สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
31 สิงหาคม 2560
All Blog
หัวใจตีบ รอบ2
 

หลังจากสวนหัวใจ และใส่ขดลวดมาแล้วอาการเจ็บก็หายไป แต่อาการเหนื่อยหอบ หืดขึ้นคอแม้จะไม่ได้ออกแรงอะไรเลยยังมีอยู่ทุกวัน ๆ และเป็นมากขึ้น พยายามจะบอกหมอว่ามันผิดปกติ แต่หมอก็ชิวเหลือเกิน บอกว่าเด๋วมันจะค่อยๆดีขึ้นมั่งแหละ  เป็นเพราะเครียดหรือป่าวมั่งหล่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกมั่งแหละ คือใช้ความพยายามอย่างมากที่จะให้หมอสนใจอาการว่ามันนานหลายเดือนแล้ว ไม่ดีขึ้น   จนมาสำเร็จที่ รพ.รามาฯ
คุณหมอ.. ทำไมถึงคิดว่าจะกลับมาตีบอีกครับ
เรา.. ก็อาการมันเหมือนตอนที่เป็น เพียงแค่ครั้งนี้ไม่มีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วยเท่านั้น แล้วลองอมยาใต้ลิ้นก็หายเร็วขึ้นอ่ะคะ
คุณหมอ.. แต่มันจะเร็วมากเลยนะครับ เพราะเพิ่งทำไปไม่ครบปีเลย
เรา.. เรื่องไม่ครบปีเป็นอีกเรื่องนะคะ แต่ตั้งแต่ทำอาการเหนื่อยไม่ได้ดีขึ้นเลยอ่ะคะ
คุณหมอ.. เครียดไหมครับ
เรา... ก็มีเครียดค่ะ อาจจะเป็นสาเหตุก็ได้
คุณหมอ.. งั้นหมอจะลองสั่งวิ่งสายพานดูนะครับ วิ่งไหวไหมครับ
เรา.. ถ้าถามว่าวิ่งไหวไหม คงต้องตอบว่า คิดว่าไม่ไหวค่ะ ตอนนี้แค่เดินยังหอบ
คุณหมอ.. งั้นเดินสายพานนะครับ วันนี้ไปเอ๊กเรย์ปอด กับตรวจคลื่นหัวใจไว้ แล้วไปนัดเดินสายพานที่พยาบาลอีกที  
ถ้าตรวจแล้วไม่เป็นอะไร หมอคงต้องส่งหาจิตแพทย์ (น่าจะเครียดจัด)
 


ใบนัดแอคโคว่


 
ไปตรวจคลื่นหัวใจ แอบดูผลบนจอ เห็นค่าผิดปกติอยู่เส้นนุง
 


แล้วก็ไป x ปอดชั้น 3 หรือ 2 นี่แหละ
 

แล้วก็รอรับยาแพงๆกลับบ้าน

ระหว่างนั้น หมอที่รพ.ค่ายฯ นัดตรวจไทรอยด์ เพราะอาจเป็นไทรอยด์ก็ได้นะ ลองตรวจดู
แต่ว่า ค่าผลปกติ และหมอที่รักษาโรคภูมิแพ้ของเราที่รพ.ศิริราชก็ตรวจอาการไทรอยด์คร่าวๆ บอกว่าไม่มีลักษณะอาการของไทรอยด์เหมือนกัน

 

 
จนวันนี้ได้ไป รพ.รามาฯ ตามนัด เดินสายพานกับแอคโคว่ที่ตึกเก่า วิกฤตชีวิตก็เกิดขึ้น

วันนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยที่สุด จอดรถที่อำเภอ หารถไปท่ารถตู้ไม่ได้ ต้องโทรบอกสามี รอร่วม 15 นาที อุตสาห์ออกมาไว ก็สายจนได้

รถตู้วิ่งผ่านอำเภอเหลียวไปมองรถ อ้าว..เฮ้ย ลืมปิดไฟตัดหมอก เปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่แว้ โทรหาสามีอีก

เพราะไม่เคยเดินทางเองไม่รู้จะไปลงที่ไหน เลยลงสายใต้เก่า แล้วไปแท็กซี่ ๆ พาขึ้นพระราม 8 เฮ้ย..รถตู้กันก็วิ่งมาทางนี้แหล่ะ  คุณหลอกดาวววว TT

ไปถึงไปชั้น 6 ยื่นใบนัด แล้วลงมาจ่ายเงินชั้น 1 ขึ้นไปอีกที เขาถามว่าต้องเข้าห้องน้ำไหม ถ้าเข้าให้ไปเข้าก่อนเพราะนาน เข้าสิคะ ตั้งแต่เช้าเดินทางอย่างเดียว ไม่ได้แวะห้องน้ำเลย ลงมาชั้น 2 แล้วกลับขึ้นไปใหม่

ระหว่างติดสายเพื่อเช็คการเต้นของหัวใจและชีพจร หมอกับพยาบาลก็แนะนำการปฏิบัติตัว สอนท่านอนให้หมอตรวจ แล้วบอกเวลาวิ่งเสร็จรีบนอนท่านั้นเลยนะ ให้ซ้อมด้วย เครื่องจะช้า 3 นาที แล้วจะเร็ว 3 นาที สลับกันไปไม่ไหวให้บอก

