Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 

เสียมเรียบ นครวัด นครธม 2549 ตอนจบ



วันนี้เราจะไปเที่ยวรอบนอก โดยเริ่มจากบันทายสรี แล้วก็ไปกบาลสะเปียน ต้องเดินทางไกลออกไปนอกเมือง เลยต้องหาอาหารกลางวันเตรียมไปด้วย เลยได้โอกาสหาข้ออ้างเข้าไปซื้อแซนวิชโรงแรมไปกินกลางทาง เพราะไปหาเอาดาบหน้าก็ราคาเป็นร้อยเหมือนกัน ถือโอกาสกินหรูดีกว่า



เริ่มต้นวันนี้ด้วยการเข้าไปชมปราสาทบันทายสรี ปราสาทสีชมพู ในความคิดเห็นของตัวเอง ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่สวย ลายสลักบนหินละเอียดประณีต งดงาม สีของหินก็ออกชมพูเวลาต้องแสงแดด สมกับเป็นปราสาทของผู้หญิงจริง ๆ แต่(มีแต่อีกแระ ตามประสาคนเรื่องมาก) ขนาดของปราสาทเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะดูเอาจากในรูป ก็คิดว่าเป็นปราสาทที่มีขนาดเล็ก แต่ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดที่คนไม่สามารถเดินเข้าไปตามปกติได้ อารมณ์ที่เข้าไปชมปราสาทนั้น ให้ความรู้สึกว่าเข้าไปชมศาลพระภูมิขนาดใหญ่มากกว่า







จบจากบันทายสรีแล้ว ไกด์คนเดิมของเรา ก็เอาตัวที่นั่งที่พ่วงหลังมอร์เตอร์ไซด์ออก เพราะเราจะเดินทางออกไปนอกเมือง เพื่อจะไปกบาลสะเปียน ซึ่งทางที่ไปทุรกันดารมาก ไม่สามารถนั่งรถพ่วงไปได้ (พอได้ไปแล้วก็จริงอย่างที่เขาว่าเลย นึกถึงสภาพตัวเอง ถ้านั่งอยู่บนรถพ่วง ต้องน่วมตายแน่ ๆ เลย)Smiley  เราก็เลยนั่งมอร์เตอร์ไซด์ซ้อนสามตะลุยไปกลางฝุ่น และแดดที่ร้อนแรงไปเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงกบาลสะเปียน เป็นการเดินทางที่ต้องจดจำไปจนวันตายจริง ๆ ตอนเย็น พอได้อาบน้ำ น้ำที่ออกมาเป็นสีแดง ๆ ดำ ๆ  และมีเศษผงดินไหลออกมากับน้ำเห็นชัดเจน  เพราะมันเยอะมาก ๆ เลย Smiley 


แต่การเดินทางโดยซ้อนมอร์เตอร์ไซด์นี้ เป็นการเดินทางที่ประหยัดเวลาที่สุด เพราะเราแซงรถยนต์มาได้หลายคนเลยทีเดียว เนื่องจากถนนขรุขระ มีหลุมเต็มไปหมด ทำให้รถยนต์และรถบัสทั้งหลาย ไม่สามารถแล่นตรง ๆ ได้ ต้องแล่นผ่านหลุม และไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก


พอมาถึงที่กบาลสะเปียน  ก็มีเรื่องตื่นเต้นอีกแล้ว ระหว่างที่เราซ้อนสามเข้าไปยังที่จอดรถ มอร์เตอร์ไซด์ของเราก็แฉลบล้มลงบนกองทราย(แหม ช่างพอดีอะไรอย่างนี้)

ตัวคนนั่งซ้อนท้าย กะโดดเด้งออกมาทันแบบสบาย ๆ แต่คนขับที่(ไม่)น่าสงสารโดนรถมอร์เตอร์ไซด์ทับไปเต็ม ๆ แล้ว พอยกรถขึ้นมาได้ ก็ทำท่าสโหลสะเหล เดินไป 2-3 ก้าวก็ล้มลงปวดท้องมาก ดูน่าสงสารจัง แต่นางมารร้ายอย่างเรากำลังสงกะสัยว่า มารยาชัวร์ ๆ แต่ก็ต้องช่วย ๆ พยุงกันไป เพราะถ้าเกิดเจ็บจริงขึ้นมา เราก็คงรู้สึกผิดมาก ๆ ที่ไม่ดูแลเขา (แต่มันตะหงิด ๆ ว่าจะโดนหลอกจริง ๆ นะ)แต่ในที่สุด เรากะน้องก็สรุปได้ว่า ตานี่มันแกล้งทำรถล้ม จะได้ไม่ต้องเดินพาเราไปพนมกุเลน เพราะเมื่อวานโฆษณาเอาไว้เพื่อให้เราจ้างเขาต่อในวันนี้ ว่าเขาจะพาเราเดินไปพนมกุเลน (ซึ่งชั้นไม่ต้องการ เดินเองได้ ไม่อยากไปกะนายหรอก) แต่คาดว่าขี้เกียจเดินไปด้วย เลยทำเป็นรถล้ม จะได้นั่งพัก โธ่เอ๋ย บอกมาเลยก็ได้ จะยินดีมาก ที่นายไม่เดินไปด้วยอ่ะนะ


