ไม่ต้องการรักแท้ขอแค่คนดูแลหัวใจ (นิยาย) ตอนที่ 4
อรอุมาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ วันนี้เป็นวันแรกที่หล่อนจะต้องทำงานที่นี่ จึงมาเช้ากว่าปกติ และสังเกตได้ว่าภายในห้องรับแขกนี่ ได้มีโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโต๊ะซึ่งน่าจะเป็นโต๊ะทำงานของหล่อนมีโทรศัพท์และเครื่องคิดเลข วางอยู่ด้วย แม้มีโต๊ะทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกแต่ห้องนี้ก็ไม่ได้ดูแคบลงเลย มันกว้างขวางเพราะที่จะใช้เป็นสำนักงานอยู่แล้ว
แต่ว่าวันนี้ ปราณหายไปไหนเสียละ
เสียงกุกกักดังมาจากด้านหลังทำให้หญิงสาวหันไปมองด้วยความสนใจ
“บางทีเขาอาจจะทานอาหารอยู่ข้างใน”
หญิงสาวคิดเบา ๆ ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูและก็ทำหน้าตาเหรอหราด้วยความตกใจเมื่อเป็นปราณกำลังสวมขาเทียมอยู่
“อ้าวคุณอรมาเช้าดีนะครับ”
“เอ้อคะ..นั่นคุณหมายความว่า..”
อ้อที่เขามักจะนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหนนี่เพียงเพราะว่าเขาไม่มีขาข้างหนึ่งนะเหรอไม่ใช่สิ ขาข้างหนึ่งเขาหายไป ก็ความหมายเดียวกันนี่หว่า
อรอุมาด้วยความสับสน ขณะที่ปราณสวมขาเทียมเสร็จก็ยืดตัวขึ้นตรง เขาดูสีหน้าของอรอุมาก็พอรับรู้ว่าบางทีหล่อนอาจจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เห็นในตอนนี้
“ขาผมถูกตัดไปตั้งแต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อนแล้วครับ”
เขาบอกในสิ่งที่เป็นความจริง
“ไม่ทราบว่าคุณอรจะรังเกียจเจ้านายที่พิการอย่างผมหรือเปล่าครับ”
ถามไปก็นึกลุ้นว่าเขาคนตรงหน้าจะมีความรู้สึกยังไง
“อร..”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ อรต้องการทำงานนะคะ และอรก็คิดว่า เรื่องขาของคุณไม่ใช่ปัญหาของอรนะคะ ใช่ไหมคะ คุณต้องการผู้ช่วยเพราะเหตุนี้เอง อรรู้ก็จะได้เข้าใจ และปรับตัวด้วยไงคะ อีกอย่าง ตอนนี้อรก็ตกงานด้วย ไปหางานทำแต่ละแห่งกว่าจะได้ให้อรทำงานที่นี่นะคะ”
คำพูดแบบนี้ ของอรอุมาทำให้เขายิ้มออกมาได้
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มพยายามเดินตัวตรงไม่ยอมใช้ไม้เท้าพยุงออกมาด้านนอก โดยมีอรอุมาก้าวตามหลัง ด้วยความกลัวว่าเขาจะล้มหากแต่ก็ไม่ล้ม
“นั่นโต๊ะทำงานของคุณ ถ้าต้องการคอมพิวเตอร์ ผมจะให้วี่จัดการ ซื้อมาให้คุณใหม่ดีไหมครับ”
“คะ”
“ด้านหลังเป็นห้องครัวและห้องน้ำ คุณสามารถไปใช้ได้ที่นั่น ส่วนเรื่องอาหารจะโทรสั่งก็มีร้านอาหารเอามาส่งให้ครับ”
เขาอธิบายอะไรอีกยืดยาวขณะที่อรอุมาฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะหล่อนกำลังชั่งใจอยู่ว่าหล่อนกำลังทำงานกับ ผู้ชายพิการ ไม่มีขาหนึ่งข้าง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“เอาวะอรอุมา ทำงานดูสักพักให้พอมีเงินตั้งหลักได้ แล้วค่อย ๆ ขยับขยายไปทีหลัง”
