รักในคีตกาล # อัยย์เนญ่า
สำนักพิมพ์คำต่อคำ
พิมพ์ครั้งที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗
จำนวนหน้า ๔๓๖ หน้า ราคา ๓๐๐ บาท
[ซื้อ 14 มิ.ย. 2557--- อ่าน 18 มิ.ย. 2557 ]
คำโปรย...
ชีวิตที่งดงาม สวยหรู เป็นสาวสังคมคนดัง
พลิกผันในชั่วข้ามคืนที่พระจันทร์เต็มดวงเหนือคฤหาสน์บ้านอภิรักษ์เกียรติกูล
เมลินดาไพริณ เป็นสาวสังคมสุดป๊อปซึ่งมีกลุ่มคนมากมายรู้จัก
ไม่ว่าจะเป็นเหล่าเซเลบ ดารา แม่บ้านร้านตลาด ประชาชนกว่าครึ่งค่อนประเทศ
แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากตื่นขึ้นมากลับพบว่ามีเมลินดาไพริณอีกคนมาแทนที่
ไม่มีแม้สักคนจดจำตนได้
ร้ายไปกว่านั้น โชคชะตายังกลั่นแกล้งให้ต้องไปอยู่กับ ธีทัต ผู้ชายแสนธรรมดา
ที่ไม่มีสิ่งใดตรงกับคำว่าชายในฝันของเมลินดาไพริณเลยสักนิด
แถมเขายังมีอาชีพเสริมเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิเก็บศพอีกต่างหาก!
จากสาวไฮโซเลิศหรู ต้องลดตัวลงมาอยู่กับผู้ชายบ้านๆ
แถมเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นปริศนา
จะมีอะไรหนักหนากว่านี้อีกไหม
เมลินดาไพริณอยากจะหายไปจากโลกให้รู้แล้วรู้รอด!
@@@@@@@@@@@@@@@@
เล่าเพิ่ม...
เมื่อ เมลินดาไพริณ สาวสวยไฮโซคนดังแห่งยุค ผู้เก่งกาจ
เป็นผู้บริหาร เจ้าของนิตยสารเฮอร์ ที่กำลังฮ็อตอยู่ขณะนี้
ตื่นมาในเช้าวันหนึ่ง แล้วพบว่า ใคร ๆในโลกนี้ต่างหลงลืมเธอ
แต่กลับมี เมลินดาไพริณอีกคนขึ้นมาแทนที่
ไม่ว่าจะหาทางพิสูจน์อย่างไร ก็ไม่มีใครจำเธอได้เลย
แม้แต่ตามหน้านิตยสารที่ควรจะเป็นรูปเธอ กลับกลายเป็นรูปของผู้หญิงอีกคน
ที่ได้รับการเรียกขานว่า เมลินดาไพริณ เช่นกัน
เหตุการณ์นี้ทำให้เธอกลายเป็นคนไม่มีบ้าน ซ้ำยังถูกมองว่าเป็นคนบ้า
เมื่อเข้าตาจน ไม่มีที่พึง เธอก็ได้พบกับ ชายหนุ่มจิตใจดี แต่ยากจน เข้ามาช่วยเหลือ
ธีทัต เกือบขับรถชนหญิงสาวสติไม่ดีคนหนึ่ง ที่เอาแต่พูดว่า
ตนคือเมลินดาไพริณ สาวไฮโซชื่อดัง ลูกสาวรัฐมนตรี
เมื่อเธอไม่มีสติพอจะบอกชื่อที่อยู่ของตัวเองได้
เขาจึงจำต้องพากลับมาดูแลที่บ้าน ... บ้านเล็กๆซอมซ่อของเขา
ที่เมลินดาไพริณ แน่ใจว่ามันคือสลัม
เรื่องนี้มีสามช่วง จากการแบ่งในใจของเราเอง ฮ่าฮ่า ...