ระยะทางที่เดินไปค่อนข้างไกล เรียกเหงื่อได้หลายเลย เราก็เลยกินข้าวกลางวันกันที่ริมกบาลสะเปียน นี่แหละ เสียพลังในการเดินไปเยอะ เอาแซนวิชสุดหรูขึ้นมากินกันริมน้ำ



ที่กบาลสะเปียนนี้ เราเดินเลียบไปตามริมน้ำ เพื่อดูภาพสลักของศิวลึงค์จำนวนมากมาย และโยนีที่อยู่ใต้น้ำ และภาพสลักพระนารายณบรรทมสินธุ์








เดินกลับลงมาพบกับคนขับที่พอเห็นเราปุ๊บ อาการปวดท้องก็เริ่มเลย แล้วเราก็เริ่มซิ่งมอร์เตอร์ไซด์วิบากกันต่อ คราวนี้รู้สึกเท่ห์มากเลย เพราะเราแซงรถนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คันไป เนื่องจากวิ่งริมถนน ไม่มีหลุม เลยไปได้เร็ว

กลับมาเอารถพ่วงที่บริเวณปรสาทบันทายสรี เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปห้องน้ำที่นี้มา บรรยากาศดีมาก เป็นห้องน้ำกลางสระบัว มีสะพานเดินเข้าไป แต่สภาพห้องน้ำก็เหมือนทุก ๆ ที่ คือสุขภัณฑ์ดีมีราคา แต่ไม่ติดไฟ และไม่ค่อยสะอาด ก็เข้ากันไปแบบมืด ๆ

เริ่มแวะเที่ยวระหว่างทาง โดยเริ่มที่......จำชื่อไม่ได้แล้ว อยู่ระหว่างทางจากบันทายสรีมาที่สระสรง



มีนางอัปสรแก้วหน้าม้าด้วย มีไกด์เขมรเดินตามมาอธิบาย สุดท้ายก็บอกว่าตอนนี้ไม่มีตังค์ ต้องเรียนหนังสือ จะช่วยเหลือเขาซัก 10 ดอลล่าห์ได้มั๊ย (เดินตามมาแล้วก็อธิบายอยู่ไม่ถึง 10 นาทีเนี่ยนะ) แต่ก็ให้เขาไป 2 ดอลล่าห์ เพราะใจจริงก็คิดว่าเขาก็ได้พยายามหารายได้โดยใช้ความสามารถ ไม่ใช่มาขอเงินเฉย ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ (เป็นคนภูมิภาคเดียวกัน ค่าเงินก็ไม่ต่างกันมาก เอาพอสมราคาแล้วกันนะ)



สระสรง



ปราสาทบันทายคดี







ถนนเส้นใหม่ที่หรูหราที่สุดในเสียมเรียบ(เมื่อปี 49)



แล้วเราก็จบทัวร์ปราสาทกันแล้ว เย็นนี้ก็ไปเดินดูงานลอยกระทงกันต่อ การลอยกระทงทีนี่ไม่ได้เอากระทงไปลอยในน้ำเหมือนบ้านเรา เพราะเราไม่เห็นกระทงในแม่น้ำเลย แต่เห็นมีกระทงขายในตลาด กระทงที่นี่จะไม่เหมือนบ้านเรา เป็นมะพร้าวหรือหยวกกล้วย ประดับดอกไม้




คืนนี้ไปกินไอติมที่ร้าน Blue Pumpkin สั่งลา เลยขึ้นไปนั่งกินข้างบน ตกแต่งแบบ Sofa bed นอนไปกินไปสบายอารมณ์ เลื้อยกันไปสนุกสนาน เพราะไม่มีคนเลย นั่งกันตามสบาย






