มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
รักแห่งสยาม : กลางคืนอันยาวนาน แต่แล้วมันจะผ่านไป 3




"โต้ง" อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีทั้ง พ่อ แม่ และ พี่สาว

"กร" พ่อที่เป็นสถาปนิก ที่บุคลิกลักษณะเป็นคนสบายๆ ชอบเล่นเกมซ่อนของกับลูกๆ
"สุนีย์" แม่ที่เป็นอาจารย์ที่ค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็เป็นแม่ที่มีเหตุมีผลกับลูกเสมอ
"แตง" พี่สาวขี้เล่น ที่เป็นทั้งพี่สาว และ เพื่อนของโต้ง

ในสายตาของ"มิว"ที่อยู่กับอาม่า ครอบครัวนี้น่าจะเป็นครอบครัวในอุดมคติ เป็นครอบครัวที่ perfect สมบูรณ์แบบ มีทั้งพ่อ แม่ ลูกสาว และ ลูกชาย มีฐานะทางบ้านดี การงานมั่นคง มีบ้าน มีรถ และ มีความรัก ความอบอุ่นในครอบครัวอย่างเต็มเปี่ยม

แต่ครอบครัวที่"สมบูรณ์แบบ" น่ะมันมีอยู่จริงเหรอ ?
หรือ มันเป็นเพียง"ค่านิยม"ของใครบางคนในสังคมที่กำหนดขึ้นมา ?

แล้วครอบครัวที่ไม่ได้มีองค์ประกอบเหล่านี้ เราจะถือว่าเป็นครอบครัวที่"เว้าแหว่ง"อย่างนั้นหรือเปล่า ?

ครอบครัวที่"สมบูรณ์แบบ"ของโต้ง ต้องมาพบกับบททดสอบสำคัญ เมื่อมีอยู่วันนึง แตงที่ไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วพลัดหลงหายไปในป่าที่ขุนยวม

หลังจากวันนั้น ครอบครัวของโต้ง ก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป







กรผู้พ่อ คอยแต่โทษตัวเองที่เป็นคนอนุญาตให้แตงไปเที่ยวกับเพื่อนๆตามลำพัง ทั้งๆที่สุนีย์ผู้แม่ได้ทัดทานไว้แล้วก็ตาม เขาเริ่มหันมาดื่มเหล้าอย่างหนัก ไม่ทำงานทำการ และ เริ่มมีอาการความจำเสื่อม อยู่ในโลกของตัวเองที่คิดว่าซักวัน แตงต้องกลับมา เราเรียกลักษณะกลไกการป้องกันตัวเองแบบนี้ว่า denial(ปฏิเสธความจริง) และ regression(ภาวะถดถอย)

สุนีย์ แม่ผู้กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน พยายามเก็บข่มความรู้สึก(repression) และ หาเหตุผลมาอธิบายตัวเอง(rational) สุนีย์เริ่มเงียบขรึมมากขึ้น ไม่แสดงออกทางอารมณ์ใดๆ และ เข้มงวดกับลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวอย่างโต้งมากขึ้น เช่น ไปรับไปส่งลูกไปเรียนพิเศษทุกวัน โดยที่หัวข้อในการสนทนากับลูกก็มีแต่เรื่องเรียน เรียน และ เรียน

โต้ง โลกทั้งโลกของโต้งก็พังทลายลงไป เช่นเดียวกับมิว เมื่อพี่สาวที่เขาสนิทมากต้องมาจากไปอย่างไม่รู้ชะตากรรม และ ต้องพลัดพรากจากเพื่อนที่เขาสนิทเพียงคนเดียวอย่างมิวเมื่อตอนที่ย้ายบ้าน เขาเริ่มสับสนในชีวิตวัยรุ่นของตัวเอง มีสาวที่คบเป็นแฟนด้วยอย่าง"โดนัท"ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าชอบเค้าจริงหรือเปล่า

หรือว่า แท้ที่จริงแล้วทุกครอบครัวไม่ว่าจะดูว่า"สมบูรณ์แบบ"ขนาดไหน ต่างก็มีความสัมพันธ์ที่"เปราะบาง"พร้อมที่จะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อโต้งกลับมาพบมิวโดยบังเอิญที่"สยาม"ในอีก 5 ปีต่อมา