 
เครดิตภาพจากเน็ตค่ะ ที่เราวิ่งไม่มีที่กั้นด้านซ้ายแต่เป็นเตียงเพื่อให้รีบกระโดดนอนเวลาเหนื่อย เพื่อให้หมอตรวจทันที


เดินโหมดช้าไปได้ไม่ถึง 2 นาที หมอและพยาบาลล้งเล้งกันใหญ่ ถามไหวไหม ก็บอกว่าถ้ายังเดินอยู่ก็ยังไหวแต่เริ่มเหนื่อย แต่ถ้าหยุดจะปางตายทันที หมอเลยสั่งหยุด พยาบาลรีบเตือนให้นอนท่าตรว

เครดิตภาพจากเน็ต นอนท่านี้เลย ไม่องไม่อายมันแระ นึกซะว่าผ่านมือชายอีกรอบ 5555

ผลเดินได้แค่ครึ่งนาทีกราฟกระเพื่อม และผิดปกติอย่างแรงถึง 2 เส้น และเริ่มผิดปกติมากขึ้นไปถึง 89 % ตอนสั่งหยุด

นอนให้หมอตรวจอัลตร้าซาวน์นม เฮ้ยหัวใจอีกพักใหญ่ สรุปหมอว่าต้องสวนใหม่นะครับ จุดเดิม เส้นเดิม

แจ็คพ็อตไหมเรา....

 

หมอให้ไปห้องนัดสวนหัวใจ เสร็จแล้วหมอห้องนัดสวนหัวใจให้ไปตรวจ 3 อย่าง

1.xปอด ชั้น 2 
2.เจาะเลือด ชั้น 1
3.ตรวจคลื่นหัวใจ ตึก 4 ชั้น3

 

หิวข้าวแล้ว เริ่มปวดหัว แต่ถ้าต้องย้อนไปกินหลังตึกเก่า คงตายพอกัน ยืนรอแท็กซีไม่มีว่างเลย ต้องออกมารอนอก ร.พ.ไปลงโลตัสปิ่นฯเพื่อกินข้าว และขึ้นรถตู้ข้างโลตัสกลับบ้าน แต่...แต่ว่า...

ขุ่นพระขุ่นเจ้า ท่ารถตู้ตรงโลตัสหายไปหมด มันย้ายไปสายใต้เก่า เดินไปขึ้นรถที่เซ็นทรัลปิ่น คราวนี้ต้องพึ่งยาแระ ล่อไปเต็มเม็ดเลย ไม่อยากไปแสดงอาการคนตายให้คนอื่นเขาตกใจ

เหมือนเวร เหมือนกรรม รถตู้ที่ขึ้น มีแต่แอร์ไก่ กะ แอร์กี่ ร้อนจะเป็นลม เข็ดเลยอีรถตู้ท่านี้ ตรูจะไม่หนุนเมิงแล้ววว  รถหรือ นรกแว้
เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด กลับมาถึงรถ สตาร์ทไม่ติด แบตหมดสนิท เรียกปั๊วสิค่ะ กว่าปั๊วจะมา ร้อนมาก นี่กรุไม่ได้ทำบุญด้วยพัดลม หรือแอร์หรือไง ถึงได้เจอแต่เรื่องร้อนๆ พ่วงแบตก็ไม่รอดค่ะ ต้องถอดแบตไปเปลี่ยนให้ หมดไปอีก 2200 สบายใจ   งานนี้สามีเป็นพระเอก ได้ใจไปเต็มๆ
 


เด๋ววันที่ 6 มีหาหมอตามนัดอีก จะรอดไหมตรู สรุปไม่ได้ไปหาหมอตามนัดที่ รามาฯ แต่ไปเอายาที่ รพ.ค่ายฯแทน  เพราะขี้เกียจเดินทางหละ เด๋วคงพบหมอหลังสวนหัวใจดีกว่า

 
อาจจะลงรูปน้อยลงนะคะ  ถ้าบริเวณไหนเขาห้ามถ่ายภาพ ก็จะไม่เก็บภาพห้องมาลงนะคะ แต่ละลงภาพตัวเอง หรือเครดิตภาพที่ใกล้เคียงจากเวปที่พอหามาได้ค่ะ

วันพฤหัสที่ 12 ตุลาคม 60 ก็ได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการสวนหัวใจ ขอหมอว่าให้สวนทางข้อมือ เพราะครั้งที่แล้วสวนทางข้อมือขายังเดินได้ สะดวกหน่อย หมอบอกว่าเคยทำครั้งหนึ่งแล้วอาจจะเกิดพังผืดทำให้ทำยากขึ้นแต่จะลองให้


ห้องเป็นประมาณนี้ค่ะ เครติตภาพจากเวปนะคะ ครั้งนี้เราสวนหัวใจคนละห้องกับครั้งแรก หนาวน้อยกว่า ด้านหนึ่งเป็นเหมือนห้องควบคุมมีเจ้าหน้าที่ และน่าจะเป็นอาจารย์หมอคอยกำกับการ ทั้ง 2 ห้อง (หมายถึงห้องสวนหัวใจอยู่ซ้าย-ขวา ห้องควบคุมเป็นห้องกลาง ประมาณนี้) เรามองเห็นจอได้น้อยกว่าครั้งแรก แต่พอจะเห็นว่ามีปัญหาอะไรบ้าง

