กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
adventure ช่วงปลายฝน ต.ค.2006~ตะลุยเขมร~
ได้ไปเที่ยวเขมรมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เอามา up ลง blog สักที วันนี้เลยขอเอามาลงละกันนะ

trips นี้ก็ไปกะเพื่อนๆกลุ่มเดิมค่ะ แล้วก็น้องชายสุดlove คนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือ trips การเดินทางเรามาลองเดินทางโดยทางรถยนต์แทนเครื่องบิน เพราะราคาทัวร์ที่เดินทางโดยเครื่องบินมันแพง ไม่เหมาะกับเศรษฐกิจในช่วงนี้

การไปเที่ยวครั้งนี้ เราไป 3 วัน 2 คืน กรุงเทพฯ-ปอยเปต-เสียมเรียบ ค่ะ ที่ไปปอยเปตนี้ไม่ได้ไปเล่นการพนันแต่อย่างใด แต่มันเป็นด่านที่จะนำเราไปสู่กัมพูชา

เราเดินทางไปทางอ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อไปด่านปอยเปตค่ะ (ตอนแรกไม่คิดว่าทางมันจะทุลักทุเล ไม่งั้นคงเสียตังค์เพิ่มไปเครื่องสบายกว่า แต่จริงๆ ไปแบบนี้ก็ได้อีก feel นึงค่ะ สนุกแล้วก็ลุ้นระทึก จะลุ้นระทึกยังไงก็คงต้องติดตามอ่านต่อไปนะคะ)

หลังจากออกจากชายแดนไทย ผ่านด่านปอยเปตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้น bus อีกคัน เพื่อเข้าไปเสียมเรียบ โดยจะมีการแวะทานอาหารกลางวันที่เมืองศรีโสภณ ภาพด้านล่างเป็น ถนนที่เดินทางเข้าเมืองค่ะ แล้วก็ภาพวิวสองข้างทาง เดินทางไปได้สักพักก็จะเห็นถนนบางส่วนที่มีน้ำท่วมอยู่เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อวันก่อน












หลังจากเดินทาง เมาแล้วเมาอีก เพราะรถโยกไปโยกมา เนื่องจากทางลูกรังที่เห็น(มันเป็นตลอดทาง) และมีบางช่วงที่ติดขัดเนื่องจากน้ำท่วม (มันไม่ใช่ท่วมธรรมดานะ มันท่วมเกือบครึ่งคันรถเลย) จนไกด์บอกว่า อาจต้องเปลี่ยนรถค่ะ แต่เราก็เดินทางมาถึงเสียมเรียบจนได้ พอมาถึงเสียมเรียบ ตามตาราง เราจะได้ไปชม โตนเลสาบ ล่องเรือชมวิว แต่พอไปถึงเวลามันเลยตารางแล้ว ไกด์ของเราจึงบอกว่า เปลี่ยนไปเป็นวันสุดท้าย จากนั้นเขาก็เลยขับรถพาเราชมรอบๆเมือง เห็นคูเมืองของเสียมเรียบ ซึ่งแต่ก่อนใช้เป็นที่สรงน้ำของบรรดาเหล่าสนมทั้งหลายค่ะ (ด้านล่างเป็นภาพคูเมืองค่ะ)







จากนั้นก็พาเราเข้าที่พัก และรับประทานอาหาร ที่พักถือว่าใช้ได้เลย สวยดีค่ะ







หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จก็เข้านอน เพื่อจะไปลุยต่อพรุ่งนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น ตาม trips เราจะไป ปราสาทบันทายสรี - ปราสาทตาพรม - นครธม - นครวัด - พนมบาเค็ง

ที่แรก ปราสาทบันทายสรี สร้างขึ้นตอนปลายสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมิน สร้างด้วยหินทรายสีชมพูแกะสลักภาพนูนต่ำอย่างละเอียด












หลังจากชมปราสาทก็จะเห็นสระบารายขนาดเล็ก หรือที่เขมรเรียกว่า บันเตย์เสรย ซึ่งแปลว่า ป้อมแห่งสตรี กินพื่นที่อ้อมไปถึงกลุ่มตัวปราสาทด้านในปราสาทบันทายสรี





หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปปราสาทตาพรหม ที่อยู่ใกล้ๆกัน ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 โดย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศแด่พระราชมารดา ที่นี่จะได้เห็นต้นสะปกขนาดใหญ่ที่แผ่รากปกคลุมปราสาทเกาะกุมระเบียงคด ทำให้ดูลึกลับเหมือนเขาวงกต ที่นี่แหล่ะค่ะ ที่เป็นที่ๆหนังดังเรื่อง ทูม ไรด์เดอร์ มาถ่าย










