Group Blog |
20th century boys : "เพื่อน" กับ ใครบางคนที่ถูกลืม2 สมัยเด็กๆ รร.ประถมที่ผมอยู่จะเป็นรร.เรือนไม้ 2 ชั้น มีสนามหญ้าเขียว และ ต้นไม้ร่มรื่นมาก แต่บรรยากาศก็ดูน่ากลัวมากเช่นกันในเวลากลางคืนหรือตอนปิดเทอมที่ไม่มีใครอยู่ เพราะมันเงียบวังเวงยังไงบอกไม่ถูก มีเรื่องเล่าอันนึงที่ผมได้ยินบ่อยๆ คือ วันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่ มีเด็กผู้หญิงคนนึง ไปเผลอหลับในห้องน้ำแล้วภารโรงไม่รู้ ภารโรงไปปิดล็อคประตูจากด้านนอก แล้วกลับบ้านไปเลยไม่ได้มาทำงานอีก เพราะเป็นช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอมมา ภารโรงไปเปิดประตูห้องน้ำมาถึงกับช็อค!!!!! เพราะเห็นศพเด็กผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่ โดยที่น้ำในอ่างน้ำนั้นแห้งขอด คาดว่าเด็กคนนั้นจะเสียชีวิตเพราะไม่มีอะไรกิน ได้แต่ดื่มน้ำในอ่างจนเกลี้ยง หลังจากนั้นมา พวกเราที่อยู่รร.ถึงเย็นๆมืดๆค่ำๆก็มักจะได้ยินเสียงแปลกๆจากในห้องน้ำห้องนั้น เป็นเสียงแกรกๆกรากๆเหมือนใครเอาเล็บมาขูดประตู บางทีก็มีเสียงทุบประตูห้องน้ำดังปังๆๆๆๆๆๆๆๆ เหอๆๆๆๆๆๆ ......ขนลุก ใน 20th century boys ก็มีฉากที่เกี่ยวกับฉากสยองขวัญในรร.อยู่ 2 ช่วง ครั้งนึงเป็นตอนป.5 ที่เนินแขวนคอ(แค่ชื่อก็สยองแล้ว) อีกครั้งเป็นตอนป.6 ที่ห้องวิทย์ ที่มีข่าวลือว่ามีผีเด็กนักเรียนกำลังชำแหละปลาคาร์พ ในเล่มหนึ่ง มีการพูดถึงเหตุการณ์ที่"มอนจัง"ในวัยเด็กลืมเปิดสวิตซ์อ็อกซิเจนในตู้ปลา ก็เลยต้องกลับไปที่รร.ช่วงค่ำ แต่มานึกออกว่ามันน่ากลัวมากถ้าต้องไปคนเดียว เลยรวบรวมสมาชิกหน่วยกล้าตายไปเป็นเพื่อนด้วยมีทั้งเคโรยอน คอนจิ และ ยังไปเรียกดองกี้ที่น่าจะเป็นคนที่ไม่กลัวผีที่สุดไปด้วย ลองอ่านเรื่องราวตรงนี้ดูนะครับ และ ลองสังเกตอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลดูสิครับ (ให้ลองคลิ๊กที่รูปแต่ละอันนะครับ จะได้อ่านตัวหนังสือชัดเจนขึ้น) 1 คุณสังเกตอะไรไหมครับ ตอนที่เด็กๆผ่านประตูรั้วเข้าไปในรร. มีอะไรที่ดูแปลกๆหรือเปล่า สมาชิกที่มาด้วยกันมีใครบ้างจำได้มั้ย ลองกลับขึ้นไปดูด้านบนอีกทีก็ได้ 1 มอนจัง 2 เคโรยอน 3 คอนจิ 4 ดองกี้ นับยังไงๆมันก็มีแค่ 4 คนนี่หว่าที่ไปด้วยกัน แล้วทำไมเงาเด็กที่เดินเข้าไปในประตูมันถึงมี 5 เงากันฟะ????? หรือว่า.....หรือว่า นี่มัน..... คุณลืมใครบางคนไว้ข้างหลังหรือเปล่า????? ขอโทษด้วยครับ ที่วันก่อนลงรูปหนังสือ เรื่อง floortime เอาไว้ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร กะว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้อีกทีในครั้งต่อๆไปครับ
คุณแม่สองซนเข้าใจถูกแล้วครับ เทคนิค floortimeเดิมใช้กับเด็กautisticเป็นหลัก แต่หลักการนี้ก็มีคนนำมาปรับใช้กับเด็กปกติ และ พบว่าได้ผลดีมาก ช่วยในเรื่องการสื่อสาร และ กระชับความสัมพันธ์ของครอบครัวได้ดีทีเดียว หนังสือที่เอามาลงวันก่อน แต่งโดยคุณพุทธิตา ก็เป็นเทคนิคที่นำมาใช้กับเด็กปกติครับ ลองไปหาซื้อมาอ่านดูนะครับ อ่านง่าย และ ได้ประโยชน์จริงๆครับ ขอแนะนำเลย ลองเข้าไปอ่านใน link นี้ก่อนนะครับ //gotoknow.org/blog/kapoom/44837 โดย: ฉิกซิงแซ IP: 125.24.61.137 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:54:19 น.
