2007 ตุลาคม, Czech







เดินทางด้วยสายการบิน Austrian Airline เที่ยวบิน OS026 ไปเวียนนา แล้วต่อ OS703 ไป Praque รวม 13 ชั่วโมงกว่า (ภาพด้านหลังสนามบิน บริเวณที่รอขึ้นรถ)





Charles Bridge

พอไปถึงตรงสะพานฝนตกเยอะแยะ ถ่ายรูปพลางวิ่งหลบฝนพลาง แย่เชียว โชคดีมีหมวกพลาสติกติดกระเป๋าไปด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องหาซื้อร่มมาใช้อยู่ดี เพราะฝนแรงขึ้นเรื่อยๆ

Charles Bridge เป็นสะพานเก่าแก่สัญญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ สร้างเมื่อปี 1357 ด้วยศิลปสมัย Gothic ใช้หินขนาดใหญ่มาก่อโบกด้วยปูนซึ่งผสมไข่แดงเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทอดข้ามแม่น้ำเชื่อมฝั่งเมืองเก่ากับ Mala Strana ความที่เป็นงานก่อสร้างแข็งแรงนี้ ทำให้รอดจากภัยน้ำท่วมมาหลายครั้งแล้ว ครั้งล่าสุดเมื่อ สิงหาฯปี 02





ตามราวสะพานทั้งสองด้าน มีรูปปั้นนักบุญประดับ 28 องค์





นี่ภาพตัวอย่างนิดหน่อย









ท่านว่ามาที่นี่แล้วควรขอพรจาก St. John of Nepomuk ตรงกลางสะพานเพื่อเป็นโชคลาภ เป็นเกียรติเป็นศรีประโยชน์ทวีแก่ตน ด้วยการลูบที่องค์รูปปั้น (มิน่า แววเชียว)





สุดปลายสะพานฝั่งตรงข้าม เป็นเมืองเก่า เดี๋ยวข้ามไปเที่ยวกัน





ซ่อนกล้องหลบฝนไว้ในเสื้อ ห่วงลูกรัก(กล้อง)สุดชีวิต






Astronomical-clock


เห็นทีจะอยู่แถวสะพานนานไม่ได้ เพราะไม่มีที่กำบัง เดินไปทางลานนาฬิกา





เดินพลางวิ่งพลาง กดถ่ายรูปอย่างรีบร้อน และรีบเก็บกล้องซุกไว้ชายเสื้อ
อิจฉาคนกางร่มวุ้ย





นาฬิกานี้ตีเป็นเวลา ทุกๆ ครึ่งชม. (มั้งนะ น่าจะจำไม่ผิด)





ดูวิธีการทำงานของนาฬิกาดาราศาสตร์ยังไง ใครบอกที





ระหว่างรอให้นาฬิกาตีครั้งต่อไป ตอนนั้นคือเวลา 11:00 ถ่ายรูปอาคารรอบๆเล่น





ไปไหนไกลไม่ได้ หลบอยู่ใต้ร่มของคนอื่น ซุมถ่ายภาพไปเรื่อยๆ

สถาปัตยกรรมนี้สวย ชอบจัง ชอบยุโรปมาก





ตรงนี้เป็นส่วนหอด้านบน





ถึงเวลาตุ๊กตาออกมาเดินดุ๊กดิ๊ก





คิดทำนาฬิกาบอกเวลา ว่าฉลาดแล้ว นี่คิดนาฬิกาดาราศาสตร์อีก ได้แต่ดูว่าสวย น่าทึ่ง
แต่ว่าเค๊าดูกันยังไง ก็ม่ายรุ๊






Cesky Krumlov


ที่ต่อไปเป็นเมืองเก่า ครุมลอฟ เมืองนี้สวยด้วยลักษณะอาคาร วิถีดั้งเดิม สีสันของกระเบื้องหลังคา ศิลปของข้าวของเครื่องใช้ เป็นเมืองที่กว้างทีเดียว ส่วนที่ได้ไปเห็นนั้นกระจิ๊ดเดียว

ได้ค้างที่นี่หนึ่งคืน ก็หลงรัก มีเสน่ห์ โรแมนติค สมค่าความเป็นเมืองมรดกโลกมาก





เดินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำไปยังเมือง





สวยมั้ย





พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่ารักยุโรป





มีเสน่ห์





ตรงนี้เป็นปราสาท มองจากทางเข้าเมือง





ผนังภายนอก





จำลอง





ทางเข้าลานตรงกลางเมือง





มาถึงเมืองตอนเย็น ร้านค้ายังเปิดอยู่





เป็นลานโล่งอเนกประสงค์ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยตึกอาคารร้านค้า มีซอยเล็กๆ แยกย่อยออกไปโดยรอบ





