|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
Six degrees of separation
เกมส์ยอดนิยมอย่างหนึ่งของคอหนังฝรั่ง คือการจับโยงความเกี่ยวพันของตัวละคร นักแสดง หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกันในโลกของภาพยนตร์โดยมีเงื่อนไขง่ายๆว่านังทุกเรื่องบนโลกนี้สามารถโยงใยถึงกันได้ภายใน 6 ขั้นตอน หรือที่เรียกว่า six degrees of separation บังเอิญว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ตีตั๋วดูหนังถึง 5 เรื่อง เลยมาลองโยงเล่นๆว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวพันกันยังไง
######## Update ล่าสุด ########
Vantage Point: มุมมองทั้งแปด update 9 เษายน 2551
wu's Thai Film Awards 2007 update 31 ธันวาคม 2550
สยาม ฤดูร้อนยาวนาน และบ้านปลายฟ้า Update 20 ธันวาคม 2550
#########################
มาพูดถึงหนังที่ได้ดูก่อน
Charlie Wilsons War ปกติผมจะไม่ค่อยถูกกับหนังสงคราม และหนังการเมือง และหนังเรื่องนี้ก็ผสมผสานทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ก่อนเข้าดูเลยสยองๆหน่อยๆว่าจะรู้เรื่องไหม แต่ก็ตัดสินใจดูเพราะชื่อดารา ผู้กำกับมันหอมหวลชวนดูมากๆ สรุปดูแล้วก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน สุดยอดมากๆ
ตัวของหนังเองแล้ว นึกถึงหนังประเภท prequel เช่นสตาร์วอร์ หรืออินเดียน่า โจนส์ หรือ Infernal affair 2 แบบถ้าไม่รู้เรื่องราวต่อไป ก็สนุกระดับหนึ่ง แต่ถ้ารู้ก็สนุกมากยิ่งขึ้น และสำหรับหนังเรื่องนี้ ก็คือสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน มูจาฮิดิน บิน ลาเดน และสถานการณ์ปัจจุบันนี้ แต่บังเอิญความรู้เรื่องพวกนี้ผมมีจำกัดซะด้วย เลยกลายเป็นว่าหนังดี แต่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม อยู่ระดับเดียวกับ Lions for lamps ซึ่งก็เป็นเรื่องของการเมืองและสงครามคล้ายๆกัน แถมยังเป็นหนังพูดมากเหมือนๆกันด้วย
Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street ปกติก็เป็นแฟนทิม เบอร์ตันอยู่แล้ว และมาเรื่องนี้ พี่แกมืดได้ใจ หลังจากที่เบามือมาหลายเรื่องในช่วงหลังๆ ถึงจะ หดหู่ ทำลายความหวัง ไปจนถึงเลือดกระฉูด แต่ก็ให้อารมณ์ทิมเบอร์ตันมากๆ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่ลัดเลาะไปตามซอกมุมของเครื่องมือ ตัวละครผิวซีด ขอบตาคล้ำในชุดดำ การพูดถึงความตายแบบธรรมดามากๆ สถาปัตยกรรมรูปทรงแปลกๆ เอียงๆ และเนื้อหาที่พูดถึงคนแปลกแยกจากสังคม โดยเฉพาะ มิสซิสเลิฟเวท ที่เป็นตัวละครในแบบฉบับทิม เบอร์ตันมากๆ และเฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว (เกือบลืมไปแล้วว่าแต่ก่อนเธอเป็นนางเอกหนังกระโปรงสุ่ม) และเข้าคู่กับจอห์นนี่ เดปป์ลงตัวมากๆ หลังจากเคยคู่กันแบบอนิเมชั่นมาแล้ว
จุดที่มีคนพูดถึงมาก คือการเซนเซอร์ ซึ่งถ้ากฏหมายยังเป็นแบบปัจจุบัน (คือยังไม่มีกฏหมายจำกัดอายุคนดู) การเซนเซอร์ฉากปาดคอทั้งหลาย ก็ดูเหมาะสมดี แต่การเซนเซอร์ขวดเหล้า ขอบอกว่างี่เง่า เพราะหนังก็พูดโต้งๆว่ามันคือเหล้า ตัวละครกำลังกินเหล้า และที่รู้สึกหงุดหงิดจริงๆในการเซนเซอร์ คือมันไม่เนียนเลย เห็นชัดว่าตัดเอาฟิล์มออก ไปทำเซนเซอร์ แล้วต่อเข้าใหม่ ซึ่งมันสะดุดทั้งภาพ ทั้งสี (ยิ่งหนังที่เน้นการถ่ายภาพแบบคุมโทนสีอย่างนี้ยิ่งชัด) เลยรู้ตัว พอสีฟิลม์เปลี่ยน เอ้า เตรียมตัวปาดคอได้
