ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
ตุ๊กตาผีสิง โอคิคุ


ตุ๊กตาผีสิง โอคิคุ 


okiku


เรื่องก็มีอยู่ว่า ในปี ค.ศ.1919 หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปหมาดๆ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ เอคิชิ ซูซุกิ อายุ 18 ปี เขามีน้องสาววัย 3 ขวบ อยู่คนหนึ่งกำลังน่ารักน่าชังชื่อ คิคุโกะ วันหนึ่งเขาได้พาน้องสาวออกไปเดินเล่นตามปกติ ระหว่างทางก็บังเอิญไปเจอตุ๊กตาญี่ปุ่นแบบโบราณตัวหนึ่งในร้านค้า เขาก็เลยซื้อให้เป็นของขวัญแก่น้องสาว น้องของเขาก็ชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก เวลาไปไหนก็จะพาไปด้วยตลอดเลย เขาและน้องตั้งชื่อให้มันว่า “โอคิคุ” มันมีความสูงราว 40 เซนติเมตร ใส่ชุดกิโมโน มีดวงตาสีดำ และผมยาวแค่บ่า

หลังจากนั้นเพียงปีเดียว ผู้เป็นน้องสาวก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลง ทำให้เอคิชิเสียใจมากเพราะเขารักน้องที่สุด เขาจึงเก็บตุ๊กตาโอคิคุเอาไว้อย่างดี โดยคิดว่ามันเป็นตัวแทนของน้องสาว หลังจากคิคุโกะเสียชีวิตได้ไม่นาน เอคิชิก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติจากตุ๊กตาญี่ปุ่นตัวนั้น เพราะผมของมันซึ่งปกติแล้วยาวแค่บ่าและถูกตัดเรียบเสมอกัน เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ เหมือนผมของคนที่มีชีวิต ทำให้เอคิชิและทุกคนในครอบครัวเชื่อว่าดวงวิญญาณของเด็กหญิงคิคุโกะได้เข้ามาสิงอยู่ในตุ๊กตาโบราณตัวนั้นแล้ว พวกเขาจึงเก็บรักษามันไว้อย่างดียิ่งขึ้น

หลายปีผ่านไป พ่อแม่ของเอคิชิก็เสียชีวิตลง ทำให้เขาต้องอยู่ตามลำพังคนเดียว อีกทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กำลังปะทุขึ้น ทำให้เอคิชิได้รับการเรียกตัวจากกองทัพญี่ปุ่นให้ไปรับใช้ชาติ เขารู้ว่าสงครามนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเขาคงไม่อาจอยู่รักษาสมบัติของครอบครัวได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงคือน้องสาว เขาจึงนำตุ๊กตาโอคิคุพร้อมกับอัฐิเถ้ากระดูกของน้องไปมอบไว้ให้แก่ทางวัดช่วยดูแล วัดนั้นชื่อว่า วัดเมนเนนจิ(Mannenji) 

okiku_2

เมื่อสงครามสิ้นสุดลงเอคิชิก็รีบกลับไปยังวัดที่เขาได้ฝากตุ๊กตาและเถ้ากระดูกของน้องสาวเอาไว้ แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตุ๊กตาโอคิคุผมงอกยาวขึ้นมาอีกจนเกือบถึงกลางลำตัว มีผู้คนล่ำลือว่าบางครั้งพวกเขาก็ได้ยินเสียงเด็กเล็กๆ บริเวณที่วางตุ๊กตา และบางครั้งก็มีคนเห็นตุ๊กตาโอคิคุร้องไห้ พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณของคิคุโกะเสียใจที่ต้องจากโลกนี้เร็วเกินไป และเธอก็ยังเป็นทุกข์เพราะอาลัยที่ต้องจากบ้าน และคิดถึงพี่ชายที่ต้องจากเธอไปรบในสงคราม จนถึงปัจจุบันนี้ตุ๊กตาโอคิคุก็ยังคงอยู่ที่วัดเมนเนนจิ เพื่อให้ผู้คนได้เข้าไปดูความลึกลับแปลกประหลาดของเธอ ซึ่งก็ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่าเส้นผมของตุ๊กตายาวออกมาเองได้อย่างไร แต่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ครั้งหนึ่งที่ยืนยันว่าเส้นผมของตุ๊กตาโอคิคุนั้นทำจากเส้นผมของเด็กจริงๆ 


อ้างอิง //pinktentacle.com/2010/04/okiku-doll





Create Date : 27 มิถุนายน 2556
Last Update : 27 มิถุนายน 2556 9:39:57 น. 4 comments
Counter : 8253 Pageviews.

 
เพิ่งเห็นข้อความที่คุณกรุณานำไปฝากครับ
ผมเพิ่มเติมข้อความของคุณไว้ในเอนทรี่นั้นแล้ว
ขอบคุณอีกครับครับ

ขอแอดบล็อกไว้ด้วย บล็อกคุณน่ารักมาก แต่เจ้า
ตัวน้อยในกล่องคอมเม้นท์นี่จะเหนื่อยมั้ยอ่ะครับ



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 28 มิถุนายน 2556 เวลา:16:14:22 น.  

 
กลับมานั่งอ่านตำนานที่น่าสนใจ
คุณคงสบายดี


โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:18:59:53 น.  

 
ตายๆ น้ำไหลออกตาพรากๆ เลย
คุณไปเม้นท์ให้ผมที่นี่ครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nulaw-08&month=06-2013&date=20&group=2&gblog=233

เรื่องแมวขาวมณี เป็นคอมเม้นท์ที่มีประโยชน์
สำหรับผมที่อยากทำบล็อกให้มีคุณค่่าแม้จะ
ลอกเค้ามา

ทั้งไลค์ทั้งโหวต อีกหน่อยก็เก่งเองละครับ
ค่อยๆเีรียนรู้ไป สนุกดี ถ้าต้องการให้ช่วยอะไร
หลังไมค์มาเลยครับ



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 2 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:24:46 น.  

 
ถ้าอย่างงั้น โอคิคุก็คงอายุ90ปีแล้วสิคะเอ...ทำไมไม่ไปเกิดใหม่นะ... นึกถึงละคร หนูอยากกลับบ้านๆๆ ช่อง 7คะ


โดย: กอกล้วยสีฟ้า IP: 223.205.213.84 วันที่: 9 กรกฎาคม 2556 เวลา:23:37:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

poneak
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




<<สังคมเพื่อการเรียนรู้ และแบ่งปัน>>
หลังเกษียณแล้วมีเวลาว่างมาก เพราะไม่มีงานอื่นทำ พอมีความรู้เรื่องคอมพิ้วเตอร์และอินเตอร์เน็ตอยู่บ้าง อยากจะมีเว็ปเป็นของตัวเอง เพื่อเรียนรู้และแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น หวังว่าเพื่อนๆสมาชิกคงไม่รังเกียจนะครับ
Blogนี้จะแสดงผลได้ดีใน Browser Google Chrome ท่านที่ใช้ FireFox หรือ IE. อาจจะมีปัญหาในการแสดงภาพ และเสียง
New Comments
Friends' blogs
[Add poneak's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.