กรกฏาคม 2563

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
16 กรกฏาคม 2563
All Blog
โรคหัวใจ รอบที่ 3
หลังจากผ่าตัดหัวใจ และร่างกายอ่อนแอลง ก็รับยาเดิมๆ ปรับบ้างบางตัวมา 2 ปีกว่า ก็ทนไม่ไหวหล่ะ
เรายังเหนื่อยอยู่ เหนื่อยแบบแน่นหน้าอก ทุกวันนี้ใส่ยกทรงตัวใหญ่ๆ เพื่อไม่ให้รัดรอบอก หรือบางวันใส่เป็นเสื้อว่ายน้ำแทน เพื่อกันเห็นจุกนม จนหน้าอกจะเหี่ยวอยู่แล้ว  แต่พอเหนื่อยขึ้นมา ต้องดึงเสื้อออก เหมือนขอบมันกดรัด ทั้งๆที่ไม่รัดแน่นอน 
แต่เคยคุยกะหมอแล้วไม่เห็นด้วยที่เราขอ recheck อีกรอบ ก็ทนเรื่อยมา
-แต่เคยเหนื่อยจนหายใจไม่ออกทั้งที่ รีบกินยาแล้ว 4-5 ครั้ง
ครั้งที่เป็นหนักๆเลย คือวันหนึ่งเรากลับไปบ้านแม่ แล้วขึ้นไปเอาของที่ห้องนอน รู้สึกเหนื่อยกับการขึ้นบันไดมาก ทนไม่ไหวก็รีบไปที่ห้องน้ำ กินยา (เพราะเรามียาวางไว้ที่นั่น คือที่จริงยาจะวางไว้หลายๆที่ของบ้าน) ก็ไม่ดีขึ้น  จนลากสังขารไปนั่งบนโถส้วม พยายามทำจิตนิ่งๆ หายใจลึกก็ไม่ดีขึ้น จนเริ่มกะสับกระส่าย หาอากาศรอบตัวที่ไม่มี สักพักเหมือนจะดีขึ้นก็ลุกขึ้นจะลงมาข้างล่าง เพราะข้างบนไม่มีใคร ไม่ได้เอามือถือขึ้นไปด้วยอีกต่างห่าก


แต่ก็รู้สึกเหนื่อยและแน่นหน้าอกขึ้นมาอีก ก็นั่งลงไปกับกับโถส้วมอีก ทีนี้อาการหนักขึ้น รู้สึกขาดอากาศนานขึ้น จนจะหมดลม คิดว่าตายแน่ๆ รีบตั้งสตินึกถึงหลวงพ่อที่เคารพ บอกลูกทรมานทำสมาธิไม่ได้ หลวงพ่อมารับด้วย อากาศเริ่มหมดลงๆ รู้สึกเหนื่อยอ่อน แขนขา ไม่มีแรง หน้ามืด ก่อนที่จะค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง เพื่อพิงกับผนังห้อง หลับตา และรอความตาย แล้วเราก็วูบไป
รู้สึกตัวอีกครั้ง นอนอยู่ที่พื้น ลืมตามาเห็นว่าตัวเองนอนอยู่ใต้ราวตากผ้า ตรงข้ามโถส้วม (มาได้ไงวะ มะกี้นั่งที่โถส้วมชัดๆ จำได้ เอ๊ะหรือว่าจำไม่ได้)  แต่อาการปวดหัวใจไปแล้ว ก็ค่อยๆลุกขึ้นและลงมาข้างล่าง 
ทั้งหมดใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10-20 นาที
**นึกเสียดาย ถ้าตายตั้งแต่ตอนนั้น ก็ไม่ต้องทรมานอีก แต่ยังไม่รู้ที่ไป ว่า บุญกุศล น้อยๆแบบนี้ ต้องไปนรกหรือเปล่า หลวงพ่อก็ไม่มา ไม่รู้ท่านไม่ว่างหรือ บุญไม่ถึงท่าน  สรุปว่ารอดมาอีกครั้ง

