มหากวีเฮสิออด (Hesiod) เล่าถึงการกำเนิดจักรวาลไว้ว่าแต่ดั้งเดิมมา จักรวาล ยังมีแต่ความว่างเปล่าไม่ปรากฎรูปทรงใดๆเป็นเพียงที่สิงสถิตย์ไร้ระเบียบ เคออส (Chaos) ที่ปราศ จากรูปพรรณสัณฐานล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิดต่อมานับโกฎิปี ความไร้ระเบียบก่อกำเนิดกลางคืน (Hight) และความลึกสุดหยั่ง (Depth) เรียกว่า อิเรบัส (Erebus) อันเป็นที่สิงสถิตย์ของความตาย (Death) ทั่วทั้งจักรว าลไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืดมิด ความว่างเปล่า ความสงัดเงียบ ปราศจากจุดสิ้นสุด กาลเวลาต่อมาความมืดมิดและความตายให้กำเนิดสิ่งที่ดีที่สุดในโลกขึ้นมาคือ ความรัก (Love) และคามรักให้กำเนิดแสงสว่าง (Light) และกลางวัน (Day) อันสว่างสไสว ความรักและกลางวันให้กำเนิดพื้นพสุธา (Earth) และสวรรค์ (Heaven) ซึ่งครอบคลุมเป็นทรงกลมอยู่เหนือพื้นโลกประดับด้วยดวงดาวมากมาย ซึ่งจะเป็นที่สถิตจีรังของทวยเทพสืบไป

ต่อมาสวรรค์ ซึ่งบัดนี้เปรียบเสมือนสวรรคบิดา (Father Heaven) มีนามว่า อูรานอส (Ouranos) ส่วนโรมันเรียกว่า ยูเรนัส (Uranus) และพื้นพสุธาเปรีย บเฉกเช่นพิภพมารดา (Mother Earth) มีนามว่า จีอา (Gaia) หรือ จี (GE) ในภาษากรีก เทลลัส (Tellus) ในภาษาโรมัน ถือกันว่าเป็นจอมบิดรคู่กันกับจีอาจอมมารดร (จอมบิดาและมารดานี้ประกอบด้วยทิพยภาพก็จริง แต่ก็หาได้สมมติเป็นองค์เทพแต่อย่างได คงปรากฏแต่ว่ามีอิทธิฤทธิ์บันดาลให้เกิดแผ่นดินไหว ลมพายุและภูเขาไฟระเบิดได้เท่านั้น) จอมบิดาและมารดานี้ก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตรุ่นแรกขึ้นเป็นอมนุษย์ที่มีอิทธิฤทธิ์น่ากลัว อมนุษย์พวกนี้ไม่มีรูปพรรณสัณฐานที่เด่นชัด มีแต่พลานุภาพร้ายแรงปรากฎในคราวแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และลมพายุบ้าคลั่ง สามตนในบรรดาอมนุษย์เหล่านี้คือยักษ์ไซคลอปส์ (Cyclope) แปลว่ามีตาประดุจกงล้อ (Wheel-eyed) เพราะแต่ละตนมีตาเดียวใหญ่มหึมาอยู่กลางหน้าผาก มีร้อยแขนและห้าสิบศีรษะ สิ่งมีชีวิตรุ่นที่สองคือกลุ่มเทพไททันส์ (Titans) มีอยู่สิบสององค์ล้วนร่างกายใหญ่โต น่าเกลียดน่ากลัวทั้งสิ้น เป็นชาย 6 เป็นหญิง 6 พวกไททันส์เหล่านี้มิใช่พวกดุร้ายทำอันตรายเหมือนพวกอื่นๆเสมอไป มีบางองค์ที่ให้ประโยชน์แก่มนุษย์โลกด้วย

♂ โอเซียนัส (Oceanus)
♂ ซีอัส (Coeus)
♂ ไฮเปอเรียน (Hyperion)
♂ คริอัส (Crius)
♂ อิยาฟิทัส (Iapetus)
♂ โครนัส (Cronus)

♀ เธอา (Theia)
♀ รีอา (Rhea)
♀ นิโมซินี (Mnemosyne)
♀ ฟีบี (Phoebe)
♀ เทธีส (Tethys)
♀ เธมีส (Themis)