ว้าววววว
อ่านมาสามรอบแล้วก็ไม่ได้สังเกตตรงจุดนี้ ขนลุกเลยค่ะ บรื๋ออออ ~_~ โดย: Gink IP: 118.175.66.51 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:44:54 น.
ลองดูรูปข้างบนที่ชัดๆดูอีกที
ลองคิดเล่นๆดูว่าเป็นจากอะไรได้บ้าง 1 คนเขียนมั่ว บังเอิญเบลอเขียนจำนวนคนผิด!!!!! - ประเด็นนี้ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะ ถ้าใครติดตามผู้เขียนคนนี้มานานพอ จะรู้ว่าคนเขียนเนี่ยเขาจะคิดพล็อตเรื่องไว้รอบคอบมาก แม้บางครั้งดูจะออกทะเลไปบ้าง แต่พอถึงเล่มจบ ก็จะกลับถึงฝั่งได้อย่างสวยงามทุกที ไอ้เรื่องพลาดง่ายๆน่ะ...ไม่มีทางหรอก อีกอย่างตอนที่เคียวโกะกับโยชิซึเนะเข้าไปในvirtual attraction ก็ดูเหมือนจะเห็นเงา 5 คนในฉากนี้เช่นกัน แสดงว่าเขา"ตั้งใจ" ให้เป็นอย่างงั้นมากกว่าครับ 2 หรือคนเขียนจะบอกเราว่ามี"ผี" - อึ๋ยยยยยย ไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะโทนของเรื่องแม้จะสยองขวัญบ้างในบางฉาก แต่ไม่ได้มีตรงไหนที่บอกเราเลยว่า"ผี"ตัวนี้จะมีบทบาทในเนื้อเรื่องแต่อย่างใด แต่มีการใช้สัญลักษณ์ในทำนองนี้บ้าง แต่ก็เพื่อจะบอกแนวคิดเรื่อง"การไม่มีตัวตน" เช่น ตอนที่เคนจิไปแอบเปิดหน้ากากคนที่คิดว่าน่าจะเป็น"เพื่อน"ในวัยเด็ก ตอนเข้าไปใน virtual attraction แต่กลับกลายเป็น"ผีไร้หน้า"ไปซะฉิบ กับ อีกตอนที่เนินแขวนคอ มีใครคนนึงที่มองกระจกเงาแล้วเห็นตัวเองไม่มีหน้า!!!!!! อันนั้นก็เป็นเพียงตัวสะท้อนสภาพจิตใจของตัวละครนั้น แต่ยังไงๆก็ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมี"ผี"จริงๆครับ ....บรื๋อ 3 ผู้เขียนอยากจะบอกว่าคุณลืมเพื่อนบางคนไปหรือเปล่า - ลองกลับไปดูรูปข้างบนอีกที เด็กในรูปคนที่อยู่ท้ายสุดจะมีท่าทางการเดินที่ไม่เหมือนคนอื่น (ตัวตรง แขนแนบลำตัว) เป็นการแสดงถึง"การไม่ได้รับการยอมรับ" จากเพื่อนคนอื่นในกลุ่ม เพื่อนๆคนอื่นจึงไม่ได้รู้ตัวว่าไอ้หมอนี่ก็มาด้วยนะ หรือไม่ก็จำเรื่องราวของเพื่อนคนนี้ไม่ได้ ว่ามันก็ไปกับพวกเขาด้วยในวันนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะหมอนี่แอบตามหลังไปโดยที่พวกนั้นไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้ แถมที่หน้าของเพื่อนคนนั้นยังโดน"บอลลูนคำพูด"บังไปซะมิดเชียว แสบมากเลยนะไอ้คนเขียนเนี่ย คือจะพยายามบอกเราว่าไอ้คนนี้มันเหมือนไม่มีตัวตนในสายตาเพื่อน เหมือนวิญญาณเร่ร่อน ไม่มีเพื่อนคนไหนนึกหน้าของมันออกซักราย แถมบางคนก็ไม่เคยรู้ว่ามีเจ้านี่อยู่ในห้องด้วย คิดดูละกันว่าเจ้านี่มันจะเซ็งขนาดไหน ผมคิดว่าน่าจะเป็นประเด็นสุดท้ายนี่แหล่ะ ที่ผู้เขียนตั้งใจบอกเรา โดย: ฉิกซิงแซ IP: 125.24.87.219 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:27:44 น.
|
ฉิกซิงแซ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?] เกิดและโตที่กรุงเทพ เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่ บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่ ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก
Friends Blog
Link |
เท่าที่เคยอ่านจะพูดถึงแต่การใช้กับเด็กออทิสติก
ไม่ทราบว่ามีการประยุกต์ใช้กับเด็กปกติบ้างไหมคะ
แล้วเขาใช้กันอย่างไร
รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำด้วยนะคะ