เมื่อถึงเวลาเขาก็จับบวชชี และทาเบตาดีนตั้งแต่ท้องลงไปถึงสะโพกและตั้งแต่มือถึงข้อศอก ซับผ้าให้แห้ง เมื่อหมอเขามาฉีดยาชาที่ข้อมือ..บอกเลยว่าเจ็บอยู่ แล้วหมอก็พยายามสวนท่อเข้าไปได้ยินคุยกันเบาๆ แล้วบอกเราว่าสวนไม่เข้าแล้วแทงใหม่ พยายามอยู่สามสี่รอบก็ไม่เข้า เลยต้องสวนทางต้นขา ดูสิเฮงแค่ไหนเจ็บ 2 ต่อเลย เหมือนเดิมตอนแรกฉีดยาชาเจ็บน้อยกว่าที่ข้อมือและตอนสวนท่อไม่ค่อยรู้สึกทำอยู่ครู่ใหญ่ๆน่าจะไม่ถึง 10 นาที หมอก็บอกว่าพบการตีบที่เส้นหลัก เป็นจุดที่ต่อกับเส้นเลือด 3 เส้นจึงไม่สามารถบอลลูนและใส่ขดลวดได้ต้องบายพาสเท่านั้นถึงจะปลอดภัย และเป็นจุดอันตรายจึงไม่ให้กลับบ้านให้ลองคุยกับหมอศัลยกรรมว่าจะมีคิวผ่าตัดให้ได้เมื่อไหร่ซึ่งน่าจะผ่าตัดได้ในครั้งนี้เลยจากนั้นก็ย้ายเรามาอยู่ที่ห้องพักฟื้น

ห้ามขยับขา 6 ชม.ปัญหาเกิดที่ว่าเริ่มปวดฉี่ก็เลยขอพยาบาลไปห้องน้ำพยาบาลบอกว่าไปไม่ได้และมาใส่แพมเพิสให้ เราฉี่ไม่ออก ก็เลยขอให้เพื่อนออกไปก่อน และถึงกับต้องพยายามเบ่งฉี่ออกมาเลย ลำบากที่สุด
เราต้องย้ายไปห้องนอนรวม แต่เตียงยังไม่ว่างจึงให้รอในห้องพักฟื้นต่อไปขณะที่พิมพ์เรื่องนี้ก็ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ เขาเอาขวดมาให้เก็บปัสสาวะแต่เพราะเรากินน้ำน้อยมากเมื่อฉี่ไปรอบที่ 2 ก็ฉี่ไม่ออกอีกจนเช้า เช้าพยาบาลมาเจาะเลือดไป 1 สลิงใหญ่ๆ เห็นว่าต้องเอาไปปั่นดูเกล็ดเลือดน่าจะใช้เบิกเลือดที่เข้ากันได้เพื่อสำรองเลือดในขณะผ่าตัดมั้ง

อาการไม่หนัก แต่สายเยอะมาก เวลาถอดไปห้องน้ำ แล้วกลับมาลืมใส่ เราก็เดินไปโน่น นี่ นั่น เรื่อยไป แต่สักพักพยาบาลเค้าจะมาใส่สายให้ ก็จะเริ่มเป็นง่อย ไปไหนไม่ได้ สายมันรั้ง นอนเฉยๆอยู่บนเตียง

หมอศัลยกรรมที่จะผ่าตัดให้เราคือคุณหมอสุชาติ ไชยโรจน์ ผู้ช่วยหรือเลขาคุณหมอเข้ามาคุยก่อนบอกคุณหมอเป็นผู้เดียวในโรงบาลตอนนี้ที่สามารถผ่าตัดหัวใจโดยไม่ต้องบล็อคหัวใจให้หยุดเต้นและมีความสามารถในการใช้เครื่องมือที่เปิดแผลเล็กได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเพราะยังไม่สามารถเบิกตรงได้ รายละเอียดเดี๋ยวเล่าให้ฟังอีกครั้ง

เย็นๆหน่อยคุณหมอก็ได้เข้ามาคุยด้วย และอัลตร้าซาวด์หัวใจโดยเครื่องมือขนาดพกพา พร้อมแนะนำแพทย์หญิงที่เป็นทีมผ่าตัดให้รู้จักอีกคนหนึ่งแต่จำชื่อไม่ได้รู้แต่ว่าพวกหมอเนี่ยทั้งผู้หญิงผู้ชายหน้าตาดีกันทุกคนเลย คุณหมอบอกว่าการผ่าตัดเราต้องทำนอกเวลาและทีมแพทย์ทุกคนยินดีทำให้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแต่อย่างใด นี่นับว่าเป็นความเมตตาและเป็นจรรยาบรรณสูงสุด ที่มีสำหรับคนไข้เลยค่ะ เพราะที่จริงการทำงานนอกเวลาต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มครั้งก่อนแค่ส่วนหัวใจยังตั้ง 50000 บาท
เราได้รอผ่าที่ห้องพักฟื้น เพราะห้องรวมไม่มีเตียง ก็จะสะดวกสบายหน่อย


ข้าวโรงบาลอร่อยเป็นเหมือนข้าวมันปู แต่กับข้าวรสชาติจืดชืดเพื่อสุขภาพคนไข้ เราเริ่มกินไม่ค่อยได้ เพราะปกติเป็นคนกินรสจัด อีกวันน้องชายหรือซื้อเป็ดย่างมาให้ พร้อม order มอคค่าการ์เซียของ black canyon ตะแรกมันไม่ยอมซื้อมันบอกกาแฟนะกินได้หรอ เด๋วไปถามพยาบาลก่อน เมิงถามกูรก็อดน่ะสิเลยบอกว่ากินทุกวันจะเป็นโกโก้หรือชาเขียวมันก็มีคาเฟอีนเหมือนกันนั่นแหละเอามาซะดีดี เผื่อเป็นอะไรไปกรุจะไม่มีโอกาสได้กินอีก


