สำหรับครอบครัวเรา เราซื้อ car seat ไว้ตั้งแต่ปูนปั้นยังอยู่ในท้องของหม่าม๊าโน่นเลยครับนั่นก็หมายความว่า ปูนปั้นนั่ง car seat เป็นตั้งแต่แรกเกิด เพราะเราให้ปูนปั้นนั่งครั้งแรก ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาลเพื่อเดินทางกลับบ้านกับปะป๊าและหม่าม๊าเลย ดังนั้นปูนปั้นก็คุ้นเคยว่าต้องนั่งบน car seat ทุกครั้งเมื่อขึ้นรถ จึงตัดปัญหาที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ครอบครัวที่เจ้าตัวเล็กไม่ยอมนั่ง car seat เพราะมาซื้อให้นั่งตอนเขาโตขึ้นมาหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมนั่งเพราะเขาอาจจะรู้สึกอึดอัด แต่ถ้าเราให้นั่งตั้งแต่ครั้งแรกๆ ปัญหาตรงนี้ก็น่าจะหมดไป เพราะเขาคุ้นเคย หรืออาจจะมีแค่ช่วงแรกนิดหน่อย แต่เขาก็จะเรียนรู้เองได้ในไม่นานนัก
เรามักคิดว่า การอุ้มเขาไว้ปลอดภัยกว่า ผมว่ามันเกิดจากความเชื่อและสมมติฐานแบบง่ายๆว่าเราอุ้มเขาแบบทะนุถนอมมันก็ต้องปลอดภัย แต่บนถนนมันมีตัวแปรมากมาย และเป็นไปไม่ได้ที่จะอุ้มเขาไว้หรือเขายอมให้เราอุ้มตลอดเวลา ดังนั้นถ้าจะให้ประโยคว่า การอุ้มเขาไว้ปลอดภัยกว่า เป็นจริง นั่นหมายถึง กรณีที่ไม่มีอุบัติเหตุ แต่หากเป็นตรงกันข้าม เวลาเกิดอุบัติเหตุแรงๆ คุณรู้มั้ยครับว่าสิ่งที่ป้องกันการกระแทกของคุณโดยที่ทำงานได้เร็วกว่า ถุงลมนิรภัย คืออะไร ผมเชื่อว่าคุณตอบคำถามนี้ได้ครับ
ประเด็นต่อมาคือ มันไม่ได้อยู่เพียงแค่ว่า เราขับรถดีขนาดไหน อย่างที่เขียนไปข้างต้น ตัวแปรบนถนนมีมากมาย ทั้งที่คุมได้และคุมไม่ได้ ขนาดที่คิดว่าคุมได้อย่างอารมณ์เราเอง เมื่อถูกยั่วยุ ใครจะรู้ว่าเราจะยังคุมได้อยู่จริง ดังนั้นบนท้องถนน ต่อให้คุณขับรถระดับเทพ แต่เพื่อนร่วมเดินทางคันอื่นๆ เราไม่อาจรู้ได้เลย ดังนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างน้อย car seat ก็ปกป้องเจ้าตัวเล็กได้ดีกว่าการปล่อยเขานั่งเฉยๆบนเบาะ หรือ บนตักก็ตาม
สะดวกและปลอดภัย ง่ายกับการเดินทาง เพราะกรณีคุณต้องขับรถและอยู่กับเจ้าตัวเล็กสองต่อสองความยุ่งวุ่นวายต้องเกิดขึ้นแน่ถ้าปล่อยให้เจ้าตัวเล็กนั่งเองบนเบาะรถยนต์ ผมมีประสบการณ์ในครั้งแรกที่จะต้องไปรับเจ้าปูนปั้นกลับจากเนอร์สเซอร์รี่โดยที่ไม่มีหม่าม๊านั่งไปด้วย ผมกังวลไม่น้อยแต่ด้วยที่เจ้าปูนปั้นนั่ง car seat พอออกรถผมก็เพียงแต่เตรียมขวดนมไว้ข้างๆ ตัวเจ้าปูนปั้น พอเขาหิวในตอนผมขับรถอยู่เขาก็ฉวยขวดนมมาเข้าปาก แค่นั้นผมก็พาเจ้าตัวยุ่งกลับบ้านสบายๆ