ซึ่งเป็นร้านค้าต่างๆ





ประตูไม้เก่าๆ อาคารชำรุด แต่ก็น่ามอง





เดินเข้าไปตามซอยต่างๆ ถ่ายรูปเล่น





เน้นสีเส้นกรอบ





ซูมภาพผนังมา





หลังคา





เดี๋ยวจะขึ้นไปดู





โต๋เต๋รอเวลาเช็คอินเข้าที่พัก





เห็นกลุ่มหลังคาบ้านเรือน





ซะหน่อย





ขำเด็กวัยรุ่นฝรั่งแก่แดด เขียนต่อเติมป้ายด้วยปากกาเมจิก ทำภาพให้เข้มขึ้น เพราะจางมาก จะได้เห็นเส้นชัดขึ้นอีกนิด (แต่ยังต้องเพ่งอยู่ดี) นี่ถ้าเป็นเด็กไทยเขียน คงมีชื่อใครเป็นพ่อใครสักคนแหละ

ป้ายนี้อ่านว่า จูงหมามาก็ได้ ทิ้งขยะให้เป็นที่นะ เก็บอึหมาด้วยละกัน อย่าเด็ดดอกไม้สวนเค๊านะ ห้ามขี่จักรยาน เดี๋ยวจะมาตกเขาตายเดือดร้อน ห้ามเสียงดัง

และ เชิญจูบตามสบาย

สรุปว่า ไม่ควรห้ามอย่างเดียวใช่มั้ยหนู





ภาพกลุ่มหลังคาอีกมุม









ตรงนี้มองเห็นถนนระหว่างซอยด้วย





ดูแบบกระฉึกกระฉักนิดหน่อย ลงมาข้างล่างเพราะได้เวลาไปหม่ำมื้อเย็น





เริ่มมีคนมานั่งเล่น ที่ลานแล้ว







บรรยากาศเมืองยามโพล้เพล้










บาร์แห่งนี้มีเก้าอี้เป็นรูปบั้นท้ายแบบต่างๆ ทั้งร้าน





ซะหน่อย





ตรงนี้เป็นที่พักสำหรับคืนนี้ค่ะ ได้ห้องพักเล็กๆใต้หลังคา เป็นลักษณะต่อเติมขึ้นใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเช่า
เหมือนกับของบ้านเรา ใครมีบ้านอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ก็ดัดแปลงต่อเติมกั้นห้องหับ เพื่อหารายได้





ชื่อนี้




นี่ทางเข้าของเรา

ไกด์บอกว่า ขอให้เตรียมกระเป๋าสำหรับพักค้างหนึ่งคืนแยกไว้ ควรเป็นกระเป๋าน้ำหนักเบาที่สามารถถือเองได้ เพราะที่พักขนาดเล็กมาก





ดูทางขึ้นสิ

ชาวคณะต่างแยกย้ายกระจัดกระจายไปตามที่พัก หลายอาคาร ทั่วบริเวณนี้





ถ้าไม่เชื่อไกด์ ดื้อเป็นคุณบ้าหอบฟาง คงหมดแรงคาบันได





อาคารนี้ มีห้องพัก 5 ห้อง ข้างล่างฝรั่งจองหมดแล้ว เหลือว่าง 4-5 เราได้ห้อง 4





ก่อนจะเข้าข้างใน ให้ดูด้านนอกก่อน ว่าห้องที่พักนั้นคือจั่วน้อยๆข้างบน ซึ่งอิชั้นใส่เสื้อแดงแจ๊ดโผล่หน้าเป็นมาร์คกิ้ง อยู่นั่นแหละ




จุดขายของอาคารนี้คืออยู่ติดแม่น้ำ ตรงริมสะพานที่จะข้ามไปชมปราสาทนั่นเลย
มองลงมาเห็นสะพานชัดแจ๋ว

ถ้าเป็นสมัยก่อน คงชักสะพานขึ้นปิด ห้ามไพร่ข้ามไปยามวิกาล
หรือยามศึก จากหน้าต่างนี้ก็จะได้เห็นเหตุการณ์รถมัาวิ่งเข้าออก พร้อมกับทหารชุดเกราะ
(มันต้องเสริมจินตนาการกันหน่อย)




มองเห็นหน้าต่างของบ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำอยู่ใกล้ๆ สบตากับเจ้าหนุ่มฟากขะโน้นได้เลย