วันเสาร์น้องชายอีกคนกับพี่สาวและแม่มา ก็order ชาเขียวมัทฉะ ของ 7-11 และน้องชายคนเดิมก็ซื้อเป็ดมาให้ทีหลัง เลยต้องบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องเอาเป็ดมาแล้วนะ(เริ่มเบื่อ) แต่อยากกินองุ่นไร้เมล็ด



ตอนเย็นเรียกน้องพยาบาลให้ดูเข็มน้ำเกลือว่ามันหน้าจะงอ น้องเค้าเลยเอาออก บอกจะเปลี่ยนให้ใหม่ เราก็แบบ..ยังไม่ต้องเปลี่ยนได้ไหมน้องพี่ลำบากมากเลย เขาบอกว่าไม่ได้ค่ะเดี๋ยวหนูโดนว่า สรุป..รู้งี้ทนดีกว่า ไม่ต้องมาโดนเจ็บเบิ้ล
วันอาทิตย์น้องชายคนรองมาพร้อมองุ่นไร้เมล็ดใส่ทัพเพอร์แวร์ ช่วงบ่ายพี่สาวมากับแม่ซื้อแกงเห็ดมากินกับข้าวโรงบาล อืม...โอเครนะ

มีทีมแพทย์เข้ามาคุย2 ท่านและบอกให้งดอาหารตั้งแต่ 6 โมงเช้า น้องชายเลยไปซื้อขนมปังไว้ให้เพราะ 6 โมงเช้าอาหารยังไม่มาต้องตื่นขึ้นมากินตีห้าถึงจะทัน
เย็นพยาบาลแนะนำให้อาบน้ำสระผม เราก็มีคุณหมอเข้ามาคุยเจาะเลือดใหญ่เพื่อไปดูค่าออกซิเจน เข็มคงใหญ่มากเพราะแผลยาวเกือบครึ่งเซน ขยับเข็มทีนึกว่าหมอคว้านข้อมือซะแล้ว จากนั้นก็ปิดก๊อตมัดผ้าเพื่อกดเลือดไว้ทั้งคืน ดึกหน่อยน้องพยาบาลมาโกนขนให้ ซึ่งเราเป็นคนขนน้อย ซึ่งก็แทบไม่มีให้โกน
เช้านี้(วันที่นั่งพิมพ์) ตื่นมากินขนมปัง กินแบบติดคอมากเพราะมันเช้าเกินไป ถอดผ้ากดแผลออกและไปเข้าห้องน้ำ แกะผ้าก๊อตทิ้งปรากฏว่าเลือดยังไหลอยู่เล็กน้อย เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็นั่งเล่นมือถือพักใหญ่ จากนั้นก็นั่งสมาธิปกติครั้งนี้รู้สึกทรมานมาก รู้สึกว่ามันร้อนรุ่ม ยิ่งร้อนยิ่งเครียด ยิ่งเครียดยิ่งร้อน แทบไม่มีสมาธิเลย นั่งนึกว่าทำไม 30นาที มันนานแท้โทรศัพท์ที่จับเวลาไว้ไม่ดังเตือนสักที จนสุดท้ายทนไม่ได้ลืมตาขึ้นดู..มันเตือนมาพักนึงแล้วแต่ตั้งเสียงเบาเลยไม่ได้ยิน ต้องเช็ดตัวอีกรอบก็ไม่หายร้อนต้องถึงกับลากพัดลมออกมาเปิด ทั้งที่แอร์ในห้องก็เปิดอยู่ คงจะเกิดจากสภาวะเครียด กรุต้องโดนแน่ๆ ต้องแย่แน่ๆ(ประมาณนี้)

หลังจากแผ่เมตตาแล้วกรวดน้ำเสร็จก็นั่งเล่นมือถืออีกพักหนึ่งมีคุณหมอที่ศูนย์หัวใจให้เข้ามาคุยว่าหมอจองเตียงให้แล้วนะทำไมยังไม่มีอีกแล้วก็ตรวจการหายใจเล็กน้อย ต่อมาคุณหมอวิสัญญีคนสวยเข้ามาคุยด้วยคร่าวๆ
ต่อมาก็มีคุณพยาบาลเข้ามาพูดคุยแนะนำการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด ซักประวัติความเป็นมาของอาการอย่างละเอียด และให้กำลังใจพร้อมแนะนำสิ่งต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นหลังผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นอาการ อารมณ์ ...
สักครู่เขาก็เอายามาให้กิน ประมาณว่าช่วยให้เบลอ แล้วนอนฟังเพลงมือถือไปเรื่อยๆ สั่งน้องว่า ถ้าไปห้องผ่าตัดแล้วเก็บของด้วย
รู้ตัวอีกทีเหมือนเขากำลังเจาะคอ เหมือนฉีดยาชาและขลิบเปิดเนื้อจำไม่ได้แล้วมันบลอ เราก็ไม่รู้ตัวอีกเลย


