14 - Thailand F.A. Cap เอฟ.เอ.คัพ ไทย ฟื้นคืนชีพ หลังงดไป 10 ปี
สมาคมฟุตบอลฯ มูลนิธิไทยคม, กกท. และสยามสปอร์ต รวมพลังปลุกชีพฟุตบอลน็อกเอาท์ระดับประเทศ โดยใช้ชื่อ มูลนิธิไทยคม เอฟ.เอ.คัพ 2009 หลังไม่มีการฟาดแข้งรายการนี้มานานกว่า 10 ปี โดยในครั้งนี้ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท เริ่มแข่งรอบแรก 27-28 มิ.ย. และ 4-5 ก.ค.นี้ ก่อนที่จะชิงชนะเลิศกันในวันที่ 21 ต.ค. ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทีมชนะเลิศได้สิทธิ์ตัวแทนเล่นฟุตบอล เอเอฟซี คัพ ฤดูกาลหน้าทันที
เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ รร.เรดิสัน ได้มีการจัดงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอล มูลนิธิไทยคม เอฟ.เอ.คัพ 2009 โดยมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และนายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว โดยมีรายละเอียดดังนี้
มูลนิธิไทยคม เอฟ.เอ.คัพ 2009 เปิดรับสมัครทีมจากดิวิชั่น 2 ถ้วย ข,ค,ง, ในระหว่างวันที่ 15-20 มิ.ย. ที่สมาคมฟุตบอลฯ กำหนดเปิดสนามฟาดแข้งรอบแรก 27-28 มิ.ย. และ 4-5 ก.ค. ที่สนามจุฬาฯ และที่สนามหนองจอก โดยเบื้องต้นมูลนิธิไทยคมได้สนับสนุนเงินในการดำเนินงานรวมทั้งเงินรางวัล เป็นจำนวน 3 ล้านบาท นอกจากนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย ก็จะให้เงินสนับสนุนฟุตบอลรายการนี้อีก 3 ล้านบาทด้วย ซึ่งทีมชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท พร้อมเป็นตัวแทนไปแข่งฟุตบอล เอเอฟซี คัพ ในฤดูกาลหน้าทันที รองชนะเลิศได้เงินรางวัล 5 แสนบาท พร้อมกันนั้น ยังมีเงินรางวัลในแต่ละรอบของการแข่งขันมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท สำหรับทีมที่เข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 16 ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก,16ทีม จากดิวิชั่น1 และเปิดรับสมัครจากดิวิชั่น 2 ถ้วย ข,ค, และ ง, อีก 32 ทีม
ในการแข่งขันรอบคัดเลือกรอบแรก จะทำการจับสลากประกบคู่ 32 ทีมจาก ดิวิชั่น 2 ถ้วย ข,ค, และ ง ทำการแข่งขันกันในวันที่ 27-28 มิ.ย. และ 4-5 ก.ค. ที่สนามจุฬาฯ และที่สนามหนองจอก จากนั้นในรอบ 2 ผู้ชนะ 16 ทีมจะผ่านเข้ามาเล่นกับ 16 ทีมจากดิวิชั่น1 โดยแข่งขันกันในระหว่างวันที่ 11-19 ก.ค. ในรอบ 3 แข่งขันระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-26 ส.ค. ประกอบด้วย 16 ทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก รวมกับ 16 ทีมที่ผ่านจากรอบ 2 ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย แข่งขันในวันที่ 2-23 ก.ย. รอบ 8 ทีมแข่งวันที่ 30 ก.ย. รอบรองชนะเลิศวันที่ 14 ต.ค. โดยในรอบที่ 2 ถึงรอบรองชนะเลิศ จะใช้สนามเจ้าบ้านที่มีชื่อแรกนำหน้า หากทีมเจ้าบ้านไม่พร้อมจะหาสนามแข่งขันแทน หรือไปทำการแข่งขันที่สนามของทีมเยือน และรอบชิงชนะเลิศจะฟาดแข้งกันในวันที่ 21 ต.ค. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ด้าน บังยี วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้จะสร้างความสนุกสนานให้กับแฟนบอลทั่ว ประเทศอย่างแน่นอน เพราะเป็นฟุตบอลที่เล่นแบบน็อกเอาท์ ทุกทีมสามารถแพ้หรือชนะได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทีมระดับชั้นนำหรือไม่ โดยทีมที่คว้าแชมป์จะได้เป็นตัวแทนไปแข่งฟุตบอล เอเอฟซี คัพ ในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในฤดูกาลหน้าทันที ฟุตบอลรายการนี้กลับมาจัดการแข่งขันได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากครั้งสุดท้าย เมื่อปี 2542 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือ และช่วยกันสนันสนุนจนสามารถจัดการแข่งขันขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง
credit: //www.thairath.co.th/content/sport/12496 โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 มิถุนายน 2552, 20:35 น.
Create Date : 20 กันยายน 2552 |
Last Update : 20 กันยายน 2552 20:43:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1326 Pageviews. |
|
|
|
|
|