Group Blog All Blog
|
เรียนเลขแบบไหนดี หวัดดีอีกครั้งครับ ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหา ผมมีอะไรอยากให้พวกเราลองคิดเล่นๆดูก่อนครับ สมมติว่าลูกเราอยากให้เราพาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อไปเฝ้าดู "อาหมวย" นั่งๆนอนๆในตู้กระจกให้สาสมแก่ใจ (พูดถึงเจ้าหมาแพนดี้ เอ้ย แพนด้าน้อยกลอยใจตัวนี้ รู้สึกว่าจะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศจริงๆครับ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นข่าวไปซะหมด ดังขนาดไหนคิดดูละกันครับ วันก่อนกะอีแค่ตกต้นไม้ลงมาตุ้บเดียว ยังเป็นข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศได้ทุกฉบับ...แถมยังมีช่องเคเบิ้ลทีวีหัวใส ทำ Panda channel เกาะติดหลินปิง 24 ชั่วโมง เฮ้อ!!!! อะไรจะขนาดนั้น) การที่เราจะพาลูกเราไปเที่ยวเชียงใหม่นั้น แน่นอนว่าเราต้องวางแผนกันก่อน เริ่มตั้งแต่กำหนดวันเวลาที่เราจะไป จองที่พัก วางโปรแกรมคร่าวๆว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง การเดินทางจะไปทางไหน รถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน ไปถึงที่นั่นแล้วจะใช้วิธีเช่ารถขับเอง หรือ จ้างรถให้เขาขับไปส่ง จะไปกินอาหารที่ร้านดังๆร้านไหนบ้าง ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไปซักเท่าไหร่ ไม่รวมไปถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ฯลฯ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วใช่มั้ยครับ ครับกะอีแค่การไปชมแพนด้านั่งหันหลังหันก้นให้เราดู ยังต้องวางแผนกันซะขนาดนี้ ผมยังแปลกใจเสมอๆว่า เรื่องเรียนของลูกเราที่มันสำคัญกว่ากันเยอะแยะ ทำไมพวกเราส่วนใหญ่ถึงมักจะมึนๆงงๆไม่ค่อยได้วางแผนกันซักเท่าไหร่ ส่วนมากจะปล่อยไปตามชะตากรรม แล้วแต่ครูๆหรือผู้ใหญ่ในกระทรวงเขาจะบอกว่าให้ลูกเราเรียนอะไรบ้าง ส่วนนึงเป็นเพราะเรามักมองภาพรวมของเนื้อหา และ หลักสูตรที่ลูกเราต้องเผชิญในอีกเป็นสิบกว่าปีไม่ค่อยออก ก็คงมีคนคิดว่า ถ้างั้นเราก็แค่เข้าไปดูหลักสูตรเขาดูสิ แค่นั้นเราก็จะรู้แล้วล่ะว่าลูกเราต้องเรียนอะไรบ้าง หลังจากนั้นเราก็มาวางแผนการเรียนกันได้แล้ว ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่พอลองเข้าไปดูร่างหลักสูตรที่สสวท.เขาให้downloadไปดู ผมก็ขอยอมแพ้ครับ เพราะ ผมเป็นคนที่อ่านหลักสูตรที่มีตัวหนังสือยุ่บยั่บเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคทางครูแบบนี้ไม่เข้าใจ อ่านแล้วก็เกิดอาการมึนตึ้บทุกที ไม่ค่อยเข้าใจความหมายว่าเขาต้องการสื่ออะไรบ้าง อ่านเสร็จก็นึกอะไรไม่ออก ลองเข้าไปดูในlinkนี้ดูนะครับ //www3.ipst.ac.th/primary_math/math_curriculum/core_curriculum51.asp ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระที่ 1 : จำนวนและการดำเนินการ สาระที่ 2 : การวัด สาระที่ 3 : เรขาคณิต สาระที่ 4 : พีชคณิต สาระที่ 5 : การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น สาระที่ 6 : ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระที่ 1 : จำนวนและการดำเนินการ สาระที่ 2 : การวัด สาระที่ 3 : เรขาคณิต สาระที่ 4 : พีชคณิต สาระที่ 5 : การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น สาระที่ 6 : ทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร์ คำถามที่น่าสนใจ คือ หากเรารู้แล้วว่าลูกเราต้องเรียนอะไรบ้าง เราจะมีสิทธิเลือกทางเลือกอื่นๆนอกเหนือจากหลักสูตรที่เขากำหนดให้ลูกเราเรียนหรือไม่ ผมไปอ่านเจอหนังสือเล่มนึง ชื่อว่า "เทคนิคช่วยให้ลูกเก่งคณิตศาสตร์" โดย อ.