ช่วงแรกคือช่วง ปลุกปลอบ ... เมลินดาไพริณ ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ต้องกลายเป็นคนไม่มีตัวตน จากเคยมีทุกอย่างกลายเป็นคนที่มีแต่ตัว
เคยมีพ่อ มีแม่นมที่รักใคร่คอยดูแล แต่กลับกลายเป็นไม่มีใครจำเธอได้
เป็นช่วงที่คนเขียนทำให้เรารู้สึกเวทนาเธอมาก
ขณะเดียวกันก็ค่อยๆเปิดตัวทางฝั่งพระเอกให้ได้เห็นถึงความเป็นคนดี
มีน้ำใจ มีความคิดดี แม้จะไม่ได้มีอาชีพหรือฐานะดี
ก็สามารถเป็นผู้ให้และทำประโยชน์แก่สังคมได้เท่าที่มีกำลัง
เป็นชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่คนอย่างเมลินดาไพริณไม่เคยมองเห็น
และธีทัตนี่เอง ที่เป็นคนเตือนสติ ให้เมลินดาไพริณ ลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง
แม้เขาจะยังคิดว่าเธอสติไม่ดีอยู่ก็ตาม
ฉันเข้าใจนะว่าเธอช็อก แต่...ทำไมล่ะ...เมลินดาไพริณเป็นผู้หญิงที่มีดีแค่เปลือกเหรอ พอสูญเสียทุกอย่างที่เคยมี ชีวิตถึงเจอแต่ทางตัน
เป็นฉันนะ...ถ้าเคยรวย เคยเก่งขนาดนั้น จะยิ่งผลักดันตัวเองออกจากจุดนี้ ให้รู้กันไปสิว่าพอไม่มีอภิสิทธิเดิมๆ แล้วจะใช้ชีวิตอยู่ต่อบนโลกไม่ได้
ช่วงที่สองเป็นช่วงปรับตัว... ศิลาจันทร์ ชื่อใหม่ที่ธีทัตตั้งให้เธอ
เมื่อเมลินดาไพริณทำใจได้ ว่าคงไม่ได้กลับไปเหมือนเดิม
ก็เริ่มมองหาทางทำให้ตัวเองอยู่ได้
ระหว่างนี้เธออยู่ร่วมบ้านกับธีทัต และพี่เป็ด ซึ่งเป็นสาวประเภทสอง
แม้พยายามปรับตัว แต่ก็ยังลำบาก เพราะไม่เคยทำอะไรเองเลย
เรียกว่าต้องปรับกันใหม่ตั้งแต่ทัศนคติ ธีทัตสอนให้เธอรู้จักความมีน้ำใจ
การสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน การเรียนรู้ที่จะพึ่งพาอาศัยกัน ยอมก้มหัว ลดทิฐิ หลายอย่างที่เขาสอน ทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง
จากเคยเป็นคนเอาแต่ใจตัว ไม่เคยมองเห็นความสำคัญของคนอื่น
ไม่เคยคิดถึงการเสียสละอย่างแท้จริง ก็เริ่มมีสิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น
เธอได้งานทำในบริษัทของ กฤติน -- คนรักเก่าของเมลินดาไพริณ
ที่ถูกเธอบอกเลิก เพราะเขาขอเธอแต่งงาน ในขณะที่เธอคิดได้ว่าเธอไม่ได้รักเขา -- ครั้งนี้เขาจำเธอไม่ได้ แต่ศิลาจันทร์ ก็คิดจะลองใกล้ชิดเขาอีกครั้ง
เพื่อให้ชีวิตของเธอดีขึ้น และช่วยให้เขาลืมความเจ็บปวดจากเมลินดาไพริณคนเดิม
แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ต้องสะดุดลง เมื่อ ธีทัตมีปัญหา
และศิลาจันทร์ต้องเข้าไปช่วยเหลือดูแล ไม่สามารถปล่อยมือทิ้งเขาไว้ได้
เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาเปลี่ยนจากเพื่อน เป็น คนสำคัญ
ช่วงนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้เห็นว่าเมลินดาไพริณเปลี่ยนแปลงตัวเองสำเร็จ กลายเป็นศิลาจันทร์ พยายามผลักดันตัวเองให้ดีขึ้น และค่อยๆ แสดงให้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ของเธอกับธีทัต มีมุมหวาน เล็กๆ ซ่อนอยู่
ช่วงที่สาม กลับคืน ...ช่วงนี้ไม่เล่านะคะ แต่เป็นช่วงที่เรียกว่าจัดเต็ม
มีทั้งรัก ทั้งแค้น กลิ่นโชยมาหน่อยๆ แต่ก็สร้างสีสันได้มาก
จากใจ...
ชอบมากค่ะ ความรู้สึกที่สัมผัสได้ตั้งแต่แรกคือ สำนวนผู้เขียนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น จขบ.เพิ่งเคยอ่านงานของอัยย์เนญ่าเล่มแรก ก็ติดใจซะแล้วค่ะ
ทุกบททุกตอนของเรื่องนี้ ผู้เขียนแทรกข้อความดีดี
ที่อ่านแล้วซึมซับได้อย่างอิ่มใจ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต
การให้แม้เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แก่ผู้อื่น ไปถึงการให้ที่ยิ่งใหญ่นั้นคือการให้อภัย
เป็นนิยายรักอบอุ่น ที่อ่านแล้วอิ่มจริง ๆ ค่ะ
(ป.ล. อยากรู้จักคนเขียนคำนำสำนักพิมพ์จริงๆ ค่ะ เขียนคำนำได้มีสีสันมากค่ะ อ่านแค่คำนำ ก็ทำให้อยากเปิดหน้าถัดไปใจจะขาด)
เห็นครั้งแรกเฉย ๆ ค่ะ แต่พออ่านรีวิวคุณ polyj แล้วน่าสนใจแฮะ
ลึกซึ้งหลายมุม น่าเจาะประเด็น 555