โต้ง กับ มิว "คลิ้ก"กันอย่างรวดเร็ว และ ได้เติมเต็มความรู้สึกที่ได้โหยหามาโดยตลอด และ นำไปสู่ความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นกว่าเมื่อตอนเป็นเพื่อนกันในวัยเด็ก

การมาของ"จูน" ก็ทำให้ทั้งมิว โต้ง สุนีย์ ต้องอึ้งไปตามๆกัน เพราะ เธอมีหน้าตาที่เหมือนกับแตงที่หายไปเอามากๆ จนนำไปสู่แผนการที่โต้งอยากให้คืนวันเก่าๆกลับคืนมา โดยการให้จูนแสดงละครหลอกพ่อของเขาว่า"แตง"คนเดิมได้กลับมาแล้ว






หนังในช่วงนี้พูดถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่อย่างสุนีย์ได้ดีมากๆ เช่น ฉากนึงที่โต้งไปนอนค้างบ้านมิวโดยไม่ยอมบอกแม่ซักคำ แถมยังไม่เอาโทรศัพท์มือถือไปด้วย จนสุนีย์ร้อนใจว่าโต้งหายไปไหน (และคงกลัวมากๆว่าลูกจะหายตัวไปอย่างลูกสาวก่อนหน้านั้น) จึงขับรถตะลอนๆไปหาลูกชายทั้งคืน ทั้งๆที่ไม่มีข้อมูลเลยว่าลูกชายน่าจะไปไหน

ผมว่าในตอนนี้แหล่ะที่สุนีย์น่าจะเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะว่า จริงๆแล้วที่ผ่านมาเธอเองไม่เคยรู้จักลูกชายตัวเองเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้แม้กระทั่งว่าลูกชายชอบอะไร ชอบไปไหน คบกับใครอยู่ ทำให้รู้ว่าเธอกำลังพลาดอะไรบางอย่างในชีวิตไปอีกแล้ว

ที่ผมชอบมากคือตอนที่สุนีย์กลับมาที่บ้านแล้วพบว่าลูกชายเธอกลับมาแล้ว และ กำลังนอนหลับที่เตียงนอน สิ่งที่เธอทำเพียงแค่ มองลูกชายด้วยความโล่งอก และ วางมือถือของลูกคืนที่โต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิมอย่างแผ่วเบา และ เดินออกไปจากห้องนอนลูกชาย ช่วงนี้ไม่มีบทพูดเลยซักประโยคเดียว แต่ก็บ่งบอกความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของคุณแม่ที่มีต่อลูกชายได้เป็นอย่างดี (ถ้าเป็นละครหลังข่าว เราคงจะได้เห็นคุณแม่โวยวายกรี๊ดลั่นบ้าน กระชากผมลูกชายมาตบตี และ เค้นถามความจริงกันอย่างหนักหน่วง)

แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ไอ้การที่ไม่พูดคุยกันในบ้าน มันก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก เพราะ ความมาแตกเอาตอนที่สุนีย์จัดงานเลี้ยงที่บ้าน และ มาพบความจริงอันปวดร้าวที่ได้เห็นลูกชายตัวเองกำลังจูบกับเพื่อนชายอย่างดูดดื่ม (จริงๆฉากนี้ก็เป็นอีกฉากที่ดูสวยงาม ไร้เดียงสา และ เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากๆ ตอนแรกผมก็กลัวว่าตัวเองจะรับไม่ได้ แต่มันก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ เอ๋...หรือว่าเราจะเปลี่ยนไปแล้ว)

แม่อย่างสุนีย์ที่รับรู้ความจริง ถึงกับรับไม่ได้ และ เริ่มเสียศูนย์ จึงบึ่งรถไปบ้านมิวเพื่อคุยกันให้รู้เรื่อง (แต่ถึงจะเสียศูนย์ยังไง เธอก็ยังสงวนท่าที ไม่จิก ไม่วีน ไม่ฟูมฟาย ไม่มีการหลุดconceptผู้ดีแต่อย่างใด) อันนี้เป็นสิ่งที่สุนีย์พูดกับมิวเพื่อนชายของโต้งครับ