นภดล กมลวิลาศเสถียร ของเครือรักลูก อ่านเสร็จถึงได้ อ๋อ!!!!! พอเข้าใจเรื่องหลักสูตรของเมืองไทยเราได้ดีขึ้นเยอะเลย ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ หลักสูตรในเมืองไทยเราค่อนข้างจะอิงของ USA ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะของมาตรฐานหลักสูตรของสมาคมอาจารย์คณิตศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (NCTM) โดยจะเป็นลักษณะแบบก้นหอย( spiral ) คือ ในชั้นป.1-6 จะมีการเรียนเรื่องเดิมๆทุกปี แต่จะมีความกว้างขวางและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เรื่อง จำนวน ป.1จะให้เด็กเรียนจำนวนนับไม่เกิน 100 ป.2 ก็รู้ไม่เกิน 1000 ป.3 ไม่เกิน 100,000 ป.4 เริ่มมีเศษส่วน และ ทศนิยม 1 ตำแหน่ง ป.5 ทศนิยม 2 ตำแหน่ง ป.6 ทศนิยม 3 ตำแหน่ง จุดเด่นของมาตรฐานหลักสูตรอเมริกา คือ เน้นกระบวนการคิดและเรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กต้องตั้งคำถามว่า "ทำไม" มากกว่า "อย่างไร" และ ต้องพยายามค้นคว้าหาความรู้และ วิธีการใหม่ๆที่อาจจะแตกต่างจากครูผู้สอน แต่ที่สหรัฐอเมริกาเองก็ยังมีการถกเถียงกันค่อนข้างมาก โดยเขาแบ่งกันเป็น 2 ฝ่ายที่ไม่ค่อยมีใครยอมใครซักเท่าไหร่ พวกแรก เรียกว่า Traditional Math คือ การเรียนเป็นแบบแผนดั้งเดิม เริ่มกระบวนการทางคณิตศาสตร์ไปทีละเสต็ป เช่น + แล้ว - แล้ว x แล้วหาร ให้เป็นก่อน แล้วค่อยๆเรียนรู้กระบวนการที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เช่น เศษส่วน ทศนิยม อัตราส่วน ฯลฯ โดยแทรกโจทย์ปัญหาตามเนื้อหาบทนั้นๆซึ่งวิธีนี้เมืองไทยเราก็คุ้นเคยกันมานานแล้วล่ะ กับอีกพวกเรียกว่า Reform Math หรือ จะเรียกว่าพวกปฏิรูป หรือ พวกทางเลือก คือพวกนี้รู้สึกว่าการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่ผ่านมามันเป็นการสิ้นเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ เพราะ เด็กไม่รู้จักเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน พวกนี้เน้นให้เด็กเรียนคณิตศาสตร์ผ่านประสบการณ์จริง เช่น ให้เงินเด็กป.2ไป 10 ดอลลาร์ ให้ไปซื้อของราคา 8 ดอลลาร์ กับอีก 25 เซ็นต์ แล้วถามว่าเด็กจะได้เงินทอนเท่าไหร่ เด็กก็จะได้เรียนรู้การลบไปโดยปริยายผ่านประสบการณ์การซื้อของซึ่งเอามาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ที่มาของการถกเถียงจึงเกิดขึ้นนับแต่บัดนั้น ฝ่ายดั้งเดิมจะบอกว่าของตนเองน่ะ ทุกคนคุ้นเคยมากกว่าเพราะเรียนแบบนี้กันมานานแล้วตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ฝ่ายปฏิรูปก็จะเถียงว่าของตนน่ะยิ่งกว่าคุ้นเคย เพราะ มันได้ใช้จริงๆในชีวิตประจำวันทุกวันเลยนะเอ้อ ฝ่ายดั้งเดิมบอกว่าพวกปฏิรูปไม่คำนึงถึงความยากง่ายตามวัยของเด็ก มีอย่างที่ไหนให้เด็กเล็กๆมาลบเลขยากๆที่มีทศนิยม (เงินทอนที่มีทั้งหน่วยดอลลาร์และเซ็นต์ คิดในรูปทศนิยม) ฝ่ายปฏิรูปก็บอกว่าก็อย่าไปคิดแบบทศนิยมซิฟะ คิดเป็นจำนวนเต็มที่มีหน่วยคนละแบบก็ได้นี่ ฝ่ายดั้งเดิมบอกว่าของตนสามารถพัฒนาเด็กไปจนถึงคณิตศาสตรืชั้นสูง เช่น Calculus แต่ของฝ่ายปฏิรูปน่ะอย่าหวังซะให้ยาก เพราะ ไม่ได้ฝึกกระบวนการทางคณิตศาสตร์อย่างเป็นระบบมาตั้งแต่ต้น ฝ่ายปฏิรูปก็จะบอกว่า ของตนเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่า และ เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องคิดเลขดีๆที่ใส่สูตรไปมันก็คำนวณให้เอง แล้วจะเรียนแบบยากๆไปทำไม เถียงกันไปเถียงกันมาก็ไม่ได้ข้อสรุปซักที แต่ก็สนุกดีนะผมว่า ลองเข้าไปดูใน linkนี้นะครับ หัวเรื่องว่า Math wars //en.wikipedia.org/wiki/Math_wars เล่ามาตั้งนานแค่อยากจะบอกว่า ตอนนี้ที่อเมริกากำลังพบทางเลือกใหม่ที่ดูประนีประนอมกับทั้ง 2 ฝั่ง คือ ยังใช้ขั้นตอนกระบวนการทางคณิตศาสตร์แบบดั้งเดิม แต่เพิ่มเติมโจทย์ปัญหาที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น มีการอธิบายสิ่งยากๆให้เด็กเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วยบล็อก แผนภูมิ รูปภาพ และ ตัวอย่างที่สวยงาม (Model method) และ ยังสามารถนำมาใช้แก้โจทย์ปัญหาที่ซับซ้อนได้อีกด้วย เจ้าตำรับแนวคิดนี้ก็อยู่ไม่ไกลบ้านเราเท่าไหร่ Singapore Math นั่นเองครับ ไว้คราวหน้าเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันต่อ //www.teach-kids-math-by-model-method.com/comparison-concept.html เก่งมากครับ ลูกคุณดุษน่าจะเข้าใจพื้นฐานการบวกดีมากแล้ว ลองสอนเรื่องการลบบ้างหรือยังครับ
จริงๆแล้วมันก็เป็นเรื่องเดียวกับการบวกนั่นล่ะครับ ถ้าบวกได้คล่องๆ การลบก็ไม่ยากเลย โดย: ฉิกซิงแซ วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:22:30:44 น.