۞ เทพวงศ์ไททันส์ขึ้นครองบัลลังก์สวรรค์ ۞

อูรานอส (Uranos) เป็นผู้ทรงอำนาจองค์แรกในจักรวาล แต่ด้วยความรังเกียจในรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดและเกรงกลัวในความมีกายใหญ่ยิ่ง และทรงพลังของเทพบุตรและเทพธิดาคณะนี้ จึงจับทั้งหมดไปขังไว้ในขุมลึกใต้พิภพเรียกว่าทาร์ทารัส (Tartarus) และจองจำไว้มั่นคงเพื่อป้องกันมิให้เทพกุมารองค์ใดใช้พลังเป็นปฏิปักษ์มาแย่งชิงอำนาจได้ การปฏิบัติกับลูกๆเช่นนั้น แม้ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมไม่ฟังทำให้เจ้าแม่ Gaia โกรธนักและได้ลงไปใต้บาดาล ยุยงลูกๆในคณะไททันส์ให้ร่วมคิดกันแย่งอำนาจบิดาให้จงได้ ในบรรดาเทพไททันส์นี้มี โครนัส น้องสุดท้องคนเดียวที่กล้าจะทำตาม เจ้าแม่ Gaia จึงปล่อยให้หลุดจากพันธนาการ มอบเคียวเป็นอาวุธ พร้อมทั้งอวยพรให้มีชัย

โครนัสคอยจนตกเย็นสวรรคบิดากลับมาสู่เจ้าแม่จีอา เมื่อบิดาหลับไปจึงถืออาวุธคู่มือเข้าโจมตีจับบิดาโดยไม่ให้รู้ตัว เมื่อโลหิตของ Uranos ตกลงสู่พื้นพสุธาก็บังเกิดเป็นอมนุษย์มากมายในบรรดานั้นมีคณะ ฟิวรีส์ (Furies) หรือ อิรินนิส (Erinnyes) ผู้ทำหน้าที่คอยลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเที่ยงตรงที่สุด มีสามตนด้วยกันคือ ทิสิโฟนี (Tisiphone) เมจีรา (Megaera) และ อเลคโต (Alecto) และยังมีพวกอสูรกายต่างๆอีก และนำชิ้นส่วนร่างกายของพ่อไปทิ้งทะเลชิ้นส่วนร่างกายที่กระทบผิวน้ำก็บังเกิดฟองคลื่นสมุทรและพรายน้ำผุดขึ้นเป็นร่างนางงามนางหนึ่งขึ้นมา คือเทวีอโฟรไดท์ (Aphrodite) แปลว่ากำเนิดจากฟองคลื่น ภาษาโรมันเรียกเทวีวีนัส (Venus) ร่างของเทวีอโฟรไดท์ ลอยไปไกลถึงเกาะไซทีรา (Cythera) ซึ่งเทวีองค์นี้ยึดเป็นเกาะประจำองค์ และได้สมญานามอีกอย่างว่า ไซทีเรียน (Cytherian) ซึ่งต่อมาภายหลังกลายมาเป็นเทวีองค์หนึ่งในคณะเทพโอลิมปัสจึงนับได้ว่าเทวีองค์นี้ถือกำเนิดก่อนเทพในวงศ์โอลิมปัสทุกองค์

เมื่อทำการปิตุฆาตแล้วก็ขึ้นครองบัลลังก์เป็นราชาแห่งทวยเทพวงศ์ไททันส์ หมายจะเป็นใหญ่ในจักรวาล ชั่วนิรันดร ฝ่ายอูรานอสบันดาลโทสะ จึงสาปแช่งโครนัสให้ถูกลูกๆของตัวเองแย่งอำนาจในกาลภายหน้าเช่นกัน โครนัสไม่แยแสในคำสาปของบิดา จัดแจงปล่อยเทพภราดร และภคินีให้เป็นไทยกเว้นพวกยักษ์ไซคลอปส์ โครนัส เลือกเทพภคินีองค์หนึ่งคือ รีอา เป็นคู่ครอง และปันส่วนอื่นๆให้เทพภราดร ภคินี ปกครองโดยทั่วถึงกัน พวกเทพไททันส์แต่งงานในหมู่พี่น้องและให้กำเนิดบุตรหลานมากมาย ล้วนมีความเป็นอมตภาพ (Immortals) และมีที่ประจำพำนักอยู่