สุนีย์ : มิวฟังน้าให้ดีนะ โต้งเป็นสิ่งเดียวที่น้าเหลืออยู่ และ น้าไม่อยากให้เขาเดินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ในอนาคต โต้งเค้าต้องโตขึ้น เรียนจบ มีงานทำ มีเงินเก็บ หาผู้หญิงดีๆซักคนแต่งงานกัน มีครอบครัวอบอุ่น อยู่ดูแลกันไปจนแก่จนเฒ่า น้าเลี้ยงดูเค้ามาเพื่อให้เค้าเติบโตมาในทิศทางนั้น แล้ววันนึงมิวจะเข้าใจน้านะ

มิว : (อึ้ง....เหวอ.....)








บทสนทนานี้แสดงให้เห็นถึง"ค่านิยม"ของสุนีย์ และ พ่อแม่อีกหลายๆคน ที่ตั้งใจจะ"ปั้น"ลูกให้ไปในทิศทางที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับลูกของตนเอง โดยที่บางทีเขาไม่เคยได้รับรู้เลยว่า ลูกของเขาอยากเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเปล่า การทำเช่นนั้นจะสร้างความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสให้กับลูกของเขาหรือไม่ ผมว่าการที่ลูกของเราต้อง"เป็น"ในสิ่งที่เขาไม่ได้"เป็น"มันก็ทำให้เขาต้องทนทรมานใจกันไปตลอดชีวิตเหมือนกันนะครับ

ในที่สุดเมื่อความจริงทุกอย่างคลี่คลาย รวมไปถึงเรื่องของจูนด้วย จูนก็จากไปพร้อมกับทิ้งจดหมายให้สุนีย์ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันกินใจมากครับ

จูน : ฉันคิดเหมือนกันว่า พวกคุณจะอยู่กันต่อไปยังไง และ ฉันก็เชื่อเหลือเกินว่า พวกคุณจะประคับประคองกันไปได้โดยไม่มีฉัน

เพราะว่าพวกคุณรักกันมาก!!!!!!!

แม้ว่าบางครั้ง มันเหมือนจะมากเกินไปจนทำร้ายกัน


แต่เชื่อเถอะว่า เมื่อเวลามันผ่านไปแล้ว เราจะเข้าใจว่า ความรักมันไม่มีมากเกินไปหรอก

เพราะแม้ว่ามันอาจจะทำให้เราทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าเราไม่เคยทำอะไรเพื่อความรักเลยไม่ใช่เหรอ

แล้วชีวิตก็มีโอกาสเสมอให้เราเริ่มต้นใหม่หลังจากที่เรียนรู้ความผิดพลาดนั้น

หวังว่าพวกคุณคงใช้โอกาสที่เหลือดูแลกันให้ดีที่สุดนะ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก








ครอบครัวเป็นหน่วยย่อยที่สุดของสังคม ผมเคยคิดว่าหากเราทุกคนต่างก็พยายามทำครอบครัวตัวเองให้ดีที่สุด แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเองแหล่ะ

แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าตัวเองคิดผิด!!!!!

เพราะ ครอบครัวเราไม่ได้อยู่โดดๆในสังคม หากสังคมไม่ดีย่อมมีผลกระทบต่อครอบครัวเราเช่นเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญเช่นกัน คือ ความเอื้ออาทร ความเห็นอกเห็นใจกัน และ การฃ่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคม

ไม่มีใครในสังคมที่จะดี หรือ เลวไปซะหมดทุกอย่าง
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่มันถูก หรือ ผิด 100 %
ไม่มีอะไรที่มันขาว หรือ ดำสนิท แต่โลกเรามันเป็นสีเทา ตั้งแต่เทาอ่อนไปจนกระทั้งเทาแก่

ความขัดแย้งที่ทำให้คนเราทะเลาะกันทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไปจนกระทั่งปัญหาระดับประเทศ ก็เพราะการตัดสินอะไรที่มักง่าย และ สุดโต่งแบบนั้นใช่ไหม

ถ้าฉันถูก เธอต้องผิดแน่ๆ / ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับเรา คุณก็เป็นศัตรูกับพวกเรา / ถ้าคุณมาร์คเป็นคนดี คุณแม้วทำอะไรก็ต้องผิดหมด เลวหมดซะทุกอย่าง / ถ้าคุณไม่ยุบสภา พวกชั้นก็จะไม่เลิกชุมนุม โดยที่ไม่สนใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆจะมากมายขนาดไหน อย่างนี้เป็นต้น