**อีกครั้งหนึ่ง กลับไปนอนที่บ้านแม่นั่นแหละ อาบน้ำเสร็จก็เข้าห้องรู้สึกเหนื่อยมาก แต่กินยาจากห้องน้ำมาแล้ว ก็เดินมานั่งขอบเตียง เริ่มเหนื่อยมากขึ้น และเริ่มหายใจไม่เข้า คือรู้สึกไม่มีอากาศเข้าปอด หันไปมองน้องชายที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ชั่งใจว่าจะเรียกดีไหม ให้มันเรียกรถพยาบาล เพราะจะไม่ไหวแล้ว แต่ก็คิดว่า ถ้าสักพักเสือกหาย รถพยาบาลมาก็ ปาหี่เลย คือบทจะหายมันก็หายง่ายๆ ซะงั้น
-นึกถึงหลวงพ่ออีก หลวงพ่อมารับนะคะ มารับหนูด้วย ยังแข็งใจทนสักครู่ ไม่ถึงนาที แต่ๆละวินาที มันใกล้ตาย จะตายจริงๆ เพราะหายใจแล้วอากาศไม่เข้าปอด กันไปมองน้องชายอยู่เป็นระยะ เรียกดีไหมวะ คือถ้ามันตื่นมาเฉยๆ แล้วมาตกใจกับอาการของเรา เราจะยิ่งแย่ เพราะเวลาเป็นใครมาทำเสียง หรืออาการตื่นเต้นใกล้จะยิ่ง กังวลและจะเหนื่อยมากขึ้น และก็เกือบหมดลมแล้ว   สักพักอาการค่อยดีขึ้น และรอดตาย

**ล่าสุดที่จำได้ คือกลับจากเกาหลี เดินทางเครื่องขึ้นสนามบิน รู้สึกทางมันชัน ทั้งๆที่ไม่ได้ชันเลย แต่อาจเป็นแรงกดอากาศที่เปลี่ยนไป จากสูงมาต่ำ ทำให้ร่างกายยังไม่ปรับหรือไงไม่ทราบ ก็รู้สึกว่าแต่ละก้าวมันเหนื่อยมาก แทบก้าวขาไม่ไหว ถึงตัวอาคารสนามบิน ก็หยุดพัก รีบหายใจลึกๆ ควานหายามากิน หลับตาพักหนึ่งอาการไม่ดีขึ้น ก็นั่งลง  พยายามหายใจ นึกถึงหลวงพ่อ บอกจะตายอีกแล้วหลวงพ่อ มารับด้วยค๊าาาาาาาา  เริ่มขาดอากาศจนหมดปอด กระส่ายกระสับ มองไปที่น้องชาย คิดจะให้มันเรียกรถพยาบาล แต่เดี๋ยวถ้าหายก็ โง่เลย เลยทนอีก  (คิดว่าวันใด วันหนึ่งคงได้ตายจริง เพราะคิดว่าจะทนนี่แหละ) ใจคิดจะให้มันเรียกรถพยาบาลอยู่ตลอด เพราะทรมานมาก เริ่มดิ้นรนหาอากาศ นั่งไม่ไหวแล้ว ต้องลงไปนอน พอนอนลงก็ยิ่งหายใจไม่ออก พยายามลุกขึ้นมานั่ง แล้วหายใจเฮือกสุดท้าย ปรากฏมีอากาศเข้าปอดเลยรอดมาได้ มึนหัวไปหมด เพราะขาดอากาศไปชั่วขณะ นั่งนิ่งๆ อยู่2-3 นาทีก็เป็นปกติ

จนย้ายตัวเองไปรักษาที่ ร.พ.บ้านแผ้ว โดยทางโรงพยาบาลให้เอาประวัติการรักษาทั้งหมดไปด้วย ไม่งั้นไม่รับเคส คุณหมอถามว่า ทำไมรักษาที่นั่นต่อ
เราก็ตอบว่า  คือหลังผ่าตัดคุณหมอก็ให้รับยาดูอาการอย่างเดียว เวลามีอาการแปลกๆ คุณหมอก็บอกว่าตรวจเช็ค เลือด xปอด แสกนคลื่นหัวใจก็ปกติ  ก็ไม่รู้จะตรวจอะไร ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ร่างกายคงกำลังปรับตัว แต่นี่ 2 ปีกว่า อาการไม่ดีขึ้น แต่ก็รับยาเดิมๆ  ถ้าแค่รับยาก็อยากรับที่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวกหน่อยค่ะ เลยมาเช็คที่นี่ ว่ามียาตัวเดียวกันไหม เพราะเคยกลับไปขอรับยาที่ ร.พ.ค่าย ที่เป็นที่แรกที่ วิ่งสายพานแล้วคุณหมอรีบส่งตัว ให้ไปสวนหัวใจ เขาไม่มียาบางตัว
คุณหมอเลย เช็คยา ปรากฏว่ามีครบ เลยรับรักษา วันแรกใช้เครื่องตรวจเหมือนแอคโค่ว ไม่รู้เจออะไรหรือเปล่า เพราะอาการมันจะปรากฏต้องกระตุ้นหัวใจทำงาน ให้มันเหนื่อยก่อน 
แต่คุณหมอก็นัด CT แสกนให้ 
-ถึงวันนัด ช่วงปลายโควิด รพ.โทรมาเลื่อน บอกว่าเครื่องชำรุด เลื่อนเป็น อ 16 มิ.ย. 63 