ตื่นมาอีกทีมีท่อช่วยหายใจอยู่ในคอ มือทั้งสองข้างถูกมัด เกิดอาการวิตกประสาทเสียหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที สัญญาณชีพเรียกเตือนพยาบาลเข้ามา บอกว่าเราอยู่ที่ไหนอาการเป็นยังไงและให้นอนนิ่งๆ มันนิ่งไม่ได้มีท่อในปากเข้าไปถึงปอดมันทำให้คลื่นไส้หายใจไม่ออกโดยเฉพาะคนคลื่นไส้ง่ายอย่างเราถือว่าทรมานมากบอกให้เขาแกะผ้ามัดมือออก เขาก็บอกไม่ได้คนไข้ชอบล้วงท่อออกจากปาก บอกให้นอนนิ่งๆเดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหมอมาดูถ้าแข็งแรงก็เอาท่อออกได้

                  ไม่กล้าลงภาพที่น้องชายถ่ายไว้ เพราะไม่รู้ผิดกฏ ร.พ.หรือไม่

มันจะนอนไปได้ยังไงคลื่นไส้ที่สุด สักพักน้ำลายเริ่มมา เขาก็มาดูดน้ำลายและดูดเสมหะให้ ใครเคยโดนดูดบ้าง..รู้ใช่ไหมมันทรมานแค่ไหนแค่คลื่นไส้ก็หมดแรงแล้วโดนดูดเสมหะอีกต้องบอกว่าเปลี้ยกันไปทีเดียว เป็นอยู่ร่วม 8 รอบ พยายามจะสื่อสารว่าหายใจไม่ออกพยาบาลก็บอกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องหายใจไม่ออกเพราะตอนนี้เขาใช้เครื่องช่วยหายใจช่วย ซึ่งเราก็ได้ลองกลั้นหายใจดูปรากฏว่ามันช่วยจริงๆ เลยพยายามหลับโดยเสมหะเริ่มก่อตัวอีกเป็นระยะ ก็เป็นเสียงหายใจจากปากผสมกับเสมหะเหมือนหายใจไม่สะดวก แต่ไม่กลัวละไม่ได้หายใจเองนี่หว่า เพราะถ้าทำให้พยาบาลเข้ามาอีกก็จะโดนดูดเสมหะอีกมันทรมานมากกว่า ทนมันเลยแล้วกัน น่าแปลกที่ตื่นทุกครึ่งชั่วโมงตื่นมาก็มองนาฬิกาเช้าแล้วยังวะจะถอดท่อออกตอนไหนหิวน้ำแย่แล้ว ..

ช่วงเวลากว่าจะได้ถอดท่อนี่ เกือบไม่ได้ถอด เพราะไม่มีแรงเป่าลม (เขาถือว่าไม่สามารถหายใจเองได้..จะบ้าเหรอ คนมันอึดอัด จะอ้วก น้ำลายท่วมเหมือนจะจมน้ำตลอด จะเอาพลังที่ไหนมาเป่า  รีบมาเอาท่อออกเดี๋ยวนี้เลย..จะหายใจให้ดู ... นึกเถียงเขาอยู่ในใจ ถ้าไม่ได้เอาท่อออก เราต้องทรุดแน่ๆ)




ภาพนี้เราให้น้องถ่ายให้ อยากรู้ว่าสายอะไรมันรั้งตัวอยู่บ้าง  เพราะขยับทางไหนก็เจ็บ ขยับเองพยาบาลก็ดุ ก็ไม่รู้นี่หน่าว่ามันสำมะคัญแค่ไหน จะมากดกริ่งเรียกพยาบาลบ่อยๆ ก็ดุเหลือเกิน เรียกก็ดุ ไม่เรียกก็ดุ สงสัยกินน้ำตาลกันมาก



สามีพาลูกชายมาเยี่ยม ทั้งๆที่ห้ามไว้ เพราะซนมาก มาเนี่ยไม่ได้สนใจแม่หรอก สอดรู้ สอดเห็นอื่นๆไปทุกอย่าง แม่แทบจะลุกไปเตะ ถ้าไม่ติดสายที่ติดไว้เต็มตัว






ถ่ายไว้ดูเพราะสงสัยหนักมาก เนื่องจากสายที่คอขยับหน่อยมันก็เจ็บ อยากรู้ว่ามันสายอะไร แต่จนป่านนี้ก็ไม่รู้ จำไม่ได้



สายนี้ก็ใช้ดูดเลือดไปตรวจทุกวัน แต่เริ่มจะเป็นปัญหาชีวิต เพราะเริ่มเจ็บ



หลังๆดูดเลือดตกอาทิตย์ละครั้ง ระหว่างนั้นคาไว้เฉยๆ มันก็ช้ำอ่ะดิค่ะ (ภาพภายหลังเมื่อถอดเข็มแล้ว)

สังเกตพัดลม เราขอให้พยาบาลเปิดให้เพราะร้อน ทั้งๆที่ห้องติดแอร์...มาย้อนคิดนี่คงเป็นปัญหาให้เลือดที่ขาเราไหลออกไม่หมด  ตอนดึงสายที่ดูดน้ำเลือด น้ำเหลืองออก เจ็บเหมือนถูกเชือด และคิดดู มี 3 เส้น แทบจะกลั้นใจตาย



อีกข้างเหมือนเข็มน้ำเกลือ แต่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่ได้ใช้ และแน่นอน มันเป็นปัญหาชีวิตจนวาระสุดท้ายกว่าที่เขาจะยอมถอดให้