เช่นเดียวกันกับเรื่องครอบครัว ไม่มีครอบครัวใดเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง ทุกครอบครัวต่างก็เป็นครอบครัวที่"เว้าแหว่ง"กันนั้น เพียงแต่ว่ามันจะมากจะน้อยเท่านั้นเอง สิ่งที่ช่วยเติมเต็มกันได้ก็มีแต่ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวอื่นๆในสังคม สังคมที่มีความเอื้ออาทรกันนั่นแหล่ะถึงจะทำให้ครอบครัวที่ใหญ่ที่สุด คือ สยามประเทศของเราไปกันรอดได้

ในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวายแบบนี้ แม้ว่ามันจะทุกข์ทรมานกันแสนสาหัสสำหรับทุกคนที่ได้ผลกระทบ แต่สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ พวกเราทุกคนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ดังนั้น เราไม่ควรแบ่งเขาแบ่งเรา แต่พยายามเห็นอกเห็นใจกันให้มากๆ และ ทุกอย่างจะคลี่คลายลงไปโดยไม่เกิดความสูญเสียตามมา

You may say I'm a dreamer,
but I'm not the only one.
I hope someday you'll join us,
and the world will live as one. ("Imagine" โดย John Lennon)


กลางคืนอันยาวนาน แต่แล้วมันจะผ่านไป







เนื้อเพลง คืนอันเป็นนิรันดร์ Ost. รักแห่งสยาม The Love of Siam - เพชร ภาสกร

เหมือนว่าเราจะมอง ไม่เห็นหนทางใด
ตกอยู่ในความมืดบอด ตกอยู่ในห้วงใจที่อ่อนไหว
เหมือนจะเป็นกลางคืนอันยาวนาน เมื่อฟ้าไม่มีแสงใด
มองไปรอบกาย หัวใจก็พลัน หวาดกลัว

ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม

แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังที่ฉายในวันต่อไป
แต่ไม่รู้ต้องรอเมื่อไหร่ หรือใจเราคงจะอยู่กับคืนอันเป็นนิรันดร์

ว่าเหตุใดคืนที่ยาวนาน ไม่ผ่านไปเสียที
จากนี้จะมีหนทางอื่นอีกไหม

แต่อย่างไรก็ตามยังมีตะวันยังฉายในวันต่อไป
เมื่อเรามีเช้าวันใหม่ หวังใจว่าจะมีหนทาง
เมื่อทุกข์ในวันเมื่อวานคืนกลับมาหาใจอันอ่อนแอ
เหตุที่ใจแพ้ เพราะเราต่างหากที่แพ้ใจ
ความทุกข์จึงเป็นกลางคืนอันยาวนาน แต่แล้วมันจะผ่านไป

ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน ความทุกข์จะผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์
วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์






สุดท้ายแล้วขอขอบคุณคุณมะเดี่ยว ที่ได้ทำหนังดีๆเรื่อง"รักแห่งสยาม"นี้ขึ้นมาด้วยความตั้งใจทุ่มเทเกินร้อย บทหนังเรื่องนี้เขียนแล้วแก้ แก้แล้วเขียนใหม่อยู่ 4 ปี เพลงประกอบภาพยนต์ที่ไพเราะมากทุกเพลง ส่วนใหญ่ก็เป็นฝีมือการเขียนของคุณมะเดี่ยว

นักแสดงที่ casting มาก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหญ่ คุณนก สินจัย กับ คุณกบ ทรงสิทธิ์ ที่มีพลังในการแสดงได้ถึงอารมณ์มาก รุ่นกลางอย่างน้องพลอย เณอมาลย์ที่น่ารัก สดใส และ เป็นธรรมชาติอย่างที่สุด วัยรุ่นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งมาริโอ และ พิช ก็แสดงเหมือนไม่ได้แสดง คือ เหมือนเขาเป็นคนๆนั้นจริงๆ เวลาสองคนนี้ส่งสายตากันทีไร ผมรู้สึกขนลุกว่าเขารักกันจริงๆครับ น้องตาลที่เล่นเป็นหญิงก็แอ็บแบ๊วดี และ ตอนหลังก็เล่นบทเศร้าได้เยี่ยมมากๆ