◆โ อเซียนัส (Oceanus) กับ เทธีส (Tethys) ให้กำเนิดบุตรสามพันคนรวมกันเรียกว่า The Rivers และธิดาอีกสามพันคนเป็นนางพรายน้ำ (Water Nymphs) และยังมีนาง เมทิส (Metis) นางผู้ครองปรีชาญาณ นางไทคี (Tyche) ผู้ครองโชคลาภ และสติกซ์ (Styx) แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งวาจาสัตย์ในขุมบาดาล

◆ ไฮเปอเรียน (Hyperion) กับ เธอา (Theia) ให้กำเนิดเฮลิออส หรือสุริยเทพ (Helios) เซเลเน (Selene) จันทรเทวี และอิออส (Eos) เทวีแห่งอรุโณทัย

◆ โครนัส (Cronus) กับ รีอา (Rhea) ให้กำเนิดธิดาสามองค์คือ เฮสเทีย(Hestia) เดมิเตอร์ (Demeter) และ เฮรา (Hera) และโอรสอีกสามองค์คือ เฮเดส (Hedes) โพไซดอน (Poseidon) และ ซูส (Zeus) ซึ่งทั้งหมดจะกลายเป็นเทพวงศ์โอลิมปัสในต่อมา

۞ เทพวงศ์โอลิมปัสขึ้นครองอำนาจ ۞

โครนัส (Cronus) ดำรงความเป็นใหญ่ในเหล่าเทพทั้งปวงอยู่ ณ เทือกเขาโอลิมปัส เป็นสุขสงบมาจนกระทั่งถึงกาลวันหนึ่ง มีเทวบุตรองค์หนึ่งกำเนิดขึ้นมา คำสาปของอูรานอสผุดขึ้นในความทรงจำทันที ด้วยเกรงว่าจะถูกทำการยึดอำนาจเช่นเดียวกับที่ตนเคยทำมา โครนัส จึงรีบไปหา รีอา และ จับกุมารนั้นกลืนกินเสีย ต่อมาถึงโอรสจะเกิดอีกสักกี่องค์ โครนัส ก็จับกลืนกินสิ้นทุกองค์เสียตั้งแต่แรกเกิด โดยไม่ได้เฉลียวใจว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นเหตุให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แม้ รีอา จะวอนขอให้งดเว้นก็ไม่ยอมฟังในที่สุด รีอา จึงตั้งปณิธานว่าจะเอาชนะด้วยอุบายให้จงได้ ดังนั้นพอประสูตรโอรสองค์ที่หกคือ ซุส (Zeus) หรือ ยูปิเตอร์ (Jupiter) ตามภาษาโรมัน นางก็ทำอุบายหลบไปคลอดซูสยังเกาะครีต (Crete) และอธิษฐานฝากทารกซูสไว้กับพิภพมารดาจีอา เมื่อโครนัสได้ข่าวเทพกุมารองค์ใหม่เกิด จึงรีบมาหมายจะจับกินเสีย รีอาแสร้งทำเป็นวอนขอพอเป็นพิธีแต่ในที่สุดก็ทำเป็นโอนอ่อนผ่อนตามเอาก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งห่อผ้าเตรียมไว้แล้วส่งให้ พลางทำเป็นเศร้าโศกนักหนา โครนัสไม่ทันดูรับก้อนหินที่สำคัญว่าเป็นบุตรจึงกลืนกินแล้วก็กลับไป