car seat แพง จริงมั้ย ประเด็นคงไม่ใช่อยู่ที่เรื่องว่า ราคาเท่าไหร่ เพราะเราควรตั้งคำถามใหม่ว่ามันคุ้มค่ามั้ย สำหรับครอบครัวเราใช้ car seat ที่ผมยอมรับเลยว่า ผมจ่ายแพงเอาเรื่อง แต่ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์เพราะใครๆ เห็นก็มักบอกว่าดูเจ้าปูนปั้นนั่งสบายและมีความสุข นอกจากนั้นในรถคุณยายซึ่งจะเป็นคนไปรับเจ้าปูนปั้นกลับบ้านก็จะมี car seat อีกตัวเช่นกัน ซึ่งจริงๆแล้วก็มีให้เลือกหลายระดับราคาตั้งแต่ราคา 2-3 พันก็สามารถเลือกหาซื้อได้ไม่ยากครับ
ดังนั้นเคล็ดไม่ลับ สำหรับการฝึกให้เจ้าตัวป่วนนั่ง car seat คือ
1) ให้หัดนั่งตั้งแต่ยังเล็ก ถ้าจะให้ได้ผลชะงัดก็ทำอย่างที่ครอบครัวเราทำคือ นั่งตั้งแต่วันแรกที่กลับจากโรงพยาบาลหลังจากคลอดเลยครับ
2) ต้องใจแข็ง เพราะบ่อยครั้งที่เจ้าตัวเล็กอาจจะโยเยด้วยสารพัดเหตุผลและไม่มีเหตุผล เพราะอยากจะออกจากที่นั่ง เราก็จะต้องอดทนเสียงร้องโลกแตกและใจแข็งไม่ยอมให้ออก เพราะถ้าเรายอมทุกครั้งที่เขาโยเยรับรองว่า ในที่สุดเราจะไม่สามารถให้เขานั่ง car seat ได้เพราะเขารู้ว่าถ้าร้องเดี๋ยวก็ได้ออก
3) เตรียมของชอบที่หยุดการโยเยของเขาได้ อย่างเจ้าปูนปั้นจะชอบ รถกับรถไฟมากๆ ดังนั้นเราก็จะเตรียมไว้ ถ้างอแงก็หยิบมาให้เล่น นอกจากนั้น เจ้าปูนปั้นก็จะชอบเพลงของวงวัชราวลี และ ดิ อินโนเซนต์มาก ผมก็จะพกแผ่นไว้บนรถไว้เปิดให้ฟัง
4) ขวดนม อีกหนึ่งของจำเป็นที่ขาดไม่ได้เลย
5) สำหรับการติดตั้ง car seat ช่วงที่ยังไม่ถึง 1 ขวบ ให้ติดตั้ง car seat โดยให้เจ้าตัวเล็กหันหน้าไปทางหลังรถ จนอายุเกิน 1 ขวบถึงปรับหันมาหน้ารถ (บ้างก็ใช้เกณฑ์น้ำหนักว่าต้องหนักเกิน 15 กิโลกรัม) และ ตำแหน่งปลอดภัยที่สุดของ car seat คือ เบาะหลังคนขับ
การให้เจ้าตัวเล็กนั่ง car seat ไม่ยากหรอกครับ ถ้าทำตาม 5 ข้อข้างต้น แล้วถ้าสงสัยว่า เด็กๆ นั่ง car seat แล้วเขาจะอึดอัดมั้ย ลองดูหน้าเจ้าปูนปั้นตัวป่วนสิครับ
ติดตามเรื่องราวความน่ารักของครอบครัวน้องปูนปั้นได้ในคอลัมน์ FAMILY BLOGGER : www.real-parenting.com ได้ทุกสัปดาห์
แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่
www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ
บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)