หน้าห้องระบุว่าเข้าห้องไอซียูวันที่ 16 ตุลาคมถ้าจำไม่ผิดย้ายห้องมาศัลยกรรมหญิง 21 ตุลาคม แผลผ่าตัดเจ็บพอทนได้แต่แผลที่ขาที่ถูกตัดเส้นเลือดมาต่อหัวใจเจ็บปวดร้าวแทบเดินไม่ได้ วันแรกที่ลุกไปอาบน้ำเองไปยืนขาสั่นหน้ามืดในห้องน้ำคิดว่าตายแล้วถอดเสื้อผ้าแล้วด้วย 
พอได้อาบน้ำอุ่นจัดหลายรอบเข้า เลือดที่ขาคงเริ่มละลาย และเริ่มคลั่งเพราะสายดูดเลือด หมอเอาออกแล้ว ความเฮงก็บังเกิดอีก ขาบวม ปวดเวลาขยับ เป็นร่วมเดือน เพราะเลือดยังคลั่งอยู่เล็กน้อย แผลที่ขาได้มา 2 ที่บริเวณหัวเข่า กะ เกือบขาหนีบ


เป็นการผ่าตัดแบบใหม่ ไม่ต้องมีตะขาบตัวยาวเท่าขาเกาะติดตัวตามไปด้วย เราเองคงสยองน่าดู  อันนี้ต้องขอบพระคุณคุณหมอสุชาต และทีมแพทย์อีกครั้งค่ะ



หลังจากย้ายมาอยู่ห้องรวมประมาณ 1 สัปดาห์(จำไม่ได้) หมอได้มาแกะผ้าปิดแผล และขอถ่ายแผลส่งให้หมอสุชาตดู 




ที่จริงบริเวณบวมจะเขียวคล้ำ แต่เวลาถ่ายภาพเหมือนสีมันอ่อนลงในขณะที่พิมพ์นี่ ออกร.พ.ได้ 15 วันแล้ว ขายังชาอยู่เลย บวมมากด้วย 



หมอให้ตัดไหมวันที่ 1 แผลฝั่งซ้ายมันไม่แห้ง พยาบาลเค้าเลยนัดให้ไปล้างแผลทุกวัน ล้างได้ 3 ครั้ง เราใช้น้ำสมุนไพรทาช่วยเอา แผลเริ่มแห้ง เลยไม่ได้ไปล้างอีก

ตอนนี้ขาปวดน้อยลงความรู้สึกเจ็บแผลหน้าอกก็มาหล่ะ ยิ่งเป็นคนใจเสาะด้วย ก็จะค่อยๆ เยื้องย่าง และยังรู้สึกจิตใจหดหู่ ไม่มีพลัง ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย

update อาการหลังได้เดือนกว่าๆหลังผ่าตัด  ขายังระบมอยู่ เหมือนเลือดยังมีครั่ง ห้อยเท้านานๆจะปวด

แผลที่หน้าอกแห้งดีแล้ว แต่เวลาขยับจะระบมอยู่เหมือนข้างในมันพร้อมจะปริออกจากกัน แม้จะรู้สึกว่าหมอเย็บไว้แน่นก็ตาม  หายใจลึกๆ หาว หรือไอจะเจ็บหน้าอกด้านซ้าย เวลามีอาการต้องจับเต้าไว้แน่นๆ หรือกดให้โดนเส้นหรือจุดที่น่าจะเจ็บ(อันนี้ต้องสุ่มเอา) เพื่อให้มันกระเทือนน้อยที่สุด เพราะถ้ากระเทือนมาจะเจ็บจนต้องร้องออกมาเชียว ปอดน่าจะมีปัญหาตั้งแต่ให้เครื่องช่วยหายใจ



เจ็บที่สุดคือช่วงบนของแผลค่ะ หัวหน้าพี่สาวอนุเคราะห์ยาแก้แผลเป็นมา 2 หลอด ก็ทาอยู่เรื่อยๆนะคะ



ส่วนแผลที่ขา ก็ทายาเหมือนกัน แผลเริ่มแห้ง สังเกตุว่าขาเหี่ยวด้วย เพราะน้ำหนักลดไป 5 โล ใน 10 วันที่อยู่ร.พ.เท่านั้นเอง  พยาบาลเองก็เตือน นำ้หนักลดเร็ว ระวังการโยโย่ด้วย

เวลาจะลุกจะต้องเกร็งคอ ทำให้ปวดคออยู่เนืองๆ จะเกร็งตัวช่วยแทบไม่ได้เพราะกระทบแผลที่หน้าอก จะปวดแน่นขึ้นคอ ขึ้นหัวเลย (คือบอกอาการไม่ถูก ได้แต่บรรยายความรู้สึกเอานะคะ) และต้องจับหน้าอก 2 ข้างให้ชิดกันมากที่สุดเพื่อกันแผลกระเทือนก็จะช่วยให้เจ็บน้อยลง 

คือมันไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ได้ แต่ถ้าต้องลุกบ่อยๆมันก็เจ็บอยู่เรื่อยๆ พอหายเจ็บอาการระบมมันยังอยู่ เวลาห่มผ้า หรือแม้แต่เสื้อถูกบริเวณแผลก็รุ้สึกระบมแล้ว 