แล้วก็ขอส่งท้ายอีกอย่าง คือไปกินก๋วยเตี๋ยวผัดยอดฮิตของชาวกัมพูชาซะหน่อย เดินผ่านมาหลายคืนแล้ว เห็นคนกินกัน ทิสชู่เกลื่อน ท่าจะอร่อย เลยสั่งกลับไปกินที่ห้องพัก เขาก็ผัดเสร็จแล้วก็เอากระทะเข้าไปจุ๊กจิ๊ก ๆ หลังร้าน ออกมาหน้าตาแบบนี้




อืม ใส่ถุงก๊อบแก๊บแบบนี้อันตรายกว่าใส่กล่องโฟมโดยตรงน้า เพราะเคยอ่านคำเตือนของถุงก๊อบแก๊บ ว่าไม่ควรใส่อาหารมัน คนที่นี่ท่าจะฮิตแบบนี้ เพราะวันรุ่งขึ้นเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็ใส่น้ำแกงลงในถุงก๊อบแก๊บ ที่มีถ้วยโฟมรองอยู่เหมือนกัน แบบเดียวกันเลย รสชาติของก๋วยเตี๋ยวผัด ก็คือก๋วยเตี๋ยวผัดซอสศรีราชานั่นเอง แต่เส้นใหญ่ที่นี่หนามาก เหมือนเส้นซ้อนกัน5 ชั้น แล้วก็เป็นชิ้น ๆ เหมือนก๋วยจั๊บ ไม่ได้เป็นเส้น ๆ เท่าไหร่ แปลกดี แต่ไม่ค่อยถูกปาก เพราะไม่กินซอสศรีราชา

วันที่ 4 จันทร์ที่ 6 พ.ย 2549

วันนี้กลับบ้านแล้ว ขากลับค่ารถถูกกว่าขามาเยอะ คือราคา 35 USD ปรากฎว่าเราได้คนขับคนเดิม เหมือนเป็นพรมลิขิต(น่ากลัวจริง ๆ จะมีชีวิตรอดกลับเมืองไทยมั๋ยเนี่ย)
ก่อนกลับขอไปเดินเฉิดฉายที่ตลาดซาจ๊ะซะหน่อย แล้วก็แวะซื้อแซนวิชโรงแรมหรูเจ้าเดิมไว้กินกลางทาง

อาหารเช้าแบบขแมร์ ส่วนอีกจานเป็นออมเล็ตที่ดูยังไงก็ไข่เจียวเลยไม่ถ่ายมาดีกว่า


นั่งกลับมาหัวโยกหัวคลอน น้ำกระฉอกเต็มหน้าเหมือนเดิม แถมครั้งนี้กินแซนวิชระหว่างทางอีก ก็โดนแซนวิชทิ่มหน้าไปหลายหน กว่าที่จะได้เข้าปาก แต่ครั้งนี้ทางดีกว่าเดิม เพราะถนนแห้งแล้วเรียบร้อย ขากลับจึงทำเวลาได้ดีกว่าขามาเยอะ แต่ก็มีเรื่องเสียวอีกแล้ว เพราะคุณคนขับแซงรถเมล์ในระหว่างที่มีรถสวนทางมา เห็นชัด ๆ ว่ารถของเราเฉียดรถคันข้าง ๆ ไปไม่ถึง 10เซ็นต์ (คาดว่ากระจกข้างรถน่าจะเฉียดกะตัวถังรถข้าง ๆ ไม่ถึง1 เซ็นต์) จำได้ว่าน้องผวาออกจากที่นั่งริมกระจกรถเลย เราทั้งคู่เริ่มนั่งหัวชนกันไม่พูดไม่จาอีกครั้ง สยองจริง ๆ

ในที่สุดรถก็มาส่งเราที่วงเวียนตรงที่ผ่านแดนเข้ามาอย่างปลอดภัย
เราเดินข้ามแดนมาหารถขึ้นกลับบ้าน ก็รถรับส่งนักท่องเที่ยวบ่อนนั่นเอง คราวนี้ต้องเสียตังค์คนละ 100 บาทเหมือนเดิม รถเร็วที่สุดออกประมาณ บ่าย 2 โมง กลับถึงกรุงเทพประมาณ 5โมงเย็น




 

Create Date : 13 กรกฎาคม 2551
1 comments
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 9:46:36 น.
Counter : 2163 Pageviews.

 



ขอไปด้วย

 

โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) 13 กรกฎาคม 2551 10:22:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นู๋Poopy
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




http://fastwebcounter.com
Friends' blogs
[Add นู๋Poopy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.