Rhea จัดแจงและฝากฝังทารกให้อยู่ในความทะนุถนอมของนางอัปสรนีเรียด นางอัปสรจึงพาซุสไปไว้ในถ้ำบนยอดเขา ไอคา ณ ที่นั้น นางอัลมัลเธีย (Amalthea) บุตรสาวของ มิลิสซัส เจ้าครองเกาะครีต ได้รับธุระอนุบาลซุสด้วยนมแพะ นางอัลมัลเธียนี้ บางตำนานกล่าวว่าเป็นนางแพะ และว่าภายหลังซุสได้ประสิทธิ์ประสาทพรให้เป็นดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่งในสวรรค์ เป็นการตอบแทนคุณความดีของนาง และประทานเขาข้างหนึ่งให้แก่นางอัปสรที่โอบอุ้มทะนุถนอมมาแต่น้อย เป็นเขาสารพัดนึกรูปเขาบรรจุแพะซึ่งนางอัปสรจะนึกเอาอะไรก็ได้ดังประสงค์ จึงถือกันเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เรียกว่าเขาแห่งความมั่งมี (the horn of plenty) มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ (นางอัปสรนีเรียดเป็นพี่เลี้ยงดูแล และส่วนนางอัลมัลเธียก็เป็นแม่นมนั่นเอง)

เมื่อซุสเจริญวัยขึ้นก็คิดทำการโค่นบัลลังก์บิดา โดยไปขอความช่วยเหลือจากนาง Metis ทั้งสองประจัญกันอย่างดุร้ายไม่นานโครนัสก็เป็นฝ่ายปราชัย ซุสจึงเข้ายึดอำนาจไว้และได้หารือกับเจ้าแม่รีอา ตกลงกันเอาน้ำพิษที่นางเมทิส (Metis) ธิดาของโอเชียนัสประกอบขึ้น บังคับให้โครนัสดื่มสำรอกกุมารที่กลืนเข้าไปออกมาหมดทุกองค์ คือ โพไซดอน , เฮเดส , เฮสเทีย , ดิมิเตอร์ และ เฮรา (Poseidon, Hedes, Hestia, Demeter, Hera) ตามลำดับ ส่วนก้อนหินที่โครนัสถูกหลอกให้กลืนก็สำรอกออกมาด้วย หินก้อนนี้ภายหลังได้เอาไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เคารพบูชาแทนองค์ซุส ณ วิหารเดลฟี (Delphi) เมื่อยึดอำนาจสูงสุดสำเร็จซูสก็ขึ้นครองอำนาจต่อจากโครนัส อันเป็นการเริ่มวงศ์โอลิมปัสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (โครนัสถูกนำไปจองจำไว้ใต้ขุมลึกสุดพิภพ) ส่วนเทพและเทพีที่เฉลียวฉลาดที่สุดในเหล่าเทพไททันส์คือ เนโมซินี ,โอเชียนนัส และ ไฮเพอร์เรียน ต่างองค์ต่างก็ยอมอยู่ในอำนาจของซุสโดยดุษณี แต่เทพไททันส์องค์อื่นๆไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย จึงเป็นเหตุให้เกิดศึกใหญ่ขึ้น ขับเขี้ยวต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

Zeus เลือก Hera เทวีภคินีองค์หนึ่งเป็นคู่ครอง และแบ่งสันปันส่วนอาณาเขตให้เทพภราดร ปกครองทั่วทุกองค์ เทพซูสเองทรงครองอำนาจเหนือสวรรค์และแผ่นดิน ส่วนเชษฐาทั้งสององค์แบ่งกันครอง เทพPoseidonครองอาณาจักรแห่งสมุทรและสายน้ำทั้งปวง ส่วนเทพHedesครองอาณาจักรใต้บาดาลพิภพ อันเป็นดินแดนของผู้ตาย นอกจากนี้แล้วยังมีเทพเทวีที่เข้าร่วมอยู่ในวงศ์โอลิมปัสอีกเก้าองค์ รวมเป็นทั้งหมด สิบสององค์ดังนี้

* ซูส (Zeus/Jupiter) เป็นเทพที่ใหญ่ที่สุด ผู้ปกครองยอดเขาโอลิมปัสปกครองสวรรค์และทวยเทพทั้งมวล เทพแห่งท้องฟ้า สายฟ้า และความยุติธรรม (Lord of the Sky)

* โพไซดอน (Poseidon/Neptune) เจ้าแห่งห้วงสมุทร เทพแห่งทะเล แผ่นดินไหว เป็นผู้สร้างม้า เป็นพี่ชายของเทพซุส (God of the Sea)