ปกติถ้าลูกมานอนด้วย เวลาเค้าดิ้นเยอะๆ จะจับตัวเค้าให้เข้าที่ แต่เดี๋ยวนี้จับยกไม่ได้ ยังใช้แรงไม่ได้ ต้องใช้ขาค่อยๆยันออกไป 5555 บางคืนอยากถีบให้ลงไปนอนกะพ่อมันข้างเตียงเหมือนกัน ติดที่ออกแรงมากเราก็เจ็บ เด็กบ้าอะไรนอนดิ้นเหลือเกิน

เดือนนี้ประจำเดือนมาlate จนนึกว่าท้อง จิตตกมาก ไม่อยากมีลูกอีก แต่ป้องกันตลอดนะคะ แต่บางทีก็กลัวพลาด จนเมื่อ 27 นี้ เพิ่งจะมา พี่ที่ทำงานบอกว่า ตอนผ่าตัดเราเสียเลือดมาก ร่างกายน่าจะรวน ทำให้ประจำเดือนผิดปกติไปบ้าง ถึงได้ค่อยสบายใจ
 
ห่างหายจากการupdate นานเลย เหตุเพราะงานเยอะ และรู้สึกไม่อยากทำอะไร เพราะหลังผ่าตัดมา อาการเหนื่อยไม่หาย แถมหลังๆ ยังมีอาการปวดร้าวไปด้านหลังลงแขนเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นที่ด้านซ้ายหัวใจ แต่เป็นที่ด้านขวา  
 
เดิมเราต้องไปพบแพทย์ 2 คนที่แพทย์ที่รักษาตอนบอลลูนครั้งแรก และแพทย์ที่ผ่าตัดบายพาสให้ในครั้งหลัง แต่พอแพทย์ท่านแรกรู้ว่าเรารักษากับแพทย์ที่ผ่าตัดให้ เขาเลยขอไม่นัดต่อ ให้เรารักษากับแพทย์คนล่าสุดไปเลยทีเดียว ประมาณว่าเพราะเป็นอาจารย์ของอาจารย์หมออีกครั้ง หมอเลยยึดคำวินิจฉัยการรักษาของอาจารย์หมอเป็นหลัก
 
หมอนัดเดือนละครั้งได้ 3 ครั้งก็ปรับเป็น 3 เดือนครั้้ง แต่พอกลับมาช่วงนั้นเรามีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน และเจ็บหน้าอกขวาถี่ขึ้น รวมถึงนอนไม่ค่อยหลับเพราะเจ็บแผล นอนหงายก็เหมือนแผลจะปริ นอนตะแคงก็เหมือนแผลจะเคลื่อนไปรวมกัน ทำให้นอนไม่เป็นสุข ก็นอนไม่หลับ สุขภาพจิตเลยไม่ดี  ร่างกายเหมือนไม่ค่อยมีแรง ไม่มีสมาธิ จำอะไรไม่ค่อยได้ อาจจะเป็นผลจากการพักผ่อนน้อย และปัญหางานมากขึ้น ก็เลยกลับไปหาหมอก่อนถึงวันนัด 
หมอปรับยาให้หลายครั้ง ที่จริงอยากจะนำข้อความที่พูดคุยกะหมอมาลงเล่าให้ฟัง เพราะขำดี หมออย่างฮา แต่บางทีก็จะกลายเป็นเหน็บเหน็บหมอแบบไม่ตั้งใจไปหรือเปล่า เลยเอาแค่เรื่องตัวเองดีกว่า

 
ข้อมูลที่หามานะคะ เพราะหมอบอกสรรพคุณมาเล็กน้อย
 
Valdoxan(R) มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

อันนี้จากข้อมูลอาการของโรค
  1. รู้สึกเศร้าใจ หม่นหมอง หงุดหงิด หรือรู้สึกกังวลใจ ไม่สบายใจ  
  2. ขาดความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง หรือสิ่งที่เคยให้ความสนุกสนานในอดีต
  3. น้ำหนักลดลง หรือเพิ่มขึ้น ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป
  4. นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินกว่าปกติ  
  5. รู้สึกผิด สิ้นหวัง หรือรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า  
  6. ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ความจำแย่ลง  
  7. อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง  
  8. กระวนกระวาย ไม่อยากทำกิจกรรมใดๆ  
  9. คิดถึงแต่ความตาย และอยากที่จะฆ่าตัวตาย  
ถ้าหากคุณมีอาการเช่นนี้หลายข้อ เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ คุณอาจจะกำลังเป็นโรคซึมเศร้า

เรารู้สึกว่าเรามีอาการในทุกข้อเลย แต่มากน้อยในระดับต่างกัน เพราะการศึกษาธรรม และการคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผลต่างๆยังทำงานได้อยู่ แต่เริ่มจะรวนๆ ล้าๆไม่คงเส้น คงวาเหมือนเดิม ไม่ได้บอกว่าเป็นยาแก้โรคซึมเศร้า
 
หลายครั้งที่คิดปลงสังเวช และอยากแต่นอนรอความตาย แต่ยังไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ตอนหมอให้ยาตัวนี้มา หมอถามว่านอนหลับไหม เครียดไหม ฯลฯก็เลยจัดมาให้ลองดู แบบว่าถ้าไม่มีอาการไม่ต้องกินนะ  หรือถ้ากินแล้วไม่เห็นผลอะไร หยุดกินไปเลยนะ แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/anpi/648705
 

 
ต่อไปยาตัวนี้หมอให้มาเดือนเมษายน แต่ไม่ได้กินดันอยู่ก้นถุง หยิบออกไม่หมด แต่เห็นว่าข้อเสียเยอะเหมือนกัน 