หลังจากชื่นชมสองปราสาทแรกแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันค่ะ trips นี้ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารที่ทานค่ะ อาหารก็เหมือนบ้านเราค่ะ แล้วก็เดินทางไปเที่ยวกันต่อที่เมือง พระนครธม เข้าไปดู ปราสาทบายน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ อังกอร์ธม เป็นสุดยอดปราสาทเขมรในยุคเสื่อม คือ รัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยอดปราสาทขนาดยักษ์ทุกหลังจะแกะเป็นเทวพักตร์ 4 หน้า หันออกไปทอดพระเนตรความเป็นไปและทุกข์สุขของประชาชนทั้ง 4 ทิศ

นี่เป็นภาพในปราสาทบายนค่ะ ตามกำแพงก็จะมีเรื่องเล่าเหมือนสถานที่ท่องเที่ยว หรือวัดในบ้านเรา จะเห็นได้ว่า ไปปราสาทไหนก็จะมีนางอัปสร อยู่ตามประตู หรือ ตามเสา แรกๆที่เห็นก็ตื่นเต้นดีค่ะ พอดูไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่ามีทุกที่เลย




แรกๆ ก็ตั้งใจฟังเรื่องเล่าจากไกด์ดีหรอก แต่พอพักนึงก็เริ่มถ่ายรูปกันเล่นแล้ว อิ อิ












และนี่เป็นรูป บายน กะ นางอัปสร ที่เขาบอกว่า ยิ้มสวยที่สุดในปราสาทบายน




หลังจากนั้นก็เดินออกมาทางสะพานนาคราชซึ่ง ด้านหนึ่งเป็นศิลาสลักเป็นรูปเทวดากำลังฉุดนาค อีกด้านเป็นรูปอสูรที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 5 เท่าคนจริงรวมกันถึง 108 คน สะพานนี้เป็นสะพานที่กษัตริย์เขมรใช้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าออกเมืองนครธมของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7



จากนั้นก็เป็น hi light ของวันนี้ คือ นครวัดค่ะ ปราสาทนครวัด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1650-1720 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยถวายเป็นพุทธบูชา ที่นี่มีรูปสลักนางอักสรเป็นหมื่นๆองค์เลย มีแบบลิ้นสองแฉกด้วย จำได้ว่า ถ่ายรูปมาแต่ไหงหาไม่เจอก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า ดูเท่าที่มีละกัน (ที่เห็นนมนามอัปสรมันๆ เพราะมีคนลูกเยอะอ่ะค่ะ จำไม่ได้ว่าลูบเพราะอะไร แต่เห็นไหมว่าเงาเลยอ่ะ)










จากนั้นก็เดินเข้าไปสู่เขาพนมบาเค็ง ซึ่งทำให้เห็นวิวของปราสาทนครวัดได้จากที่นี่ บรรไดชันมา แถมเหนื่อย เลยไม่ขึ้นไปค่ะ



จบจากนี้ ก็หมด trips วันนี้ค่ะ เหนื่อยสุดๆ แดดก็ร้อน โห ไม่มีอะไรโหดเท่านี้แล้ว (ในใจคิดงั้นนะ) แล้วก็ไปทานอาหารแล้วก็ไปดู night life ที่นี่ค่ะ ก็จะมีถนนนึง ที่เหมือนข้าวสารบ้านเรา ขายของที่ระลึก บางอย่างก็ดูเหมือนน่าจะระทึก เพราะไม่รู้ว่าซื้อกลับไปแล้วจะมีใครไปทวงป่าว รูปนี่เป็นหน้าร้าน bar ร้านหนึ่งของที่นี่ค่ะ




วันรุ่งขึ้นก็ตามแผนที่เปลี่ยนตั้งแต่วันแรก คือวันนี้ เราจะไปโตนเลสาปก่อนกลับไปปอยเปตค่ะ โตนเลสาป เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เราล่องเรือชมทัศนียภาพที่นี่ ดูความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชาวประมง แล้วก็บ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบค่ะ แรกๆ ก็เหมือนกับเรานั่งเรือเล่นที่เมืองกาญ แต่พอสักพักก็เห็นอะไรที่ขำๆ คือ เด็กน้อยตัวเล็กๆ พายกาละมัง มาขอตัง พายเร็วมากๆ ตลกดีค่ะ