นี่จ้ะ ห้องพักของแจ๋ว แต่งด้วยไม้สน ให้เก้าอี้หน่อย ที่เมื่อกี้ปีนโผล่หน้าต่าง




โต๊ะ และเตียงอีกนิด เล็กๆ แต่อยู่สบาย





ห้องน้ำแคบที่ต้องเบี่ยงตะแคงเดินหลบอ่างล้างหน้าไปอาบน้ำ กับค้อมหัวกันชนเพดาน
แต่หอมฟุ้ง และอุ่นดี





คืนนี้มีงานตรงลานข้างล่าง เดี๋ยวจะลงไปเดินซะหน่อย โผล่หน้าต่างไปดูสะพานอีกที กลางคืนก็สวยไปอีกแบบ





หนุ่มน้อยคนนี้ขายถั่วเคลือบช็อคแลต ถั่วใหม่กรอบ เคลือบหวานไม่มาก และหอมดี





ร้านนี้ขายขนมแป้งทอด ไม่ได้ซื้อชิม




ร้านนี้ภูมิใจนำเสนอ ตะเกียงกระจกสี ไว้ใส่เทียนจุดไฟห้อยให้บ้านมีแสงวิบวับเล่น





ซื้อมาสี่ห้าอัน ไม่กล้าซื้อมาก เพราะพวกกระจกนี้ ต้องแบกเองไม่กล้าโหลดใต้ท้องเครื่องบิน มากนักก็แบกอานละซี





ยังมีคนติดใจแสงไฟยามค่ำ ชวนขึ้นไปปราสาทอีกรอบ ว่าไงว่าตามกัน ชอบอยู่แล้ว






































บังเอิญมาเที่ยวช่วงที่เขากำลังมีงานเทศกาลดนตรีพื้นเมืองกันพอดี





คืนนี้เป็นของวงนี้ เล่นได้สนุกสนานคึกคักมาก





โดยเฉพาะน้องสาว นักขลุ่ยคนนี้ เก่งจริงๆ





และหัวหน้าวง มือกีต้าร์คนกลาง สนุกจนอดขยับเท้าตามไปด้วยไม่ได้
หลายคนออกไปเต้นคล้องแขนสลับเท้าอยู่ข้างหน้า





เป็นหน้าม้า อองกอร์ๆ กับเค๊าด้วย เลิกแล้วเรียกออกมาอีก หลายรอบ จนที่สุดเฮียเค๊าบอกว่า ผมไม่มีเพลงจะเล่นแล้วคร๊าบ เหนื่อยแล้วคร๊าบ เจ็บมือไปหมดแล้วคร๊าบ ไปนอนกันได้แล้วนะคร๊าบ แล้ววิ่งหนีลงหลังเวทีหายไปเลย





จึงยอมเลิกรา กลับไปนอนก็ดี พรุ่งต้องตื่นแต่เช้า





ตื่นเช้าแล้วทำอะไร โรคคลั่งไคล้ปราสาทขึ้นสมอง ยังไม่วายขึ้นไปถ่ายรูปกันอีก





ไต่บันไดขึ้นไป





สว่างแล้ว





เห็นรายละเอียด





ชัดเจน มากขึ้น





เห็นที่หลงตาไปเมื่อยามค่ำ




เก็บตก





นี่คงเป็นรถม้าที่เคยใช้





แผนผังอาคาร





ลวดลายบนผนัง





บันทึกไว้ให้หมด





เก็บไว้ดูย้อนรำลึกถึง





ใช้เวลาน้อยนิดให้คุ้มค่า





เพราะชั่วชีวิตนี้อาจไม่ได้มาเยือนอีกเลย





จะได้ไม่เสียใจภายหลัง





ว่าอุส่าห์ดั้นด้นมาแล้ว





กลับปล่อยให้ผ่านไปเปล่า โดยไม่เห็นค่า






































หมดเวลาเอ้อระเหย วิ่งลงมาข้างล่าง เพื่อรวมกับชาวคณะ





มีการเรียกถ่ายรูปหมู่ รูปหมู่นั้นไม่น่าสนใจอะไร ดูลีลาตากล้องของเราดีกว่า






นี่โง่ค่ะ ไม่รู้ไปทำอะไรเข้านะ ตัวหนังสือเปลี่ยนสีไปแล้ว

ระหว่างเดินเล่น ได้ซื้อผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสมานิดหน่อย คล้ายโครเชท์ แต่ไม่ใช่น่ะ ต้องใช้เข็มหมุด
ปักไขว้เส้นด้ายไปมาเพื่อให้เกิดลาย ลองเดินหาอุปกรณ์และหนังสือ ว่าจะมาหัดทำชิ้นเล็กๆเล่น ไม่เห็นขาย แต่ไม่เจอก็ดี คงขยันไม่นาน