อรอุมาบอกตัวเองหน้ากระจกในห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่ก็สวยเสียเหลือเกิน คงไว้ใช้ รับแขกด้วย หล่อนเพิ่งรู้ว่า ปราณ อยู่ที่นี่คนเดียวและมีคนมาทำความสะอาดให้ในทุก ๆ เช้า ภายในบ้านหลังนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกได้ทุกอย่างด้านหน้าเป็นห้องรับแขก ที่ ๆ เขาใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่ ห้องกลางนี่เหมือนห้องเอนกประสงค์ ด้านซ้ายมือน่าจะเป็นห้องนอนของเขา มีด้านขวา เป็นห้องว่างที่น่าจะเป็นห้องเก่าของบิดามารดาของชายหนุ่มที่เสียไปเมื่อปีก่อน ส่วนด้านหลัง เป็นครัวสำเร็จรูป และห้องน้ำแสนสวยห้องนี้
ความจริงให้หล่อนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่หล่อนก็ยอมนะ ดีกว่าห้องเช่าที่คับแคบที่อยู่ในปัจจุบัน
“คนพิการมักจะเหงา”
ดุษฏี เพื่อนสนิทที่อรอุมาแว้บหาหลังจากเลิกงานวันแรกเอ่ยขึ้น
“เขาไม่มีใครแน่หรือเปล่า แก”
“แน่สิอยู่คนเดียว ทำแต่งาน แกคิดว่าไง”
“ก็น่าจับ เอาชนะใจคนพิการไม่ยากหรอกแก จับไปเลยแกจะได้สบาย ฉันว่าเขา คงมีเงินเยอะอยู่แหละจะใช้อะไรแกไปอยู่ก็ดูสวัสดิภาพทางการเงินดูสิว่า จะพอตั้งตัวได้ไหม ถ้าแกทำให้เขาชอบแกได้ทุกอย่างก็ง่าย”
“เหรอ แต่ขาเขา ขาดเหนือเข่า”
อรอุมาทำหน้าตากังวล จนดุษฏีหัวเราะ
“แกกลัวเรื่องนั้นด้วยเหรอวะ”
“นี่..มันก็สำคัญไม่ใช่เหรอยะ จะมีใครสักคนทั้งที นอกจากพิการแล้วถ้าจะใช้งาน ไม่ได้ก็ไม่ไหวถึงจะรวยมีเงินเป็นเจ้าของไร่ก็เถอะ มันต้องคิดให้รอบคอบ”
“จริงของแก”
“งั้นก็ดู ๆ ไปก่อนอย่าเพิ่งอะไรมากมาย”
ดุษฏีสรุปง่าย ๆ
“แต่เทคโนโลยีสมัยนี้มันดีหลายอย่างนะแก อย่างน้อย ขาเทียมนั่นก็ทำให้เขา เดินเหินเหมือนเป็นคนปกติไม่ใช่เหรอถ้าไม่สังเกตก็ไม่รู้ ยังไงมันก็เหมือนขาจริง ๆ นะแหละฉันว่านะ”
“ไม่รู้สิ”
นั่นเป็นปัญหาที่อรอุมาต้องคิด แต่ความอยากสบายทำให้หล่อนต้องคิดหนักมาก ๆ และการได้ทำงานกับ ปราณ สองต่อสองนั้นเป็นโอกาสให้หล่อนมากเท่าทวีคูณเชียวละ
เด็กผู้ชายที่กระโดดลงจากรถโฟวิลด์คันสูงนั้นทำให้สันติเพ่งมองด้วยความสนใจ
..นั่นลูกชายของเขา..
มีหลายอย่างในตัวเด็กชายที่มีเค้าเหมือนเขา ใบหน้าสดชื่นใสสะอาด ไร้เดียงสา ทำให้เขานึกรู้ว่า หล่อนสามารถเลี้ยงดูเจ้าซันได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องมีเขา และดีมากอย่างที่เขาคาดไม่ถึงซะด้วย
วิกันดาเดินมาจะปิดประตูรั้วหากต้องตกใจเมื่อเห็นสันติเดินเข้ามา
“คุณ”
ดวงตาของหล่อนวาวโรจน์โกรธแค้นขึ้นมาอีกแล้ว
“ผมมาหาลูก”
“ไม่จำเป็น”
“ผมต้องการกราบพ่อแม่ของคุณด้วย”
“นั่นยิ่งไม่จำเป็นอย่างยิ่ง”
“มันจำเป็นมาก ๆ”
เขาเดินเลี่ยงเข้ามาอย่างไม่สนใจหล่อน ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเข้าหากันไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนแค่ที่แน่ ๆ หล่อนวางใจเขาไม่ได้เลยดูไม่น่าไว้วางใจ ยังไงก็ไม่รู้
ทุกคนนิ่งเงียบมองดูสันติที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งในห้องรับแขกและพนมมือไหว้ รวมถึงเจ้าซันด้วยที่จ้องหน้าเขาอย่างไม่วางตา วิกันดาเดินตามเข้ามาและคิดเดาได้ว่าบิดามารดาของหล่อนรู้สึกอย่างไร
“คุณสันติคะพ่อแม่ จำเขาได้ไหมคะ”
เสียงหล่อนเรียบเย็นสะกดอารมณ์เอาไว้แน่นในอก มันไม่ใช่ความรักหรอกที่หลงเหลืออยู่ตรงหน้าคือความแค้น แค้นที่เขาทิ้งหล่อน แค้นที่เขาเห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าเมียและลูก แค้นที่แม้เวลาผ่านมาเนิ่นนานก็ยังไม่ยอมปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ
“เจ้าซันมาหาพ่อสิครับ”
เขาพยายามยิ้มให้กว้างที่สุดอ้าแขนเพื่อรอให้ลูกชายเดินเข้ามาหา หากเด็กชายเดินถอยหลังไปกอดผู้เป็นยายแน่น จ้องหน้าชายตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
วิกันดาเดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน
“เดี๋ยวก่อนสิวี่ผมมีเรื่องจะคุยกับวี่”
“วี่ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณคะ มีเรื่องเดียวที่จะคุยก็คือคุณพร้อมจะไปอำเภอกับวี่ตอนไหน ช่วยทำทุกอย่างให้มันจบด้วยนะคะเพราะว่ามันผ่านมานานแล้ว”
หล่อนเดินหายเข้าไปแล้วขณะที่สันตินั่งนิ่งทุกคนกำลังมองเขาด้วยแววตาที่แปลกออกไป หากแต่เมื่อเขามาถึงนี่แล้วเขาก็ไม่ยอมถอยเหมือนกัน
“ผม ตั้งใจจะมารับวี่และลูกไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมครับ ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด ผิดมากจนเกินให้อภัย แต่ผม ยังรักวี่และห่วงลูกเหมือนเดิมครับ และผมจะไม่มีวันหย่ากับวี่เด็ดขาด”
เสียงเขาหนักแน่นจนคนชราทั้งคู่ต้องถอนใจออกมา
“ให้โอกาสผมด้วยนะครับพ่อแม่ เจ้าซันควรจะมีพ่อแม่ครบบริบูรณ์ใช่ไหมครับ ไม่ควรจะเป็นลูกที่มีแม่แต่ห่างพ่อ ควรจะได้รับครอบครัวที่อบอุ่นและมีพร้อมหน้าพร้อมตากัน”
“ผมรักลูกมากนะครับไม่อย่างนั้นคงไม่มา”
อีกครั้งที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย แล้วเจ้าซันก็วิ่งเข้าไปด้านในหายไปด้วยอีกคน
“พ่อแม่ครับ ผม..”
“คุณมาสายเกินไปหรือเปล่า”
บิดาของวิกันดาเอ่ยขึ้นเป็นคำแรก
“คุณควรจะมาตั้งแต่ วันแรกที่วี่หอบลูกกลับมาที่นี่แล้ว เพราะวันนั้นเขายังรอคุณ รอว่าคุณจะสำนึกได้ รอว่าคุณจะมีความคิดแบบที่คุณพูดมา รอจนเขารู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้ ฉันว่า..มันสายไปแล้วละ”
“แต่วี่ก็ยังไม่มีใครเราเริ่มต้นใหม่ได้นี่ครับ”
“คุณสันติ”
มารดาของวิกันดาเรียกอดีตลูกเขยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“กลับไปเถอะ พวกเรามีความสุขกันดีอยู่แล้ว นะฉันขอร้อง”
“ไม่ครับ”
ทว่าเสียงเขาหนักแน่นกว่า
“ผมจะมารับเมียและลูกของผมไปอยู่ด้วยและผมจะอยู่จนกว่าวี่จะใจอ่อน ผมไม่กลับไปง่าย ๆ หรอกครับ คุณแม่เห็นไหมครับลูกผมน่ารักขนาดไหน ฉลาดขนาดไหนแล้วจะให้ผมทิ้งแกลงได้ยังไง”
“คุณควรจะคิดแบบนี้ได้ตั้งแต่ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณสันติ”
บิดาของหญิงสาวย้ำอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นพากันเดินออกไปทิ้งให้สันตินั่งนิ่งอยู่ คนเดียว
..ไม่หรอก เขายังไม่ยอมแพ้..
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
เร่งติกันหน่อยนะคะ
Create Date : 09 มิถุนายน 2554 |
|
7 comments |
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 9:09:07 น. |
Counter : 636 Pageviews. |
|
|
|
สบายดีไหมค่ะ..อยู่ทางโน้นง่ะ...?
ฝนตกทุกวันหรือเปล่า ?
ที่กทม.ตกทุกวันเลยค่ะโดยเฉพาะตอนกลางคืน