ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่แบบใหม่และปรับเครื่องยนต์ให้แรงขึ้น แต่มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนเดิมกับรุ่นแรกแต่มีการปรับอุปกรณ์ระบบความปลอดภัยใหม่ๆ มาให้เราได้ใช้กัน
โดยการปรับครั้งนี้ที่สำคัญคือ ทาง Mazda ได้ปรับระบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังแบบใหม่ และมีเครื่องยนต์เบนซินใหม่ ชื่อว่า e-SKYACTIV X และ ตัวเครื่องยนต์ SKYACTIV D ดีเซลขนาด 1.8 ลิตร ให้มีกำลังแรงม้าเพิ่มมากขึ้น
โดยเครื่องเบนซิน e-SKYACTIV X นั้นจะเพิ่มแรงบิดและแรงม้า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมการเผาไหม้ของ SPCCI (Spark Ignition Control Compression Ignition) ทำให้แรงม้าสูงสุดจาก 180 เป็น 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดจาก 224 เป็น 240 นิวตันเมตร แล้วในเรื่องของการตอบสนองยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยการควบคุมการอัดประจุไฟฟ้าอย่างแม่นยำของการจ่ายอากาศและการซ้อนทับได้รวดเร็วขึ้น ทำให้การทำของคันเร่งนั้นตอบสนองได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ส่วนเครื่องดีเซล SKYACTIV D 1.8 นั้นจะช่วยเพิ่มแรงม้าสูงสุดจาก 116 เป็น 130 แรงม้า ด้วยการควบคุมแรงบิดให้มีกำลังมากขึ้นในรอบเครื่องที่กว้างขึ้น และทำให้การตอบสนองในขณะเริ่มกดคันเร่งนั้นดีขึ้นมาก (ตั้งแต่ 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป) ซึ่งมันจะสร้างแรงบิดที่ทรงพลังมากในทันทีและทำให้เห็นถึงอัตราเร่งที่เกี่ยวกราดอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นเอกลักษณ์จุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซล และได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันด้วยการควบคุมการเผาไหม้ที่ดีขึ้นด้วย
ระบบช่วยเหลือการขับขี่จะมีระบบ
Cruising & Traffic Support (CTS) ตัวขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ เพื่อลดความเมื่อยล้าในการขับขี่สภาพแออัด รวมไปถึงการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง และยังมีฟังก์ชั่นช่วยบังคับเลี้ยวอัพเกรดให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
ก็ต้องมารอดูกันว่าในประเทศไทยจะมีการปรับตัวรถ Mazda CX-30 ตามกระแสข่าวนี้และจะมีกำหนดการปรับครั้งนี้ในปี 2021ช่วงไหนกัน
:เขียนโดย Pooh
เด็กน้อยผู้มีความฝันและชื่นชอบรถยนต์ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นอยาก
เป็นสื่อวงการยานยนต์และกำลังเก็บประสบการณ์ในโลกยานยนต์
เพื่อความฝันของตนเอง สู้เว้ย!!!!!!
Facebook: https://www.facebook.com/pg/Pooh-Station-TH-100387671982949/posts/