คุณดุษให้ตามมาคุยกับคุณหมอว่าเราใจตรงกันนะค่ะ
ขอเรียกชื่อตัวเองนะคะ ปอค่ะ ปอสอนลูกคนเล็กตามแนว Montessori ค่ะ เน้นความเข้าใจและการเรียนคณิตศาสตร์ผ่านการเล่นน่ะค่ะ ก็พบว่าน้องก็พอใช้ได้ตามวัย.. ตอนนี้ก็ใช้สถาณการณ์ค่ะ เป็นประมาณ Math Concept คุณหมอลองแวะไปดูทีนี่นะคะ เป็นหนังสือ ของ Sin และ อเมริกา //www.singaporemath.com/Math_All_Around_Readers_s/181.htm //www.4shared.com/dir/33237384/655c1ec5/Livros_infantis_-_Matemtica.html ส่วนลูกคนโตก็เสริมด้วยหนังสือจาก singapore เช่นกัน แต่เริ่่มจากการเล่านิทานคณิตศาสตร์ ของ ญี่ปุ่น เช่นชุด ของบริษัท อมรินทร์ และ Jhello น่ะค่ะ ถ้าคุณหมอพอมีเวลาจะเมตตาเข้าไปให้ความคิดเห็นเรื่องคณิตศาตร์หรือมีข้อแนะนำอะไร เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก อยากให้ช่วยแวะไปที่ webboard ที่สุมหัวกันของพวกเราบ้างน่ะค่ะ โดย: nookjung IP: 10.20.96.82, 203.146.104.35 วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:11:35:06 น.
ลืมบอกคุณหมอค่ะว่าพวกเรารวมพลแม่ช่างเล่นกับลูกทีนี่น่ะค่ะ
บ้านแม่ดุษกับน้องปิ๊นคนเก่ง //www.mamycenter.com/forum/index.php?f=10&t=103&st=0&sk=t&sd=a&rb_v=viewtopic&start=825#p16497 อันนี้บ้านแม่ปอเองค่ะ //www.mamycenter.com/forum/index.php?f=10&t=367&start=200&st=0&sk=t&sd=a&rb_v=viewtopic อันนี้คุณดุษเขียนไว้เรื่องประสบการณ์กระดานร้อยช่อง 2 ปี //www.mamycenter.com/forum/index.php?f=10&t=503&rb_v=viewtopic ส่วนอันนี้ กำลังพยายามทำอยู่ค่ะ ของเล่นกับกิจกรรมเสริมพัฒนาการ //www.mamycenter.com/forum/index.php?f=10&t=491&rb_v=viewtopic ส่วนอันนี้คุยเรื่อง montess ค่ะ //www.mamycenter.com/forum/index.php?f=3&t=387&rb_v=viewtopic#p13218 หวังว่าคุณหมอจะกรุณาแม่ๆตาดำๆที่อยาเห็นเด็กไทยเรียนอย่างมีความสุุขนะคะ โดย: nookjung IP: 203.144.144.164 วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:22:08:04 น.
|
ฉิกซิงแซ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?] เกิดและโตที่กรุงเทพ เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่ บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่ ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก
Friends Blog
Link |
ตอนนี้ กำลังสอน ลูกแสบ กำลังขึ้น อ2 ด้วย pure math
ประมาณ โจทย์ เลข 45+2 =
สลับ กับ เล่านิทาน ว่า เต่าเดินมา 2 ตัว กับ นก 4 ตัว
สัตว์ตัวไหน มีขา มาก กว่ากัน
กำลังคิด จะ apply พวก แผนภูมิกราฟ เข้าไป เหมือนกันค่า