Atonement หนังที่ลงตัวที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่ผ่านมา การเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิง เนื้อหาที่เล่นกับความรู้สึก การแสดงชั้นยอด และเสริมด้วยองค์ประกอบศิลป์ระดับเกรดเอ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ เสื้อผ้า กำกับศิลป์และที่สำคัญ ดนตรีประกอบ ซึ่งทั้งได้อารมณ์ เป็นตัวเล่าเรื่อง เป็นตัวของตัวเอง และสื่อความหมายในเชิงสัญลักษณ์ได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น และศูนย์กลางของเรื่องที่แท้จริงคือตัวละครไบรโอนี่ ซึ่งใช้นักแสดงสามคน สามวัยมารับบทในช่วงอายุที่แตกต่างกัน และแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งทำได้ถึงมากๆทั้งสามคน จนเสียดายที่แค่ 1 ใน 3 ที่หลุดไปชิงออสการ์สมทบ (ทั้งที่เป็นบทนำแท้ๆ แต่มันต้องแชร์บทกับคนอื่นๆ) และอดเห็นใจ เคียร่า ไนท์ลีย์ กับ เจมส์ แมคอาวอยมากๆ ที่ถึงแม้จะเล่นได้ดีทั้งคู่ ได้ชื่อว่าพระเอกนางเอกของเรื่อง และเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่ปรากฏตัวมากที่สุดบนจอ แต่ความสำคัญต่อเรื่อง เป็นแค่บทสมทบเท่านั้น เลยเสียดายแทนว่าถ้าผู้สร้างเสนอให้ทั้งสองถูกพิจารณาในบทสมทบ อาจมีโอกาสเข้าชิงมากกว่านี้
27 Dresses หนังชิคฟิคน่ารักๆ ตัวละครมีเสน่ห์ ดูแล้วอมยิ้มตลอดเรื่อง เดินเรื่องตามสูตรสำเร็จหนังแนวนี้ทุกประการ เลยไม่มีอะไรใหม่ แม้จะมีความสุขขณะดูก็ตาม
Enchanted ได้ดูช้ากว่าใครเพื่อน เลยไม่ค่อยมีอารมณ์เรื่องความสดใหม่(เพราะอ่านความเห็นคนอื่นมาเยอะ) แต่ก็ยังรู้สึกดี กับการหาทางออกให้เรื่องราวซ้ำซากของเทพนิยายดีสนีย์ และหนังชิคฟิค โดยผสมผสานกันอย่างลงตัว ได้รสชาติใหม่ที่น่าประทับใจ และเป็นตัวของตัวเอง นักแสดงทุกคนดูท่าทางมีความสุขกับบทบาทที่ได้รับ เนื้อหาที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แม้ว่าเหตุผลบางช่วงจะแหม่งๆ แต่พอมาคิดว่ามันเป็นการ์ตูนก็โอเค
เอาหละ มาถึง six degrees ของผมแล้ว
Enchanted มีดารานำหญิงคือ เอมี่ อดัมส์ ซึ่งไปรับบทสมทบใน Charlie Wilsons War และเจมส์ มาร์เดน พระรองในเรื่อง ก็ไปเป็นพระเอกใน 27 Dresses แถมแพทริก เดมซีย์ พระเอกในเรื่อง ก็อยู่ในซีรีย์ Grays anatomy เช่นเดียวกับ แคทธารีน เฮจล์ นางเอก 27 Dresses ด้วย อ้อ ทิโมที สปอลล์ ตัวประกอบหน้าเหมือนตัวการ์ตูนเจ้าเล่ห์เจ้าของบทหางหนอนในแฮรี่ พ็อตเตอร์ ก็มีบททั้งใน Enchanted และ Sweeney Todd
27 dresses เป็นผลงานเขียนบทของผู้เขียนบท The Devil Wears Prada ซึ่งนักแสดงคนหนึ่งที่แจ้งเกิดในเรื่องนี้คือ เอมิลี่ บลันท์ ก็มีบทเล็กๆใน Charlie Wilsons War ด้วย
Enchanted มีฉาก musical .ในขณะที่ Sweeney Todd เป็น Musical เต็มตัว และยิ่งไปกว่านั้นSweeney Todd ยังใช้เสียงประกอบเป็นส่วนหนึ่งของจังหวะและดนตรีประกอบ ซึ่ง Atonement ก็ใช้เทคนิคคล้ายๆกันนี้ แถมจอห์นนี่ เดปป์บทที่น่าจะทำให้เขาเป็นที่จดจำมากที่สุดคือบทของกับตันแจ็คใน Pirates of Caribbean ซึ่งนางเอกคือเคียล่า ไนท์ลีย์ นางเอก Atonement นี่เอง
มีอะไรโยงหากันได้อีกไหมเนี่ย ใครเจออะไรอีก ก็บอกด้วยแล้วกันครับ
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2551 1:32:28 น. |
Counter : 1188 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.140.88 21 กุมภาพันธ์ 2551 23:21:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: Emmet IP: 192.28.2.40 22 กุมภาพันธ์ 2551 15:43:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: yuttipung 22 กุมภาพันธ์ 2551 18:36:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.141.239 23 กุมภาพันธ์ 2551 0:39:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.138.59 2 มีนาคม 2551 