* เฮเดส (Hedes/Pluto) เทพปกครองโลกใต้พิภพยมโลกโลกที่อยู่เบื้องล่าง เทพผู้ครองโลกของคนตาย และเป็นพี่ชายของจอมเทพซุส (King of the Dead) (แต่เดิมเคยถูกจัดอยู่ใน 12 เทพโอลิมปัสด้วยแต่ตัดออกจากกลุ่มในภายหลัง)

* เฮรา (Hera/Juno) ชายาของซูส องค์ราชินีแห่งสรวงสรรค์และดวงดาว เทพีแห่งการสมรสและความจงรักภักดี

* อพอลโล (Apollo/Phoebus Apollo) โอรสของซูส เทพแห่งดวงอาทิตย์(แสง) เทพแห่งศิลปวิทยาการ ดนตรี กวีนิพนธ์ การแพทย์การรักษา การพยากรณ์ทำนาย การธนู และความจริง

* อาร์เทมิส (Artemis/Diana) ฝาแฝดหญิงกับอพอลโล่ เทพีแห่งดวงจันทร์ เทพีแห่งการล่าสัตว์ เหล่าสัตว์ป่า และเทพีผู้ดูแลปกป้องหญิงสาว

* อะธีนา (Athena/Minerva) ธิดาอีกองค์หนึ่งของซูส เทพีแห่งปัญญาความเฉลียวฉลาด ศิลปาการ และกลยุทธ์ (โดยเฉพาะงานทอผ้า ปั้นหม้อ และงานไม้)

* เฮเฟลสตัส (Hephaestus/Vulcan) นายช่างแห่งหมู่เทพ เทพแห่งไฟและการตีเหล็ก

* เอเรส (Ares/Mars) เทพแห่งสงคราม และการหลั่งโลหิต

* อโฟรไดท์ (Aphordite/Venus) เทพีแห่งความรัก เทพีแห่งความงาม และความปรารถนา

* เฮอร์เมส (Hermes/Mercury) ผู้นำสารแห่งหมู่เทพ เทพแห่งการค้า การติดต่อสื่อสาร ความเร็ว โจร และการแลกเปลี่ยน

* ดีมิเทอร์ (Demeter/Ceres) เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยว การกสิกรรม ธรรมชาติ และฤดูกาล

* เฮสเทีย (Hestia/Vesta) เทพีแห่งการครองเรือน เตาไฟ เทพีแห่งครอบครัว เป็นเทพีครองพรหมจารีย์ (ภายหลังออกจากกลุ่มและมี ไดโอนิซุส มาแทนที่)

* ไดโอนีซุส (Bacchus) เทพแห่งไวน์, การเฉลิมฉลองและความสุข (God of Wine) [โอนีซุสไม่ได้อยู่ในทำเนียบด้วย แต่ต่อมาเฮสเทียก็ค่อยๆลดความสำคัญลง และไดนีซุสเริ่มเป็นที่นับถือกันอย่างแพร่หลายตามกระแสของความนิยมไวน์และงานเลี้ยงซึ่งชาวกรีกและโรมันจะจัดงานเทศกาลเพื่อไดโอนีซุส เป็นเทพองค์ล่าสุดที่ขึ้นไปอยู่โอลิมปัส]

* เพอร์เซโฟเน หรือ เพอร์เซโฟน (Persephone) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ เป็นบุตรีแห่งซูสและดีมิเทอร์

* อีรอส (Eros/Cupid) กามเทพ เป็นบุตรแห่งเทพีความรัก Aphordite และเทพการศึกสงคราม Ares

(ถ้านับอย่างถี่ถ้วนจะมี 16 องค์ แต่ปัจจุบันได้จัดให้มีแค่ 12 องค์ เพราะ ตามตำราบางเล่มบอกไว้ว่าเทพรุ่นที่ 3 มีแค่ 12 องค์)

۞ เทพชั้นรอง ۞

เทพชั้นรอง (Minor gods) เป็นเทพที่ไม่ได้อยู่บนเขาโอลิมปัส มีมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเทพเหล่านี้ต่างก็มีหน้าที่และความสำคัญต่างๆกันไป อาทิ เช่น