ลอราซีแพม (Lorazepam) หรือชื่อการค้าที่คนไทยเคยรู้จัก คือ เอติแวน (Ativan) เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Benzodiazepine ทางวงการแพทย์ใช้เป็นยาคลายความวิตกกังวล การนอนไม่หลับ ยานี้จะออกฤทธิ์ที่สมอง และมีฤทธิ์ระยะสั้นกว่ายากลุ่ม Benzodiazepine ตัวอื่น

หลังจากได้รับยาลอราซีแพมเข้าสู่ร่างกาย ยาลอราซีแพมจะถูกเปลี่ยนโครงสร้างที่อวัยวะตับ และระดับยาจะคงอยู่ในร่างกายในช่วง 9–16 ชั่วโมง จากนั้นจะถูกขับออกทางปัสสาวะ

ด้วยยาลอราซีแพมออกฤทธิ์ที่สมองและระบบประสาท การใช้ยาจึงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น ไม่สมควรชื้อยามารับประทานเอง

https://www.pobpad.com/lorazepam
Lorazepam
(ลอราซีแพม) เป็นยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรควิตกกังวลหรือผู้ที่มีความวิตกกังวลจากระดับสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุลกัน และยังมีผลทางการรักษาอาการอื่น อย่างอาการนอนไม่หลับอันเกิดจากความวิตกกังวล หรือช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลให้ผู้ป่วยก่อนเข้ารับการรักษา เช่น ก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือการทำเคมีบำบัด
ควรปรึกษาแพทย์หากรู้สึกว่าการใช้ยาไม่ได้ผล ควรใช้ยาในช่วงสั้น ๆ ไม่ใช้ยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน 

 

และArcoxia® เป็นยากลุ่ม NSAID เป็นยาต้านการอักเสบและระงับการปวดด้วย 

(เป็นยาลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดครับ แต่มันก็ให้ผลในการรักษาได้ในระยะเวลาสั้นๆ คือหมดฤทธิ์ยาก็อาจจะกลับมาปวดใหม่ ถ้าต้นเหตุที่ำทำให้เกิดการอักเสบ(จึงมีอาการปวด)...ยังไม่ถูกรักษาอย่างเหมาะสมก็จะปวดเรื่อยๆ

*** ยาพวกนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นประมาณยาประทังอาการให้ดีขึ้น(ไม่อักเสบมากขึ้น)หรือลดอาการปวด แล้วรอให้ร่างกายรักษาตัวเอง)

 

เพราะหมอมองว่าอาการเจ็บของเราน่าจะมาจากการผ่าตัดแหวะกระดูก แหวะหน้าอก ทำให้ปลายประสาทเสียหาย
แต่จากข้อมูลที่หาในเวปมา บอกว่า 
ไม่ควรใช้ในคนที่มีปัญหาโรคไต โรคหัวใจ แต่หมอก็จัดมาให้เพราะอาการเจ็บเรามันแย่เกินเหตุ แบบว่าเราต้องใช้ยาอมใต้ลิ้นเวลาเจ็บเลย ซึ่งหมอก็งงว่าทำไมถึงหาย แต่ยังไม่ยอม recheckใหม่ เพราะหมอบอกว่าวุ่นวายเกินเหตุและไม่น่าจะเกี่ยวกับเส้นเลือดตีบอีก

มีอีก 2-3 ตัวที่หมอปรับใหม่ แต่ปรับแล้วลดตัวยาเดิมก็คือแทนกัน แต่ที่มาลงให้ดูคือปรับเพิ่มขึ้นค่ะ

ด้วยความที่เป็นเคสมีปัญหา น่าจะกระเทือนชื่อเสียงหมอมือ1 แห่งวงการ หมอเลยสั่งพยาบาลหนักหนา ว่าคนไข้รายนี้ ให้มาพบหมอเท่านั้น จึงสั่งให้นัดที่คลินิกนอกเวลา เพราะถ้าคลินิกปรกติหมออาจติดคิวผ่าตัด หรือเคสด่วนก็จะเจอคนอื่นแล้วหลุดไป การตรวจรักษาก็จะไม่ต่อเนื่อง เพราะปัญหาจุกจิกของเราคนอื่นคงไม่เข้าใจ การจะปรับยา หรือวินิฉัยอะไรมันจะรวนกันไป ประมาณนี้อ่ะนะคะ

 

 

 

 



Create Date : 31 สิงหาคม 2560
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2564 15:34:07 น.
Counter : 8925 Pageviews.

4 comments
  
อยากรบกวนขอ email ติดต่อครับ พอดีผมก็มีการไปทำบอลลูนมาแต่เหมือนยังไม่ดีขึ้นเลยครับ
โดย: บอลลูน IP: 49.229.131.2 วันที่: 6 ตุลาคม 2560 เวลา:15:38:43 น.
  
Line ดีกว่าเนอะ ID..pornat
โดย: fornatcha วันที่: 13 ตุลาคม 2560 เวลา:16:30:06 น.
  
สวัสดีจ้ะ เราแวะมาทักทายนะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: สมาชิกหมายเลข 4286561 วันที่: 22 ธันวาคม 2560 เวลา:17:28:46 น.
  
เป็นข้อมูลดีมากครับผมกำลังจะผ่าพอดีเลยครับ​ ขวบคุณมากๆครับ
โดย: ลอย IP: 184.22.244.216 วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:9:35:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

fornatcha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]