2:00:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.146.40 6 มีนาคม 2551 23:15:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.138.233 16 มีนาคม 2551 17:29:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.138.9 20 มีนาคม 2551 23:55:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.147.141 6 เมษายน 2551 22:03:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: จูริง 11 เมษายน 2551 20:07:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: จูริง 12 เมษายน 2551 10:44:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 202.12.97.117 17 เมษายน 2551 17:42:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.145.91 20 เมษายน 2551 23:46:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: wu IP: 125.26.142.95 12 พฤษภาคม 2551 0:18:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
กอด
ไอเดียเริ่มต้นเจ๋งครับ คิดได้ยังไง ทั้งเศร้าและโรแมนติก ตัวอย่างหนังยิ่งตอกย้ำความน่าดู แต่พอดูจริงๆไหงเป็นอย่างนี้ การที่หนังเนิบช้า ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ปรากฏว่าสารที่หนังสื่อกลับดูไม่ชัดเจน และไม่สามารถทำให้อินมากพอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแปลกแยก การมองและตัดสินคนจากภายนอก หรือแม้แต่รู้ความต้องการของตัวเมื่อสูญเสียของที่คิดว่าไม่สำคัญไป หนังแตะตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อย แต่กลับดูสะเปะสะปะ แม้แต่บทที่เป็นจุดแข็งของคงเดช ก็ดูเข้ารกเข้าพง และใส่สถานการณ์ที่เป็นเงื่อนไขให้หนังเดินหน้า แต่ดูผิดที่ผิดทางไปหมด
และที่สำคัญ หนังไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "กอด" หรือ "Handle with care" สักเท่าไร ทั้งที่เป็นชื่อเรื่องแท้ๆ จุดดีของเรื่องคือการใส่แขนที่สามที่เป็นธรรมชาติ แนบเนียน และเหมือนพระเอกมีสามแขนจริงๆ เวลาทำอะไร เพียงแต่มันเห็นในตัวอย่างแทบทุกช็อตแล้วเท่านั้น
Jumper
สัญชาตญาณของผู้กำกับ ดั๊ก ไลแมนใช้ไม่ได้กับหนังเรื่องนี้ ทั้งที่ก่อนนี้เขาคือผู้กำกับที่แม่นกับความรู้สึกตัวเองที่สุดคนหนึ่ง หนังมีเงื่อนไขน่าสนใจ มีฉากที่น่าขายได้มากมาย และตัวอย่างที่ตัดออกมาได้น่าดูสุดๆ แต่หนังจริงกลับไม่มีอะไรแปลกใหม่สักนิด บางช่วงน่าเบื่อด้วยซ้ำ เนื้อเรื่องที่เดาได้ตลอด ดาราดีๆที่ดูไม่มีพลังตามหนังไปตามๆกัน ก่อนดูคาดหวังก็แค่จะเข้าไปดูหนังมันส์ๆแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ก็ยังผิดหวัง
คริตกะจ๋า บ้าสุดๆ
หน้าหนังที่ธรรมดาๆ (โดยเฉพาะชื่อหนังที่สิ้นคิดมาก) โปรดักชั่นก็ไม่ได้โดดเด่น บทที่ขาดๆเกินๆ และน่าจะเกลาให้ดีได้มากกว่านี้ ผู้กำกับก็ไม่รู้จักมาก่อน แต่กลับกลายเป็นหนังสนุกมากๆได้ โดยอาศัยการแสดงของดาราล้วนๆ ยกความดีความชอบให้ชาคริต จ๋า และหลุยส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ๋าที่มีอะไรให้เล่นมากมาย และก็เล่นได้บ้าจริงๆ (ชอบฉากเต้นในบาร์ กับฉากดูหลุยส์เต้นมากๆ) แม้บทจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวบ้าง ทั้งสามคน เตรียมตัดชุดไปงานประกาศรางวัลต่างๆของปีหน้าได้เลย
ที่น่าเสียดายคงเป็นบทที่น่าจะดี และเนียนกว่านี้ โดยเฉพาะการคืนร่างตอนท้ายที่อารมณ์ของบทมันยังไม่ไปถึงจุดนั้น ซึ่งเพราะการที่โปรดักชั่นเล็กๆ ไม่มีฉากใหญ่โต เอฟเฟคตระการตา ไม่ได้แปลว่าบทจะเอาแบบง่ายๆตามไปด้วย และยิ่งเห็นดาราที่ลงตัว และเล่นได้ขนาดนี้ ยิ่งน่าเสียดายที่บทน่าจะส่งเขาและเธอไปได้ไกลกว่านี้