โพรมีเธียส (Prometheus)
อีออส (Eos)
เฮลิออส (Helios)
เซเลน่า (Selena)
ออโรร่า (Aurora)
แพน (Pan)
ไอริส (Iris)
กลุ่มเทพีอิรินีอีส (The Erinyes)

۞ พวกอมนุษย์ ۞

พวกอมนุษย์ (The Immortals) กลุ่มนี้จะเป็นพวกนางไม้ (Nymphs) ที่อยู่ตามป่า แม่น้ำ ลำธาร ถ้ำ หรือ ในทะเล หรือพวกสัตว์ประหลาดอย่างเช่น ยักษ์ตาเดียว ฯลฯ เหล่าอมุนษย์ของกรีกนั้นมีมากพอๆ กับพวกเทพเจ้า ดังนั้นจะขอกล่าวถึงเฉพาะวีรบุรุษที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมากเท่านั้น เช่น

นางไม้เอ็คโค่ (Echo)
แซนทอร์ (Cantaurs)
ยักษ์ไซคลอปส์ (ยักษ์ตาเดียว) (The Cyclops)
ปีศาจฮาร์พีส์ (Harpies)
เนดส์ (Naiads)
นางพรายทะเลโอเซียนิดส์ (The Oceanids)
นางไม้อมัลเธีย (Amalthea)
ซาไทร์ส (Satyrs)
แม่มดกอร์กอนส์ (The Gorgons)
ยักษ์แอทลัส (Atlas)

۞ พวกมนุษย์ ۞

พวกมนุษย์ (The Mortals) กลุ่มนี้จะรวมทั้งเหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีของกรีกด้วย (The Heroes and Heroines) เหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีของกรีกนั้น มีมากพอๆ กับพวกเทพเจ้า ดังนั้นจะขอกล่าวถึงเฉพาะวีรบุรุษที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันมากเท่านั้น

เฮอร์คิวลีส (Hercules) เป็นผู้ที่ทำภารกิจทั้ง 12 ประการได้สำเร็จ เป็นผู้ที่มีพละกำลังมากที่สุดในกรีก นอกจากนั้นยังสร้างวีรกรรมอีกมากมาย
โอดิซีอุส (Odysseus) เป็นวีรบุรุษในสงครามกรุงทรอย เนื่องจากเป็นผู้คิดประดิษฐ์ม้าไม้ขึ้น และยังได้ผจญภัยในที่ต่างๆ อีกถึง 20 ปี ก่อนที่จะได้กลับบ้าน
เจสัน (Jason) เป็นหัวหน้าคณะ Argonaut ไปตามหาขนแกะทองคำ
เพอร์ซิอุส (Perseus) เป็นผู้สังหาร เมดูซา ได้สำเร็จ
เบลเลโรโฟน (Bellerophon) เป็นผู้จับที่เพกาซัสได้แล้วขี่มันไปสังหารไคเมร่า
ธีซูส (Theseus) เป็นผู้สังหาร Minotaur ได้สำเร็จ
อตาลันต้า (Atalanta) เป็นคนแรกที่ทำให้หมูป่าคาลิโดเนี่ย (Caledonian) บาดเจ็บได้ และเป็นผู้สังหาร Centaur ได้
มีแลมพัส (Melampus)
โอดิพัส (Oedipus)
อคิลลิส (Achilles)
เฮคเตอร์ (Hector)
โอเรสเตส (Orestes)
แอ็ดมิทัส และ อัลเซสติส (Admetus + Alcestis)
อีนีอัส (Aeneas)
แคสเตอร์ และ พอลลักซ์ (Caster + Pollux)
ซิซิฟัส (Sisyphus)
ไมดัส (King Midas)
แทนทาลัส (Tantalus)
แคดมัส (Cadmus)
แอสคลีปิอัส (Asclepius)
ออร์ฟิอัส (Orpheus)

PS. หนังสือและเอกสารประกอบการสอนวิชาพื้นฐานวรรณคดี (เกษมศรี วงศ์เลิศวิทย์) สมัยเรียนมหาวิทยาลัยของเจ้าของบล็อกเองค่ะ...พิมพ์ซะเมื่อยนิ้วเลย ^_^ และ //www.th.wikipedia.org