O-NET @ วู้ดดี้ เกิดมาคุย

เมื่อวันก่อน มีเพื่อนที่เขาดูรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย มาบอกผมให้ลองเข้าไปดูรายการย้อนหลัง เพราะ มีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง ข้อสอบ o-net ของปีนี้ด้วย

วันนี้ผมก็เลยลองเข้าไปดูใน youtube O-NET @ วู้ดดี้ เกิดมาคุยซึ่งรูปแบบรายการก็เป็นในลักษณะที่วู้ดดี้แอบไปสัมภาษณ์เด็กๆม.6รุ่นหนูทดลองที่โชคดีมีโอกาสได้ลองข้อสอบแนวใหม่ซิงๆ (โชคดีตรงไหนฟะ) แล้วพยายามเก็บคำถามและความรู้สึกของเด็กๆที่อยากถามไปถึงผู้ใหญ่ที่เป็นคนออกข้อสอบปีนี้

โดยที่เด็กๆชี้ตัวไปยังคนๆเดียว นั่นคือ ผอ.สทศ. คุณอาจารย์ป้า ดร.อุทุมพร ที่ ณ เวลานี้กลายเป็นคนดังที่มีเด็กๆม.6ทั้งประเทศรู้จักกันในชั่วพริบตา (อย่างน้อยๆก็ สามแสนหกหมื่นกว่าคน ไม่รวมพ่อแม่ผู้ปกครอง และ เด็กมัธยมที่รอคิวเชือดในปีต่อไป)

เสร็จแล้ววู้ดดี้ก็มาสัมภาษณ์อาจารย์ป้า ด้วยลีลาอันเป็นเอกลักษณ์ของเค้า โดยพยายามยิงคำถามตรงๆแบบไม่ต้องเกรงใจกันล่ะ
รวมทั้งตัววู้ดดี้ก็ลองแอบทำข้อสอบชุดที่มีปัญหาด้วยตัวเอง ( วิชาสุขศึกษา พลศึกษา และ การงาน) รู้มั้ยครับว่าเขาได้คะแนนเท่าไหร่

เขาทำถูก 17 ข้อ จากคะแนนเต็ม 50 ข้อ ....สอบตกครับ!!!!!!!







มีช็อตนึงที่ผมฮามาก คือ คุยๆกันมาซักพัก จู่ๆคุณวู้ดดี้ก็บอกกับอาจารย์ป้าว่า มีเด็กนักเรียนคนนึงเขาอยากพบกับอาจารย์มาก วู้ดดี้จะให้อาจารย์ป้าพบกับเด็กคนนั้นเลยดีมั้ยครับ

มาถึงตรงนี้ ผมแอบสังเกตเห็นอาจารย์ป้าแกสะดุ้งและทำหน้าเสียเล็กน้อย (คงนึกในใจว่าตอนแรกไม่ได้เตี๊ยมกันว่าจะมีคุยกับเด็กด้วยนี่หว่า) ก่อนที่จะตั้งสติได้ และ พูดเสียงสั่นๆนิดหน่อยว่า "ก็เอาซิคะ "

ว่าแล้ววู้ดดี้ก็สวมบทบาทเป็นเด็กคนนั้น !!!!!!!!! ด้วยการออกแอ็คติ้ง และ สีหน้าท่าทางแบบเด็กมัธยมปลายหน่ายชีวิตที่ออกมาตัดพ้อต่อว่าอาจารย์ป้าแบบไม่ไว้หน้า "อาจารย์คิดว่าพวกผมเป็นหนูทดลองใช่มั้ย สิ่งที่ผมเรียนมา 2 ปีมันไม่ออกในข้อสอบ อาจารย์จะแกล้งเราใช่มั้ย ที่อาจารย์ทำนี่มันแฟร์แล้วใช่มั้ย " เล่นเอาอาจารย์ป้าถึงกับออกอาการเหวอไปเลย (แต่ก็คงโล่งใจว่าไม่ใช่เอาเด็กนักเรียนจริงๆมาปะทะคารมด้วย) ผมให้คะแนนเต็มสิบเลยครับกับความพยายามของวู้ดดี้






ถามว่าพอผมดูจบผมรู้สึกยังไง????

แวบแรก ผมรู้สึกอย่างนี้ครับ รู้สึกว่า อนาคตมันช่างมืดมนอะไรเช่นนี้!!!!!!!!!!
คือให้เถียงกันยังไงก็ไม่มีทางได้ข้อยุติหรอกครับ
เพราะ เด็กนักเรียน กับ คุณป้าดอกเตอร์ มองกันไปคนละมุมเลย

ในขณะที่เจ้าป้า จะบอกว่าเขาไม่ผิดนะ ก็ออกตามหลักสูตรแล้วนิ ไม่เชื่อไปดูได้เลย(คำพูดยอดฮิตติดปาก "...ก็ต้องย้อนไปดูที่หลักสูตรบ้าง วัตถุประสงค์บ้าง บลาๆๆๆ")

ถ้าคุณไม่รู้ แสดงว่าคุณไม่มีคุณสมบัติที่เขาต้องการ
ถ้าคุณไม่เคยเรียน ก็ต้องโทษรร.ว่าทำไมไม่จัดการเรียนการสอน(ฟะ)
และ คุณไม่มีสิทธิในการเดา...แม้แต่น้อย

แต่เด็กๆกลับมองว่ามันไม่แฟร์ ข้อสอบมันไม่เหมาะสม มันวัดอะไรไม่ได้
มันเปลี่ยนแปลงรูปแบบข้อสอบกระทันหันเกินไป ทำเหมือนกับเขาเป็นหนูทดลอง