หนังเรื่องนี้ได้บอกอะไรกับผมหลายๆอย่าง
และ ทำให้ผมคิดว่าเราอาจจะมองเรื่องความรักในแง่ที่ว่า ความรักเป็นสิ่งที่ใครบางคนส่งมาให้เรา เพื่อให้เราได้เรียนรู้ ทั้งความผิดหวัง ความสมหวัง เพื่อที่จะทำให้เราได้เติบโต

ขอให้ทุกคนจงมีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันให้มากๆนะครับ

แด่...ทุกความรักที่สร้างเรา
To all the loves that bring us to life.








Create Date : 16 มีนาคม 2553
Last Update : 16 มีนาคม 2553 16:53:03 น.
Counter : 3112 Pageviews.

11 comments
  
ชอบหนังเรื่องนี้มากค่ะ ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดู คือมันซึ้งตรึงใจนะ ได้ความคิดอะไรหลายๆอย่าง
มันก็เรื่องใกล้ตัวเราน่ะแหละ จริงมั้ย

ชอบนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ค่ะ ดีมากๆ
โดย: Tukta21 วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:17:09:18 น.
  
หวัดดีตอนบ่ายค่า อิอิ^^
โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:17:13:36 น.
  
อยากให้ทุกคนเข้าใจหนังเรื่องนี้เหมือนคุณจัง
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย....

บางคนดูแล้วมองข้ามทุกอย่างไปเพียงเพราะคิดว่ามันคือหนังของเกย์ที่ผิดธรรมชาติ

บางคนไม่แลตามองมันด้วยซ้ำ....เพียงเพราะฟังคนอื่นมาว่ามันคือหนังเกย์...

น่าเศร้าใจจัง....
โดย: gvv IP: 203.144.144.164 วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:18:05:33 น.
  
เวลาผ่านไปนานมาแล้ว หนังเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไปในใจผมอยู่เลย

เห็นด้วยนะครับ เสียดายที่หลายคนมองข้ามเพียงเพราะได้ยินมาว่า เป็นหนังเกย์ ...

แต่สำหรับผม มันคือชีวิตจริงเลย
โดย: kate IP: 202.44.135.39 วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:19:20:39 น.
  
ตราบใดเวลายังหมุนผ่าน
ความทุกข์จะผ่าน เพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์
วันคืนต้องผ่าน นั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์

ครับ ^^
โดย: หนึ่งฤดู สองรัก สามเรา (หนึ่งฤดู สองรัก สามเรา ) วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:22:36:45 น.
  
หนังดีค่ะ
โดย: Elizabeth Town วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:22:57:27 น.
  
whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him
โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 16 มีนาคม 2553 เวลา:23:15:27 น.
  
ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อค่ะชอบมากๆ
โดย: น้ำผึ้ง IP: 203.144.144.165 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:11:16:49 น.
  

ชอบอ่ะค่ะ

ชอบเรื่องนี้

ชอบเอ็นทรี่นี้

มองเกือบทุกมุม

คนที่ไม่ได้ดู ก็เข้าใจได้

ถูกค่ะ ทุกครอบครัวมักมีความเปราะบางอยู่เสมอ

รอยร้าวที่เราแสร้งว่ามองไม่เห็น

ว่าง ๆ จะแวะมาใหม่นะคะ

^ ^
โดย: nande IP: 192.168.0.5, 203.144.144.164 วันที่: 17 มีนาคม 2553 เวลา:13:25:03 น.
  
เพราะกลัวการสูญเสีย เลยทำให้สุนีย์กลายเป็นคนที่เข้มงวดกับลูกมากเกินไป หรือที่ตามะเดี่ยว-ผู้กำกับเรียกว่า รักกันมากเกินไป
โดย: komyooth วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:10:13:29 น.
  
แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี
โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:10:07:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉิกซิงแซ
Location :
นครศรีธรรมราช  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



เกิดและโตที่กรุงเทพ
เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ
จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ
แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่

บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต
เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย
ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง

เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่
ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว

ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA
ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า

ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง
ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก

New Comments