                             
เครดิตภาพจากเวปค่ะ 

-เราเข้าไปท่านี้แหล่ะค่ะ แต่เขาเจาะให้น้ำเกลือด้วย  แต่เราว่าเป็นสีหรือสารเรืองแสงที่จะทำให้เห็นเส้นเลือดหรือเปล่า เพราะมันแปลกๆ
เข็มเข้าไม่สุด โดนเจาะไป 3 รอบ รวยมากกก
ตอนที่เข้าอุโมง แล้วเขาให้กลั้นหายใจ เขาจะเร่งน้ำเกลือเข้าเส้นเลือด มีครั้งหนึ่งที่เขาคงเร่งแรงมาก เรารู้สึกน้ำเกลือมันฉีดไปทั่วร่างกาย และร้อนวูบขึ้นมาพักหนึ่ง จะร้อนไปถึงปลายกระเพาะปัสสาวะ เหมือนคนมีประจำเดือนไหลเลย ตอนลุกเรากังวลว่า มันจะไหลออกทางช่องคลอดหรือเปล่า  เขาจะเข้าใจว่าเราฉี่ราดหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเมนเพราะเพิ่งหมดไปเมื่อวาน วันนี้พอโดนน้ำเกลือล้างก็จะมีปนออกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ถ้าไหลก็มาหล่ะก็ คงแย่มากๆ  แต่ก็ไม่มีอะไร ดีไป



เสร็จแล้ว รอดูอาการ 1ชม. โดยเข็ม ยังปักอยู่แบบนี้เลย ใช้ชีวิตลำบากนะเนี่ย

ไปชั้น 5 นัดหมอฟังผล  ถึงวันนัด 

เฮงจ้า หมอนัดสวนหัวใจฉีดสีอีกรอบ เพราะผล CT scan มีภาวะตืบที่จุดเดิมทั้ง 2 จุด 

อุปสรรค
-ร.พ.โทรมาแจ้งนัดสวนหัวใจ อ.21 ก.ค.63 แต่ก็โทรมาเลื่อน เป็น อ.4 ต.ค.63 อีก ผัดเป็นก๋วยเตี๊ยวเลยนะคะ คุณหมออออ
-ผัวไม่ว่างไปเฝ้าแน่นอน เพราะต้องดูแลแม่ที่เดินไม่ไหว และลูกที่ต้องไปโรงเรียน  ญาติพี่น้องไม่มีใครว่าง  เกือบได้เป็นคนไข้อนาถาแล้วตู แต่พี่ที่ทำงาน อาสาไปเฝ้าให้  ที่จริงเกรงใจเขามาก เพราะเขาก็ไม่ค่อยแข็งแรง  ยังแซวกันว่า ฉันต้องจองเตียงกะหมอให้เทอด้วยป่ะ 5555
-จองห้องพิเศษไว้ จ่ายส่วนต่างประมาณ 500-1000 / คืน ไม่รู้จะได้หรือเปล่า ต้องไปลุ้นเอา  ถ้าไม่ได้พี่เขาจะนอนลำบากหน่อย
-ต้องขับรถไปเอง ที่จอดรถไม่ค่อยมี ถ้ามีก็ไกล ลากของ ลากกระเป๋าไม่ไหวแน่ ยังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี อาจขับไปจอดหน้าตึกเอาของลงก่อน หรือหาจ้างเจ้าหน้าที่ให้ไปหาที่จอดให้ คงต้องเอาแบบนี้แหละ

พฤ 16 ก.ค. 63 วันนี้เวียนหัวอยากจะอาเจียน  (โทษแฟนขับรถไม่ดี น่าเบื่อ)

สรุปวันนัด เราขับรถไปคนเดียว เพราะพี่ที่นัดกัน เขามีประกวดงาน เสร็จคงช่วงบ่ายๆ ซึ่งเรารอไม่ได้  ไปถึงรพ.กำลังขับรถวนหาที่จอด รอบที่ 2  พี่สาวก็ลงจากรถแคปที่ขับมาจาก กทม.วิ่งเข้ามาหา กับน้องชายอีกคน มาขับรถไปหาที่จอดให้ ให้พี่สาวอยู่กับเรา