ถ้ามองในมุมของครูที่ให้ออกข้อสอบให้ทุกคนถูกใจ...มันก็ยากอะนะครับ
จะออกแบบเดิม... ก็โดนด่าหาว่าไม่สร้างสรรค์
จะออกแบบใหม่... ก็ล้ำเกินไปจนเด็กเขารับไม่ทัน
จะออกแบบไหนมันก็โดนด่าอยู่ดีนะแหล่ะว้า...ว่าวัดอะไรไม่ได้

แต่คิดว่านะ คุณป้าดร. ควรจะลดโทนความเข้มลงมาบ้างในการอธิบายให้วัยรุ่นที่กำลังมีอารมณ์พลุ่งพล่านฟัง
อย่าลืมนะครับว่า ในความรู้สึกของเด็กนักเรียนเขา อนาคตของเขาก็ขึ้นอยู่กับคะแนนสอบตรงนี้จริงๆ

และ ถ้าจะวัดผลเด็กในเรื่องที่มันคลุมเครือ ควรให้เด็กเขียนบรรยายประกอบเหตุผลน่าจะดีกว่านะครับ เพราะ ข้อสอบปรนัยแบบนี้มันวัดผลได้ไม่ดีเท่าไหร่ ช่องโหว่มันเยอะ

ส่วนในมุมของนักเรียน ก็อยากจะฝากบอกว่า อย่าไปแคร์กับข้อสอบให้มันมากนักว่ามันเหมาะสมหรือไม่ เพราะ เอาเข้าจริงๆแล้วข้อสอบของปีก่อนๆก็ใช่ว่าจะดีมากมายอะไร และ จำนวนข้อสอบที่มีปัญหาเองมันก็ไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับจำนวนข้อสอบวิชาอื่นๆ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือ ภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยมีคนบ่นกันซักเท่าไหร่

หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเราในตอนนี้ก็คือ ทำข้อสอบให้ได้มากที่สุด ไม่ว่ามันจะห่วยแตก ไม่สร้างสรรค์ หรือ มันจะคลุมเครือขนาดไหนก็ตาม

ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนทำข้อสอบนี้ได้คะแนนเยอะๆ เพราะ เขามีความรู้ดีตรงตามหลักสูตรจริงๆ แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาเดาได้ตรงใจคนออกข้อสอบมากกว่า !!!!!!!!!!

และ ข้อเสนอของผมซึ่งฟังดูแล้วอาจจะโหดร้ายยิ่งกว่า คือ เราก็ต้องพยายามทำให้ได้แบบนั้นเช่นกัน !!!!!!!!








สุดท้ายนี้ผมก็คิดเหมือนวู้ดดี้ที่ว่า แม้น้องๆเขาออกมาประท้วงกันมากมายขนาดนี้ แต่แนวข้อสอบของปีต่อๆไปคงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจนอะไรหรอก

ที่สำคัญคือ เด็กรุ่นต่อๆไปควรต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงตรงนี้อย่างมีสติ ไม่ต้องไปเสียเวลาตีโพยตีพายไป เพราะ ผู้ใหญ่เขาไม่ฟังเราหรอก พยายามเอาหลักสูตรมาศึกษาดู และ มองข้อสอบของปีนี้เป็นแนวทางว่าเราต้องหาความรู้เพิ่มเติมตรงไหนบ้าง (ไม่อยากจะคิดเลยว่า เดี๋ยวก็คงมีการกวดวิชาข้อสอบ o-net วิชาสุขศึกษา พละศึกษา และ การงาน ตามมาอีกเป็นโขยง)

ส่วนเด็กม.6 รุ่นนี้ที่โชคร้ายจริงๆ ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ ว่าถึงข้อสอบมันจะดูฮาขนาดไหน แต่คนที่ทำข้อสอบไม่ได้คงไม่ได้ขำด้วย คงเครียดกันน่าดู
เพราะ ความคาดหวังตรงนี้ของทุกคนต้องสูงมาก มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของหลายๆคนได้จริงๆ ถึงใครๆมักจะบอกว่าเอ็นท์ไม่ติดก็ไม่เห็นเป็นไร

ก็ให้ถือซะว่า ถึงเราไม่เจอข้อสอบแย่ๆในตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่เจอข้อสอบห่วยๆแบบนี้อีกในอนาคต จะบอกให้ว่าตอนเรียนมหาลัยนี่ยังต้องเจอข้อสอบแบบชนิดไม่คาดฝันอีกเยอะแยะชนิดที่จินตนาการกันไม่ออกเลย

แต่เราก็ต้องผ่านตรงนี้ไปให้ได้ เพราะ โจทย์ปัญหาในชีวิตจริงหลังเรียนจบออกไป ยังหนักหนาสาหัส คลุมเครือ และ ไม่แฟร์กว่านี้อีกเยอะ ดังนั้น สู้ต่อไปนะ ...ทาเคชิ


ป.ล. มีอยู่ข้อนึง ที่ถามเรื่องน้องนก นพวรรณ จะกดดันในเรื่องอะไรมากที่สุดในการตีเทนนิส

มีคนแอบไปถามน้องนกใน facebook ปรากฎว่า น้องนกตอบผิด!!!!! (ฮา)



O-NET @ วู้ดดี้ เกิดมาคุย

Create Date : 09 มีนาคม 2553 Last Update : 9 มีนาคม 2553 21:08:25 น. Counter : 689 Pageviews.		7 comments
Share Tweet