23 มีนาคม 2550 14:50:18 น.  

 

ดูดีมาก ชอบที่สุดเลย สวยจริง อิอิ

 

โดย: วิว IP: 203.151.46.130 29 มกราคม 2551 10:54:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.