คือตอนแรกไม่มีคนว่าง ก็เตรียมใจแล้วว่านอนห้องรวมก็ไม่เป็นไร แต่ห้องพิเศษที่จองไว้ มีห้องว่าง

ต้องตรวจเลือดอีกรอบก็พบหมอประเมินร่างกายอีกรอบ ก่อนเข้าห้องพัก  ปรากฏว่าเลือดซีด หมอตกใจกันใหญ่ พึมพำ พูดคุยกันประมาณว่าคงบอลลูน หรือทำอะไรไม่ได้เพราะจะมีผลต่อหลอดเลือด ฯลฯ
ส่งไปหาหมอสูติเพื่อตรวจภายใน หามะเร็งปากมดลูก และอัลตราซาวด์ ปรากฏว่าพบเนื้องอกขนาด 4 ซม. 2ก้อน ซึ่งน่าจะเป็นผลทำให้เสียเลือดมาก จนทำให้เกิดภาวะเลือดซีด

และส่งไปหาหมอตรวจลำไส้ ว่ามีเลือดออกภายในหรือเปล่า  ตอนแรกหมอจะให้กลับ เพราะคงสวนหัวใจไม่ได้ แต่หมออรพรรณที่เป็นเจ้าของเคสเรา เขาบอกว่าให้ลองสวนหัวใจดูว่ามีเส้นเลือดผิดปกติหรือไม่  แต่ไม่ต้องอย่างอื่น เพราะเสี่ยง จากนั้นให้เข้าห้องพิเศษได้

**หมอตรวจลำไส้เข้ามาหา นัดแนะว่าพรุ่งนี้ก่อนเข้าห้องสวนหัวใจ จะส่องกล้องดูลำไส้ก่อน ตอน 9 โมงเช้า พูดเสร็จหมอก็สบัดม๊อบออกไป เราก็รับคำแบบงงๆ หมอก็ออกไปพ้นห้องแล้ว ก็หันมามองหน้ากัน อะไรวะ หมอบอกให้ไปส่องกล้องพรุ่งนี้ 9 โมงก่อนสวนหัวใจ ชิมิ... จำได้ว่า ห้ามกินอาหารและน้ำหลัง 2 ทุ่ม


ตั้งแต่เช้าพยาบาลมาบวชให้ บวชก็ไม่เกลี้ยงแบบนี้ไม่ต้องทำก็ได้
ประมาณ 8:00 น เอายามาให้กิน
9:00 น มีเตียงมารับไปตึกส่องกล้อง
หมอหรือวิสัญญีหรือเจ้าหน้าที่หยดยาชาให้ 3 รอบ ปากเริ่มหนัก ลิ้นเริ่มชา กลืนน้ำลายลำบากเหมือนมีอะไรติดคอ
สักพักคุณหมอที่จะส่องกล้องมาบอกว่าจะฉีดยานอนหลับให้ อันนี้คือที่กันกัดกล้อง อันนี้คือสายดูดน้ำลายให้ลืมตาไว้ก่อนง่วงแล้วค่อยหลับ
เราก็นอนสวดมนต์ไปจำไม่ได้ว่า 1 หรือ 2 จบก็รู้สึกว่าหลับเราสวดมนต์อยู่เหมือนรู้สึกตัวนะ คือตอนที่รู้สึกตัวยังรู้สึกว่าตัวเองยังสวดมนต์อยู่ครึ่งๆกลางๆ ลืมตาขึ้นมาอีกทีเขาเข็นมาที่ห้องสวนหัวใจแล้ว 

มีหมอผู้ชายเข้ามาคุยเล็กน้อยจำไม่ค่อยได้ ทีมแพทย์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เข้ามาทายาน่าจะเป็นแอลกอฮอล์ แล้วก็ให้เราใส่แพมเพิสแบบแปะ ที่ให้ซื้อไว้เมื่อวานเขาเปิดใช้ข้างเดียว แล้วเขาก็ฉีดยาชา แล้วเขาก็สวนกล้องซึ่งรู้สึกว่ามันเจ็บอยู่ตลอด ตอนทำที่รามาไม่เจ็บ เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา

ไม่รู้เขาทำอะไรบ้างตัวเครื่องมันบังมิดเลย ที่นี่ทีมแพทย์เขาไม่ได้คุยกับเราเลย เขาไม่บอกว่าเราเป็นอะไร เป็นตรงไหน แล้วเขาจะทำอะไร
ไม่รู้เขาใช้เวลานานแค่ไหนแต่สักพักเราเริ่มอึดอัดเหนื่อยหายใจไม่ออกก็เลยบอกหมอ เขาก็ล้งเล้งกันพักนึงแล้วฉีดยาแก้ปวดให้ มันก็เย็นไปทั่วหัวใจ เหมือนจะดีขึ้นแต่สักพักก็เป็นอีกก็บอกหมอว่าไม่ไหวแล้วเหนื่อยหายใจไม่ออกตอนนี้พูดลำบากเพราะเหนื่อย
เราเริ่มร้องไห้ที่จริงมันไม่ได้ปวดทรมานขนาดนั้นแต่มันรู้สึกว่า ทำไมต้องเจ็บปวดอย่างนี้อยู่เรื่อยไปไม่หายสักที อยากจะบอกหมอว่าไม่รักษาแล้ว เอาออกไปมันทรมาน เขาก็ฉีดยาแก้ปวดให้อีกรอบ เราขอยาอมใต้ลิ้นด้วย แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้น รู้สึกว่าเขาจะทำงานเสร็จแล้วหรือไม่รู้จะทำอะไรดีก็ค่อยๆเอาสายออก
แล้วก็มีหมอผู้ชายมาคุยกับเราว่ามีการตีบในจุดที่เคยใส่ขดลวดไว้ ส่วนจุดที่บายพาสเหมือนจะใช้งานได้อยู่ 2 เส้นอีกเส้นหนึ่งหมอมองไม่เห็นแสดงว่าตีบ แต่เนื่องจากมันเป็นจุดเสี่ยงและวันนี้เราทำอะไรไม่ได้เพราะร่างกายคนไข้ไม่พร้อมหมอเลยจะรักษาด้วยการให้ยาขยายหลอดเลือดเพิ่มเผื่อจะช่วยได้ แล้วหมอก็หายไปเลย
ทีมแพทย์เข้ามากดแผลเอาอะไรทับแผลไว้ เอาผ้าถุงมาใส่ให้แล้วก็ลากออกมานอนพักฟื้นนอกห้อง ใจเราอยากกลับห้องเลย
เขาก็มาตรวจนิดหน่อยหน่อย แล้วปล่อยเรานอนตรงนั้นเราก็นอนแบบทรมาน คือยังเหนื่อยหายใจไม่สะดวก เจ้าหน้าที่จึงมาใส่สายออกซิเจนให้ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร เราไม่ได้รู้สึกว่ามันโอเคขึ้นเลยเกะกะน่ารำคาญอีกต่างหาก แต่เหมือนจะหลับไปแป๊บนึงแล้วได้ยินเสียงน้องชายคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องพักนึงแล้วก็หายไป ตอนนี้รู้สึกว่าไม่เหนื่อยแล้ว
เจ้าหน้าที่มาดูหลายรอบ พอเห็นว่าไม่เป็นไร ก็โทรเรียกเตียงพยาบาลให้มารับกลับห้องแต่ก็รอนานมาก เหมือนเขาโทรไป 2-3 รอบกว่าเตียงจะมา

กลับมาปวดหัวหายใจลำบากนอนไม่หลับหงุดหงิดอยากร้องกรี๊ดๆ เจออะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด

เที่ยงกว่าๆหมอหัวใจเข้ามาคุย สรุปคือที่ใส่สเต็นไว้ตันแต่ไม่น่าห่วงเพราะมีเส้นเลือดอื่นๆที่ไปช่วยเลี้ยงหัวใจ ส่วนที่บายพาสไว้ดีหมด หมอก็จะปรับยาให้ต่อไป

****
วันที่ต้องไปหาหมอโรคหัวใจที่รามา เพื่อประเมินอาการก่อนเข้ารับการผ่าตัดมดลูก หมอปรับยาให้ 1 ตัว 



โดยเขียนชื่อยาอีกตัวให้ บอกให้หยุดกินยาตัวนี้  แต่พอกลับไปรับยาที่บ้านแพ้ว และแจ้งคุณหมอๆก็งง เพราะมันยาตัวเดียวกันนี่  เออ..เหรอ..คนไข้งงกว่าอีกค่ะ 


 



Create Date : 16 กรกฎาคม 2563
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2564 15:23:59 น.
Counter : 876 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

fornatcha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]