ที่ว่าซื้อนิดหน่อยนี้ น้อยจริงๆ เป็นผ้าปูโต๊ะ กับแผ่นรอง และ ถุงผ้า เพราะแต่ละผืนแพงขาดใจ
นำมาปูโต๊ะเครื่องแป้งธรรดาที่บ้าน ทำให้โต๊ะดูมีชาติตระกูลขึ้นมาทีเดียว





คุณยายคนขาย เห็นหน้าแล้วอยากเรียกคุณป้าจริงๆ แต่อายุเกิน 80 แล้ว ยังแจ่มอยู่เลย
ขอร้องว่าอย่าต่อเลย คนที่ทำเป็นคนแก่ อายุหลังเกษียนทั้งนั้น
แต่งานปรานีตมาก เมื่อคิดว่าสายตาคนแก่ไม่ค่อยดีทำได้ขนาดนี้

แล้วยัดเยียดให้แผ่นพับมาอ่าน
กลับมาอ่านบนรถ ไฮ้ คุณยายเป็นคนดังนี่นา รู้งี้ขอลายเซ็นแล้ว





เมื่อตอนต้นบอกว่า เมืองนี้ใหญ่ ให้ดูแผนที่ภาพทั้งเมือง





ส่วนที่เดินโต๋เต๋ แค่ตรงนี้เอง





ทางออกก่อนกลับ











หลายครั้งที่มีโอกาสไปเมืองต่างๆ สังเกตเห็นลวดลายฝาปิดท่อระบายน้ำ มีสัญญลักษณ์ของเมืองพร้อมชื่อ จึงเริ่มสะสมภาพเก็บไว้






ปราสาท Neuschwanstein


ที่เที่ยวต่อไปเป็นปราสาทที่สวยงาม ของกษัตริย์ Ludwig II





แล้วนี่ยังไงหนอ กลับมาเป็นตัวหนังสือสีดำอีกแล้ว

เขาว่าท่านเป็นกิ๊กกับคุณนักดนตรีว๊ากเนอร์
ท่านหลงไหลเทพนิยาย โปรดสีฟ้า และท่านเป็นคนโรแมนติคมาก

มีภาพสองภาพจากปกของแผ่นเสียงที่ซื้อกลับมา คิดว่าน่าจะเป็นองค์เดียวกัน (เพราะเขียนไว้ที่ปกชื่อเดียวกัน) แต่ภาพต่างวัย




ป้ายบอกทาง





มาถึงร้านอาหารเชิงเขาตรงนี้ ก่อนขึ้นไปชมปราสาท แวะทานข้าวกลางวันกัน





เป็นข้าวที่หุงแข็งร่วนมีกลิ่นเนยนิดหน่อยแบบฝรั่ง กับเนื้อสัตว์ชุบแป้งทอด แจกมะนาวให้บีบกันเลี่ยนอีกซีก เจ้าประคุณคิดสูตรได้แค่นี้เอง แต่ทานได้นะ เพราะว่าไม่ใช่คนที่ชอบอาหารรสจัดอยู่แล้ว

แต่หลายคนเรียกหาพริกน้ำปลา แม้แต่เจ้าปีเตอร์คนขับรถ ก็หลงรักพริกน้ำปลาของคณะทัวร์ไทยด้วย
ถ้าได้เติมพริกหน่อย เธอจะบอกว่า "อร่อยโคตรๆ" ไม่รู้โดนใครหลอกสอนให้พูด





ระหว่างรอเวลาขึ้นเขาเดินถ่ายรูปเล่น ตรงนี้เป็นโรงม้า








เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น สูบบุหรี่หลังอาหารอยู่ที่ร้าน พกกล่องไว้เก็บเถ้าบุหรี่ที่เขี่ยทิ้งด้วย





คนนี้ผู้หญิง น่ารักจริงเชียว





รถม้าที่พานักท่องเที่ยวขึ้นเขา แต่เราขึ้นรถบัสของเขาค่ะ เพราะกลุ่มใหญ่ ขืนนั่งรถม้าไม่รู้เมื่อไหร่จะครบคน





ถึงข้างบนแล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย แต่ทิวทัศน์สวย อากาศเย็นสบายกำลังดี และเบาโล่งจมูก ทำให้เดินไม่เหนื่อย





เดินขึ้นมาสักพักจะพบสะพานเชื่อมข้ามเขาสองลูก เมื่อก่อนเป็นไม้ ภายหลังเขาเสริมใหม่ทำเป็นโครงเหล็กให้แข็งแรงแล้ว และก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก








เข้าไปถ่ายรูปบนสะพาน





มองผ่านใบไม้ลงไปข้างล่าง





น้ำรินลงมาจากบนเขา





เป็นธารน้ำเล็กๆ





ทิวทัศน์ระดับสายตา





เห็นเทือก Alps อยู่ด้านหลัง





ปราสาทของกษัตริย์ สร้างอยู่บนเขา ใช้เวลาก่อสร้างนานประมาณเกือบสามสิบปี





เป็นภาพต้นแบบของหนังการ์ตูนหลายเรื่อง
(จิ๊กมาจากเนท ได้ภาพเล็กกระติ๊ด)




สวยไหม ปราสาทมุมนี้โดนถ่ายภาพเผยแพร่ออกไปมากที่สุด เพราะเห็นชัด และสวย ต้องชมคนที่ออกแบบ วางภาพรวม ว่าสายตาเยี่ยมจริงๆ





แล้วเดินต่อขึ้นไปเพื่อชมปราสาทจริง





เลียบไหล่เขาไปเรื่อยๆ








เดินไม่นานก็เห็นอาคารปราสาท อยู่ข้างหลัง ต้องใช้คำว่า "แมกไม้" เพราะ สวยแบบว่า นิท๊าน-นิทาน





ยุคโน้นคงนั่งรถม้ามา ค่อยๆเห็นปราสาทออกมาจากหลังต้นไม้ ซึ่งไม่รู้จงใจปลูกหรือเปล่า ทีละนิด
บอกแล้ว ต้องเติมจินตนาการ





ภาพชวนให้ฝันฟุ้ง











วังบนภูเขาไม่มีน้ำล้อมรอบเหมือนตอนดู ครุมลอฟ เลยไม่มีสะพานชักปิด เป็นประตูอย่างนี้แทน
พอรถม้าผ่านเข้าไปแล้วปิดประตู เหมือนเดินเข้าไปในฉากหนังเปี๊ยบ

หลังจากผ่านประตูเข้ามาแล้ว เป็นภาพภายนอกปราสาท ไม่บรรยายละ ให้ดูเรื่อยๆ




















มีนาฬิกาตรงทางเข้า และตัวนับจำนวนคน สำหรับแต่ละรอบที่เข้าชม








ตอนที่เดินขึ้นเขามาเมื่อกี้ แวะถ่ายรูปปราสาทบนสะพาน จำได้ไหม
นี่ละสะพานนั้นค่ะ สูงจากพื้นล่าง 40 เมตร พอเสียวไส้นิดๆ





หมดภาพเพียงนี้ เพราะห้ามถ่ายภาพด้านในแต่มีหนังสือขาย นี่เป็นเพดานทางเข้า

ด้านในเป็นพระราชวังที่ตกแต่งสวยอลังการ มีสัญญลักษณ์หงส์ของท่านประดับเกือบทุกแห่ง
ไม่กล้าแปะภาพจากหนังสือ เดี๋ยวโดนเค๊ามาเบ๊งเรียกค่าเสียหาย





ขาเข้ามีไกด์สาวสวย มาบรรยาย เดินพาชม ไปทีละห้อง ทีละชั้น
ขากลับให้เดินออกทางอุโมงค์คนรับใช้ต่ำต้อยอย่างนี้แหละ





ปิดทริปเมืองนี้ด้วยของฝากภาพนี้ ผลอะไรไม่รู้ เล็กเท่าปลายเล็บ ใบแหลมเล็กอุ้มน้ำ หน้าตาเหมือนใบปริก แต่ไม่ใช่ปริกแน่ เห็นที่ร้านอาหารข้างล่าง เข้าไปก้มๆถ่ายขยายภาพมา เห็นว่าน่ารักดี





เรื่องถัดไปเป็นเทศกาลเบียร์ค่ะ





 

Create Date : 02 มิถุนายน 2552
1 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2552 18:53:22 น.
Counter : 1728 Pageviews.

 

หาทางมา Czech เจอแล้วค่ะ

 

โดย: ลอร่า อิงกัลส์ ~* 20 สิงหาคม 2552 15:02:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


anthurium
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




anthurium



#ชื่อเล่น ป้อมป๋อมเปาะ ผักชีโรยหน้า น้ำปลาเหยาะ กะปิใส่หน่อย อร่อยเหาะ




# ชอบถ่ายภาพ(ซึ่งไม่เก่งซะที) รักสุนัข ท่องเที่ยว ดอกไม้ ชื่นชมธรรมชาติ

Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add anthurium's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.