หลังจากนั้น เราก็เดินทางกลับค่ะ การเดินทางเราเปลี่ยนจาก bus เป็น รถยนต์ camry อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ที่นี่เขาเอา camry เป็น taxi ที่เปลี่ยนเป็นรถยนต์เพราะ กลัว bus จะเสียเวลาตกหลุม ตกบ่อ ตรงที่เป็นน้ำท่วมอ่ะค่ะ แต่ที่ไหนได้ นั่ง camry โยกไปโยกมาเหมือนครั้งแรก บางทีก็เจอหลุมบ่อ ทำให้เสียเวลาไปบ้าง แต่ในใจก็คิดว่า โอเคกว่า bus และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิด คือ ถนนขาด เนื่องจากรถทัวร์บางคนติดหลุมบ่อ แล้วรถเคลื่อนไม่ได้ 2 ข้างทางก็เป็นทุ่งนาที่น้ำท่วมเต็มไปหมด มีคนขายของกินอยู่ เหมือนรู้ว่า จะต้องมีคนมาติดตรงนี้ จากตรงนี้ ไกด์เราก็เลยตัดสินใจ เช่าเรือพายค่ะ พายระยะทางไกลพอสมควร กว่าจะมาขึ้นทางหลักได้ แล้วก็ให้เขาเรียก camry คันใหม่มารับ โอ้ พระเจ้า ไอ้ข้างบนที่คิดว่าโหดมากๆ แล้วไม่เท่าอันนี้เลย กลัวเรือล่มด้วย แบบว่า คนลงนั่งเต็มจนน้ำเกือบเข้าเรืออ่ะค่ะ








เจ้าอ้วน น้องชายสุด love กลัวขี้หด เพราะไม่เคยลงเรือ แล้วก็ว่ายน้ำไม่เป็น พอมันขึ้นฝั่งได้ เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อิ อิ



รูปสุดท้ายนี้ถ่ายตอนขากลับ ที่เมืองศรีโสภณ ซึ่งเป็นหน้าร้านอาหารที่มาแวะทานอาหารก่อนกลับปอยเปต เป็นร้านเดียวกับตอนขามาที่มาแวะก่อนเข้าเสียมเรียบค่ะ เพื่อนบอกว่า ถ้าอยู่นานกว่านี้คงเหมือนเป็นคนกัมพูชาไปแล้ว เพราะดูจากรูปก็เริ่มเข้าเค้าแล้ว



จบแล้วค่ะ กลับมาเหนื่อยมากๆ ไม่เคยไปแบบนี้มาก่อนเลย ตื่นเต้นดี แต่ก็ยังดีที่อุ่นใจว่าไปกับทัวร์ ถ้ามากันเองคงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วค่ะ ยังไง ใครจะมาเที่ยวช่วงนี้ก็นั่งเครื่องบินมาดีกว่าค่ะ เหนื่อยน้อยกว่าเยอะเลย







Create Date : 21 กันยายน 2550
Last Update : 21 กันยายน 2550 16:26:49 น.
Counter : 1130 Pageviews.

4 comments
  
ท่าทางจะร้อนนะคะ
อาหารอร่อยไหมอ่ะ (สนใจเรื่องเดียว - -)
สถานที่สวยงามมากๆเลย น่าไปค่ะ
โดย: solid IP: 124.121.114.122 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:17:24:52 น.
  

เห็นแล้วอยากไปอีก เขมรนี่มีเสน่ห์ลึกลับนะคะ

แต่ที่ชอบสุดๆคือสเต็กชิ้นโตกับคาร์โบนาราของ

Red piano อร่อยและไม่แพง
โดย: เค็มจัง ตังค์อยู่ครบ IP: 203.149.29.14 วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:23:30:32 น.
  
อยากไปเขมรเหมือนกันค่ะ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลยล่ะ แต่ท่าทางเดินทางคงเหนื่อยเหมือนกันนะคะ
โดย: แมวจอมกวน วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:3:10:07 น.
  
ปุ๊กไปเที่ยวดูแบบว่า ลุยๆดีเนอะ ท่าทางจะมันส์อ่ะ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวด้วยจัง ธรรมชาติดีเนอะ แต่ว่าก้อมีสถานที่ๆดูสวยงามปนกันไปด้วย เหมือนทำสารคดีเลย ชอบๆๆ
โดย: joo IP: 203.150.234.149 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:9:17:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pook009
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



can you feel the love tonight? It is where we are. It's enough for this wide-eyed wanderer. That we got this far. And can you feel the love tonight, How it's laid to rest? It's enough to make kings and vagabonds. Believe the very best.